การสะสมพลังงานของจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย โทสะ, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466

    จิต ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่พลังงาน แต่มันเป็น " ธาตุรู้ "ที่สามารถสะสมพลังงานได้ แล้วจิตมันสะสมพลังงานอะไรบ้าง และมีกลไกการสะสมพลังงานแบบใด สิ่งนี้น่าสนใจ <o></o>

    จิตมันจะสะสมพลังงานได้มันต้องเด่นดวงขึ้น จดจ่ออยู่กับสิ่งๆนั้น สิ่งที่จิตไปสะสมนั้นเป็นคลื่นพลังงาน ซึ่งคลื่นพลังงานนี้มีมากมาย หลายชนิดแล้วแต่ว่ามันไปอยู่กับสิ่งใด เมื่อจิตไปจดจ่อกับสิ่งใด มันจะดูดซับพลังงานชนิดนั้นๆเข้ามาหามันเองโดยอัตโนมัติ แล้วแต่ว่าจะเด่นดวง หรือเป็นสมาธิมากขนาดไหน <o></o>
    1) บุคคลท่านใด ที่มีความโลภหรือราคะเกิดขึ้น อารมณ์ประเภทนี้นี้ก่อจะก่อพลังงานแห่งความโลภ หรือพลังงานแห่งราคะ โลภมาก ราคะมาก พลังงานก็จะถูกสะสมมาที่จิตมาก ยิ่งถ้ามีกิเลสตัวนี้เป็นเจ้าเรือน คนประเภทนี้ จะ จะมีพลังคลื่นของกิเลสตัวนี้มาก พอกายเนื้อสลายไป จิตที่มีพลังงานชนิดนี้ ก็จะไปอยู่ในวงคลื่นพลังงาน( มิติ)ระดับของจิตกลุ่มประเภทนี้ที่เรียกว่า เปรต นั่นเอง แล้วแต่ระดับความแรง เพราะเปรตมีหลายจำพวก<o></o>
    2) บุคคลท่านใดที่มีความโกรธ เคียดแค้น อารมณ์ประเภทนี้จะก่อเกิดพลังงานแห่งความโกรธ พอโกรธ หรืออารมณ์ประเภทไม่พอใจ ไม่ต้องการ หรืออยากสลัดออกไม่เอา พอจิตไปจดจ่อ จิตก็ดูดซับพลังงานชนิดนี้เข้าไป คนประเภทนี้ท่านสามารถสัมผัสได้ง่ายๆเวลาที่เราเข้าไป พบปะ พูดคุยด้วย เราจะสัมผัสได้ถึงความอึดอัด คับแคบ ร้อนรุ่ม จนไม่อยากเข้าไปพบ ไปคุยด้วย สำหรับคนที่สะสมพลังงานชนิดนี้มากกว่าพลังงานชนิดอื่น พอกายเนื้อสลายไป จิตที่มีพลังงานชนิดนี้ ก็จะไปอยู่ในวงคลื่นพลังงาน(มิติ)ระดับของจิตกลุ่มประเภทนี้ที่เรียกว่า สัตว์นรก นั่นเอง และก็เหมือนกันแล้วแต่ระดับความแรง เพราะนรกมีหลายขุมซะเหลือเกิน ถ้าสะสมพลังงานเท่ากันก็จะไปอยู่วงคลื่นเดียวกันหรือที่เรียกว่าขุมนรก นั่นเอง<o></o>
    3) บุคคลท่านใดที่มีความหลง เอาแต่นึกคิดวุ่นวาย ไม่ปล่อยวาง หลงยึดติดในทรัพย์สมบัติ เลือก สวน ไร่นา ฟุ้งซ่าน วุ่นวายไม่เลิก กิเลสตัวนี้ละเอียดมาก เพราะสามารถนำไปสู่กิเลส โลภ และโกรธไดง่ายดายมาก อารมณ์ประเภทนี้จะก่อเกิดพลังงานแห่งความหลง พอกายเนื้อสลายไป จิตที่มีพลังงานชนิดนี้มาก ก็จะไปอยู่ในวงคลื่นพลังงาน(มิติ)ระดับของจิตกลุ่มประเภทนี้ที่เรียกว่า สัตว์เดรัจฉาน สัตว์ที่เรามองเห็นบนโลกนี้ก็มีหลายสายพันธุ์ซะเหลือเกิน จนบอกได้ไม่หมด ก็เป็นเพราะพลังงานที่จิตไปสะสมนั้นมันอยู่ในระดับวงคลื่นแห่งพลังงานใด นั่นเอง<o></o>
    แล้ววันๆ หนึ่ง เรามีอารมณ์ประเภทแบบนี้ วันละกี่รอบ มาก น้อยขนาดไหน เราก็เป็น สัตว์นรก เปรต หรือเดรัจฉาน ตามคลื่นของพลังงานที่จิตไปสะสมมันมา และตั้งแต่เกิดมาผ่านไป ทุกวันๆ มันสะสมวันละนิด วันละหน่อย แล้วทุกวันนี้ในใจท่าน มันมากมายขนาดไหนแล้ว ถ้าท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ 3 ประเภทนี้ อันใดมากกว่าอยู่ในใจขณะนี้ ก็ให้เข้าใจว่า หลายกัป หลายกัลป์ที่ผ่านมาท่านสะสมพลังงานชนิดนั้นมากกว่าพลังงานชนิดอื่นๆ เพราะฉะนั้น ท่านที่ได้อ่านแล้ว ขอให้ท่าน สำรวมระวัง อย่าปล่อยให้เกิดอารมณ์ กิเลส 3 ประเภทนี้ เพราะนั่นมันหมายถึงว่า โอกาสที่ท่านจะพ้นอบายภูมิ น้อยซะเหลือเกิน<o></o>
    และก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไปสร้างให้จิตสะสมพลังงาน แบบอื่น ๆ ตามแต่ที่ตนเองพอใจที่จะนำพลังงานชนิดนี้ไปใช้ แต่พลังที่มีในโลกกลมๆใบนี้ มีพลัง อยู่ 4 ชนิด ที่เป็นกลุ่มพลังงานหลัก คือ พลังงานจากไฟ จากน้ำ จากลม และจากดิน ส่วนพลังงานแบบอื่นที่มีในธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนย่อยของพลังงาน 4 ชนิดนี้<o></o>

    <o></o>
    <o></o>กลไกการเกิดแห่ง อารมณ์โลภ หรือราคะ อารมณ์โกรธ อารมณ์แห่งความหลง<o></o>
    มันทำงานโดยผ่านทางรูป และขันธ์ เพื่อก่อภพ ก่อชาติ สืบต่อเนื่องกันไป ท่านลองหลับตาดูซิ แล้วคิดสมมติไปว่า มีสิ่งๆหนึ่งที่อยู่ในกายเนื้อนี้ ที่สิงอยู่และอาศัยกายเนื้อทำงาน มีช่องทางที่จะติดต่อสื่อสารกับโลกข้างนอกได้คือ อายตนะทั้ง 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ท่านคงจำได้ว่า ธาตุ4 และขันธ์อีก 4 ขันธ์ มีอะไรบ้าง <o></o>
    ธาตุ4 ประกอบไปด้วย 1)ดิน 2)น้ำ 3)ลม 4)ไฟ <o></o>
    ขันธ์ 4 ขันธ์ ประกอบไปด้วย 1)เวทนา= สุข,ทุกข์,เฉยๆ 2)สัญญา = ความจำได้หมายรู้ 3)สังขาร = ความนึกคิด ปรุงแต่ง 4)วิญญาณ= การรับรู้ จากอายตนะ
    ลองคิดทวนย้อนดู ...
    พอมีอายตะภายนอกเข้ามาสัมผัส วิญญาณก็เกิด <o></o>

    พอรับรู้แล้วก็นึกคิดปรุงแต่ง สังขารเกิด <o></o>
    พอนึกคิดแล้วก็ให้ค่า ตีค่า ว่าสิ่งนี้คืออะไร พอจำได้ สัญญาเกิด
    จากสิ่งที่เคยจำได้นี้ ถ้าชอบก็สุข ไม่ชอบก็ทุกข์ฯ อารมณ์ก็มีขึ้น เวทนาเกิด <o></o>

    พอเกิดสุข ทุกข์ หรือเฉยๆก็ส่งผลมาที่กาย ผ่านระบบต่างๆในร่างกาย ซึ่งเป็นองค์ประกอบของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสดงออกผ่านทางกายเนื้อ... ……….แต่สิ่งที่ว่ามานี้มันเกิดเร็วมาก! และเกิดไปพร้อมๆกัน ! ถี่ยิบ จนเราเราไม่รู้เลยว่ามันมีขั้นตอนยังไง ? ทำให้ปุถุชน คนธรรมดายึดกาย ยึดใจว่าเป็นของๆเขานั่นเอง


    เผา ทำลายกิเลสในใจท่าน ซะ อย่าให้มันงอกงาม
    ขอให้เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ธันวาคม 2009
  2. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    การสั่งสมพลังงานแห่งบุญ

    การสั่งสมพลังแห่งปิติ สุข ( พลังแห่งบุญ)<o></o>
    ขอให้เข้าใจว่า อารมณ์ของท่านที่มีอยู่ในเวลานั้นๆเป็นแบบใด มันจะก่อเกิดพลังงานชนิดนั้นขึ้น และเมื่อจิตไปรู้เข้ามันก็สะสมมาเองโดยอัตโนมัติ การถ่ายทอดพลังงานนั้นมันอาศัยกายเนื้อ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของธาตุทั้ง 4 เป็นสื่อ กลางสร้างรูปแบบพลังงานตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น อารมณ์ แห่งความ ปิติ สุข สงบ เยือกเย็น ก่อเกิดคลื่นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างไปจาก อารมณ์แห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง ชนิดคนละขั้วของพลังงาน และถ้าท่านผู้นั้นมีจิตที่สุข สงบ เยือกเย็นเป็นปกติ แล้วมาเร่งความเพียรในการเจริญสมาธิด้วยแล้ว คลื่นแห่งพลังชนิดนี้จะเพิ่มมากขึ้น อย่างมากมายมหาศาล พอมาถึงตรงนี้หลายท่านคงมองออกว่า เทวดา และพรหมชั้นต่างๆนั้น ต่างก็สะสมพลังงานชนิดนี้แล้วแต่จะมาก หรือน้อย ตามความเพียรของแต่ละท่าน เมื่อกายเนื้อสลายไป จิตที่สะสมพลังงานชนิดนี้ ก็ไปตามวงคลื่นแห่งพลังงานนั้นๆ นั่นเอง ก่อเกิดเป็นเทวดา ชั้นต่างๆ พรหมชั้นต่างๆ เช่น ท่านใดที่สั่งสมพลังงานแห่งความ ปิติ สุข จากการสละ ออกซึ่งอารมณ์แห่งการยึดติด นั่นคือการให้ทาน รักษาศีลเป็นปกติ สะสมทุกวันๆ ไปเรื่อยๆ เมื่อกายเนื้อสลายไป จิตที่มีพลังงานชนิดนี้ก็จะไป สู่แห่งวงมิติที่มีพลังงานที่เรียกว่า เทวดา ส่วน เทวดาชั้นพรหมก็อธิบายได้โดยหลักการเดียวกัน แต่ ท่านเหล่านั้น สั่งสมพลังงานจากสมาธิเพิ่มเข้ามาอีก<o></o>
    <o></o>
    ช่างเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก ที่พุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ได้เผยแพร่แก่ชาวโลกนั้น เป็นหลักของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ จริง หรือไม่ ท่านจงพิจารณาดูเองเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2009
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เป็นองค์ความรู้ที่น่าสนใจมาก เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาพิจารณาวาระจิตได้เป็นอย่างดี...
     
  4. tam220t

    tam220t ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +537
    ขอแสดงความเคารพใน ภูมิธรรมของท่าน แต่ขอถามอย่างเคารพว่าสิ่งที่ท่าน กล่าวมา เป็นสิ่งที่เกิดจากความคิดรวบยอดของท่าน หรือ เป็นสิ่งที่ท่าน พบจากการได้ ญาณ หรือมีอาจารย์ ที่มีความเป็นอริยะ สอนมาครับ เพราะเรื่องนี้ก็เคยเกิดขึ้นในความคิดรวบยอดของผมหลังจากศึกษาธรรม มาได้ระยะหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมไม่กล้าที่จะสรุปว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เนื่องจากเรื่องแบบนี้ แค่การคิดด้วยเหตุผลไม่เพียงพอที่จะยืนยัน แม้จะดูว่ามันสอดคล้องกันในความคิด เพราะผมไม่มี ญาณ และ ไม่มีพระอริยะ มายืนยันว่าความคิดผมถูก
    ผมจริงไม่กล้าคิดว่าสิ่งที่ผมคิดได้แบบท่านมันถูกต้อง จึงไม่กล้านำไปเผยแพร่ให้ใคร
    หากสิ่งที่ท่านกล่าวข้างบน มาจาก การได้ ญาณ หรือ พระอริยะ รับรองจริง ช่วยแจ้งด้วยครับ
     
  5. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    วงมิติแห่งพลังงาน

    หลังจากการไหว้พระ สวดมนต์เสร็จ ก็เข้าสมาธิ ในพรหมวิหารธรรม เพื่อแผ่คลื่นพลังแห่งเมตตาจิตไปให้กับท่านที่ลำบากในวงขอบของมิติต่างๆ โดยเฉพาะท่านผู้ที่ลำบากมาก นั่นคือท่านที่มีภพ ภูมิต่ำกว่าเรา และเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรามาตั้งแต่อดีตชาติ หากท่านใดเคยฝันเห็น วัว ควาย ให้เข้าใจว่านั่นเป็นดวงจิตที่เป็นบรรพบุรุษของท่านเองที่มาขอพลังงานไปหล่อเลี้ยงดวงจิต เมื่อแผ่คลื่นพลังเมตตาในพรหมวิหารธรรมเสร็จ ขณะยังอยู่ในสมาธินั้นสัมผัสได้ถึงคำขอบคุณ ก่อเกิดจิตที่ชุ่มเย็น ยิ่งวันใดสามารถเข้าเมตตาอัปปมาณฌาน วันนั้นความชัดเจนแจ่มใสก็มีมากเท่านั้น
    เมื่อหัวถึงหมอนจับลมหายใจ มีสติรู้อยู่ตรงหน้า วันใดที่มีกำลังสติมาก ไม่นานนัก จิตก็ออกไปสร้างรูปละเอียดภายนอก หันกลับมามองเห็นตนเองนอนกรนอยู่ แต่ยังไม่อยากไปที่ไหนๆ เนื่องจากต้องการเรียนรู้สิ่งรอบข้างให้ชัดเจน ละเอียดมากกว่านี้ แต่หากวันใดสติกำลังน้อยกลับโดนดูดเข้าไปในภวังค์ดิ่งลึกลงไป ไม่นานนักก็ไปโผล่อีกที่หนึ่ง มันมีความชัดเจน แจ่มใส เหมือนกับชีวิตประจำวัน แต่บ้านช่อง ห้องหอ ช่างต่างจากเมืองเราลิบลับ สวยงาม ใหญ่โต ต้นไม่เขียวชอุ่ม คนก็มีแต่ผิวพรรณ หน้าตาดี มีความเคารพ นอบน้อม.. ทุกวันที่ได้ไปนั้นซ้ำที่บ้าง ไม่ซ้ำที่บ้าง ทำให้ได้เรียนรู้จากที่ๆได้ไปมานั้นมากมาย
    คนที่เกิดในเมืองไทยนี้ช่างโชคดีเสียนี่กระไรที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แต่บางครั้งก็สลด สังเวชใจที่คนหลายๆคนไม่เห็นคุณค่าของสิ่งๆนี้มิหนำซ้ำยังนำมาเป็นช่องทางในการเลี้ยงกิเลสให้เจริญงอกงาม และสั่งสมพลังงานของกิเลสในจิต โดยไม่ได้สำเนียกเลยว่าสิ่งที่ตนทำนั้นมันอันตรายขนาดไหน และไม่รู้เลยว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร

    เผาทำลายกำเลสในใจท่านซะ นี่คือทางที่ถูกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ธันวาคม 2009
  6. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    เห็นชื่อคุณ แล้วผมเครียดเลย เพราะเพลิงนี้ผมมีเยอะ

    ยังไงก็อนุโมทนาครับ
     
  7. คชสาร

    คชสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +164
    โลภะ โมหะ โทสะ ข้าพเจ้ายังมีอยู่ เมื่อดูโทรทัศน์ แล้ว เห็นข่าวที่ไม่ดี เราก็สาปแช่งไปตามข่าว ทั้งที่ ตนเองก็ ชอบทำบุญทำทาน แล้วกลับมาคิดว่า โทสะ มาได้ยังไง เอาเป็นว่าผู้อื่นนอกจากเราแล้ว ทำอะไรก็เป็น บาปไปหมด โดยอคติ ของเราเอง พอได้ไปทำบุญใหญ่ที่วัดกลับมาแล้ว ยิ่งภูมิใจตนเองว่ามีบุญมาก แล้วยิ่งดูภาพข่าวก็ยิ่ง โกรธ เพ่งโทษผู้นั้น ว่าทำบาปต้องตกนรกแน่ ว่าไปนั้น นอกจากนี้ยังแช่งตามอีกว่า สาธุขอให้กรรมตามสนองมันให้เราได้เห็นวันนี้พรุ่งนี้เลย แสดงว่าข้าพเจ้ายังไม่เข้าธรรมะเลย ทั้งที่เฝ้าทำบุญก็ตาม
     
  8. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    ท่าน คชสาร
    อารมณ์ประเภทนี้ท่านต้องเปลี่ยนให้ไวที่สุด ถ้าท่านไม่อยากไปเป็นยมทูตในนรก เพราะจิตประเภทนี้จะสะสมพลังแห่งการเพ่งโทษ ทำร้ายผู้กระทำผิด เปลี่ยนซะถ้าไม่อยากไปเป็นยมทูต เพราะยมทูตก็มาจากเราๆ ท่านๆในภพมนุษย์ที่มีจิตประเภทนี้แหละ
     
  9. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    พระเครื่อง น้ำมนต์

    พระเครื่องที่ท่านแขวนคออยู่ หรือน้ำมนต์ที่เวลาทำพิธีปะพรมน้ำมนต์ ท่านรู้หรือไม่ว่า มันคืออะไร แล้วทำไมมีพระเครื่องแท้ พระเครื่องบางองค์เป็นของปลอม สิ่งนี้เกิดจากอะไร สามารถอธิบายได้อย่างไร
    เป็นที่แปลกใจจริงแท้ว่า สิ่งที่เรียกว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลนี้ ส่วนใหญ่เป็นธาตุดิน สามารถดูดซับพลังงานจากท่านผู้มีพลังงานแห่งจิตมากๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คล้ายๆกับร่างกายเรานี้ที่เป็นธาตุดินที่เป็นฐานรองรับพลังงานต่างๆ ) โดยทั่วไปแล้วท่านที่มีพลังจิตจากการที่ได้สั่งสมพลังงานจากทั้งภายในกาย ท่านเองและจากทั้งพลังงานภายนอก จะถ่ายทอดพลังงานของท่านไปยัง ธาตุดิน และธาตุน้ำเท่านั้น เพราะเป็นธาตุที่จับต้องได้ เราจึงเห็นท่านทำเป็นพระเครื่อง หรือน้ำมนต์นั่นเอง เพื่อให้แก่บรรดาลูกศิษย์ ที่นับถือไปกราบไหว้กัน ปกป้อง รักษา คุ้มภัย
     
  10. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    สำหรับการสร้างรูปละเอียดและสิ่งแวดล้อมของจิตนั้น เป็นไปด้วยกำลังของจิตเองล้วนๆ แต่หากจิตเดียวมันคงไม่ยิ่งใหญ่ อลังการ แต่ในแต่ละมิติคลื่นพลังงานนั้น มีดวงจิตที่นับไม่ถ้วนที่อยู่รวมกันในแต่ละมิติ สวรรค์ กับ นรก ต่างกับลิบลับ ด้วยรูปแบบของคลื่นพลังงานที่ต่างกันออกไป จิตจะสร้างรูปละเอียดของตนเองตามรูปที่ตนได้อยู่ในภพสุดท้าย เช่น จิตที่อยู่ในคนๆใด ก็จะสร้างรูปละเอียดที่มีหน้าตาเหมือนกับคนๆนั้น ท่านคิดหรือว่าจิตที่อยู่ในกายนี้จะมีหน้าตาเหมือนกันไปทุกภพ ทุกชาติ บางภพชาติท่านอาจจะเกิดเป็น หมู หมา กา ไก่ มันก็สร้างรูปละเอียดเหมือนหมูหมา กา ไก่นั้น รูปละเอียดของเทวดา พรหม ก็สร้างไปตามระดับแห่งความสุขนั้นๆเป็นหลัก หรือในนรก ก็สร้างรูปละเอียดตามความทุกข์ ทรมาน ที่ได้รับ จิตบางดวงสร้างรูปละเอียดที่บิดเบี้ยว ผิดรูป บางดวงจิตเป็นทั้งคนและสัตว์รวมเป็นร่างเดียวก็มี เป็นเพราะความทุกข์ ทรมานที่ได้รับมานั้น<o></o>
    สิ่งแวดล้อมที่จิตอยู่สัมผัสก็จะไปสร้างสิ่งแวดล้อม ต่างๆออกไป ตามภพ ภูมิ ต่างกันออกไป ท่านคิดหรือว่า สวรรค์ของฝรั่ง สวรรค์ของคนไทย หรือสวรรค์ของคนจีนจะเหมือนกัน ไม่แน่นอน เพราะจิตสร้างสิ่งแวดล้อมต่างกันออกไป ตามภูมิที่ตนอยู่ในชาติก่อน ตามวิถีชีวิต ฯลฯ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือคลื่นพลังงานที่เท่ากัน ถ้าเป็นสวรรค์ก็สุขเท่ากัน ถ้าเป็นนรกก็ทุกข์เท่ากัน แต่สิ่งแวดล้อมนั้นต่างกัน แล้วคนที่ไม่มีศาสนาละจะมีสวรรค์กับเขารึ ขอให้เข้าใจว่า นี้คือหลักของวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับมิติของคลื่นพลังงาน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีศาสนา หรือไม่มีศาสนา ถ้าระดับคลื่นพลังงานเท่าใด จิตนั้นก็ไปตามระดับคลื่นพลังงานนั้นๆ แต่ศาสนาเป็นแนวทางเพื่อให้ดวงจิตไปอยู่ในมิติที่สุข ละเว้นจากการไปอยู่มิติที่เป็นทุกข์ และมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ที่สอนให้ไม่ต้องไปติดอยู่ในมิติเหล่านั้น นั่นคือพระพุทธศาสนา

    ท่านมองเห็นทองคำแท้แล้วหรือยัง หรือยังมองเห็นสิ่งสกปรก โสโครกในกิเลสต่างๆเป็นของดีอยู่ เราโชคดีขนาดไหนแล้วที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พบทองแล้วจะโยนทิ้งกระนั้นรึ ไม่คิดหรือว่า กายที่ท่านคิดว่าตัวท่านเองนี้ไม่นานมันก็ผุ พัง อย่างหลีกหนีไม่พ้น เราคงเห็นคนที่เรารู้จักตายจากเราไปแล้ว แล้วท่านเหล่านั้นไปที่ใด หรือท่านคิดว่าตายแล้วสูญ ถ้าคิดเช่นนั้นท่านคิดผิดถนัด ความตายเป็นของธรรมดา ถ้าการตายนั้นเป็นการตายของผู้อื่น แต่มันจะไม่ธรรมดาเลยที่ท่านจะรู้ว่าพรุ่งนี้ท่านจะตาย ตายจากโลกนี้ไป ไม่ได้กลับมาเห็น สิ่งแวดล้อมเดิมๆที่คุ้ยเคย ที่รู้จัก ไม่ได้กลับมาเห็นบ้าน เห็นเรือน เห็นหน้าลูก เห็นหน้าภรรยา หรือแฟนที่เป็นคนที่เรารัก มันช่างห่อเหี่ยว อับเฉา สิ้นหวัง แต่จะไม่เกิดอารมณ์ประเภทนี้เลยถ้าท่านได้สะสมพลังแห่งบุญเพื่อไปต่อจนไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏวนนี้ คนบางกลุ่ม บางจำพวกไม่มีแม้แต่ศาสนา นับถือผี หรือสิ่งต่างๆนานา คนเหล่านั้นเขาก็วนเวียนในวัฏวนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเพื่อการสืบต่อเนื่องแห่งการอยู่รอด จิตมันจะดูดซับพลังงานประเภทบาปซะมากกว่าประเภทบุญ เพื่อการมีอยู่ของกาย ของใจเขานั่นเอง<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2009
  11. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    จิตที่สะสมพลังงานจากภายนอก

    ท่านที่สามารถสะสมพลังงานภายนอกได้ พลังงานจากธาตุไฟ
     
  12. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=JQO-2xTReQY&feature=player_embedded#]YouTube - พลังจิต 01[/ame]
     
  13. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    อย่าตั้งหน้าไปคว้าที่ปลายสุด


    การปฏิบัติที่ถูกต้องเราควรเริ่มจากสิ่งหยาบเพื่อเข้าหาความละเอียด ซึ่งตามหลักพระพุทธศาสนาที่สอนเรื่องการให้ทานทานเป็นลำดับแรก เพื่อสละอารมณ์แห่งการยึดติดในสิ่งที่เรามีอยู่จากหยาบสุด เช่น วัตถุ สิ่งของ ไปหาละเอียดสุดคือ อารมณ์ใจ เช่นอภัยทาน เมื่อจิตใจที่สูงขึ้นไม่อยู่ใต้อำนาจของวัตถุหรือสิ่งที่มีอยู่ในใจ แล้วควรที่จะรักษาความปกติให้เกิดแก่จิต คือศีล เพื่อความสงบของกาย วาจา ใจ เมื่อจิตเป็นปกติแล้วมันก็พร้อมที่จะไปต่อในทางที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มพลังงานให้สูงขึ้นให้จิตได้ดูดซับอย่างเต็มที่แห่งพลังงานแห่ง ปิติ สุข นั่นคือการทำสมาธิ โดยทำจิตไม่ให้ซัดส่ายไปกับอารมณ์เพื่อพบใจที่เที่ยงธรรม เมื่อจิตที่เด่นดวงขึ้น พลังงานมีมากขึ้นก็เป็นบาทฐานที่จะนำไปสู่การที่จะให้จิตได้รับรู้ความเป็นจริงของกาย ของใจที่เป็นไปตามกฎธรรมชาตินี้ ที่เรียกว่า ญานคือการรู้แจ้งด้วยปัญญาที่รู้ในความจริง <o></o>
     
  14. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    กาย กับ จิต

    กายเนื้อถือได้ว่านี้เป็นบ่อพลังงาน สำหรับจิตในการที่จะดูดซับพลังงาน หลังจากที่จิตได้ทำงานผ่านอายตนะทั้ง 6 ที่ก่อเกิดอารมณ์ และส่งผลให้กายแผ่พลังงานออกมาได้ ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่เราต้องรู้จักบำรุง รักษา ทำความสะอาด ของกายและจิตนี้ให้สมบรูณ์พร้อม การออกกำลังกายให้แข็งแรง หาธาตุต่างๆมาบำรุงเลี้ยงดู เช่น ธาตุดิน ( อาหาร ข้าว ปลา ) บำรุงธาตุดิน , ธาตุน้ำ บำรุงธาตุน้ำ ,ธาตุลม บำรุงธาตุลม และธาตุไฟที่เป็นส่วนย่อยในธาตุต่างๆนั้น บำรุงธาตุไฟ เมื่อบำรุงให้ดีแล้ว ก็ต้องรู้จัก ออกกำลังจิต บำรุงจิตให้แข็งแกร่ง จิตที่แข็งแกร่งคือจิตที่รวมเป็นหนึ่ง เด่นดวง เป็นสมาธิ จิตถึงมีกำลัง เมื่อบำรุงให้แข็งแรงทั้งกาย ทั้งจิตดีแล้ว ต้องรู้จักรักษา ทำความสะอาดให้ดี ร่างกายต้องหมั่นรักษาให้สะอาด จิตเองก็ต้องหมั่นปัดกวาดสิ่งสกปรกในจิต ทำลายกิเลสให้เบาบางลงไป การที่เรามีกำลังดีแล้ว ก็สามารถแผ้วถางเส้นทางที่เป็นป่ารก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้องเพื่อเป็นทางเดิน ออกจากวังวนแห่งความทุกข์นี้ได้สำเร็จดั่งใจประสงค์ได้ไม่ช้าก็เร็ว
     
  15. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    พลังงานจากดวงจิต สู่ดวงจิต


    มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจ ที่เราสามารถถ่ายทอดพลังงานให้ซึ่งกันและกันได้ โดยการถ่ายทอดพลังงานจากจิตหนึ่ง สู่อีก จิตหนึ่งนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ 2 แบบคือ การส่งคลื่นพลังงานแห่งบุญ และการส่งคลื่นพลังงานแห่งบาปโดยพลังงานจะถูกแผ่ออกไปเมื่อเกิดอารมณ์ทั้ง 2 แบบนี้แล้วกำหนดถึงที่ที่พลังจะไปนั้น อุปมาดั่งการกำหนดเป้าหมายเพื่อการเดินทางของคลื่นพลังงาน แม้จะใช้ความคิดเป็นตัวนำ แต่จะไม่มีพลังงานอะไรเกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีอารมณ์นั้นๆปรากฏ เช่น ถ้าเป็นประเภทพลังงานแห่งบุญก็เป็นอารมณ์แห่งเมตตาจิต แต่ถ้าเป็นพลังงานแห่งบาป ก็คืออารมณ์แห่ง โลภ โกรธ หลง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประเภท โกรธ พยาบาท เคียดแค้น ชิงชัง จากการได้รับความทุกข์ที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น แผ่คลื่นพลังแห่งความเคียดแค้น ชิงชัง ถึงคนที่ทำนั้นๆ
     
  16. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    การสะสมพลังของจิต

    จากการสั่นสะเทือนภายในการนี่เองที่ทำให้ก่อเกิดพลังงานที่ต่างออกไปแล้วแต่รูปแบบอารมณ์ มันเป็นส่วนที่หลอมกลมกลืนจนยากที่จะอธิบาย แต่ขอให้เข้าใจโดยภาพรวมว่า พลังที่ถูกแผ่ออกมาจากธาตุทั้ง 4 นี้เองที่เป็นตัวให้จิตไปสะสมเข้ามาหาตัวมันเอง และเราสะสมมาแล้วกี่กัปกี่กัลป์ สิ่งเหล่านี้เป็นพลังของจิตนั่นเอง มิติแห่งคลื่นพลังงานนี้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าระดับคลื่นพลังนี้เพิ่มได้ และลดได้เหมือนกัน มันไม่เสถียร ก่อให้เกิดระดับจิตที่ต่างกันออกไป ถ้าดวงจิตใดไปสะสมพลังในทางที่ดี รูปแบบของคลื่นพลังงานไปในทาง ปิติ สุข ( บุญ) เช่น มนุษย์ที่สั่งสมพลังงานแบบนี้ไปได้ระดับหนึ่ง พอกายเนื้อสลายไป ก็ไปอยู่ในวงคลื่นพลังงานแบบนี้ที่เรียกว่า สวรรค์ เมื่อไม่มีการสะสมเพิ่มเติม พลังงานนั้นย่อมลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่หากจิตที่สะสมพลังงานประเภทบาปพอกายเนื้อสลายไป ก็ไปอยู่ในวงคลื่นพลังงานแบบนี้ที่เรียกว่า เดรัจฉาน เปรต สัตว์นรกนั่นเอง.<o></o>
     
  17. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    การรู้จิตใจ ผู้อื่น

    ถ้าท่านลองสังเกตพฤติกรรมใครบางคนอย่างพินิจพิจารณา ท่านจะสามารถเห็นความคิดและอารมณ์คนเหล่านั้น
    การที่เราฝึกสมาธิ จิตเราจะละเอียด การดูอะไรจะไม่เป็นแบบผิวเผิน ถ้าท่านอย่ากรู้วาระจิตผู้อื่น ลองเริ่มจากตรงนี้ซิ ฝึกสมาธิให้ตั้งมั่น แล้วมันจะเกิดความอัศจรรย์ใจที่ท่านสามารถเห็นความคิดคนอื่น
     
  18. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    ทฤษฎีสัมพัทธภาพ[FONT=&quot]คือ [/FONT][FONT=&quot]E = MC<sup>2</sup>[/FONT]<o></o>
    เมื่อ E คือ พลังงาน <o></o>
    M คือ มวลสาร <o></o>
    C คือ ความเร็วแสง ที่ยกกำลังสอง <o></o>
    โดยสามารถอธิบายสมการนี้ได้ว่า พลังงานและวัตถุ(มวลสาร)เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ประสาทสัมผัสของมนุษย์ มีขีดจำกัดทำให้เรา สามารถสัมผัส รูปแบบทางกายภาพแบบหยาบๆเท่านั้น เช่น ตาเราไม่อาจมองเห็นเป็นคลื่นพลังงานได้ แต่จะมองเห็นเป็นเพียง วัตถุ สิ่งของ คน สัตว์ บ้าน เรือน โรง ฯลฯ เท่านั้น และทุกอย่างที่ตาเรามองเห็นในโลกนี้มันมีส่วนย่อยที่สุดนั่นคือ อะตอม และในอะตอมที่เล็กๆนั้นประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กลงไปอีกยิ่งกว่า ซึ่งมันประกอบด้วยกลุ่มก้อนหรือคลื่นของพลังงานเท่านั้น ทำให้เข้าใจได้ว่า สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรานั้น แท้ที่จริงแล้วคือกลุ่มก้อนของคลื่นพลังงานที่ประกอบเข้าด้วยกัน ในระดับคลื่นความถี่ที่ต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่เห็นและตัวตนของตัวเราเองก็เป็นกลุ่มก้อนของคลื่นและพลังงานที่รวมตัวกันอยู่เท่านั้น ที่เราไม่อาจเห็นมันได้เนื่องจากคลื่นของพลังงานนี้เกิดขึ้นที่ระดับความเร็วแสงที่ต่างจากประสาทสัมผัสของเราจะรับสัมผัสได้ <o></o>
     
  19. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    ทฤษฎีควอนตัม ซึ่งเสนอโดย แม็กซ์ แพลงค์ ได้เสนอทฤษฎีควอนตัม (Quantum theory) และอธิบายเกี่ยวกับการเปล่งรังสีว่า รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่เปล่งออกมามีลักษณะเป็นกลุ่มๆ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยเล็ก ๆ เรียกว่า ควอนตัม (quantum) ขนาดของควอนตัมขึ้นกับความถี่ของรังสี และแต่ละควอนตัมมี พลังงาน (E)โดยที่ E เป็นปฏิภาคโดยตรงกับ ความถี่ ดังนี้ <o></o>
    E = hu เมื่อ <o></o>
    E = พลังงานหนึ่งควอนตัมแสง (J) <o></o>
    h = ค่าคงที่ของพลังค์ (6.62 x 10-34 Js) <o></o>
    u = ความถี่ (s-1) <o></o>
    จากทฤษฎีควอนตัมนี้ สามารถอธิบายได้ว่า กลุ่มของอะตอมที่สั่นด้วยความถี่สูงจะเปล่งแสงที่มีพลังงานสูง ๆ เท่านั้น ที่อุณหภูมิหนึ่ง ๆ โอกาสที่จะพบอะตอมที่สั่นสะเทือนด้วยความสูงมาก ๆ หรือต่ำมาก ๆนั้นมีน้อย ดังนั้นความเข้ม (ซึ่งขึ้นกับพลังงานและจำนวนอะตอม) ของพวกที่มีความถี่ดังกล่าวจึงน้อยกว่า ซึ่งตรงกับผลการทดลองที่กราฟเส้นโค้งลดลงในบริเวณที่มีความถี่สูงมาก และต่ำมาก (หรือถ้าคิดเป็นความยาวคลื่นก็กลับกัน) นอกจากนี้ แม้อะตอมต่างๆ จะสั่นด้วยความถี่ต่างกัน จะมีความถี่ค่าหนึ่งที่เป็นของอะตอมส่วนใหญ่ ความถี่ค่านี้เพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งใช้อธิบายการเปลี่ยนจุดสูงสุดของกราฟกับอุณหภูมิได้ ในทฤษฎีควอนตัม หลักการพื้นฐานจะเกี่ยวข้องกับปริมาณที่เป็นควอนตัม (คือเป็นท่อน ๆ ไม่ต่อเนื่อง)และผลการวัดที่มีความไม่แน่นอนระหว่างปริมาณบางคู่อยู่เสมอ ที่เรียกว่า "uncertsinty principle" (หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก)แล้วก็มีหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของอนุภาคและคลื่นทุกชนิดว่า อนุภาคทุกชนิด (เช่น อิเล็กตรอน โปรตอน และวัตถุขนาดใหญ่เช่นตัวมนุษย์เองที่ถือเป็นอนุภาคในบางกรณี) ล้วนมีคุณสมบัติเป็นคลื่นด้วย ในขณะเดียวกันคลื่นบางชนิด(เช่น คลื่นแสง คลื่นความโน้มถ่วง)ก็ล้วนมีคุณสมบัติเป็นอนุภาคด้วย ซึ่งหลักการพื้นฐานหลังสุดนี้ มีเชื่อเรียกว่า " particle-wave duality"หรือคุณสมบัติความเป็นอนุภาคและคลื่นควบคู่กัน<o></o>
     
  20. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    จะบอกว่าจิตเป็นขันธ์5 ขันธ์5 เป็นจิต
    จะบอกว่าให้ยึดวิญญาณขันธ์เป็นจิต


    แล้วยกวิทยาศาสตร์มาเข้ากับพุทธศาสตร์
    เอาวิทยาศาสนามาอธิบายพุทธศานา


    ขอรับนำไปพิจารณา

    _______________________________________________
    เราไม่มีในขันธ์5 ขันธ์5ไม่มีในเรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...