ร่วมบุญสร้างตู้พระธาตุ และ ร่วมส่งพระธาตุเพื่อมาประดิษฐาน ณ วัดมิ่งเมือง จ.เชียงราย

ขอเชิญร่วมบุญสร้างตู้พระธาตุ และ ร่วมส่งพระธาตุเพื่อมาประดิษฐาน ณ วัดมิ่งเมือง จ.เชียงราย



สวัสดีครับญาติธรรมทุกท่าน ผมมาในตัวแทนของ กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จ.เชียงราย เนื่องด้วยทางกลุ่มได้ดำเนินงานในเรื่องของการประดิษฐานเหรียญทำน้ำมนต์ตามบ่อน้ำ และ สถานที่ต่างๆ พร้อมๆไปกับการนำ พระบรมสารีริกธาตุ ถวายตามวัดต่างๆในจังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นสิ่งสักการะมงคลแก่มนุษย์ และ เทวดา และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องเขตคามสีมาจากภัยในอนาคต และ เพื่อเป็นสิ่งเจริญศรัทธาแก่ญาติโยมพุทธบริษัทในบริเวณนั้นๆ ที่มีกำลังใจยึดมั่นใน พระไตรสรณ์คมณ์ ได้กราบไหว้บูชา เป็นการสร้างกุศลให้เกิดในจิตของผู้กราบไหว้สักการะบูชา

มาตอนนี้ทางกลุ่มได้เล็งเห็นว่างานเรื่องพระธาตุเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้ในการสร้างคนให้เป็นพระ (ทำใจให้เป็นบุญ) จึงคิดที่จะรวบรวมพระธาตุต่างๆ ทั้ง พระบรมสารีริกธาตุ, พระอรหันต์ธาตุ, พระปัจเจกธาตุ และ พระอริยองค์ต่างๆในยุคปัจจุบัน อัญเชิญประดิษฐานไว้ในที่อันสมควร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในการสักการะบูชา

ซึ่งแม้บางครั้งจะมี พระและฆราวาสบางท่าน ปรามาศ และ มีวิจิกิจฉา ในเรื่องของพระธาตุบ้างพอสมควร แต่ทางกลุ่มก็เล็งเห็นว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะผู้ที่มาเข้าวัดทำบุญนั้น ใจเป็นกุศลมากกว่าอกุศลอยู่แล้ว หากได้มาพบมากราบไหว้บูชาสิ่งมงคลแทนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แลพระอรหันต์ต่างๆแล้ว อาจจะเกิดปิติ ตั้งใจปฎิบัติธรรมได้ ซึ่งในจุดนี้ทางกลุ่มก็ได้ปรึกษากับ หลวงพ่อสมบูรณ์ สุขวัฒโน วัดป่าปฐมพุทธาราม แล้วว่าในเรื่องของโครงการนี้ แม้จะมีคนปรามาศ แต่การสร้างสมบุญกุศลย่อมมีอุปสรรค และการทำการงานใหญ่บางครั้งต้องอุเบกขาในเรื่องที่ถูกตำหนิ ติเตียนบ้าง คิดซะว่า

"เราทำเพื่อพระศาสนา ใครไม่สนใจจะปรามาศก็เรื่องของเขา เพียงแค่เขาคิดตำหนิ ติเตียน บาปก็เกิดขึ้นในใจเขาแล้ว"

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เนื่องที่ว่า จังหวัดเชียงราย นั้นเท่าที่ผมแลหมู่คณะทราบ วัดต่างๆส่วนมากจะมีพระธาตุเจดีย์ประดิษฐานอยู่หลายวัด แต่วัดที่มี พระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันต์ธาตุ ประดิษฐานให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชานั้นยังมีน้อยนัก ส่วนใหญ่ก็จะมีเล็กๆน้อยๆ ถ้าจะมีเยอะๆก็มีที่ วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย และ วัดพระธาตุหมอกมุงเมือง อ.พญาเม็งราย ซึ่งทั้งสองวัดต่างก็อยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร เป็นการยากในการเดินทางไปถึงของญาติธรรม และในตัวเมืองก็ไม่ได้มีการจัดตั้งศูนย์พระธาตุอย่างเป็นจริงจัง

ทางกลุ่มจึงมีความคิดที่จะเสาะหาสถานที่ๆพึงจะประดิษฐานพระธาตุในตัวอำเภอเมือง เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าถึง และ เหมาะสมในการประดิษฐาน และก็เหมือนพระท่านดลใจ ให้หนึ่งในกลุ่มของเราได้ไปทำบุญถวายพระธาตุที่ วัดมิ่งเมือง ซึ่งเป็นวัดในใจกลางเมืองพอดี และได้เกริ่นถึงรายละเอียดเรื่องนี้แก่ท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านก็บอกว่าหากทางกลุ่มเห็นว่าที่วัดนี้เหมาะแก่การประดิษฐานพระธาตุแล้ว ท่านก็ไม่ขัดข้องและยินดีให้ใช้สถานที่ในพระวิหารประดิษฐานพระธาตุต่างๆได้ ยังผลให้ทางกลุ่มปิติยินดียิ่งนัก.

ทางกลุ่มตอนนี้ก็กำลังปรึกษาหารือในส่วนของ ตู้ประดิษฐานพระธาตุ ที่จะนำมาตั้งในวิหารของวัดอยู่ แต่ว่าติดที่ตอนนี้หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปอัญเชิญพระไตรปิฎกฉบับนานาชาติ ทางกลุ่มเลยยังตัดสินใจในเรื่องของจุดที่จะประดิษฐาน และ ตู้ที่จะประดิษฐานไม่ได้ แต่ก็ขอตั้งกระทู้เพื่อบอกบุญแก่ญาติธรรมที่ตั้งใจและมีจิตศรัทธาอยากจะสร้างกุศลในดินแดนล้านนาเหนือสุดในสยามกับโครงการรวบรวมพระธาตุของทางกลุ่มในครั้งนี้ จึงขอเชิญญาติธรรมทุกท่านที่สนใจสามารถส่ง พระบรมสารีริกธาตุ, พระปัจเจกธาตุ, พระอรหันต์ธาตุ ทั้งของยุคพุทธกาล และ ยุคปัจจุบัน และ อัฐิธาตุ, เกศา, จีวร ของ พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอริยต่างๆในยุคปัจจุบัน สามารถส่งมาร่วมบุญกับทางกลุ่มได้ที่

เธียรวิชญ์ ดู่คำ
181 หมู่15 ต.บ้านดู่
อ.เมือง จ.เชียงราย 57100


ซึ่งหลังจากได้รับแล้ว ผมจะมาแจ้งให้ทราบในกระทู้นี้ และอัพเดทโครงการนี้ไปเรื่อยๆ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศลในโครงการบุญครั้งนี้ทั้งหมดทั้งมวลครับ กุศลใดที่พึงบังเกิดในโครงการนี้ขอให้ถึงแก่ทุกผู้ทุกนามทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุเทอญ -/\-

______________________________________________________~*

บัญชีร่วมบุญ ร่วมสร้างตู้พระธาตุ และ ผอบประดิษฐานพระธาตุ วัดมิ่งเมือง

ทางพวกเราได้ให้ช่างมาวัดขนาดของตู้ที่จะประดิษฐานและราคาแล้วครับ
โดยทางเราจะทำตู้ถวาย 2 ใบ ใบละ 4,900 บาท และติดไฟดาวไลท์ในตู้ ตู้ละ 4 ดวง 1,500 บาท รวม 11,300 บาท ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญกันครับ

ธนาคารกรุงไทย
ออมทรัพย์
สาขาตลาดบ้านดู่ (เชียงราย)
เลขบัญชี 842-0-00543-6
นาย เธียรวิชญ์ ดู่คำ

อัพเดทล่าสุด 23/01/2553



วันนี้ผมมีอะไรมาอัพเดทกันเพิ่มเติมครับ วันนี้ผมได้นับยอดเงินบริจาคร่วมบุญจากทางฝั่งผมที่ จว.เชียงราย ทั้งจากทางเพื่อนนักศึกษา และญาติธรรมที่ต้องการให้โครงการตู้พระธาตุนี้สำเร็จได้ทยอยกันร่วมบุญมาคนละเล็กละน้อยตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว วันนี้มานับยอดทั้งหมดครับยอดทั้งหมดที่นับได้ตอนนี้คือ

5,169.25 บาท

รวมกับยอดที่ในบัญชีเรามีอยู่คือ 5478.06 บาท

รวมทั้งสองยอดตอนนี้มีปัจจัยในโครงการทั้งหมดจำนวน 10,647.31 บาท

ถือว่าตอนนี้เราได้ปัจจัยที่สามารถปลดเรื่องของตู้พระธาตุที่เราค้างไว้ได้จนครบจำนวน จนเป็นไทแล้วครับ น่ายินดียิ่งนัก

แต่ว่าถ้าหักปัจจัยที่เราจะต้องจ่ายเพื่อชำระหนี้ตู้แล้วเราจะเหลือปัจจัยอยู่ 3847.31 บาท (10,647.31 - 6,800) ซึ่งปัจจัยที่เหลือนี้เราจะทำการซื้อผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม ปิดทองอย่างสวยงาม เพื่อให้สมพระเกียรติท่าน แต่ราคาเท่าที่สืบมาจากทางกรุงเทพรายงานมาว่าก็ประมาณ 3,000 - 4,000 แล้ว เราอาจจะได้ผอบบรรจุพระธาตุสมเด็จองค์ปฐมแล้ว แต่เรายังขาดผอบเล็กเพื่อจะบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ธาตุต่างๆอีกมาก จึงมาแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าโครงการของเรายังไม่จบง่ายๆ ทุกท่านสามารถร่วมบุญกันมาคนละเล็กละน้อยเพื่อให้โครงการนี้สมบูรณ์ได้ครับ

สุดท้ายขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ ผลบุญใดที่บังเกิดจากโครงการบุญนี้ ขอจงส่งผลถึงทุกท่านที่ได้ร่วมบุญ และสรรพสัตว์ทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุเทอญ.

ใกล้จะครบแล้วครับสำหรับโครงการถวายตู้พระธาตุของพวกเราครับ อีกไม่เกินเอื้อมแล้วครับ ซึ่งหลังจากได้ตู้แล้วก็ยังมีเรื่องของการซื้อผอบ เพื่อใส่พระธาตุอีกครับ สามารถร่วมบุญกันเข้ามาได้เรื่อยๆครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

พระธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ ท่านเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง มีไว้บูชา ณ ปัจจุบันครับ ซึ่งทั้งหมดท่านก็จะนำเข้าตู้พระธาตุที่เรากำลังจัดสร้างกันครับ มาอัพเดทไว้ก่อนเป็นข้อมูลครับผม



เกศาธาตุ

1.เกศาธาตุ - สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร จ.กทม
2.เกศาธาตุ - หลวงปู่ทา จารุธัมโม วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา
3.เกศาธาตุ - หลวงปู่ปั่น สุจิณโณ วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ จ.กทม
4.เกศาธาตุ - หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร
5.เกศาธาตุ - หลวงปู่ถิร ฐิตธัมโม วัดป่าบ้านจิก จ.อุดรธานี
6.เกศาธาตุ - หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร
7.เกศาธาตุ - พระเทพโมลี (สำรอง อุตตรนคร) วัดอโศการาม อ.เมือง จ. สมุทรปราการ
8.เกศาธาตุ - หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ จ.นนทบุรี
9.เกศาธาตุ - พระอาจารย์เปี๊ยก วัดฟ้าคราม จ.ปทุมธานี
10.เกศาธาตุ - หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินฺโน วัดป่าโสตถิผล สกลนคร
11.เกศาธาตุ - หลวงปู่ทอง วัดจักรพรรดิ (สามปลื้ม) จ.กทม
12.เกศาธาตุ - หลวงปู่หมุน อตฺตคุตฺโต วัดป่าแก้ววงสาวาส จ.สกลนคร

อัฐิธาตุ - อังคารธาตุ

1.อัฐิธาตุ - หลวงพ่อต่วน อินทปัญโญ วัดกล้วย จ.อยุธยา
2.อัฐิธาตุ - หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
3.อัฐิธาตุ - หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี
4.อัฐิธาตุ - หลวงปู่เทียม สิริปัญโญ วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
5.อัฐิธาตุ - สมเด็จพระมหามุณีวงศ์(สนั่น จันทปชฺโชโต) วัดนรนารถสุนทริการาม จ.กทม
6.อัฐิธาตุ - หลวงปู่จันทร์โสม กิตฺติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี
7.อัฐิธาตุ - หลวงปู่ทา จารุธัมโม วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา
8.อัฐิธาตุ - หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม วัดป่าสามัคคีธรรม จ.ร้อยเอ็ด
9.อัฐิธาตุ - หลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดเหวลึก จ.สกลนคร
10.อังคารธาตุ - หลวงปู่ทา จารุธัมโม วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา

อื่นๆ

1.เล็บ - หลวงปู่กอง จันทวังโส วัดสระมณฑล จ.อยุธยา
2.เล็บ - หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร


อัพเดทยอดรวมพระธาตุที่พวกเรารวบรวมมาได้ทั้งจากอินเตอร์เน็ตและจากญาติธรรมท่านอื่นๆ

ล่าสุด : 07/02/2553

พระบรมสารีริกธาตุ

1.พระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จองค์ปฐม
2.พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้า 4 พระองค์ (จากคุณโยมฝน)
3.พระบรมสารีริกธาตุ พระบุพโพธาตุ
4.พระบรมสารีริกธาตุ พระโลหิตธาตุ
5.พระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานต่างๆ (กำลังคัดและจะมาแจกแจงอีกที)

อื่นๆ

1.พระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า
2.พระธาตุพุทธนิมิต (แก้วจักรพรรดิ)
3.พระธาตุข้าวบิณฑ์

พระอรหันต์ธาตุยุคพุทธกาล

1.พระโมคคัลลานะ
2.พระสารีบุตร
3.พระสิวลี
4.พระโลหะนามะ
5.พระกาฬุทายี
6.พระอนุรุทธะ
7.พระควัมปิ
8.พระองคุลีมาล
9.พระอรหันต์ธาตุสัณฐานรวม (ไม่ทราบพระนาม)

พระธาตุครูบาอาจารย์ยุคปัจจุบัน

เกศา

1.เกศาหลวงปู่เจ๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม
2.เกศาหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื๊อ
3.เกศาหลวงพ่ออุตตะมะ (พระครูอุดมสิทธาจารย์) วัดวังก์วิเวการาม
4.เกศาครูบาศรีนวล ญาณสิริ วัดเจริญเมือง
5.เกศาครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน
6.เกศาหลวงปู่ภัททันตะ อาสภมหาเถร วัดมหาธาตุ
7.เกศาหลวงปู่หลอด หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนานิคม
8.เกศาหลวงปู่จันทา วัดเสมาท่าค้อ
9.เกศาหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน
10.เกศาหลวงปู่แสง ญาณวโร วัดป่าอรัญญวิเวก
11.เกศาครูบาสมยศ สิริจันโท วัดป่าเพิ่มพูน
12.เกศาครูบาอินตา กตปุญฺโญ วัดศาลา
13.เกศาาครูบาศรีวัย โพธิวํโส วัดหนองเงือก
14.เกศาหลวงปู่พรหม จันทสีโล วัดป่าโนนแพง
15.เกศาหลวงปู่ทอง จนฺทสิริ วัดอโศการาม
16.เกศาหลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม
17.เกศาหลวงพ่อเทพ ถาวโร วัดท่าแคนอก
18.เกศาหลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน
19.เกศาหลวงปู่อมร เขมจิตฺโต วัดป่าวิเวกธรรมชาน์
20.เกศาหลวงปู่กอง จันทวังโส วัดสระมณฑล
21.เกศาหลวงปู่หลวง กตปุญโญ สำนักสงฆ์คีรีสุบรรพต
22.เกศาครูบาสิทธิ อภิวัณโณ วัดปางต้นเดื่อ
23.เกศาหลวงพ่อเจริญ ญาณวุฑฺโฒ วัดถ้ำปากเปียง
24.เกศาพระญาณสิทธาจารย์ (ทองใส) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
25.เกศาหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร(ภูทอก)
26.เกศาหลวงพ่อสำลี สุทธิจิตโต วัดคูหาวารี จ.เลย

อัฐิ

1.อัฐิครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง
2.อัฐิหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
3.อัฐิครูบาคำแสน อินทจักโก (ครูบาคำแสนใหญ่) วัดสวนดอก
4.อัฐิหลวงปู่กุ่น จิรกุโล วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
5.อัฐิครูบาผัด ผุสฺสิตธมฺโม วัดศรีดอนมูล
6.อัฐิครูบาอิ่นแก้ว อนิญฺชโน วัดวาลุการาม
7.อัฐิครูบาคำ ขันติโก สุสานไตรลักษณ์ แม่วาง
8.อัฐิครูบาคำ ติสสะวณโณ วัดธรรมชัย
9.อัฐิครูบาอินสม สุมโน วัดทุ่งน้อย
10.อัฐิหลวงปู่หนู ถาวโร วัดพระสิงห์
11.อัฐิครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซ
12.อัฐิหลวงปู่คำฟอง มิตตภานี วัดศรีสะอาด
13.อัฐิหลวงปู่วัย จัตตาลโย วัดเขาเทพพนมยงค์

14.อัฐิหลวงปู่เข่ง โฆษธัมโม วัดป่าสีห์พนม%3

 

พระวิหารของวัดมิ่งเมือง สถานที่จะประดิษฐานพระธาตุต่างๆจากโครงการนี้









ประวัติความเป็นมาของวัด

วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่เลขที่ 196 ถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย (ภาค 6) สร้างขึ้นในรัชสมัย 'พ่อขุนเม็งรายมหาราช' เมื่อปี พศ.1605 บูรณะซ่อมแซมโดย มหาเทวีอุษาปายะโค ซึ่งเป็นมเหสีของ พ่อขุนเม็งรายมหาราช โดยพระองค์จะเสด็จมาที่วัดนี้ปีละ 2 ครั้ง คือ วันวิสาขบูชา และ วัดประเพณียี่เป็งของชาวล้านนา เพื่อทรงจุดผางประทีปบูชาพระเจดีย์ และได้ทรงนำพระอัฐิของพระมารดามาบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย

วัดมิ่งเมืองยังมีชื่อเรียกอีกว่า วัดช้างมูบ หรือ วัดช้างหมอบ ที่นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า ในคราวอัญเชิญ พระแก้วมรกต จากเชียงรายไปเชียงใหม่ ช้างทรงของพระแก้วได้หมอบคอยอยู่หน้า วัดมิ่งเมือง ซึ่งทำให้ชาวบ้านเรียกว่า วัดช้างมูบ ตั้งแต่นั้นมาได้รับการบูรณะโดยกลุ่มชนชาวไทยใหญ่ เมื่อปี พศ.2420 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พศ.2513 และเป็นวัดสำคัญที่มีชื่อเป็นมงคลนามของเมืองเชียงรายด้วย

รวบรวมโดย พระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาส
30 กันยายน 2549

 

ภายในวิหารที่จะประดิษฐานพระธาตุ ไม่ได้ถ่ายภาพมามากมายเพราะว่าตอนไปค่ำแล้วครับ ถ่ายแล้วจะไม่ค่อยเห็นอะไร ไว้ได้จุดที่แน่นอนในการประดิษฐานแล้วจะมารายงานให้ทราบอีกครั้งครับผม



"หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง"



องค์พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปั้น ลงรักปิดทองทั้งองค์ เป็นศิลปะเชียงแสนสิงห์ ๑ ซึ่งได้ทำการซ่อมแซมมาถึง ๔ ครั้งมีอายุถึง ๔๐๐ กว่าปี ซึ่งครั้งหลังสุด ช่างที่ก่อสร้างได้เพิ่มขนาดขององค์พระให้ใหญ่ขึ้น โดยมีหน้าตักกว้างขนาด ๘๐ นิ้ว มีนามว่า “หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง” ที่มีพุทธลักษณะที่งดงามตามพุทธศิลป์แบบเชียงแสนสิงห์ ๑ ยุคต้นโดยเฉพาะที่ยอดพระเกตุโมฬีเป็นรูปดอกบัวตูมแกะสลักจากหินแก้วจุยเจียหรือแก้วโป่งข่าม ซึ่งเป็นหินที่เกิดขึ้นในดินแดนล้านนาเท่านั้น

 

"พระธาตุมิ่งเมือง"



เป็นปูชนียสถานเก่าแก่ ที่มีคู่มากับวัด เป็นศิลปะแบบล้านนา เดิมก่อนการบูรณะเป็นรูปทรงพม่าทั้งหมด แต่ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ โดยสร้างเจดีย์บริวารตั้งไว้สี่มุม ประดับด้วยฉัตรศิลปะแบบพม่า ชาวบ้านเรียกเจดีย์นี้ว่า “พระธาตุมิ่งเมือง” นอกจากนี้เจดีย์นี้มีความสำคัญ คือ เป็นที่เก็บรวบรวมประวัติของวัดไว้ และประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับการประธานจาก สมเด็จพระญาณสังวรณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

 

ประวัติความเป็นมาโดยละเอียด



วัดมิ่งเมือง หรือวัดช้างมูบ เดิมมีชื่อเรียกตามที่ปรากฏบนแผ่นทองคำจารึกอักษรพม่าว่า “วัดตะละแม่ศรี” ซึ่งเป็นชื่อของผู้สร้างวัดมีนามว่า เจ้านางตะละแม่ศรี เป็นพระมเหสีของ พ่อขุนเม็งรายมหาราช มหากษัตริย์แห่งแคว้นล้านนาผู้สร้างเมืองเชียงราย เจ้านางตะละแม่ศรี ทรงมีอีกพระนามหนึ่งที่ปรากฏในแผ่นจารึกคือ มหาเทวีอุษาปายะโค พระนางเป็นธิดาของพระเจ้าพายุเจ็งกษัตริย์พม่าเจ้าเมืองพะโค (หงสาวดี) ซึ่งได้มอบถวายให้เป็นข้าบาทบริจาริกาแด่พ่อขุนเม็งรายมหาราชเมื่อทรงชนะสงครามจากพม่า และวัดแห่งนี้ยังเป็นวัดประจำพระองค์ของ พระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง (พระนางเทพคำกล๋าย-พระนางอั๊วะมิ่งไข่ฟ้า หรือพระนางอกแอ่น ซึ่งเป็นวีรสตรีของชาวไทยลื้อที่ได้ปลอมตัวเป็นชายออกสู้รบจนได้รับชัยชนะ) พระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง ทรงเป็นพระราชชนนีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาทรงปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ และในตำนานของวัดที่ปรากฏในรัชสมัยของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาที่วัดมิ่งเมืองปีละสองครั้งคือในคืนวันเพ็ญวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง หรือประเพณียี่เป็งของชาวล้านนา ทรงจุดผางประทีปบูชาพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองในวัด ซึ่งปัจจุบันเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระนางเทพคำกล๋ายและพระอัฐิของมหาเทวีอุษาปายะโค

นอกจากนี้วัดมิ่งเมือง ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดช้างมูบ” (วัดช้างหมอบ) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวเชียงรายทั่วไปเรียกและทางวัดมิ่งเมืองก็ใช้รูปช้างมูบเป็นสัญลักษณ์ของวัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่ได้รับการบันทึกให้เป็นวัดเก่าแก่สำคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่งของเมืองเชียงราย ในครั้งที่ที่พระเจ้าสามฝั่งแกนอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเชียงรายไปเชียงใหม่โดยอัญเชิญพระแก้วมรกตตั้งขบวนจากวัดพระแก้ว เชียงราย มาประดิษฐานบนหลังช้างทรงซึ่งหมอบรออยู่หน้าวัดมิ่งเมืองแล้วเคลื่อนขบวนออกจากประตูเมืองที่ติดกับวัดไปเมืองเชียงใหม่จึงทำให้ชาวบ้านเรียกว่าวัดช้างมูบตั้งแต่นั้นมา

เมื่อเข้าสู่ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ พระยาจ่าบ้านและพระยากาวิละ ได้ทำการต่อสู้กับพม่า เรียกว่า “ฟื้นม่าน” โดยได้รับการสนับสนุนจาก พระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสินมหาราช) ให้ขจัดอิทธิพลของพม่าออกไปจากล้านนา ซึ่งขณะนั้นพม่าได้ใช้เมืองเชียงแสนเป็นฐานที่มั่นในการรบ ในปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระยากาวิละ ได้ยกทัพได้ยกทัพไปตีเมืองเชียงแสนได้ หลังจากที่เคยโจมตีมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อสามารถยึดเมืองเชียงแสนได้จึงเผ่าทำลายเมืองขับไล่กองทัพพม่าออกจากเมืองเพื่อมิให้พม่าใช้เป็นฐานกำลังได้อีกต่อไปและพระยากาวิละก็ได้กวาดต้อนผู้คนครัวเรือนจากเมืองเชียงแสน และหัวเมืองรายทาง เพื่อมิให้กลับไปเป็นกำลังไพร่พล แรงงานทั้งทางการทหารเป็นเมืองร้าง อันรวมถึงเมืองเชียงราย

ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๗-๒๓๔๗ ไทยสู้รบกับพม่าทำให้เมืองในอาณาจักรล้านนา รกร้าง ผู้คนระส่ำระสาย แม้แต่เมืองเชียงใหม่เองก็ถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างถึง ๒๐ ปี ส่วนเมืองเชียงรายเองก็เป็นเมืองร้างนานเกือบ ๔๐ ปี ภายหลังจากความยุ่งยากของสงครามเมื่อเมืองสำคัญในล้านนา เช่น เมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองเชียงใหม่ มีความมั่นคงดีแล้ว เจ้านายเชื้อสายตระกูลเจ้าเจ็ดตนนำโดย พระยากาวิละ (ที่กลายเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่) ซึ่งสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงโดยการดำเนินนโยบาย “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” (ซ้า แปลว่า กระเช้า)กวาดต้อนประชาชนและครัวเรือนมายังเมืองเชียงใหม่ ก็เริ่มขยายอาณาเขตและฟื้นฟูเมืองต่างๆ ที่รกร้างว่างเปล่าโดยให้บุตรหลานไปเจ้าเมืองปกครอง

เมืองเชียงรายได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง ในสมัย เจ้าหลวงธรรมลังกา ซึ่งเป็นเจ้าเมืององค์แรกมีฐานะเป็นเมืองบริวารของเชียงใหม่ มีการบูรณะบ้านเมืองที่รกร้างและซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดตลอดจนกำแพงเมือง ต่อมาเมื่อมีการขยายเมืองออกไปนับ จึงมีการก่อสร้างต่อมาทางด้านทิศใต้ จนกระทั่งด้านทิศตะวันตกคือประตูเชียงใหม่สำเร็จลงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗ รวมเวลาที่ก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี มีการสมโภชเมืองและเสาหลักเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ กำแพงเมืองและประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยนี้ เป็นบริเวณอนุรักษ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก

ครั้งที่พญาเม็งรายสร้างเมืองพุทธศักราช ๑๘๐๕ ไม่ปรากฏมีบันทึกบอกไว้ว่าประตูเมืองมีกี่ประตูและชื่อประตูอะไรบ้าง ในสมัยต่อมาคงมีการสร้างกำแพงเมืองพร้อมประตูขึ้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ปรากฏว่าเมืองเชียงรายมีกี่ประตู จนถึง พ.ศ. ๒๔๐๐ หลังจากเจ้าหลวงธรรมลังกาเริ่มบูรณะชื่อของประตูมีปรากฏหลายประตูจนสร้างแล้วเสร็จในสมัยเจ้าหลวงอุ่นเรือน พ.ศ. ๒๔๑๖ จึงทราบว่าช่วงนี้ประตูเมืองเชียงรายมี ๑๒ ประตู คือประตูสรี ประตูนางอิง ประตูเชียงใหม่ ประตูยางเสิ้ง ประตูท่านาค ประตูเจ้าชาย ประตูท่าทราย ประตูหวาย ประตูท่อ ประตูป่าแดง ประตูล่อ หรือประตูขะต๊ำ และประตูผีหรือประจูฮ่อม ซึ่งการทำประตูในสมัยโบราณนั้นน่าจะทำตามหลักทักษา คือก่อนที่จะกำหนดความกว้างยาวของเมืองต้องแทรกวัดระยะว่าประตูจะอยู่ตรงไหน เพื่อให้ถูกต้องตามหลักทักษา อันได้แก่ บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรีและกาลกิณี ช่องไหนที่ตรงกาลกิณี ก็มักจะทำเป็นประตูสำหรับเอาศพออกจากเมืองไปสุสาน เชื่อกันว่าถ้าสร้างประตูถูกต้องตามหลักความเชื่อ จะทำให้บ้านเมืองมั่นคงถาวรเป็นที่หวั่นเกรงของศัตรู

วัดมิ่งเมืองนี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่ตรงประตูเมืองที่เรียกกันว่าประตูป่าแดงซึ่งตรงกับหลักทักษา คือ อุตสาหะ ในประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรเล่ม ๘ กล่าวว่า วัดมิ่งเมืองสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ ซึ่งอาจเป็นได้ว่า วัดมิ่งเมืองได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในปีนี้โดยกลุ่มชาวไทใหญ่ที่ถูกกวาดต้อนมาจากนโยบายเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง เพราะจะพบว่าก่อนที่จะซ่อมแซมวัดมาเป็นรูปแบบอย่างเช่นรูปทรงดั้งเดิมของสิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นรูปทรงไทใหญ่ทั้งหมด พบภาพวาดศิลปะพม่า ภาพวาดอดีตพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์และพระพุทธรูปไม้แกะสลักอีกหลายองค์ ที่เป็นศิลปะพม่าในช่วงแรกที่สร้างวัด นอกจากนั้น พิธีกรรมของวัดบางอย่างในปัจจุบันก็ยังมีลักษณะแบบชาวไทใหญ่หลงเหลืออยู่ วัดมิ่งเมืองได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓

ข้อมูลจาก : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87

 

อนุโมทนาค้าบพี่จิม ส่งมาเลยครับ เดี๋ยวให้พี่ๆทางนี้ช่วยคัดสรรฐานครับ

 

อนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลครับพี่

วันนี้ พี่แขม (ธรรมะบารมี) ได้เข้าไปคุยกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสแล้วท่านบอกว่าให้จัดหาตู้แสดงพระธาตุสัก 2 ตู้ ไว้ขนาบข้างซ้ายขวาขององค์พระเจ้าทันใจ ทรงเครื่องจักรพรรดิ เพราะเวลามีคนมาทำบุญได้กราบไหว้องค์พระประธาน ก็เหมือนได้กราบ พระบรมธาตุ แล พระอรหันต์ธาตุ ด้วยครับ

ที่เหลือตอนนี้คงจะต้องมาออกแบบตู้กันอีก ว่าจะเอาตู้แบบไหน สูงขนาดไหนครับ และจะได้เปิดบัญชีมาบอกบุญโครงการบุญนี้กันครับ

 

จัดไปน้อง ช่วยกัน

 

อนุโมทนาด้วยครับ ท่านธรรมวิวัฒน์ ไม่ได้เจอกันพักหนึ่งสบายดีนะครับ ^^"

 

พระนอนท่านจะปิดประมาณต้นปีหน้าครับ ส่วนพระเจดีย์ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ได้ใช้หนี้ในส่วนของวัสดุก่อสร้างต่างๆ เพราะปัจจัยที่ได้จากกฐินรอบนี้พึ่งนำเงินมาใช้หนี้วัสดุก่อสร้างของพระจุฬามณีจนหมดหนี้หมดสินแล้วครับผม การก่อสร้างต่อไปก็คงทำไปเรื่อยๆช้าแต่ชัวร์เหมือนเดิมครับ