ทำไมพระเจ้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อยจัง ผมจะอธิบายเรื่องพระเจ้าจริงๆให้ฟัง

เป็นไรมากป่าวลุง นี้ห้องวิทย์ ถ้าจะถกเรื่องพระพุทธเจ้า ไปห้องพระพุทธศาสนา

เเล้ว ลุงขันธ์ก็ไม่ต้องมีคนมายกหางแก่หรอก เเก่เก่งของเเก่

พวกเอาคำพระพุทธศาสนามาเป็นโล่ เพราะ รู้ว่า สมองสู้คนอื่นไม่ได้

รู้จริงก็อย่าเอา ศาสนามาเกี่ยว เพราะมันน่าสมเพช

 

บางคนอุส่าจับจองจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว ก็ยังกินไม่เป็น
พวกเด็กข้างวัดเขาไปถึงไหนแล้ว ก็ยังกอดลิขสิทธิ์อยู่นั่น
ธรรมะของกู ความรู้ของกูเท่านั้นถูกต้อง พระพุทธเจ้าของกูเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิด
เห็นแต่กิเลสมันแสดงตัว ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น (หรือว่าเราคิดไปเองหว่า)
คุยกับเด็กทำครัว ยังได้ความรู้มาประดับตัวมากกว่าคุยกะท่านขันธ์เลย ขอบอก
มาบอกความรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มาโต้

 

คุณขันต์ เข้าใจอะไรผิดเหรือเปล่า
พระเจ้าที่ พูดถึงไม่ใช่พระเจ้า ในนิยายปรัมปราในศาสนาเลยนะครับ

พระเจ้าในศาสนาที่กล่าวเป็นอะไรที่งมงายและบิดเบือนมาก
คุณขันต์เป็นคนใจแคบหรือเปล่าครับนี่
ผมก็อยากฟังธรรมมะจากคุณขันต์นะครับ
แต่ขออะไรที่เป็นภาษาธรรมดาไม่ต้องเป็นภาษาในคัมภีร์ได้ไหม
คุณขันต์เป็นพวกเคร่งวิชาการหรือเปล่า
หรือทุกสิ่งที่คุณขันต์พูดมาคือสิ่งที่รู้แล้ว

ผมอยากถามคุณขันต์ ว่า สรรพสิ่งเกิดมาเพื่ออะไร
แล้วคุณขันต์เกิดมาเพื่ออะไร ผมเคยได้ยินว่า "กรรม"

อธิบาย "กรรม" ให้ผมฟังหน่อย อยากรู้จริงๆนะนี่

งืมมม
ความรู้ที่ผมมี ผมได้มาจากสิ่งที่มันผุดมาจาก จินตนาการ
เข้ามาในหัวผมนี่ ผมรู้ได้ว่าสิ่งไหนคือความรู้ที่เป็นความจริง

ความรู้คือสิ่งเดี๋ยวที่มีในสากล

 

นี่แหละครับ พวก ill ฉลาดเกิน
ที่เรียกว่า ฉลาดเกิน ก็เพราะว่า มันเกินกำลัง สติ เกินกำลังศีล กำลังสมาธิ ที่ตนมี
เหมือนเด็กดื้อ

ทีนี้ พอไม่มีสติเข้ามาคุม ไม่มีสมาธิเข้ามาคุม มันเลยฟุ้งซ่าน แล้วจะเอาความฟุ้งซ่านไปหาคำตอบชีวิต จะได้หรือ 1+1 ได้เท่าไรยังต้องนับนิ้ว นี่จะกระโดดไป คูณ ไปหาร

นี่แหละ จะกระโดดไปไกล ต้องฝึก สติ สมาธิ ให้ดีกันให้มาก

 

ปัดโธ่ นี่อีกคน เพิ่งจะบอกไปว่า สติยังไม่มี คิดจะกระโดดไปเรื่องกรรม

กรรมวิสัย นี่เป็น อจินไตย โลกีวิัสัยเป็น อจินไตย เพราะว่า มนุษย์ ยังเขลาอยู่มาก

เอาแค่ พรุ่งนี้จะกินอะไร ยังนึกไม่ออก ริอาจจะมาถามเรื่องกรรม

 

เอาแบบนี้ ท้าเฉพาะพวกเพ้อเจ้อเรื่อง พระเจ้า มาถกกัน
ใครนับถือ พระเจ้า มาได้เลย ทุกคน

 

ผมว่ามันเป็นเสรีภาพ ทางจิตใจนะ ในการที่คนคนนึงจะนับถือ

เชื่อในสิ่งๆหนึ่งสิ่งใด หรือ ที่เรียกกันว่า ศาสนา (คำเนี่ย ทำให้คนทะเลาะกนเท่าไรแล้ว)

ยังงัยก็ปล่อยให้เป็นอิสระของแต่ล่ะคนเถอะครับ อีกอย่า อินเตอร์เน็ตก็เสรี ใครจะโพสจะ

อะไร ก็เป็นสิทธิของเขา

ผมอ่านหลายรอบแต่ไม่อยากจะโพสเลย ขอโทษด้วยครับ ...

 

อย่าหาว่าลบหลู่นะแต่ควาคิดผม คนในกระทู้นี้โง่ทุกคนอะ

 

เอ้า คุณ ก็ถ้าเช่นนั้น แล้ว มันก็สิืทธิของผมด้วยไม่ใช่ หรือ ท่านเทวดามิคาเอล

 

โอเค อจินไตย คือ คำตอบของการให้เราหยุดคิด

ใครที่จินตนาการมากกรุณาเจริญสติให้ดี

เพราะคุณกำลังก้าวมาสู่เขต อจินไตยเสียเเล้ว

ความรู้สึก กับคำว่า อจินไตย เหมือนกับว่ากำลังเดินทางสำรวจโลก

เเล้วอยู่ๆก็เจอน้ำทะเล มีคนบอกให้หันหลังกลับ ถ้าเดินต่อก็มีเเต่ จมน้ำตายเปล่า

 

ใครจะนับถือศาสนาไหน ไม่มีใครห้าม แต่ ให้ไตร่ตรอง เพราะชีวิตเรามีหนึ่งชาตินี่ มีโอกาสไม่มาก ที่จะเข้าถึง ความจริง อันจะพาตัวเองให้รอด

ศาสนาคริสต์ เขาก็บอกว่า เขาพาไปรอด
ศาสนาพราหมณ์ เขาก็ว่า เขาพาไปรอด

แต่ทั้งสองทางนั้น เปรียบคนปิดตา แล้วจูงออกจากที่มืด
ทั้งนี้ เพราะไม่มีพยาน ไม่มีเหตุผล ไม่มีขั้นตอนที่ชัดเจน

มีแต่ให้ทำ ตามกันไป พึ่งตนเองไม่ได้

ในศาสนาพุทธนั้น มีพยาน บุคคล 8 จำพวก ที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ไม่มีผิดเพี้ยนกัน
ว่า จะต้องเจออะไรจนถึง ที่สุด จุดหมายปลายทาง ไม่ผิดกับศาสดา

แต่ ศาสนาอื่น ไม่มีใครเป็นพยานให้ใคร นอกจากความเชื่อ ที่ไม่ได้เห็นเองกันจริง

 

ถูกแล้วครับ

 

มีอาจอย จะคิดก็คิดไปสิ แต่เคยถามตัวเองไหมว่า คิดไปถูกทางหรือเปล่า คิดไปแล้วได้ประโยชน์หรือเปล่า หรือว่า เป็นเพียงการเสพ ความคิด

 

มันคือ ความสงสัย ที่เป็นอิสระจากความรู้เเละความทรงจำ

ก็ไม่ได้ไปกำหนด อยากคิด ก็คิดไปเรื่อยๆ

เพราะไม่ใช่จำพวกหยุดคิดไม่ได้

สันโดษรู้จักตัวเอง ว่าเป็นคนชอบ คิดๆๆๆๆ เดี๋ยวเบื่อก็เลิกคิดไปเอง

ส่วนคนอื่นไม่รู้ เพราะไม่ได้เกี่ยวกัน

 

ประโยชน์ของการคิดมาก คือ ไม่มีอะไรทำให้เรารู้สึกถูกพันธนาการอีกต่อไป

ไม่มีอะไรจริง ไม่มีอะไรถ่องเเท้ ไม่มีอะไรเเน่นอน เเม้เเต่ความคิดก็หยุดเมื่อเราเบื่อหน่ายกับการจินตนาการที่มากเกิน

 

ตามธรรมดา คนเราสงสัย ก็จะหาคำตอบ แต่เราถูกบังด้วย

1 สิ่งที่เราศึกษามา บอกว่าอย่างไร เราก็คิดว่าเราทราบข้อเท็จจริงบริบูรณ์แล้ว

2 สังคม เขาทำอย่างไร เราก็คิดว่า สังคมเขาเป็นแบบนั้นดีแล้ว

2 อย่างนี้ ทำให้เราไม่เห็น ความจริง ยิ่งๆ ขึ้นไป เราสงสัยว่าเรามาอย่างไร

เราก็จะไม่มีทางเข้าใจได้ ถ้าเรายังไม่เข้าใจเรื่องจิต

เราสงสัยว่า เราจะไปข้างหน้าอย่างไร เราก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ ถ้าเรายังไม่เข้าใจเรื่องจิต

ทั้งนี้ เราเกิดมา มีสติรู้ตัวได้ ก็เริ่มโตแล้ว ก่อนหน้านี้ เป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครรู้

แต่ หากว่าใครมาศึกษาทางพุทธ อย่างถึงจุดแล้วย่อมรู้

ใครอยากเรียน อยากรู้ ให้ไปฝึก สติ กับสมาธิ ให้ดี

ตรงนั้นแหละ จะเป็นประตู ไปสู่ มิติ ที่เหนือโลก แต่ ต้องหัดให้ดี อย่าข้ามขั้น

เพราะว่า จิตนี้ มีพลังมาก แค่เราจะคุมให้มัน ทำตามที่เราต้องการ ง่าย ๆเรายังคุมไม่ได้ เพราะมันมี แรงตัณหาบ้าง แรงความอยาก มาเปลี่ยนทิศทางเราได้

จึงต้อง ฝึก สติ ให้ดี แล้ว ต้องศึกษากันอย่างจริงจัง

จะ มองเห็น นรก สวรรค์ เทวโลก พรหมโลก ได้จริง ตามกำลังบารมี ที่เราสะสมไว้

วันนี้ ขอบายก่อน

 

คนเรามันจะห้ามความคิดกันไม่ได้หรอกนะ

แล้วอีกอย่างทุกคนมีเหตุผลเสมอ ที่จะคิดโน่นคิดนี่ คุณอย่าเอาตัวคุณมาติดสินความคิดคนอื่นสิ คุณขันธ์

เห็นแต่คุณเอาตำรา เอา สิ่งที่คนอื่น รู้มาบังหน้าอย่างเดียว

ตำราก็แค่สิ่งที่คนอื่นเขารู้กัน แล้วบันทึกไว้ เพื่อเป็นหลักฐานเอง

การทดลองไม่ได้จะต้องมีผล เหมือนกันตลอดนะคุณ ฯฯ

จิตใจใครต่อใคร คุณจะให้เขาคุมกันไม่ได้หรอก นอกจากจะให้รู้ตัวเองนะ ว่าเขามีสติ กับสิ่งที่เจอหรือเปล่า

อ่านะ.......................................................................................

 

ต้องมีอภิญญาสินะ ถึงจะเข้าใจ เข้าใจยากนะพุทธนี่ ต้องปฎิบัติเท่านั้นจินะ คนมีความรู้เขาตอบกันแบบตัดรอนเลยเน้อะ

 

คนฟังคนอ่าน จะตัดสินตนเอง ถ้าเขามีเหตุผล ไม่เพียงพอ

ดูให้ดีนะ คนอ่านตัดสินตนเองว่า ถูกตัดสิน เพราะเขาไม่มีเหตุผลเพียงพอ

หรือ ว่า นายขันธ์ กำลังตัดสินคนอื่น

ใครจะทำอะไร ถ้ามีเหตุผลดีพอ ทำไมจะต้องกลัวเสียงตำหนิ แต่ว่า ถ้ามันไม่ดีพอนะสิ มันจึงต้องคอยระวังเสียงตำหนิ

ไม่มีใครตัดสินใครได้หรอก ถ้าหากว่า สิ่งนั้นมันตรง มันจริง

แต่ถ้ามันไม่ตรงและ ไม่จริง มันย่อมถูกตัดสินได้

 

ไม่ต้องมีอภิญญา ก็เข้าใจได้ แต่ เราจะเอาคำตอบทั้งชีวิต คุณจะเอาง่ายๆ แบบปลอกกล้วยหรือไง ขนาดขายขนมครก ยังต้องมีสูตร

นี่จะศึกษาชีวิต จะเอาลวกๆ พิลึกคนนะนี่