เรื่องพิเศษ รวมก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ธรรมดา

http://travel.sanook.com/bangkok/restaurant_06920.php

ร้านอาหาร - ราเม็งเต้

ราเม็งเต้​

<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--> <DD>โอกาสแวะเวียนไปแถว พร้อมพงษ์ของหมูกระสุนมีบ่อยเหลือเกิน แต่จุดหมายปลายทางส่วนใหญ่ มักจบลงที่ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียมเสมอ และเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อลงจากสถานีรถไฟฟ้า แต่แทนที่จะเดินเข้าห้างใหญ่ เรียบร้อยโรงเรียนจีนไป กลับเดินขึ้นมาทางด้านฝั่ง อโศก จุดหมายอยู่ที่ ซอย สุขุมวิท 33/1 ไม่ไกลจาก สถานีรถไฟฟ้าเท่าไหร่ ซอยนี้ทั้งซอย เมื่อคุณเดินเข้ามา ขี้คร้านจะนึกว่า ไม่อยู่เมืองไทย เพราะมีคนญี่ปุ่นเดินกันให้ขวักไขว่ โรงเรียนสอนทำอาหาร UFM ศูนย์ใหญ่ ก็อยู่ในซอยนี้ ร้านรวงส่วนใหญ่ให้บริการ อาหารทั้งไทย จีน ฝรั่ง แทบทั้งแถบ แต่ที่มีมากเป็นพิเศษ ก็อาหารญี่ปุ่น ทั้ง ซูชิ ราเม็ง ร้านขนมปังไส้แปลกที่คนไทยไม่ค่อยเห็นแต่มักอ่านเจอในหนังสือการ์ตูน อย่าง ขนมปังไส้สปาเกตตี หรือ ไส้ ยากิโซบะ มีมากมายให้เลือกหา
<DD>ร้านที่หมูกระสุนจะแนะนำคือร้าน ราเม็งเต้ ในซอย สุขุมวิท 33/1 ร้านนี้มีหลายสาขา แต่สาขาที่สุขุมวิท 33/1 นี้ เมื่อเข้าซอยไปอยู่ทางซ้ายมือ อาคารภายนอกตกแต่งไว้เรียบง่าย ดูใหญ่โต แต่ภายในร้านกลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากอย่างที่คิด เปิดให้บริการชั้น 2 ด้วย ราเม็งเต้เป็นร้านที่ใช้ครัวเปิด มีโต๊ะเคาน์เตอร์โดยรอบ ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาคนเดียว หรือเป็นคู่ หรือจะนั่งดู พ่อครัว 4-5 คน ทำงานกันขยันขันแข็งก็ได้ เมื่อนั่งลงตรงหน้า พนักงานเสริฟก็มาบริการทันที <DD>รายการอาหารที่หมูกระสุนสั่งคือ บะหมี่ราดไข่เจียวปู ชามใหญ่มาก (ขอเน้นเลย) ชามนี้ราคา 130 บาท จะสั่งชามเล็กก็ได้สำหรับสาวๆ แต่ด้วยความตะกละตะกลาม หมูกระสุนสั่งชามใหญ่มาทดสอบพุง เมื่อวางลงตรงหน้าเริ่มใจเสีย คะเนดูแล้ว ท่าทางจะใช้ไข่ไก่ ไม่ต่ำกว่า 2 ฟองเป็นแน่ เครื่องก็มาก ทั้งปูอัด เห็ดหอมหั่นซอย แครอท ต้นหอม ซอยผสมทั้งหมดปรุงรสกับไข่ ส่วนเส้นราเม็ง บะหมี่ไข่เส้นเหลือง ก็ถูกห่อไว้มิดชิด โรยหน้าด้วยขิงดองซอย ทานตอนร้อนๆ อร่อยเหาะไปเลย น้ำซุปที่ทำให้ข้นนิดๆ เวลาตักแต่ละคำ ทำให้เคลือบติดเส้นติดไข่ขึ้นมาด้วยทุกที ส่วนอีกจานคือ บะหมี่รวมมิตรทะเลผักรวม ผักสดมากมาย พร้อมกุ้ง และ อาหารสดๆ เสริฟมาเต็มที่ สำหรับเมนูหน้าในครั้งต่อไป จานน่าลองที่หมูกระสุนคิดไว้ คือ บะหมี่แกงกะหรี่หมู หรือจะเป็น ยากิโซบะ ราเม็งแบบผัดแห้งก็น่าลอง เพราะรูปภาพจากรายการอาหารที่มีให้ดูละลานตา ทำให้ยิ่งดู รายการอาหารในใจยิ่งมากตาม ความอร่อยในราคาที่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ <DD>ร้านที่เน้นความเป็นเจ้าตำรับ ตลอดการทานราเม็งชามโตอย่างมีความสุข สังเกตลูกค้าในร้านมีมากมายเหลือเกิน ทั้งชาวไทย ชาวญี่ปุ่น หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันตลอดเวลา ในนามบัตรที่ได้มา ราเม็งเต้ มีทั้งสิ้น 5 สาขา สะดวกไปร้านไหน ติดต่อกันได้ดังนี้

ราเม็งเต้ สุรวงศ์ เบอร์ติดต่อ 0-2235-4326

ราเม็งเต้ สุขุมวิท 33/1 เบอร์ติดต่อ 0-2662-0050

ราเม็งเต้ สุขุมวิท 39 เบอร์ติดต่อ 0-2662-1273

ราเม็งเต้ หลังสวน เบอร์ติดต่อ 0-2652-0389

ราเม็งเต้ ธนิยะ เบอร์ติดต่อ 0-2234-8082
หมูกระสุน

</DD>

 

http://travel.sanook.com/bangkok/restaurant_06516.php

ร้านอาหาร - ก๋วยเตี๋ยวเรือท่าสยาม

ก๋วยเตี๋ยวเรือท่าสยาม​

<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--> <DD>อร่อยแบบไทย สไตล์ติดดิน เป็น สโลแกนของร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ หมูกระสุน จะพูดถึงในวันนี้ ด้วยสาขาล่าสุด ของร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือท่าสยาม ที่ ฟู้ดวิลเลจ ชั้น 3 เซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านนี้มีทั้งหมด สาม สาขา เริ่มที่ สยามสแควร์ ตรงหน้าสถานีรถไฟฟ้าสยาม ร้านนี้เคยไปนั่งทานแล้ว ร้านติดแอร์ที่ค่อนข้างจะแออัด มีทั้งหมด 2 ชั้น , สยามสแควร์ ซอย 10 ร้านนี้ยังไม่เคยไป และ สาขาล่าสุดที่ ฟู้ดวิลเลจ ชั้น 3 เซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านนี้ไม่แออัดเท่าไหร่ แต่รักษา Concept ในการตกแต่งเหมือนกับที่ สาขา สยามเป๊ะ
<DD>โต๊ะ - เก้าอี้ ไม้ พร้อมเรือพายลำย่อม ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ถึงแม้จะใกล้เคียงกับ ร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วๆไป แต่ร้านนี้มีความพิเศษกว่า ไม่ยังงั้น คงไม่ตั้งราคาให้สูงขึ้นได้ขนาดนี้ ด้วยความสะอาด และ คุณภาพคับจอ ที่เสริฟมาบน หม้ออบ ชามเหล็ก รายการอาหารมี ไม่กี่อย่าง เลือกง่าย หมูกระสุน ไม่รอช้า สั่ง เล็กหมูเข้มข้น ทุกอย่าง 1 ชาม ตอนแรกก็กะปริมาณต่อชามไม่ถูก แต่คะเนจากราคาต่อชาม ว่า 25-35 บาท เนี่ย หนึ่งชาม น่าจะอิ่ม ไปกัน สาม คน ก็สั่ง สาม ชาม สั่งอาหารเพิ่ม มากินเล่นด้วย ลวกจิ้มแจ๋ว นานาสารพัด เนื้อหมู ทั้ง ตุ๋นเปื่อย ทั้ง ต้มสุก ลูกชิ้น เครื่องใน วางเต็มชาม เสริฟพร้อม น้ำจิ้มแจ่ว หนักเผ็ดและเค็ม <DD>รอไม่กี่นาที หม้ออบชามร้อน ก็ทยอยเสริฟเรียงคน กลิ่นหอมฉุยของ กระเทียมเจียว ลอยเตะจมูก อบอวลเชียว ชิมน้ำซุป ที่ว่า เข้มข้น ยอมรับว่า รสเด็ดจริงๆ ชามนี้ หมูกระสุนไม่ปรุงเลย ความเข้มข้นของ เลือดหมูในน้ำซุป ยิ่งทำให้ เนื้อหมูนุ่มๆ หั่นชิ้นบางๆ พอคำ กับ เครื่องในหมูสด และ ลูกชิ้นหมู มีรสชาติเต็มปากเต็มคำ และยิ่งเข้ากันได้ดี กับ เส้นเล็กที่ลวกกำลังดี นุ่มเหนียวเคี้ยวหนับ ส่วนผักสด ก็มี ผักบุ้ง ถั่วงอก และ ที่น่าแปลกใจ ยังมี ผักชีฝรั่ง ตัดมาพอคำ เสริฟให้ด้วย ซึ่งผักชีฝรั่ง เป็นผักที่มี เบต้า-แคโรทีนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถนำไปสร้างวิตามินเอ ช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดมะเร็ง อีกด้วย นี่ก็เป็น อาหารไทยจานด่วน อีกจาน ที่มีคุณประโยชน์ นานับประการ หากเทียบกับ จานด่วนของชาติอื่น วันนั้นอิ่มหมีพลีมัน เป็นครั้งแรกที่ทาน ก๋วยเตี๋ยวเรือเพียงชามเดียว แต่ด้วยนิสัย ถึงแม้จะอิ่มแค่ไหน ก็ต้องขอตบท้ายด้วย ของหวาน เลยสั่งเฉาก๊วยโบราณ มาทานคลายร้อนสักหน่อย ที่ร้านเสริฟใส่ในจานเหล็ก แบนๆ มีหูสองข้าง แบบเดียวกับที่ใส่ไข่กะทะ ของทางภาคอีสาน เฉาก๊วยหวานชื่นใจ คลายร้อนดีทีเดียว <DD>ร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือท่าสยาม ความง่ายที่ลงตัว ก๋วยเตี๋ยวเรือของคนไทย ที่พาตัวเองมาสู้กับ ตลาดอาหารในบ้านเรา ความอร่อยที่คัดสรร เพื่อให้อาหารง่ายๆ ขึ้นห้างฯ ติดหูติดตาเด็กไทย ยุคไอที สัญลักษณ์ของร้าน ที่ติดตา หมูกระสุนเช่นกัน คือ หมูสีแดง หน้าตาโหดเชียว ผูกผ้ากันเปื้อน นั่งมาบนเรือ จนถึงตอนนี้ หมูกระสุน ก็ไม่เข้าใจว่า หน้าตาของ พี่แกถึงโหดได้เพียงนี้



หมูกระสุน
</DD>

 

หากท่านใด มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ ช่วยกันแนะนำด้วยนะครับ

.

 

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5629​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>
ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดง ร้าน"เจ้น้อง"เสริมซอสพริก

คอลัมน์ อิ่มอร่อย

</TD><TD vAlign=top align=right>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางผ่านไปยังเมืองทะเลในภาคใต้ จังหวัดเพชรบุรีมีอาหารให้เลือกอิ่มอร่อยมากมายเหมาะแก่การแวะชิม

สำหรับผู้ชื่นชอบก๋วยเตี๋ยว มีก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงรสชาติดีอยู่ย่านโรงพยาบาลเพชรรัตน์ และโรงเรียนพรหมานุสรณ์ โรงเรียนประจำจังหวัด ชื่อร้าน "เจ้น้อง" แนะนำ

ไปถึงในช่วงบ่ายแล้วก็จริง แต่ว่าลูกค้ายังแน่นร้านอยู่ ไม่รีรอสั่งหลากหลายชนิดของก๋วยเตี๋ยวมาลิ้มลองรสชาติ แล้วพิเศษกว่านั้นเมื่อร้านนี้ยังมีของว่างให้ชิมก่อนในช่วงรอก๋วยเตี๋ยว นั่นคือลูกชิ้นปิ้ง รวมถึงเปาะเปี๊ยะ

ลูกชิ้นเนื้อค่อนข้างนุ่ม ไม่เหนียว ออกเค็มนิดๆ แต่ไม่มาก ถ้าได้จิ้มน้ำจิ้มที่ออกหวานนำ ตามด้วยเปรี้ยวแล้วถือว่ากลมกล่อมดี ราคาไม้ละ 5 บาท

สักพักก๋วยเตี๋ยวที่สั่งก็ทยอยมาส่งให้ถึงโต๊ะ ประกอบด้วย เส้นเล็กแห้ง เส้นหมี่น้ำ บะหมี่แห้ง เกาเหลา เส้นเล็กแห้งโดดเด่นอยู่ที่เส้นลวกกำลังพอดี ไม่แข็งเกินไป ส่วนรสชาติกลมกล่อมแล้ว

แนะนำว่าให้ชิมก่อน ถ้าไม่ถูกใจก็ค่อยปรุง แต่สะดุดตาสองอย่างก็คือ ผักที่ใส่มาในก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่ใช่แค่ผักบุ้งและถั่วงอกอย่างเดี๋ยว มีเพิ่มมาคือ ผักคะน้าและกะหล่ำปลี แล้วยังมีซอสพริกเป็นเครื่องปรุงผสมด้วย

เจ้าของร้านชื่อ "น้อง" ซึ่งเป็นชื่อของร้าน ชื่อจริงของคุณพี่คือ สอิ้งรัตน์ จิระสมบัติ เล่าว่า ร้านเปิดมาปีนี้เป็นปีที่ 11 แรกเริ่มจนถึงวันนี้ก็ตั้งอยู่ตรงนี้ตลอด เป็นบ้านที่อยู่ด้วย แล้วก็เป็นร้านด้วย ส่วนจุดเริ่มต้นในการทำมาจากพี่ชายที่ขายอยู่มหาชัยและแนะนำให้มาขายที่นี่ ตอนนั้นเราทำเปาะเปี๊ยะส่งในตลาด พี่ชายมองว่าเหนื่อย เราก็เห็นด้วยก็เลยเปิดมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้

"เปิดใหม่ๆ ก็ขายไม่ดี คนยังไม่รู้จัก ไม่รู้รสชาติเราด้วยว่าเป็นอย่างไร ก็ใช้เวลานานเพื่อจะติด สัก 2-3 ปีคนก็รู้จัก ราคาขายแรกๆ ก็ชามละ 10 บาท พอ 3-4 ปีขึ้นเป็น 12 บาท ตอนนี้ขึ้นไป 15 เพราะของทุกอย่างขึ้น ส่วนราคาพิเศษ 20 บาท อย่างเปาะเปี๊ยะก็ขายมา 3-4 ปี ส่วนลูกชิ้นปิ้งขายมาได้หลายปีแล้ว"

สำหรับสูตรก๋วยเตี๋ยวพี่น้อง กล่าวว่า เป็นสูตรที่ได้จากพี่ชาย แต่เราเน้นใช้ของดีๆ เพื่อให้รสชาติอาหารดี หลักในการทำร้านของเราคือ สะอาด อร่อย เน้นถูกหลักอนามัย

แล้วอย่างผักที่มีหลายชนิด พี่น้องบอกว่ามี 4 อย่างคือ คะน้า ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ที่เรามีหลากหลายอย่างเพราะเราต้องดูผักตามฤดูกาลด้วย คือถ้าผักไหนแพงเราก็เอาผักที่ถูกๆ มาทดแทน แต่ลูกค้าจะรู้ว่าเขาชอบผักชนิดไหน ไม่ชอบชนิดไหน บอกเราได้ว่าชนิดนี้เอา ชนิดนั้นไม่เอา เราก็จะตามลูกค้า

ในเรื่องของซอสพริกที่เด่นชัดอยู่ในร้าน พี่น้องบอกว่าส่วนใหญ่ร้านก๋วยเตี๋ยวในเพชรบุรีจะมีซอสชนิดนี้แทบทุกร้าน แต่ร้านในกรุงเทพฯ จะไม่มี ซอสนี้เป็นซอสพริกที่เราผสมน้ำตาลข้นและพริกตำไป เป็นการเพิ่มรสชาติให้ดีขึ้น

ส่วนลูกค้าพี่น้องบอกว่ามีทั้งลูกค้าประจำซึ่งเป็นคนเพชรบุรี และขาจร ซึ่งมาจากกรุงเทพฯ ก็จะแวะมากิน ส่วนใหญ่ที่ได้ยินจากลูกค้าคือรสชาติอร่อย ไม่แพง น้ำแข็งก็ฟรี เราได้ยินอย่างนี้ก็ดีใจ

ในส่วนของลูกชิ้นนั้น พี่น้องบอกว่าสั่งมาจากนครปฐม เป็นเจ้าประจำที่ทำกันมาตั้งแต่แรก ไม่ได้เปลี่ยนเลย

ท้ายที่สุดพี่น้องบอกว่าใครอยากลิ้มลองก็ไปชิมกันได้ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ไปไม่ถูกโทร.ถามได้ที่ 0-3241-0107

 

<TABLE><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT-COLOR: #8b008b; BORDER-BOTTOM-COLOR: #8b008b; BORDER-TOP-STYLE: outset; BORDER-TOP-COLOR: #8b008b; BORDER-RIGHT-STYLE: outset; BORDER-LEFT-STYLE: outset; BORDER-RIGHT-COLOR: #8b008b; BORDER-BOTTOM-STYLE: outset" bgColor=#8b008b>[FONT=Tahoma,]วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 [/FONT][FONT=Tahoma,]ปีที่ 12 [/FONT][FONT=Tahoma,]ฉบับที่ 156[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
[FONT=Tahoma,]อร่อยบนความเก๋า "ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน" รสเด็ด เข้มข้น ไม่เหมือนใคร

จุดเด่น-จุดขาย ที่สำคัญของกิจการรายนี้ คือส่วนผสมที่เป็นต้นตำรับ เรียกขานว่า "หนังหมูพะโล้น้ำแดงไร้มันย่างถ่าน" และเจ้าของสูตรยังได้ขยายสรรพคุณให้ทราบด้วยว่า ส่วนผสมสำคัญในสินค้าของเขานั้น นอกจากจะอร่อยเด็ดแล้ว ยังหารับประทานที่ไหนไม่ได้แน่นอน

"ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน" คือกิจการที่กำลังกล่าวถึงในข้างต้น เรื่องราวของร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีคนนิยมมานานนับสิบๆ ปี ซึ่งมาบัดนี้ได้ปรับปรุงรูปแบบการขายมาเป็นแบบแฟรนไชส์รายนี้ ยังมีความน่าสนใจในอีกหลายแง่มุม



ขายมานานกว่ายี่สิบปี

ลูกค้าอุดหนุน ดีวัน-ดีคืน

"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำขลุกขลิก ใส่หนังหมูพะโล้น้ำแดงไร้มันย่างถ่าน คือชามเด็ดของทางร้าน ซึ่งมีลูกค้าให้การยอมรับมานานกว่า 20 ปีแล้ว" คุณภูริวิชญ์ บุญส่งกิจ เจ้าของกิจการแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน วัย 38 ปี เริ่มต้นแนะนำให้รู้จักกับสินค้าที่เขาภาคภูมิใจ ก่อนย้อนประวัติให้รู้จักกันมากขึ้นว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ โดยเมื่อประมาณ 25 ปีก่อนหน้านี้ เปิดขายอยู่ใกล้กับท่าเรือในชุมชนเล็กๆ ริมคลองภาษีเจริญของอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาความเจริญเข้ามามากขึ้น เริ่มมีถนนตัดผ่าน ร้านก๋วยเตี๋ยวจึงย้ายขึ้นมาอยู่ริมถนน แต่ลูกค้ายังเรียกกันติดปากว่าร้านก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน ทั้งที่ในช่วงนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อร้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

คุณภูริวิชญ์ เล่าให้ฟังต่อว่า ความรุ่งเรืองในกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวของครอบครัวเขานั้น อาจเรียกได้ว่า "ดีวัน ดีคืน" ชนิดคนล้นร้าน ต้องตั้งโต๊ะเสริมกันแทบทุกวัน โดยกลุ่มลูกค้านั้นมีหลากหลายทั้งคนต่างถิ่นและคนในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่มารับประทานกันเพราะได้ยินชื่อเสียงจากการบอกแบบ "ปากต่อปาก" กระทั่งเขาเห็นกันว่าต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นเสียแล้ว

"ผมเรียนจบทางด้านการตลาดมา แต่เมื่อราวสี่ปีที่แล้วยังไม่ทราบเลยว่า แฟรนไชส์คืออะไร แต่เมื่อต้องการนำกิจการเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ จึงไปสมัครอบรมโครงการสร้างผู้ประกอบการแฟรนไชส์ ของกรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ใช้เวลาหนึ่งปี ทำให้มีความรู้ในเรื่องของแฟรนไชส์มากพอสมควร ระหว่างการอบรมผมพยายามนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้กับกิจการของตัวเองกระทั่งมีวันนี้" คุณภูริวิชญ์ เผยถึงเรื่องราวเมื่อครั้งนั้น

เมื่อความเชื่อมั่นในรสชาติได้ผนวกกับความรู้ในรูปแบบธุรกิจ และผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณภูริวิชญ์ จึงก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเมื่อประมาณปี 2545 โดยช่วงแรกเขาตั้งใจจะตั้งชื่อร้านว่า "ก๋วยเตี๋ยวหนังหมู" แต่ฟังไปฟังมาไม่ค่อยจะ "เวิร์ก" คุณภูริวิชญ์เลยตัดสินใจนำประโยคที่ลูกค้ามักพูดกันติดปากว่า "นั่งอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน" มาเป็นชื่อของร้านเสียเลย



เน้นการทำง่ายไร้กังวล

ไม่เคยค้าขายก็ทำได้

คุณภูริวิชญ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน ได้รับการตอบรับจากแฟรนไชส์ค่อนข้างดี ล่าสุดมีแฟรนไชซี่แบบรถเข็นกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ โดยในปี 2549 ตั้งเป้าหมายแฟรนไชซี่ประเภทรถเข็นไว้ 50 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่มากนักหากเทียบกับการขยายแฟรนไชส์สินค้าอื่นๆ แต่เนื่องจากเขาต้องการขยายงานให้มี "คุณภาพ" มากกว่าเปี่ยมไปด้วย "ปริมาณ"

"การลงทุนแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบนในแบบรถเข็นใช้เงินทั้งสิ้น 39,000 บาท ผู้ลงทุนได้อุปกรณ์ครบชุดพร้อมขาย ที่มีความทันสมัย โดดเด่น ใช้งานสะดวก หากจะนำไปขายช่วงกลางคืน รถเข็นมีไฟติดตั้งไว้พร้อม" คุณภูริวิชญ์เผยเงื่อนไข ก่อนบอกด้วยว่า "ค่าแฟรนไชส์ 3 หมื่นกว่าบาท ขายในย่านชุมชนหรือแหล่งขายอาหาร เชื่อมั่นว่า 6 เดือนก็คืนทุนแล้ว แต่ถ้าแฟรนไชซี่ไม่ทำเอง แต่ลงทุนให้ลูกน้องทำทั้งหมด ผมจะไม่แนะนำให้ทำ เพราะเจ้าของต้องมีเวลาเข้ามาดูแลเอาใจใส่"

คุณภูริวิชญ์ ย้ำด้วยว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นแฟรนไชซี่ต้องรับการอบรมการขายก๋วยเตี๋ยวกับทางร้านจนกว่าจะทำเป็น ซึ่งจะเน้นการทำง่าย ไม่ต้องกลัวว่าไม่เคยค้าขายมาก่อน เพราะทุกคนสามารถทำได้ถ้าตั้งใจ แต่หากรายใดไม่สะดวกที่จะเดินทางมายังอำเภอกระทุ่มแบน เขาก็จะเดินทางไปสอนให้ถึงที่เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องทำเลการขายนั้น คุณภูริวิชญ์ บอกว่า หากทำเลที่แฟรนไชซี่จะนำ "ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน" ไปลง เป็นแหล่งขายอาหารที่มีคู่แข่งจำนวนมากแล้วนั้น ตนมักจะบอกเสมอว่า "ไม่ต้องกลัว" เพราะหากได้ไปอยู่ในแหล่งชุมชนแล้วรับรองต้องขายได้ เพราะสินค้าของเรามีความเด่นไม่เหมือนคนอื่น มีรูปแบบที่แตกต่างอย่างเด่นชัด

สำหรับเทคนิคการขายในแบบของ "ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน" ที่ครองใจลูกค้าได้นานถึงกว่า 20 ปี

คุณภูริวิชญ์ เผยให้ฟังอย่างไม่หวงวิชาว่า แฟรนไชซี่ของที่ร้านต้องยึดหลักเดียวกับร้านต้นแบบ นั่นคือ ต้องรักษามาตรฐานรสชาติให้คงที่ และห้าม "ขี้เหนียว" วัตถุดิบโดยเด็ดขาด

สนใจติดต่อ ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบนแฟรนไชส์ 1524/7 ตรงข้ามหอนาฬิกา ตำบลตลาด อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร 74110 โทร. (01) 915-4985, (01) 349-4642 หรือ www.rosded.net
[/FONT]

 

www.sanook.com
ร้านอาหาร - คุณไกร ผัดไทย

คุณไกร ผัดไทย

<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--><META content="ท่องเที่ยว,ที่พัก,ร้านอาหาร,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,โรงแรม,สิ่งแวดล้อม,การท่องเที่ยว,สายการบิน,กล้อง,เชียงใหม่,เกาะช้าง,รูป,ระยอง,รถไฟ ,นุ บางบ่อ , การเดินทาง ทัวร์ ราคาทัวร์ , ท่องเที่ยว ผจญภัย , ปีนหน้าผา ถ้ำ , กรุงเทพฯ , กรุงเทพ , เทศกาล , ประเพณี ภาคเหนือ , ภาคอีสาน , ภาคใต้ , ภาคตะวันออก , ภาคตะวันตก , ภาคกลาง , ขนส่ง , " name=Keywords><META content=ข้อมูลท่องเที่ยวไทยจากสบาย.คอม name=Description><TABLE cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD width=162></TD><TD width=791>

คุณไกร ผัดไทย ท่าเรือแกลง ของอร่อยเมืองระยอง​

ฤดูร้อนทั้งทีต้องไปเที่ยวทะเลสิคะ สัปดาห์นี้เราพาคุณตระเวนหาของอร่อยๆ ทานกันดีกว่าค่ะ ร้านอาหารที่เรากำลังจะแนะนำนี้มีชื่อเสียงมานานหลายปีแล้วค่ะ
</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791> ใครผ่านไปผ่านมาแถวๆ หาดแม่รำพึง ระยอง ก็ต้องหาโอกาสแวะมาทานกัน ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ในช่วงวันหยุดจะเห็นรถทะเบียนกรุงเทพมาจอดเรียงรายกันเต็มไปหมดค่ะ ร้านที่ว่าคือ ร้านคุณไกร ผัดไทย ท่าเรือแกลง ค่ะ</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791> สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับร้านคุณไกรก็ต้องยกให้กับ ผัดไทย (30 บาท) ที่เส้นเหนียวนุ่ม รสชาติก็เข้มข้น ที่พิเศษคือร้านนี้ใส่เนื้อปูและกุ้งลงไปด้วยค่ะ แถมมีทีเด็ดที่เกี๊ยวกรอบทอดเสริฟมาด้วย ยิ่งเพิ่มความอร่อยค่ะ</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791> จานถัดมาเราอยากแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมาทะเล (40 บาท) เอาใจคนชอบรสจัดๆ กับความเข้มข้นของก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมา แต่ร้านนี้จะผัดออกมามีน้ำขลุกขลิกหน่อยนะคะ ไม่แห้งเหมือนที่เราเคยทานกัน ก็ได้รสชาติไปอีกแบบค่ะ ที่สำคัญคือบรรดา กุ้ง เนื้อปู ปลาหมึก ที่ใส่ลงมานั้นสดและอร่อยจริงๆ ค่ะ อาหารจานเดียวอย่างอื่นก็มีอาทิเช่น ข้าวผัด ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว หรือก๋วยเตี๋ยว ชอบสไตล์ไหนก็สั่งมาลองทานกันได้เลยค่ะ
</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791> นอกจากอาหารจานเดียวแล้ว ทางร้านยังมีอาหารหลากหลายไว้บริการ โดยเฉพาะซีฟู้ดที่ขึ้นชื่อเลยต้องยกให้ กรรเชียงปูนึ่ง (250 บาท) สำหรับคนที่ชอบทานปู แต่ติดที่ว่าขี้เกียจแกะ รับรองต้องถูกใจกับจานนี้แน่นอนค่ะ เพราะเป็นเนื้อส่วนกรรเชียงปูใหญ่ๆ สดๆ นำมาลวก ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791> ลูกชิ้นปลาลวก (50 บาท) ลูกชิ้นปลาที่นี่ทำจากเนื้อปลาจริงๆ ค่ะ ทำให้เนื้อกรอบ อร่อย รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็เข้ากันดีค่ะ นอกจากนั้นยังมีอาหารน่าสนใจอีกหลายจานอย่างเช่น ส้มตำปูม้า ยำปลาข้าวสาร น้ำพริกไข่ปู เกี๊ยวปูทอด ปลากะพงนึ่งมะนาวหรือราดพริก เอ็นหอยผัดกะเพรา แกงส้มไข่ปลาเซียว
</TD></TR><TR><TD width=162>

คลิกที่ภาพเพื่อชมแผนที่ใหญ่​

</TD><TD width=791> ผ่านมาระยองอย่าลืมแวะมาพิสูจน์ความอร่อยของผัดไทย และอาหารน่าทานหลากหลาย ที่ร้าน คุณไกร ผัดไทย ท่าเรือแกลง นะคะ</TD></TR><TR><TD width=162></TD><TD width=791>ชื่อร้าน: คุณไกร ผัดไทย
เปิดบริการ: ทุกวัน10.00-18.00 น.
ที่อยู่: 48 หมู่ 3 ถ. เพ-แกรง-กล่ำ ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง
จุดสังเกต: ตรงข้ามโรงเรียนวัดท่าเรือ (ท่าเรือวิทยา)
โทร: 0 3864 8055
บัตรเครดิต: ไม่รับ
ที่จอดรถ: มีที่จอดรถภายในบริเวณร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5650​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>
"ปลาช่อน-สมุนไพร"ชูโรง ก๋วยเตี๋ยว-ต้มยำร้านแสนสดใส

อิ่มอร่อย

</TD><TD vAlign=top align=right>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ด้วยคุณสมบัติไขมันต่ำ ย่อยง่าย มีโปรตีนและแร่ธาตุ "ปลา" และ "ผักสมุนไพร" เป็นเมนูสุขภาพที่มักมาควบคู่กัน

ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีร้านก๋วยเตี๋ยวปลาช่อน "แสนสดใส" นำเสนอเมนูครบคุณค่าทางอาหาร โดยมีรสชาติเข้มข้นและความหอมขึ้นจมูกของสมุนไพร

ร้านก๋วยเตี๋ยวปลาช่อน แสนสดใส ตั้งอยู่เลขที่ 836/10-11 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.เชียงราย อยู่ห่างจากอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายเพียง 500 เมตร

เปิดกิจการมาตั้งแต่ปลายปี 2547 โดยมีคุณธรรมรินและคุณสุนีย์ แสนสดใส สองสามีภรรยาเชื้อสายจีนที่ย้ายมาจากย่านเยาวราชเป็นเจ้าของร้าน

จุดเด่นในเมนูอาหารของร้านนี้คือการนำปลาช่อนมาใช้กับก๋วยเตี๋ยว ซึ่งแตกต่างจากร้านอื่นๆ นอกจากนี้ ยังใช้สมุนไพรมาปรุงเพิ่มความหอมและสร้างกลิ่นอายของอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับคนไม่กินรสเผ็ดจัด เมนูต่างๆ ของร้านที่ออกไปทางรสชาติอาหารจีนอาจเป็นตัวเลือกที่ดี

เจ้าของร้านทั้งสองเล่าว่า ก่อนจะมาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ทางครอบครัวทำกิจการร้านถ่ายรูป มีห้องแล็บ ต่อมาลูกชายได้แยกครอบครัวแต่งงานไปอยู่ต่างจังหวัด คุณสุนีย์ ภรรยา ก็มีความคิดที่จะเอาสูตรอาหารที่เคยทำกินในครอบครัวเป็นประจำมาเปิดขาย <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

เริ่มแรกเปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวปลาช่อน ซึ่งทำอย่างพิถีพิถัน แกะเนื้อปลาเลาะก้างออกทุกชิ้น ต้มน้ำซุปสูตรเยาวราชกลมกล่อม เปิดขายได้ระยะหนึ่งเริ่มมีลูกค้าติดใจ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ระหว่างนั้นเริ่มมีลูกค้าสั่งปลาลวก ลูกชิ้นปลาสด และปลาช่อนผัดขึ้นฉ่าย จึงเป็นเมนูที่เพิ่มขึ้นมา จนปัจจุบันมีเมนูเพิ่มขึ้นกว่า 20 ชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารประเภทผักและปลา ให้กลุ่มผู้ชอบรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพได้เลือก

เมนูเด็ดที่เป็นที่นิยมของลูกค้าและเป็นที่ขึ้นชื่อของทางร้าน นอกจากก๋วยเตี๋ยวปลาช่อนและลูกชิ้นปลากรายแล้ว ก็มีต้มยำปลาช่อนหม้อไฟ ผัดปลาช่อนขึ้นฉ่าย ปลาช่อนผัดพริกเผา ซึ่งใช้น้ำพริกเผากุ้งสด ต้มยำหัวพุงปลาช่อนหม้อไฟ โดยทางร้านจะไม่มีต้มยำน้ำข้น เน้นรสชาติตามแต่ลูกค้าสั่งเป็นหลัก ที่สำคัญคือทุกเมนูจะเน้นเครื่องสมุนไพรเพื่อสุภาพ <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

คุณธรรมรินเผยสูตรเด็ดเฉพาะร้านแสนสดใสที่ทำให้อาหารทุกเมนูอร่อยและเป็นสูตรที่ต้องใช้เวลาในการปรุงค่อนข้างนาน ว่าจะต้มสมุนไพรรวมมากกว่า 10 ชนิด คั้นเอาน้ำสมุนไพรออกมาเตรียมไว้ ก่อนที่จะทำต้มยำและผัดต่างๆ ก็จะใช้น้ำสมุนไพรที่เตรียมไว้ตัวนี้ใส่ลงไป พร้อมกับเครื่องปรุง จะทำให้เข้าถึงรสชาติได้อย่างกลมกลืน

ต้มยำต่างๆ นั้น ลูกค้าที่เคยมากินครั้งแรกต่างก็สงสัยว่าทำไมหอมกลิ่นสมุนไพร ทั้งๆ ที่ไม่เห็นว่าใส่ตะไคร้ ขิง ข่า ลอยกวนใจอยู่ในหม้อไฟแม้แต่ชิ้นเดียว แต่กลิ่น รส ไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย

เรื่องของเครื่องจิ้มก็สำคัญ ทางร้านก็พิถีพิถันในการทำน้ำจิ้ม มีน้ำจิ้มสามรส และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่เนื้อละเอียด ทำให้เข้าถึงอาหารที่นำมาจิ้มได้อย่างลงตัว

เจ้าของร้านฝ่ายชายบอกอีกว่า การทำเครื่องปรุงอาหารให้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงและน้ำจิ้ม จะทำให้อรรถรสในการกินอาหารนั้นรื่นรมย์มากยิ่งขึ้น เพราะลิ้นและร่างกายจะดูดซับได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เข้าถึงรสชาติได้มากขึ้น และรับรองหาที่เปรียบเหมือนไม่ได้ จึงทำให้ลูกค้าหลายท่านกลับมาอุดหนุนเป็นรอบที่สอง สาม จนกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้วหลายราย แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด หลายคนต้องกลับมาเที่ยวเชียงรายและมารับประทานอาหารที่ร้านแสนสดใสอีกครั้ง

ราคาอาหารมีตั้งแต่ 120-150 ลูกชิ้นปลากรายชุดละ 50-100 บาท ก๋วยเตี๋ยว 25-40 เกาเหลา 40 บาท ข้าว 5 บาท และยังขอยืนยันราคาเดิมถึงแม้ว่า ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจ จะเริ่มฝืดเคืองก็ตาม

ร้านแสนสดใสเปิดบริการตั้งแต่ 08.00-21.00 น.ทุกวัน หากผู้ใดสนใจเดินทางมาชิม ต้องการสอบถามรายละเอียด สามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-5371-1879, 0-5371-2607


<TABLE cellSpacing=15 cellPadding=2><TBODY><TR><TD align=middle colSpan=5>
</TD></TR><TR><TD><!--img src="thumbnail.php?file=../newsphoto/newsrelate/200605181150380.jpg" border="0" align="bottom"--></TD><TD><!--img src="thumbnail.php?file=../newsphoto/newsrelate/200605181150381.jpg" border="0" align="bottom"--></TD><TD><!--img src="thumbnail.php?file=../newsphoto/newsrelate/200605181150382.jpg" border="0" align="bottom"--></TD><TD><!--img src="thumbnail.php?file=../newsphoto/newsrelate/200605181150383.jpg" border="0" align="bottom"--></TD></TR><TR><TD><!--img src="thumbnail.php?file=../newsphoto/newsrelate/200605181150384.jpg" border="0" align="bottom"--></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%"><TBODY></TBODY></TABLE><!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://truehits.gits.net.th/data/a0000314.js"></SCRIPT><!-- END WEBSTAT CODE -->

 

ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย

<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--><META content="ท่องเที่ยว,ที่พัก,ร้านอาหาร,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,โรงแรม,สิ่งแวดล้อม,การท่องเที่ยว,สายการบิน,กล้อง,เชียงใหม่,เกาะช้าง,รูป,ระยอง,รถไฟ ,นุ บางบ่อ , การเดินทาง ทัวร์ ราคาทัวร์ , ท่องเที่ยว ผจญภัย , ปีนหน้าผา ถ้ำ , กรุงเทพฯ , กรุงเทพ , เทศกาล , ประเพณี ภาคเหนือ , ภาคอีสาน , ภาคใต้ , ภาคตะวันออก , ภาคตะวันตก , ภาคกลาง , ขนส่ง , " name=Keywords><META content=ข้อมูลท่องเที่ยวไทยจากสบาย.คอม name=Description><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD width=975><TABLE cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=162>




คลิกที่ภาพเพื่อชมแผนที่ใหญ่
</TD><TD vAlign=top width=794>

ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย ก๋วยเตี๋ยวอร่อย ของทอดรสเยี่ยม​

สัปดาห์ที่แล้วเราพาไปทานอาหารอีสานที่ร้านเจ๊บุญช่วยหัวหินกันไปแล้ว สัปดาห์นี้มาต่อกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปลาแสนอร่อยคู่เมืองหัวหินกันค่ะ อยู่ถนนริมคลองชล ไม่ไกลจากร้านเจ๊บุญช่วยค่ะ ร้านนี้ดังขนาดที่มีรูปคนดังแวะมากินถ่ายติดโชว์ไว้ข้างฝาค่ะ อย่างนี้ก็ต้องไปลองชิมแล้วกันหน่อย ตามมาสิคะที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย
สำหรับการเดินทางมาชิมนั้น มาได้สองเส้นทางค่ะ ทางแรกก็ให้เข้ามาในซอยเพชรเกษม 56 ตรงมาเรื่อยๆ ข้ามทางรถไฟเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายค่ะ จะเป็นถนนเลียบคลองชลประทาน ตรงไปซักพักสังเกตป้ายชื่อร้าน เลี้ยวขวาข้ามสะพาน ร้านอยู่ด้านขวามือค่ะ
หรือมาอีกทาง จากสี่แยกไฟแดงร้านขายยาจี้อันตึ๊งจากกรุงเทพฯ ให้เลี้ยวขวา ข้ามทางรถไฟไปสัก 200 เมตร เลี้ยวขวาทางไปน้ำตกป่าละอู พอถึงทางโค้งจะเลี้ยวซ้ายให้เลี้ยวขวาลงถนนเลียบคลองชลประทาน ตรงมาอีกซักพัก สังเกตป้ายชื่อร้านด้านซ้ายมือค่ะ
อาหารเด็ดก็ต้องเป็น ก๋วยเตี๋ยวปลา (30 บาท) ค่ะ จะทานเป็นเส้นแบบไหนก็ได้ หรือเกาเหลาก็เด็ดค่ะ หรือจะลอง เกี๊ยวปลา ปลาเส้น (25 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ น้ำซุปของร้านนายหอยอร่อยจนไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยค่ะ แต่สำหรับคนที่ชอบทานรสจัดขึ้นมานิดนึงก็ลองสั่งเป็นแบบต้มยำก็แซ่บไปอีกแบบค่ะ นอกจากก๋วยเตี๋ยวปลาแล้ว ทางร้านยังมี ก๋วยเตี๋ยวทะเล (30 บาท) ซึ่งจะมีกุ้ง ปลาหมึกมาเพิ่มค่ะ
ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวก็ลองสั่งของกินเล่นมารองท้องกันดีกว่าค่ะ เริ่มจาก ปลาลวกจิ้ม (70 บาท) ทางร้านใช้เนื้อปลาสดๆ นำมาลวก ก่อนเสริฟโรยหน้าด้วยกระเทียมและคึ่นฉ่ายหั่น ทานกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวแสนอร่อย
ของทอดของร้านนี้ก็เด็ดค่ะ มีทั้ง แฮกึ้นทอด (50 บาท) เผือกทอด (30/50 บาท)ขนมหัวไชเท้าทอด (30/50 บาท)ลูกชิ้นทอด หรือ หนังปลาทอดกรอบ (30/50 บาท)ชอบแบบไหนก็สั่งแบบนั้นค่ะ แต่เราแนะนำให้สั่งหลายๆ อย่าง จะได้ลองชิมดูว่า คุณชอบจานไหนมากกว่ากันนะคะ เพราะเราลองชิมแล้วเลือกไม่ถูกจริงๆ ค่ะ
สำหรับใครที่อยากแวะมาลองชิม ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงช่วงเที่ยงนะคะ เพราะคนเยอะจริงๆ อาจต้องรอนานนิดนึงค่ะ ก็เอาเป็นว่าใจเย็นกันหน่อยนะคะ ก็ของเขาอร่อยนี่คะ
ชื่อร้าน: ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย
เปิดบริการ: ทุกวัน 10.00 - 15.00 น.
ที่อยู่: ถนนริมคลองชล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
บัตรเครดิต: ไม่รับ
ที่จอดรถ: จอดรถได้หน้าร้าน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา sanook.com

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว" ลองแล้วจะติดใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 มิถุนายน 2549 15:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆในร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ในมื้อที่เร่งด่วนของวันในการทำงาน การหาอาหารกินง่ายๆ ใส่ท้อง แล้วอิ่มอร่อยก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว ซึ่งนอกจากข้าวราดแกงสารพันอย่างแล้ว บรรดาสารพัดก๋วยเตี๋ยวน้ำ-แห้ง ก็เป็นหนึ่งในเมนูที่นึกขึ้น เพราะหากินง่าย กินสะดวกเช่นกัน

มื้อนี้"ผ่านมาแวะกิน" จึงอยากจะพามิตรรักนักชิมไปลองลิ้มเมนูกินง่าย กินด่วน แถมกินดีอร่อยปาก กับเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือชวนกินของร้าน "ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว" ที่ตั้งอยู่ในซอยโชคชัยร่วมมิตร (วิภาวดี 16)

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกหมูและเนื้อรสเด็ดชวนกิน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เหตุที่พามากินก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊วนี้ ก็เพราะว่าก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่เขาขึ้นชื่อลือชา ตรงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่เข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ ว่าแล้วอย่ารอช้าสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือมาลองลิ้มชิมรสกันเลยจะดีกว่า ชามแรกสั่งเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก (20,30 บาท) ที่มีหลายเส้นให้เลือกสั่ง มีทั้ง เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ขาว บะหมี่ วุ้นเส้น และเกี้ยมอี๋

"ผ่านมาแวะกิน" เลือกสั่งเป็นเส้นหมี่ขาวหมูน้ำตก พอก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟมาถึงโต๊ะจะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศของน้ำซุปเตะจมูกมาเลย และก็มีเครื่องใส่มาหลายอย่างทั้ง หมูสด ลูกชิ้นหมู หมูตุ๋น ตับหมู และเครื่องในหมู และทีเด็ดอีกอย่างอยู่ตรงที่ทางร้านจะปรุงรสมาให้เลย เรียกว่าปรุงแบบรสแซบใส่พริก มะนาวมาให้ แค่คลุกให้เข้ากับน้ำซุป แล้วก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก เคี้ยวหนึบหนับปากกับเครื่องที่ใส่มา ซดน้ำซุปร้อนๆ เข้มข้นหอมเครื่องเทศ เผ็ดแซบลิ้นกำลังดี

จัดการกับชามแรกจนหมดเกลี้ยงเลยสั่งชามที่สองตามมาติดๆ เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อน้ำตก (20,30 บาท) ซึ่งหม้อน้ำซุประหว่างหมูกับเนื้อทางร้านเขาจะแยกหม้อกัน หายห่วงได้สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อ แต่ถ้าใครชอบกินเนื้อก็ไม่ควรที่จะต้องสั่ง เพราะเขาใส่เครื่องมาหลายอย่างทั้ง เนื้อเปื่อย เนื้อตุ๋น ตับเนื้อ ผ้าขี้ริ้ว ลูกชิ้นเนื้อ และก็ปรุงรสแซบมาให้ด้วยเหมือนกัน เนื้อชามนี้เด็ดตรงที่น้ำซุปอีกเช่นเคย ซึ่งใช้กระดูกเนื้อต้มรวมกับเครื่องเทศ จึ้งได้น้ำซุปที่รสเข้มข้นกลมกล่อม ส่วนเครื่องพวกเนื้อตุ๋น เนื้อเปื่อยก็เคี้ยวนุ่มปาก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลากหลายเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ทางร้านมีขาย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> และนอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งหมูและเนื้อรสเด็ดนี้แล้ว ที่นี่ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวอย่างอื่นให้เลือกกินอีก อาทิ บะหมี่แห้งยำหมู (20,30 บาท) เกี้ยมอี๋น้ำ (20, 30 บาท) เย็นตาโฟ (20,30 บาท) และก็ยังมี กากหมู (5 บาท) ทอดที่ทางร้านทอดเองแบบไม่อมน้ำมันมาให้สั่งกินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยว และก็มีของหวานให้กินล้างปากกันอีกเป็น ไอศกรีมกะทิสด (10 บาท)

เห็นรึยังว่าที่นี่มีสารพันก๋วยเตี๋ยวให้เลือกกินมากมายจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือแล้วล่ะก็ ขอบอกว่าลองแวะมาชิมก๋วยเตี๋ยวเรือของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว นี้กันดูแล้วจะติดใจปาก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 มิถุนายน 2549 15:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ชื่อร้าน : ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านแจ๊ว

ประเภทอาหาร : ก๋วยเตี๋ยวเรือ

เมนูจานเด่น : ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกหมู-เนื้อ, เย็นตาโฟ, บะหมี่แห้งยำหมู, กากหมู

บรรยากาศร้าน : ตึกแถว 2 ห้อง

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 61/16 ซ. โชคชัยร่วมมิตร (วิภาวดี 16) ถ. วิภาวดี จตุจักร กทม. การเดินทางพอขับรถมาถึงซ.โชคชัยร่วมมิตร ให้ขับตรงเข้าซอยมาเรื่อยๆ จนถึงซอย11 จะเห็นร้านเป็นตึกแถวตั้งอยู่ริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (แต่ถ้าจะมากินโทรมาถามกับทางร้านก่อนจะดีว่าเปิดขายหรือเปล่า)

เบอร์โทรศัพท์ : ทางร้านรับจัดงานนอกสถานที่ โทร. 0-2691-5658, 0-1924-2199
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post267233 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"><!-- status icon and date --> วันนี้, 06:20 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>rinnn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_267233", true); </SCRIPT>
สมาชิก
สมาชิกยอดนิยม



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:55 PM
วันที่สมัคร: Nov 2005
ข้อความ: 3,437 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 1,252
Thanked 2,451 Times in 1,128 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 596


</TD><TD class=alt1 id=td_post_267233><!-- icon and title -->ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่ไม่ธรรมดา
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellPadding=5 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD>ก๋วยเตี๋ยวน้ำโค้ก
ใครที่มีโอกาสไปเชียงใหม่ อยากให้ลองไปแถวหน้าโรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง ฝั่งตรงข้ามมีร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่แปลกอยู่ร้านหนึ่ง หากมองแบบผ่านๆก็ธรรมดา แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำโค้ก ซึ่งเปิดโค้กจากขวดเทลงในกระทะหมูตุ๋นร้อนๆไม่ต่างจากน้ำซุป หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วมันจะกินได้เหรอ โค้กใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก รสชาติคงแปลกพิลึก ผิดคาด เพราะไม่เป็นอ่ะไรเนื่องจากใครๆที่กินก็บอกว่าปกติ แถมยังบอกต่อๆกันไปถึงความอร่อย ชนิดที่ดาราคนดังล้วนต่างมาเยือนแล้วทั้งนั้น
</TD></TR><TR><TD><TABLE style="WIDTH: 569px; HEIGHT: 386px" cellPadding=5 width=569 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD>ความจริงก๋วยเตี๋ยวกับโคล่าไม่น่าไปด้วยกันได้เลย ทว่าน้ำโค้กกลับไปเพิ่มความอร่อยให้หมูตุ๋นจนได้รสชาติซ่านลิ้น
รัตนา ชินะอาคตะกุล เจ้าของสูตรบอกว่าต้องใส่น้ำโค้กผสมน้ำปลา เพื่อให้ได้สัดส่วนที่กลมกล่อมพอดี ใส่มากไปก็ไม่ดี ใส่น้อยไปน้ำซุปก็ไม่หอม ทั้งนี้น้ำปลาช่วยดับความซ่าของน้ำโค้ก ส่วนน้ำโค้กช่วยดับกลิ่นของน้ำปลา ทำให้รสชาติได้สัดส่วน เจ้าของร้านยังบอกอีกว่าแต่ละวันต้องใช้น้ำโค้กอย่างต่ำประมาณ 3 ขวดลิตร คือ สองขวดแรกเทลงในกระทะตั้งแต่เมื่อเริ่มตั้งเตาหมูตุ๋น จากนั้นก็ค่อยเติมโค้กอยู่เรื่อยๆไม่ให้น้ำแห้ง ไม่เช่นนั้นจะเสียรสชาติความอร่อยสูตรหมูตุ๋นน้ำโค้กนี้ เป็นความบังเอิญที่ได้มาจากเพื่อนที่อยู่จังหวัดสุพรรบุรี ได้ชวนไปกินไก่ต้มโค้ก พอได้กินแล้วรู้สึกอร่อยจึงนำมาดัดแปลงคิดเป็นสูตรก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำโค้ก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ร้านนี้เปิดขายมาได้ 12 ปีแล้ว ราคาขายชามละ 30-40 บาทความอร่อยไม่ต้องการันตี หากใครไปที่ร้านนี้คงได้เห็นกันเองแน่ๆเพราะบนฝ้าเพดานจะมีลายเซ็น และความคิดเห็นของคนที่มากินได้เขียนเอาไว้ รวมทั้งดารานักร้อง ไทย และเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE>ขอบคุณเเละอ่านเรื่องราวสนุกๆได้ใน
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

เครื่องปรุง :

1. เห็ดหอมสับ 1 ถ้วยตวง
2. แครอทหั่นลูกเต๋า 1 ถ้วยตวง
3. หมูสับ 5 กิโลกรัม
4. ผงปรุงรส 2 ช้อนชา
5. น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
9. ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ (ผักเช่น ผักกาดหอม,ผักชี,สะระแหน่ ใบโหระพา )
น้ำจิ้ม : พริกขี้หนูสวนปั่นละเอียด 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว น้ำปลา ผักชีปั่นทั้งรากและใบ และใบโหระพา 5 กิโลกรัม

วิธีทำ :
1. นำแผ่นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่นึ่งอีกครั้งเพื่อดับกลิ่น

2. หมักหมูบดกับซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย และผงปรุงรส แช่ไว้ในตู้เย็น ประมาณ 30 นาที เพื่อจะได้หมูนุ่มอร่อย กลมกล่อม

3. จากนั้นเป็นขั้นตอนการผัดไส้ ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำแครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ากับเห็ดหอมสับ ลงไปผัด พอสุกแล้วใส่หมูบดที่หมักไว้ลงไป ผัดจนแห้งแล้วปรุงรสด้วยผงปรุงรส น้ำตาลทราย น้ำมันหอย สิ่งสำคัญคือต้องผัดให้แห้ง เวลาห่อจะได้สะดวกเพราะไม่มีน้ำเยิ้มออกมา

4. วิธีการห่อให้สวยงาม เริ่มจากวางแผ่นก๋วยเตี๋ยวลง ตามด้วยผักกาดหอม ใบสะระแหน่ ใบโหระพา ผักชี แล้วตามด้วยไส้ที่ผัดจนหอมแล้วห่อม้วนอย่างดี เวลาเสิร์ฟตัดพอดีคำ รับประทานแกล้มกับผักต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม สะระแหน่ ผักชี และใบโหระพา

วิธีทำน้ำจิ้ม :
น้ำจิ้มก็คือ น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ใส่น้ำ 1 ถ้วย ตั้งไฟพอละลาย ไม่ต้องเหนียว นำพริกขี้หนูสวนโขลกหรือปั่น 1 ถ้วย ใส่ผงปรุงรสนิดหน่อย และน้ำมะนาว น้ำปลา หัวใจของน้ำจิ้มก็คือ ใส่รากผักชี ใส่ทั้งใบ ทั้งรากและต้น ใส่ไปครึ่งกิโลกรัม และใบโหระพา ปั่นรวมกัน ผสมคลุกเคล้ากลายเป็นน้ำจิ้มรสเด็ด แซบสุด ๆ ...

 

เห็นแล้วหิว

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เส้นนุ่ม รสดี “ผัดหมี่ฮ่องกง”/ กุ๊กเล็ก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กรกฎาคม 2549 16:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผัดหมี่ฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นที่รู้จักกันดีว่า “ฮ่องกง” เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย

นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นแหล่งของกินชั้นดีที่มีอาหารให้เลือกกินมากมาย สำหรับในมื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” ไม่ได้ไปไกลถึงฮ่องกง แต่ว่าได้นำอาหาร(ชื่อ)กลิ่นอายฮ่องกงมากำนัลแด่มิตรรักนักกิน ซึ่งสามารถทำกินได้ไม่ยากด้วยประการทั้งปวง ว่าแล้วเราก็เตรียมส่วนผสมกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม
เส้นหมี่ฮ่องกง 3 ขีด
เนื้อหมูหั่นเป็นเส้นๆ 1 ขีด
กุ้งสดปอกเปลือก 1 ขีด
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
ต้นหอมหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำซุป 1/4 ถ้วย

วิธีทำ เริ่มจากตั้งกระทะใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง แล้วเติมน้ำมันลงไป จากนั้นใส่กระเทียม เนื้อหมู กุ้ง ลงไปผัดรวมกันจากนั้นให้นำเส้นบะหมี่ฮ่องกงที่ต้มสุกแล้ว (หรือใครจะใส่แฮมลงไปเพิ่มรสชาติก็แล้วแต่ความชอบ ส่วนเส้นหมี่ต้องนำไปต้มกับน้ำร้อนจนกว่าเส้นจะนิ่ม)

เสร็จแล้วให้นำเส้นลงใส่ในกระทะ ผัดคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่นๆเติมน้ำตาลทราย และน้ำซุปผัดต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ เมื่อสังเกตว่าน้ำซุปเข้าที่กับเส้นแล้ว ปิดไฟแล้วนำต้นหอมหั่นฝอยโรย คลุกให้เข้ากันเพียงเท่านี้ก็ตักใส่จานเสิร์ฟได้

เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูจานเด็ดอีกหนึ่งจานแบบง่ายๆ ทำกินเองก็ได้ แถมยังไม่ต้องไปไกลถึงเกาะฮ่องกงแต่อย่างใด
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม” เส้นนุ่ม รสเข้มถูกปาก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กรกฎาคม 2549 15:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : กุ๊กเล็ก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> มื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” ขอเอาใจผู้ที่ชื่นชอบกินอาหารประเภทเส้นกันสักหน่อย ด้วยการนำเสนอเมนูอาหารจานเส้นรสเด็ดที่ชื่อว่า “สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม” เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารตะวันตกคือเส้นสปาเก็ตตี้ กับการปรุงแต่งสไตล์อาหารไทยแบบจัดจ้าน ออกมาเป็นเมนูจานเด็ดที่ชวนกินไม่น้อยเลย

สำหรับส่วนผสมในการทำสปาเก็ตตี้ปลาเค็มมีดังนี้

เส้นสปาเก็ตตี้ (ต้มสุก)160 กรัม
เนื้อปลาอินทรีเค็ม 100 กรัม
ใบโหระพา 20 กรัม
ใบมะกรูดทอดกรอบ 20 กรัม
พริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ 10 เม็ด
พริกไทยอ่อน 6 ช่อ (ตัดเป็นชิ้นเล็กพอคำ)
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น และ น้ำตาลทราย (ปริมาณตามแต่ความชอบ)

เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้วก็ลงมือปรุงอาหารกันเลย เริ่มจากนำเนื้อปลาอินทรีเค็มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า นำไปคลุกกับแป้งสาลีแห้งๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันมะกอกให้ดูสีเหลืองสวยงามแล้วตักขึ้นพักทิ้งไว้ แบ่งเป็น 2 ส่วนไว้โรยหน้าและอีกส่วนนำไปยีไว้ผัดกับเส้นสปาเก็ตตี้

จากนั้นก็หันมาตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนปานกลางใส่น้ำมันมะกอกจนร้อนได้ที่ ก็ใส่กระเทียมสับและพริกไทยอ่อนผัดให้หอม จึงใส่เนื้อปลาอินทรีที่ยีไว้ลงไป ตามด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ แล้วผัดให้เข้ากัน ปรุงรสตามชอบด้วย เกลือป่นและน้ำตาลทราย

สุดท้ายใส่ใบโหระพา พริกขี้หนูแห้งทอด และใบมะกรูดทอดลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยปลาอินทรีทอดอีกทีเป็นอันว่าเสร็จสรรพอิ่มอร่อยกันไปอีกหนึ่งมื้อ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่มา sanook.com

ร้านอาหาร - ร้านอรรถรส

ร้านอรรถรส​

<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--><META content="ท่องเที่ยว,ที่พัก,ร้านอาหาร,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,โรงแรม,สิ่งแวดล้อม,การท่องเที่ยว,สายการบิน,กล้อง,เชียงใหม่,เกาะช้าง,รูป,ระยอง,รถไฟ ,นุ บางบ่อ , การเดินทาง ทัวร์ ราคาทัวร์ , ท่องเที่ยว ผจญภัย , ปีนหน้าผา ถ้ำ , กรุงเทพฯ , กรุงเทพ , เทศกาล , ประเพณี ภาคเหนือ , ภาคอีสาน , ภาคใต้ , ภาคตะวันออก , ภาคตะวันตก , ภาคกลาง , ขนส่ง , " name=Keywords><META content=ข้อมูลท่องเที่ยวไทยจากสบาย.คอม name=Description><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

แผนที่​

</TD><TD vAlign=top><TABLE cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=36></TD><TD align=middle width=43></TD></TR></TBODY></TABLE>
ร้านอรรถรส
ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย สูตรดั้งเดิม บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจรดเย็น ในราคาเป็นกันเอง แต่รสชาตระดับภัตตาคาร
"ครัวอรรถรส" ยินดีให้บริการอาหาร ถูกปาก รสชาติอร่อยและสะอาด ถูกหลักอนามัย ราคาประหยัด กับเมนูเด็ดหลากหลายรายการ เช่น ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ขนมจีนสี่ภาค ข้าวหมูแดง หรือจะเป็นอาหารอีสานรสชาติดั้งเดิม พร้อมทั้งของว่าง ขนมหวานแบบไทย ๆ และเครื่องดื่มครบครัน...เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 9:00 น.-18:00 น.
เมนู : 20 - 35 บาท ได้แก่
ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย
ก๋วยเตี๋ยวผัดสุโขทัย
ขนมจีน น้ำยา, น้ำเงี้ยว, น้ำพริก
ข้าวหมูแดง - กรอบ
ลาบ , น้ำตก , คอหมูย่าง
ส้มตำ , ไทย - ปู
ก๋วยเตี๋ยวหลอด - ปอเปี๊ยทอด รายละเอียด
<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>พื้นที่ :</TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>เพชรบุรี- รัชดาภิเษก </TD></TR><TR><TD width="16%">ที่อยู่ :</TD><TD width="84%">15/126 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. 10900</TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>โทรศัพท์ :</TD><TD bgColor=#fff2df>0 2541 6577 , 0 6886 3086 </TD></TR><TR><TD width="16%">โทรสาร :</TD><TD width="84%">0 2541 6577 </TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>เวลาเปิดให้บริการ : </TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>08:00 - 18:00 (ยกเว้นวันอาทิตย์ ปิด 16:00 น.)</TD></TR><TR><TD width="16%">วันหยุด :</TD><TD width="84%">N/A </TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>จำนวนที่นั่ง : </TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>100 ที่นั่ง </TD></TR><TR><TD width="16%">ที่จอดรถ : </TD><TD width="84%">มี </TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>ค่าเปิดเหล้า : </TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>เอาเข้าไปได้? </TD></TR><TR><TD width="16%">การเดินทาง : </TD><TD width="84%">สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว หรือ รัชกาภิเษก </TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>URL :</TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>www.auttarod.com </TD></TR><TR><TD width="16%">อีเมลล์ : </TD><TD width="84%">auttarod_dili@hotmail.com </TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>ราคาต่อหัวเฉลี่ย :</TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>50 บาท/คน </TD></TR><TR><TD width="16%">ค่าบริการ :</TD><TD width="84%">-</TD></TR><TR><TD width="16%" bgColor=#fff2df>บัตรเครดิต :</TD><TD width="84%" bgColor=#fff2df>-</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.thailandoor.com
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เย็นตาโฟฟ้าผ่า"รสเด็ดเผ็ดถึงใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 กรกฎาคม 2549 14:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศด้านหน้าร้านเย็นตาโฟฟ้าผ่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ในขณะที่กำลังนึกหาร้านกินมื้อเที่ยงอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์จากเพื่อนสาวตัวดีก็ดังขึ้นพร้อมกับการเชิญชวนให้ไปรวมวงสนทนามื้อเที่ยงกันที่ร้าน "เย็นตาโฟฟ้าผ่า"...สูตร...กะทะทองแดง...(ทางร้านสะกดคำว่ากะทะอย่างนี้) ย่านเกษตร-นวมินทร์

เรื่องเจอเพื่อนนะไม่เท่าไหร่เพราะเจอกันบ่อยอยู่แล้ว แต่เมื่อเอาเรื่องเย็นตาโฟรสเด็ดของร้านนี้มาล่อใจนี่สิ มีหรือที่คนอย่าง "ผ่านมาแวะกิน"จะปฏิเสธ ว่าแล้วเราก็ไม่รีรอมุ่งหน้าไปที่ร้านดังกล่าวทันที

เมื่อมาถึงสังเกตบรรยากาศร้านที่จัดเป็นห้องแถว ติดริมฟุตบาทจัดร้านแบบโปร่งโล่งสบาย แล้วก็รับเมนูมาก็สั่งกันเลยเริ่มที่ เส้นใหญ่เย็นตาโฟฟ้าผ่า (ธรรมดา 35 บาท,พิเศษ 40 บาท) เมนูเด็ดยอดฮิตประจำของร้าน ที่โดดเด่นมากในเรื่องของความเผ็ดร้อน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เย็นตาโฟหลากหลายชนิด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับมื้อนี้เราเลือกสั่งเส้นใหญ่เย็นตาโฟ ที่ทางร้านเสิร์ฟมาร้อนๆพร้อมสารพัดเครื่องเย็นตาโฟที่บางอย่างหากินไม่ได้จากเย็นตาโฟเจ้าอื่น ไม่ว่าจะเป็น กุ้งชุบแป้งทอดกลิ่นกะทิหอมเตะจมูก หรือยอดมะระมาลวกพอสะดุ้งที่ใส่มาด้วยในชาม

ส่วนที่เหลือก็มีเต้าหู้ชิ้น ลูกชิ้นปลารักบี้ ลูกชิ้นปลากลม ปลาหมึกดองกรอบ เห็ดหูหนูขาว เลือดหมูก้อนสูตรฟ้าผ่านี้มีหลายระดับทั้งเผ็ดมาก เผ็ดน้อย

หรือไม่เผ็ดเลยก็สามารถสั่งได้ รสชาติก็จะเผ็ดจัดจ้านตั้งแต่คำแรกที่เข้าปาก ตามด้วยรสเปรี้ยวอมหวาน กลมกล่อมแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม

ต่อมาเป็น สลัดเย็นตาโฟ ( 50 บาท) เป็นเมนูใหม่สำหรับคนรักสุขภาพและคนกลัวอ้วน เกิดจากการนำน้ำสลัดสูตรพิเศษและน้ำซอสเย็นตาโฟรสเผ็ดน้อยมาผสมผสานกัน

นำมาเคี่ยวจนเข้าที่ แล้วราดบนผัดกาดแก้ว เผือดต้มสุกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ อีกทั้งยังมี ข้าวโพด แอปเปิ้ล ปอกเปลือกตัดเป็นชิ้นๆ ตกแต่งด้วยสับปะรด โรยหน้าด้วยทาโร่ทอดกรอบ

เป็นสลัดที่หน้าตาหน้ากินทีเดียว ก่อนกินแนะนำให้คลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน น้ำสลัดสีชมพูอ่อนบวกรสชาติของน้ำสลัดจะออกเปรี้ยวและมีรสเผ็ดที่ปลายลิ้น นับเป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าลิ้มลองไม่น้อย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สลัดเย็นตาโฟ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>หมูสะเต๊ะ (ชุดละ 40 บาท) เป็นหมูสะเต๊ะสูตรตะไคร้หอม ที่เกิดจากนำเครื่องปรุงและเครื่องสมุนไพรกว่า13ชนิด มาผสมรวมกันและหมักกับเนื้อหมู

ใช้หมูสันนอกแบบไม่มีมันติดเลยมาหมักปิ้งไฟ กินกับน้ำอาจาดที่มีแตงกวากับหอมหัวใหญ่ น้ำใสรสหวานซ่อนเปรี้ยว และน้ำจิ้มถั่วมีกลิ่นหอมลูกกะวานกับลูกผักชีกับถั่วลิสง รสชาติจะหวานและหอมกลิ่นตะไคร้กับกะทิ

นอกจากนี้ยังมีเมนูน่าลองอย่าง เย็นตาโฟต้มยำแห้ง( 35 บาท),ยำปลาหมึกเย็นตาโฟ( 40 บาท),ต้มยำสะดุ้งแห้ง( 35 บาท),ชุดลวกจิ้ม( 60 บาท),ไอศกรีมกะทิ( 15 บาท)

มื้อนี้อิ่มแปล้พุงกาง สำหรับคนรักเย็นตาโฟประเภทจี๊ดจ๊าดรสเด็ดเผ็ดถึงใจ ที่"ร้านเย็นตาโฟฟ้าผ่า"(สูตรกระทะทองแดง)เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน “เย็นตาโฟฟ้าผ่า”
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดการเดินทางไปยังร้าน"เย็นตาโฟฟ้าผ่า"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 กรกฎาคม 2549 16:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ชื่อร้าน : เย็นตาโฟฟ้าผ่า

ประเภทอาหาร : เย็นตาโฟ
เมนูจานเด่น :เย็นตาโฟฟ้าผ่า,สลัดเย็นตาโฟ,หมูสะเต๊ะ,ชุดลวกจิ้ม,ต้มยำสะดุ้งแห้ง
บรรยากาศร้าน : ห้องแถวโปร่งโล่งสบาย
ที่ตั้ง และการเดินทาง : ร้าน"เย็นตาโฟฟ้าผ่า"...สูตร...กะทะทองแดง...เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา09.00- 15.00น.ตั้งอยู่ริมถนนเกษตรตัดใหม่จากสี่แยกเกษตรไปประมาณ500เมตรร้านจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตร้านตั้งอยู่ใกล้ตอหม้อที่ 21-22 ทั้งนี้อีกประมาณ 2 เดือนร้านจะย้ายไปอยู่ที่ ตลาดสุคนธสวัสดิ์ ไม่ไกลจากที่เดิมบริเวณตอหม้อที่ 179
เบอร์โทรศัพท์ :01-2425365
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ” เส้นหนึบหนับ น้ำขลุกขลิก/กุ๊กเล็ก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 กันยายน 2549 17:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : กุ๊กเล็ก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ขึ้นชื่อว่า “ก๋วยเตี๋ยว” นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่ถูกปากคนไทย เพราะหากินง่าย แถมมีก๋วยเตี๋ยวสารพัดอย่าง ทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู ไก่ เป็ด ปลา และอีกสารพันให้เลือกกินมากมาย

ส่วนหากใครจะอยากทำก๋วยเตี๋ยวกินเองที่บ้านก็ง่ายแสนง่าย อย่างที่ในมื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” ขอนำเสนอเมนู “ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ” ที่เคยไปลองลิ้มรสชาติมาที่ร้าน “พัวกี่” แล้วติดใจในรสชาติ เลยแอบย่องเข้าครัวไปขอสูตรจากแม่ครัวมาทำกินเองที่บ้านบ้าง ซึ่งหน้าตาก๋วยเตี๋ยวละหม้ายคล้ายกับราดหน้า แต่ว่าจะออกแนวแห้งๆ น้ำขลุกขลิก ว่าแล้วอย่ารอช้าไปเข้าครัวทำก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่า

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม
เส้นใหญ่ 1 ถ้วยตวง
หมูสับลวกสุก ½ ขีด
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง ½ ช้อนชา
น้ำตาล ½ ช้อนชา
ผักที่ต้องใส่มีถั่วฝักยาว มะเขือเทศ หอมใหญ่ และแครอทหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือจะใส่ผักอย่างอื่นก็ได้ตามแต่ชอบ
ส่วนผักกาดหอม ผักชีเอาไว้ตกแต่ง
น้ำเปล่า ซีอิ้วดำ น้ำมันพืช พริกไทย

สำหรับขั้นตอนการทำนั้นแสนง่าย เริ่มจากผัดเส้นกันก่อน โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยนำเส้นใหญ่ลงผัดกับซีอิ๊วดำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเส้นสุก แล้วก็ตักพักทิ้งไว้

จากนั้นหันมาทำน้ำราด โดยนำน้ำเปล่ามาตั้งไฟแล้วใส่แป้งมันลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นตีน้ำให้พอเหนียวแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลลงไปปรุงรส แล้วก็ตามด้วยใส่หมูสับลงไป พร้อมกับผักผัดให้ทุกอย่างเข้ากันอีกที ก็เป็นอันว่าใช้ได้

ทีนี้ก็นำน้ำราด มาราดลงบนเส้นใหญ่ที่จัดใส่จานรองด้วยผักกาดหอมไว้ ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพพร้อมกิน แต่งหน้าด้วยผักชีและโรยพริกไทยอีกนิดหน่อย ก็อร่อยไปกับ “ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ” น้ำขลุกขลิก เส้นนุ่มเคี้ยวหนึบหนับ รสชาติหอมนุ่มละมุนลิ้น
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสดีที่ร้าน"เถ้าแก่ซ้ง"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2549 13:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศภายในร้านเถ้าแก่ซ้งโปร่งโล่งนั่งสบาย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> หากจะหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อกินสักหนึ่งมื้อ ความจริงมันก็ไม่เรื่องยากเย็นอะไรนัก แต่การจะหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่รสดีถูกปาก"ผ่านมาแวะกิน"ว่านั่นล่ะปัญหาใหญ่ เพราะเดี๋ยวนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสดีรสเด็ดนับวันยิ่งมายิ่งเหลือน้อยเต็มที

แต่ก็โชคดีที่เราบังเอิญไปทำธุระแถวถนนจันทร์ ช่วงซ.จันทร์ 44 และได้พบร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อน่านั่งชื่อว่าร้าน"เถ้าแก่ซ้ง" ซึ่งเมื่อแรกเห็นก็สะดุดตากับบรรยากาศร้านที่เน้นสีครีมดูสะอาดตา และเมื่อสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินก็ติดอกติดใจ งานนี้เลยมีเบิ้ลอย่างช่วยไม่ได้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เกาเหลารวม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับเมนูชามเด่นของร้านนี้ก็มี เกาเหลารวม (1-3 อย่าง 30 บาท, 4 อย่างขึ้นไป 50 บาท) หน้าตาหน้ากิน ที่ใส่มาครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อตุ๋น ลูกชิ้น เอ็นแก้ว เนื้อสด เนื้อลาย ตับ หัวใจ ม้าม ผ้าขี้ริ้ว ดอกจอก ขอบกระด้ง ไส้ ส่วนของไส้เจ้าของร้านบอกว่าล้างสะอาดตุ๋นยาสูตรพิเศษไส้ของที่นี่จึงไม่มีกลิ่นเหม็นแน่นอนรสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นเครื่องเทศ

ส่วน เส้นหมี่น้ำ (1-3 อย่าง 30 บาท, 4 อย่างขึ้นไป 50 บาท ) ทางร้านลวกเส้นหมี่ได้เหนียวนุ่มอีแท้ โดยเสิร์ฟมาพร้อมกับลูกชิ้นวัวและเนื้อตุ๋น เนื้อที่นำมาตุ๋นจะเป็นเนื้อสันนอก หมักสูตรพิเศษรสจะนุ่มหอมไร้กลิ่นคาว ใช้เวลาในการตุ๋นกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อตุ๋นสุกแล้วค่อยนำมาหั่นพักไว้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เส้นหมี่น้ำและเส้นใหญ่แห้ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เนื้อจะถูกนำมาตุ๋นซ้ำอีกครั้งในตอนเช้าอีกประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซุปเข้าเนื้อ น้ำซุปเองก็เคี่ยวนานกว่า 10ชั่วโมงก่อนที่จะนำมาปรุงรส ซุปนี้ใช้กระดูกวัวส่วนคอและขาต้มรวมกับผักอีก4-5อย่างไม่ว่าจะเป็น รากผักชี กะเทียม หัวไชเท้า เครื่องเทศแห้งรวมกว่า 30 ชนิดชามนี้กลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงอะไรเลย

อีกเมนูหนึ่งที่น่าลิ้มลองก็คือ เส้นใหญ่แห้ง (1-3 อย่าง 30 บาท, 4 อย่างขึ้นไป 50 บาท) ชามนี้"ผ่านมาแวะกิน"เลือกสั่งเครื่องในอย่างดอกจอกมากินกับลูกชิ้นวัวและเนื้อเปื่อย รสชาติชามนี้โดดเด่นตรงเนื้อเปื่อยที่หวานนุ่มลิ้นไม่เหนียว ส่วนเครื่องในอย่างดอกจอกก็ไม่มีกลิ่นคาว เวลากินคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลวกสุกราดด้วยซอสและซีอิ้วดำ

นอกจากทั้ง 3 เมนูแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเถ้าแก่ซ้งยังมีเมนูชวนกิน อย่าง ลูกชิ้นลวก (1-3 อย่าง 30 บาท, 4 อย่างขึ้นไป 50 บาท )เครื่องในลวก(1-3 อย่าง 30 บาท, 4 อย่างขึ้นไป 50 บาท )หม้อไฟ (100 บาท) น้ำเก็กฮวย ตะไคร้ กระเจี๊ยบ(10บาท)

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

คลิก!!อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "เถ้าแก่ซ้ง"

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "เถ้าแก่ซ้ง"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2549 13:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ชื่อร้าน : เถ้าแก่ซ้ง

ประเภทอาหาร : ก๋วยเต๋ยวเนื้อ

เมนูจานเด่น : ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ, เกาเหลารวม, หม้อไฟ

บรรยากาศร้าน : ตึกแถว โปร่งโล่งนั่งสบาย

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 309/7-8 ถ.จันทร์ เขตบางคอแหลม แขวงบางโค่ กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากถ. เจริญกรุง วิ่งตรงมาถึง 3 แยกไฟแดง แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถ. จันทร์ จากนั้นวิ่งตรงมาประมาณ 500 ม. จะเห็นปากซอยจันทร์ 44 ทางซ้ายมือ ร้านจะตั้งอยู่ติดริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน มีจุดสังเกตคือตั้งอยู่ตรงข้ามกับบางกอกติ่มซำ

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00น.

เบอร์โทรศัพท์ : รับจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ 200 ชามขึ้นไป โทร. 08-1818-0319

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"คั่วชามเปล"เสน่ห์แห่งก๋วยเตี๋ยวคั่ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 ตุลาคม 2549 18:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้านคั่วชามเปลเจ้าเด็ด ขายสารพัดก๋วยเตี๋ยวคั่ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "ก๋วยเตี๋ยวคั่ว" ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ในหมู่นักกินให้ความนิยมชมชื่นกินกันไม่น้อย ด้วยความที่ก๋วยเตี๋ยวคั่วนั้นมีเสน่ห์ตรงที่เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งๆ ที่ผัดคั่วจนหอมนุ่มชวนกิน

ซึ่งจะว่าไปแล้วก๋วยเตี๋ยวคั่วร้านเด็ดที่มีขายกันอยู่ในกทม. ก็มีอยู่ด้วยกันหลายร้าน อย่างที่มื้อนี้"ผ่านมาแวะกิน" อยากจะขอแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วเจ้าเด็ดกันอีกหนึ่งร้านที่ย่านฝั่งธนบุรี ตรงวัดบางยี่ขัน เป็นร้านที่มีชื่อเก๋ไก๋น่ารักว่า"คั่วชามเปล" ที่เปิดขายก๋วยเตี๋ยวคั่วมานานกว่า 29 ปีแล้ว ขายมาตั้งแต่รุ่นแม่จนตอนนี้มาถึงรุ่นลูก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วทะเล และคั่วหมู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับความโดดเด่นของก๋วยเตี๋ยวคั่วร้านนี้นอกจากรสชาติแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวคั่วที่นี่ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวคั่วจะถูกเสิร์ฟมาในชามเปล และทำก๋วยเตี๋ยวแบบชามต่อชาม ซึ่งเมนูเด็ดที่เมื่อมาถึงร้านต้องไม่พลาดสั่งมาขึ้นโต๊ะก็คือ

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (25 บาท,พิเศษ 35 บาท) เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เส้นใหญ่ที่คั่วจนเส้นใหญ่เหลืองกรอบ แล้วตอกไข่ผัดคั่วให้เข้ากัน แล้วจึงค่อยนำอกไก่เนื้อล้วนๆ ที่หมักเครื่องปรุงไว้แล้วมาคั่วให้เข้ากัน ใส่ปลาหมึกกรอบ ตับ ไส้หมูและกระเพาะด้วย คั่วจนสุกหอมตักใส่ชามเปลที่รองด้วยผักกาดหอม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวอีกที ลิ้มรสคั่วไก่หอมๆ เส้นใหญ่เคี้ยวนิ่มกรอบนอกนุ่มใน เต็มปากเต็มคำกับเครื่องที่ใส่มาสารพัดอย่าง เนื้อไก่นิ่มได้รสชาติเครื่องหมักกลมกล่อมลิ้น

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โจ๊กไข่เยี่ยวม้าและก๋วยเตี๋ยวน้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> และไม่ใช่จะมีแต่ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่รสเด็ดเท่านั้น ที่ร้านนี้ยังดัดแปลงมาเป็น ก๋วยเตี๋ยวคั่วทะเล (30บาท,พิเศษ40บาท) ที่กรรมวิธีการทำเหมือนกับคั่วไก่ทุกอย่างจะแตกต่างก็ตรงเครื่องที่ใส่มาเป็นเครื่องทะเลที่มีทั้งกุ้ง ปลาหมึกสด ปลาหมึกกรอบ ปรุงรสด้วยซอส คั่วจนสุกส่งกลิ่นหอม เสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งก๋วยเตี๋ยวคั่วเขาปากรสชาติโดนใจปาก

นอกจากนี้ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวคั่วหมู (25บาท,พิเศษ35บาท) คั่วทาโร่ ที่ใช้เส้นทาโร่มาคั่วแทนเส้นใหญ่ (ไก่,หมู30บาท,ทะเล35บาท) และก็มีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกอย่าง โจ๊กไข่เยี่ยวม้า (30บาท,พิเศษ35บาท) โจ๊กหอมๆ ที่หุงด้วยถ่าน มีหมูสับหมักก้อนโต ไข่เยี่ยวม้า และปาท่องโก๋ใส่มา รสดีตรงที่เนื้อโจ๊กหอมนิ่มนุ่มละมุนลิ้น และก็ก๋วยเตี๋ยวน้ำไก่, หมู (25, 30 บาท) ทะเล (30, 35บาท) เกาเหลา (30, 35 บาท)

เอาเป็นว่าหากใครที่ชื่นชอบก๋วยเตี๋ยวคั่วแล้วล่ะก็ ลองแวะไปลิ้มลองรสชาติก๋วยเตี๋ยวคั่วที่ร้าน “คั่วชามเปล”นี้กันดู ไม่แน่อาจจะติดใจจนต้องกลายเป็นลูกค้าขาประจำกันไปก็เป็นได้

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "คั่วชามเปล"

อ่านร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วอื่นๆ

กรุ่นกลิ่นคั่วไก่เตาถ่าน ที่“ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ”
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "คั่วชามเปล"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 กันยายน 2549 15:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ชื่อร้าน : คั่วชามเปล

ประเภทอาหาร : ก๋วยเตี๋ยวคั่ว

เมนูจานเด่น : ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วทะเล คั่วหมู โจ๊กไข่เยี่ยวม้า ก๋วยเตี๋ยวน้ำ

บรรยากาศร้าน : ตึกแถว

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 220 ซ. สุวิชานดำริ บางยี่ขัน บางพลัด กทม. การเดินทางถ้ามาจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า พอลงจากสะพานให้ตรงมาจนถึง 4 แยก อรุณอมรินทร์ แล้วเลี้ยวขวาไปทางสะพานพระราม 8 ให้ไปกลับรถ จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะผ่านวัดอมรคีรี สะพานข้ามคลองบางยี่ขัน ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเข้าซอยสุวิชานดำริ เข้าไปไม่ลึกก็จะเห็นร้านคั่วชามเปล เป็นตึกแถวอยู่ทางขวามือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน
สถานที่จอดรถ : จอดรถได้ที่วัดบางยี่ขัน (แต่ต้องเป็นช่วงเวลาดึกๆ) สะดวกสุดแนะนำนั่งแท็กซี่มาจะดีกว่า

เวลาเปิด-ปิด : เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00-22.30น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด14.00-21.30 น.

เบอร์โทรศัพท์ : 0-2883-0283, 08-9144-6196
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กรุ่นกลิ่นคั่วไก่เตาถ่าน ที่“ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 มีนาคม 2548 16:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศด้านในร้าน โปร่งโล่ง นั่งหม่ำก๋วยเตี๋ยวสบายๆ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> โดยส่วนตัวของ “ผ่านมาแวะกิน” เอง จัดได้ว่าเป็นคนที่ชื่นชอบกินก๋วยเตี๋ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด และอีกสารพัดก๋วยเตี๋ยว

และก็มีก๋วยเตี๋ยวอยู่ประเภทหนึ่ง ที่เราได้ลองลิ้มแล้วถึงขั้นติดใจติดปาก ในรสชาติของก๋วยเตี๋ยวที่ไม่เหมือนก๋วยเตี๋ยวประเภทอื่นๆ ตรงที่เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ใช้การผัดแบบคั่วในการปรุงและพิเศษสุดก็ตรงกลิ่นหอมๆ ของก๋วยเตี๋ยวนี่ละที่เป็นเสน่ห์และเพิ่มรสชาติให้ก๋วยเตี๋ยวนี้ชวนกินเอามากๆ

ใช่แล้ว “ผ่านมาแวะกิน” กำลังหมายถึง “ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่” ร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลาย ที่พอนึกถึงทีไรอดน้ำลายสอปากไม่ได้ ทำให้ต้องรีบบึ่งไปหา “ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่” หม่ำให้สมอารมณ์อยาก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=260 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=260> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เส้นใหญ่คั่วไก่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับร้านที่เรามักจะแวะเวียนไปกินอยู่บ่อยๆ ก็คือร้าน “ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ” ซึ่งร้านนี้มีก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ทีเด็ดอยู่ที่ เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่ทำแบบจานต่อจาน ที่มีกลิ่นหอมมากๆ โดยทางร้านจะนำไก่ที่ผ่านการหมักเครื่องปรุงเรียบร้อยแล้วมาคั่ว (หรือผัด) ให้สุกก่อนบนเตาถ่าน ซึ่งการคั่วบนเตานี่ละที่ส่งให้กินไก่นั้นหอม และจึงใส่เส้นใหญ่ ลงไปผัดกับไก่ และใส่ไข่ตาม ใส่ปลาหมึกกรอบด้วย ผัดให้เข้ากันจนแห้งกำลังดี

รสชาติความเด่นของก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ร้านนี้ อยู่ตรงที่นอกจากจะหอมกลิ่นคั่วไก่เวลาส่งเข้าปากแล้วนั้น พอลิ้มรสสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเส้นใหญ่ที่ไม่เละ ไม่แห้งจนเกินไป เนื้อไก่นุ่มมีรสชาติในตัว และถ้ายิ่งใส่ซอสพริกกับพริกไทยลงไปอีกหน่อย ช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดลิ้นได้ดีนักเชียว มีให้เลือกทั้งเส้นใหญ่ และเส้นหมี่ โดยสนนราคาอยู่ที่ ธรรมดาไก่, หมู 25 บาท หากสั่งพิเศษใส่กุ้งก็ 40 บาท


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=260 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=260> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวน้ำ (ใส่กุ้ง)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> และหากใครยังไม่อิ่มน่าลองลิ้ม ก๋วยเตี๋ยวน้ำ (ธรรมดาไก่, หมู 25 บาท พิเศษใส่กุ้ง 40 บาท) ที่เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ใส่เส้นใหญ่ หรือเส้นหมี่ ใส่เครื่องแล้วแต่เลือกจะเป็น หมู ไก่ หรือกุ้ง และใส่ปลาหมึกกรอบมาให้ด้วย รสชาตินั้นเด่นตรงน้ำซุปหวาน ซึ่งเป็นน้ำซุปกระดูกไก่ที่ต้มกับฟัก เรียกว่ากินโดยไม่ต้องปรุงก็ได้รสชาติกลมกล่อมลงตัว ซดน้ำซุปร้อนๆ ผ่านคอชุ่มคอดีแท้

สำหรับใครที่อยากกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กลิ่นหอมๆ ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ” เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ” ตั้งอยู่ที่ 319 ถ.ยุคล 2 แขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. จากสี่แยกโรงพยาบาลกลาง ให้ตรงไปถนนยุคล 2 เลยจากสถานีดับเพลิงสวนมะลิมาประมาณ 50 ม. ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ติดริมถนน อยู่ตรงข้ามกับคลินิกครอบครัวรักฟัน เปิดวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 10.00-17.00 น. โทร. 0-2223-7505

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>