พระอาจารย์เลิศ ลาภิโก "ผู้บรรลุอรหันตผลอายุน้อยที่สุดในวงศ์กรรมฐาน"

<O</O
<O</O

พระอาจารย์เลิศ ลาภิโก วัดป่าแก้ว จ.สุรินทร์<O</O
<O</O

"อดีตเป็นพระเจ้าชัยวรมันปัจจุบันเป็นพระอรหันต์มากไปด้วยฤทธิ์เปรียบประดุจดั่งสมัยพุทธกาล พระอาจารย์เลิศ ลาภิโก ผู้บรรลุอรหันตผลอายุน้อยที่สุดในวงศ์กรรมฐาน อัฐิแปรสภาพเป็นพระธาตุดั่งอัญมณีเพชรน้ำหนึ่งอีกท่านหนึ่งในวงศ์กรรมฐาน"

<O</O
<O</O
<O</Oท่านพระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>เลิศ ลาภิโกเป็นพระอรหันต์ท่านหนึ่งในวงศ์กรรมฐานที่บรรลุคุณธรรมขั้นสุดสุดในพระพุทธศาสนาอัฐิแปรสภาพเป็นพระธาตุดั่งที่ปรากฏในหนังสือ อตุโล ไม่มีใครเทียมสมกับเป็นเพชรน้ำหนึ่งในวงศ์กรรมฐานท่านยังมากไปด้วยบุญบารมีและอภิญญาฤทธิ์ท่านเคยกล่าวว่า "ชาติหนึ่งท่านเคยเป็นพระได้ญาณ 4" น่าจะเป็นเพราะเหตุนึ้นั่นแล เพราะท่านมีของเก่าชาตินึ้ท่านจึงทรงอภิญญาตั้งแต่สมัยเป็นเณร ชาวบ้านเล่าลือขานกันว่าท่านเป็นเณรอภิญญา ใครจะเอาอาหารมาถวายท่านรู้หมด
ก่อนที่ท่านจะอุปสมบทเป็นสามเณรจวบจนกระทั้งเป็นพระภิกษุจบกิจในพระศาสนานั้นท่านเป็นนักเรียนอยู่ ป.2 แต่ด้วยเนื่องจากกรรมสมัยเป็นพระเจ้าชัยวรมันจึงทำให้ท่านตาบอดตอนป.2เนื่องด้วยเหตุที่ท่านไปเล่นหนังสติกและไปโดนตา ทำให้ท่านตาบอด ด้วยเหตุนึ้ ท่านเลยอุปสมบทเป็นสามเณรพอท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสมัยนั้นอุปชารย์ถ้าใครจะอุปสมบทต้องไปหาหลวงปู่ดุลย์ท่านเลยไปอุปสมบทและหลวงปู่ดุลย์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เลิศท่านมีนิสัยเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทําให้ชาวบ้านระแวกนั้นบางคนก็ชอบท่านบางคนก็ไม่ชอบ มีบ้านหลังหนึ่งในแถววัดป่าแก้ว แกล้งท่าน เวลาท่านบิณตบาตรนั้น ชอบเอาข้าวสารแห้งมาใส่บาตรๆๆต่างนานา อยู่ดีมีฟ้าผ่าลงมาบ้านหลังนั้นแต่คนไม่เป็นไร บ้านอยู่ไม่เป็นสุข เนื่องด้วยกรรมที่แกล้งท่าน ท่านจะชอบเล่าเรื่องเกี่ยวกับอดีตชาติ เช่นเรื่องที่ท่านเคยเป็นพญาช้าง ท่านเคยเล่า ว่าท่านสมัยที่เป็น"ช้างเคยมาตายที่นึ้" ปรากฏขุดเจอ กระดูกช้างตอนหลังทางวัดก็เอามาไว้ตรงศาลา สามารถไปดูได้ที่วัด ในสมัยเป็นพระเจ้าชัยวรมันเมื่อสร้างปราสาทเสร็จท่านไม่ยากให้ช่างไปสร้างปราสาทที่อื่น ท่านเลยฆ่าช่างหมด เนื่องเพราะกรรมท่านให้โดนย่าสั่งคือท่านไปฉันอาหารเพลที่หนึ่งซึ่งระหว่างเดินทางท่านก็เห็นบุคคลคนหนึ่งเดินผ่านไป ซึ่งบุคคล คนนั้นก็นำปลามาถวายและสั่งว่าถ้ากินตรงกลางจะตาย ท่านก็รู้แต่เนื่องจากท่านเป็นพระอริยะเจ้า ท่านจะไม่หลีกกรรม ปรากฏพระที่มากับท่านองค์แรกเอาหัว องค์สุดท้ายเอาหาง ท่านเอาพุงตรงกลางปรากฏท่านโดนยาสั้ง แต่ท่านใช่พลังจิตทำให้ท่านอยู่ต่อมาได้ 20 กว่าปี จวบจนท่านมรณภาพ ท่านเล่าให้ฟังว่ามันเป็นกรรมเนื่องจากว่า คนที่ทำยาสั่งเคยเป็นช่างที่ถูกฆ่ามาก่อนในสมัยที่ท่านเป็นพระเจ้าชัยวรมัน แค่เจอหน้ากันแว็บเดี่ยว

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนึ้ กรรมนึ้แรงมาก เรื่องกรรมท่านผู้อ่าน ต้องพึ่งสังวรว่า"จะทำกรรมดีพึ่งละเว้นกรรมชั่ว" แม้ขนาด"พระอริยะเจ้าท่านยังละเว้นกรรมไม่ได้" ขอให้ผู้อ่านจงนำไปเป็นคติสอนใจ เพราะ"กรรมมันเห็นผล ไม่ว่าชาตินึ้หรือชาติหน้า" มาเรื่องพระอาจารย์เลิศต่อ ท่านพระอาจารย์เลิศ ท่านเล่าเรื่องอดีตชาติมาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ฟังเป็นสาระและน้อมนำมาพิจารณาว่า "การเกิดมันเกิดมาเยอะ ไม่มีวันจบวันสิ้น ทําอย่างไร เราถึงจะถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง คือการไปพระนิพพาน " ท่านพระอาจารย์เลิศในเรื่องอภิญญาท่านได้ครบหมด ไม่มีขาดเลย นึ้ก็เป็นตัวอย่างอีกอย่างในเรื่องอภิญญาของท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ว่าท่านจะไปมรณภาพที่ปราสาทพนมรุ้ง เพราะมีครูบาอาจารย์มาก ท่านยังกล่าวอีกว่า จะไม่กลับมาเกิดอีกแล้วน่ะ ท่านมรณภาพเมื่ออายุ 30 กว่าปี หลังจากที่ท่านไปนิพพานที่นั้น ก็ประชุมเพลิงปรากฏว่าอัฐิธาตุแปรสภาพเป็น"พระธาตุมากมายดุจไข่มุก อัญมณี" ท่านพระอาจารย์เป็น"ปูชนียบุคคลที่ควรแก่การกราบไหว้ด้วยอรรถด้วยธรรมที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ศิลที่บริสุทธิ์ เป็นเหนือนาบุญของแผ่นดินไทย" และท่านยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักภาวนาและนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ให้มีกำลังใจในการปฏิบัติภาวนากล่าวคือ อายุไม่มากก็สามารถบรรลุคุณธรรมได้ "ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ" ให้ดูตัวอย่างพระสีวลี อายุเจ็บขวบก็สามารถบรรลุธรรมได้ ! กระนั้นธรรม ถ้าอยากบรรลุธรรมก็เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันนึ้ ตราบทุกลมหายใจ ตราบเท่ามีชีวิตอยู่เชื่อว่า การบรรลุธรรมก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ! ขอนอบน้อมกราบไหว้สาพระอรหันตเจ้าและขอขมา ถ้าข้าพเจ้าเขียนอะไรผิดไปหรือปรามาทเท่าที่รู้ไม่ถึงกาจญ์ก็ดี รู้ก็ดี ขอให้ท่านจงโปรดอภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด ผลบุญใดที่ข้าพเจ้ามีทั้งหมดขอน้อมนอบให้แก่ท่านเจ้าของประวัติ ท่านพระอาจารย์เลิศ และผู้อ่านทุกๆๆท่านและขอโมทนาบุญท่านพระอาจารย์เลิศ และทุกๆๆท่านตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน สิ่งใดที่ผิดพลาดขอให้โทษข้าพเจ้าผู้เดียว


อัฐิธาตุและทันตธาตุ พระธาตุ พระอาจารยเลิศ ลาภิโก


</O

 

ตรงไหน อรหันต์เนี๊ยะกระดูกก็กระดูกทั่วไปนั้นแหละ อย่าหลงอีกเลย ปฏิบัติเถอะ

 

ดีใจมากเลยที่เจอกระทู้นี้ ผมตามหามานาน ผมไปเขาพนมรุ้งน่าจะก่อนปี 2531ผมได้รับอัฐิมา 1 ชิ้นจากพระที่นั่น บอกว่าเป็นของพระอาจารย์เริ่ม ลาภิโก กำลังกลายเป็นพระธาตุ
และไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น ก็เก็บบูชาไว้ จนมาปี 2552 นึกขึ้นว่ามีอัฐิท่านอยู่แต่ไม่เคยเห็นรูปท่าน ไม่รู้จักประวัติท่าน ค้นหาในเน็ตในชื่อพระอาจารย์เริ่ม ก็ไม่เจอบังเอิญวันนี้ใช้คำว่าพระอาจารย์เริ่ม ลาภิโก หาข้อมูลจึงเจอชื่อพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก อ่านเนื้อหาดูจึงรู้ว่าใช่

 

ตรงไหน อรหันต์เนี๊ยะกระดูกก็กระดูกทั่วไปนั้นแหละ อย่าหลงอีกเลย ปฏิบัติเถอะ<!-- google_ad_section_end -->

คุณครับ เชิญคุณไปหาหนังสือ อตุโลไม่มีใดเทียม มาน่ะครับ จะได้รู้ว่าอัฐิธาตุท่านแปรสภาพเป็นพระธาตุ ท่านเป็นพระสำคัญมาก ท่านพระอาจารย์เลิศเป็นพระที่วาจาสิทธิ์มาก บวชไม่กี่พรรษาเค้าก็ว่าได้สกีทาแล้ว ขนาดอ.ป๋อง ผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ดูลย์ ยังยอมรับอาจารย์เลิศเลย

 

กรรมที่ปรามาสพระอริยสงฆ์

ผมก็พึ่งนึกออก ! เรื่องท่านพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก ที่ผมยังไม่ได้เล่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมก็ยังไม่ทราบแต่จะพยายามรวบรวม ตอนนึ้พระอาจารย์ท่านหนึ่งกำลังทำประวัติท่านพระอาจารย์เลิศ อยู่ ถ้าเสร็จแล้วก็คงสมบูรณืกว่าของผมมากเพราะผมก็ได้ข้อมูลมาจากท่าน ต่อเลยน่ะครับ น้องชายท่านพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก มีเหตุหนึ่งที่ปรามาสท่านพระอาจารย์เลิศว่า "พระตาบอดจะมารู้อะไรกว่าคนตาดี" ด้วยความที่คิดว่าเราตาดีกว่าย่อมรู้ดีกว่า ปรากฏ กรรมตามไว เค้าตาบอดข้างหนึ่งด้วยกรรมที่ปรามาสพระอริยสงฆ์ ที่เขียนมาอยากให้เป็นอุทราหรณ์ว่ากรรมที่ปรามาสำพระอริยะเจ้าให้ผลเร็วมาก

 

ติดตามรออ่านครับ อัฐิท่านที่ผมจะคล้ายกับรูปที่ผมวงไว้ครับ จะออกสีขาวมุก ไว้จะถ่ายรูปมาให้ชมครับ

 

"ตรงไหน อรหันต์เนี๊ยะกระดูกก็กระดูกทั่วไปนั้นแหละ อย่าหลงอีกเลย ปฏิบัติเถอะ"


ข้าพเจ้าเข้าใจ ข้อความข้างบน ถ้าเเปลความทางปรัชญาให้ลึกซึ้งเเละใจกว้าง อย่างมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่ร่วมชาติ ศาสนา เเละพ่ออยู่หัวเเม่อยู่หัวพระองค์เดียวกัน
คือเขาก็ไม่ได้ปรามาสพระอริยสงฆ์เเต่เขาคงไม่อยากให้ยึดติดที่อัฐิธาตุหรืออรหันตธาตุของพระท่านเพราะว่ามันก็คือสักเเต่ว่าธาตุดิน เมื่อละสังขารเเล้วก็คือกระดูกที่หาค่าไม่ได้นั่นเอง เเต่!!!เราให้ยึดคุณธรรมของท่าน เเล้วนำไปปฏิบัติ

เเต่ถ้ามองในเเง่มุมอีกทางนึง "เขาก็คือผู้ที่มีใจเเคบทัศนเเคบ" เพราะถ้ามีความรู้ลึกซึ้งในทางพระธาตุเเละพระอรหันตธาตุบ้างเเล้ว เขาจะไม่บอกว่า มันกระดูกก็กระดูก"ทั่วไป"นั้นแหละ อย่าหลงอีกเลย"

เพราะเเค่มองด้วยตาเปล่า ก็เห็นเเล้วว่าเเม้จะยังไม่ได้เเปรเป็นพระธาตุ สีของพระธาตุท่านก็คือขาวบริสุทธิ์ ดั่งจิตผู้ที่ละกิเลสได้ปราศจากความหม่นหมอง ส่วนสีของอัฐิของคนธรรมดาจะดำ เเละมีขาวปนบ้างตามสภาพของจิตปุถุชน เเละก็มีความเป็นไปได้เพราะดวงจิตของผู้ที่บรรลุธรรมขั้นสูงเเล้วธาตุขันธ์จะไม่สามารถรองรับจิตที่ที่บรรลุธรรมขั้นสูงนี้ได้
ท่านก็เลยละสังขารตั้งเเต่อายุยังน้อย

ผู้ที่ยังรู้เห็นมาน้อย "ทัศนยังไม่กว้าง" เเละขอให้เเสดงความเห็นอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
สังคมจักอยู่อย่างสงบ
ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นผู้ที่รู้เเละเห็นอะไรมามาก ข้าพเจ้าไม่บังอาจวิพากย์วิจารณ์อัฐิธาตุของดวงจิตผู้บรรลุธรรมขั้นสูงเเล้วเเต่อย่างใด
ขอบพระคุณผู้ที่ตั้งกระทู้มาให้อ่าน ให้ได้ทราบอะไรที่ยังทราบ

กราบพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก วัดป่าแก้ว จ.สุรินทร์ ด้วยเศียรเกล้า

 

เดี่ยวผมจะพยายามหาในหนังสือ อตุโลมาให้ดู จริงๆแล้วเค้าพูดก็ถูกเพราะส่วนที่นำมาลงยังไม่ได้แปรสภาพพระธาตุเพราะส่วนที่แปรคนหยิบไปจากวัดหมดแล้ว นึ้คือส่วนที่เป็นกระดูก เพราะที่วัดเหลือแต่ส่วนที่เป็นอัฐิ มีตอนหลังที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งเก็บไว้แล้วพระธาตุเสด็จมา ถ้าผมมีบุญได้ชมจะถ่ายมา

 

ตอนนี้มีหลวงปู่เณรคำ วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ. ศรีสะเกษ หลวงปู่เณรคำ วัดป่าขันติธรรม (เว็บไซต์หลัก)
ที่ท่านสามารถบรรลุธรรมตั้งเเต่อายุยังน้อยเช่นกัน อายุธาตุขันธ์ท่านตอนนี้ 28 ปี ข้าพเจ้าเคยกราบเเละฟังธรรมจากท่านครั้งที่มาเเสดงธรรมที่หอประชุมม.ราชมงคลกรุงเทพฯ(บพิตรพิมุขมหาเมฆ) ชมรมกัลญาณธรรม จัดชึ้น โดยมีดร.สนอง วรอุไร เป็นประธานชมรม



เพื่อนเเท้ของข้าพเจ้าคือผู้ที่นำหนังสืิอที่ข้าพเจ้ายังไม่เคยอ่านมาให้อ่าน
ปรัชญาชาวตะวันตกที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง

 

รูปอัฐิที่ผมมีครับ

 

รูปขนาดใหญ่

 

การแปรสภาพจากอัฐิเป็นพระพระธาตุ


"เมืองคชสาร เมืองเอก เมืองธรรม ศิษย์อตุโล น้อมนำ เผยแพร่ธรรมทั่วสุวรรณภูมิ"



บทความพิเศษ ของประวัติพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก

โดย ศิษย์วรญาโณ (นักเขียนรับเชิญ)

ตลอดมาผมไม่เคยเก็บอัฐิธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ไหนแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือแปรสภาพเลยแต่ก็มีบางองค์ที่มีการแปรสภาพให้ผู้เขียนเห็นบ้างหรือเป็นเพราะผู้เขียนไม่ได้สังเกตเนื่องจากทำวัตรเช้า-วัตรเย็น นั่งสมาธิ เลยไม่ได้สนใจมากนัก แต่ใจจริงก็อยากให้แปรสภาพ แต่เราคงไม่ดีท่านเลยไม่แปรสภาพให้ ผู้เขียนได้รับมอบอัฐิธาตุพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก มา 1 องค์ จากความเมตตาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์แต่ท่านก็เตือนว่า "ถ้าได้ไปแล้วพ่อแม่ไม่สบายให้เอามาคืนน่ะ" อัฐิธาตุพระอาจารย์เลิศ ท่านมีอาถรรพ์เหมือนท่านอฐิธานเอาไว้ ใครเอาไปแล้วประพฤติไม่ดีจะเจ็บไข้ได้ป่วยบางคนครอบร้อนรุ่ม แต่ถ้าใครประพฤติดีมีแต่ส่งเสริมในทางดี ให้เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นผู้เขียนก็ต้องปฏิบัติตัวดี คิดออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ เหมือนได้กรงขังชนิดพิเศษเลย กลับมาที่บ้านพร้อมพี่ท่านหนึ่ง กำลังจะอัญเชิญท่านประดิษฐานที่สถานที่อันควรที่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะอัญเชิญท่าน พี่ท่านเล่าให้ฟังว่า พี่ได้รับอัฐิธาตุพระอาจารย์เลิศ ลาภิโก เริ่มแปรสภาพคล้ายหินอ่อนแล้ว พี่คนนั้นได้นำกล้องส่องพระส่องอัฐิธาตุพระอาจารย์เลิศ ของผู้เขียน ปรากฏว่าเริ่มแปรสภาพเหมือนอัฐิธาตุกำลังแปรสภาพจะเป็นหินอ่อนหรือแก้วแต่ของพี่ท่านแปรสภาพไปมากแล้ว นำความรู้เดิมมาประกอบกับการแปรสภาพครั้งนึ้ได้ใจความสำคัญในการแปรสภาพว่า 1. ในอัฐิธาตุจะมีลักษณะเหมือนมีคล้ายหยดน้ำในอัฐิธาตุและเคลือบอัฐิธาตุโดยจะเคลือบไปเรื่อยๆตามเส้นอัฐิธาตุ 2. อัฐิธาตุถูกแปรสภาพจนเป็นเซรามิก 3. ถูกเคลือบและแปรสภาพไปเรื่อยๆกลืนที่ละชั้นจนแปรสภาพเป็นแก้ว (แล้วแต่กรณีน่ะครับบางครั้งแล้วแต่อุปนิสัยวาสนาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์บางครั้งแปรสภาพเป็นคล้ายๆเซารามิกบางครั้งเป็นแก้วขึ้นอยู่กับผู้บูชาด้วย) ทำให้ผู้เขียนได้เห็นปาฏิหารย์แห่งธาตุขันธ์ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป้นสิ่งเหนือความคาดหมาย เป็นเหตุผลเหนือชีวิต ซึ่งไม่สามารถอธิบายตามวิทนาศาตร์หรือองค์ความรู้ใดๆได้ นับว่าเป็นปาฏิหารย์อย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนาที่ไม่มีศาสนาใดในโลกทีจะมีเหมือนศาสนาพุทธ ขอให้ทุกท่านจงภูมิใจที่ได้เกิดเมืองพุทธ ไม่มีสิ่งใดที่จะดีไปกว่านึ้อีกแล้ว

ขอขอบคุณ ศิษย์วรญาโณ ที่กรุณาเขียนบทความมาให้ทุกท่านอ่านกันน่ะครับ

 

อนุโมทนาครับ สาธุๆๆ<!-- google_ad_section_end -->
กราบๆๆๆ

ธรรมอันใดที่ท่านพระอาจารย์เลิศได้รู้แจ้งแล้ว
ขอให้ผมได้รู้แจ้งธรรมอันนั้นด้วยเทอญ

 

..........................................................................

เณรคำนี้นะ....อรหันตื สีกา มากกว่ามั้งผมว่า 5555555

...... บอกว่าจะมาเป็นประธานสร้าง รพ.ร้อยเอ็ด เป็นไง ครับ หายเข้ากลีบเมฆ
...บอกว่า จะบริจาคเงินในงานพระราชทานเพลิง หลวงปู่ศรี มหาวีโร 100,000 บาท เป้นไง ครับ ทางวัดป่ากุง ยังไม่เห็นตัวเงินเลย

....ถ้าผมกล่าวเท็จ เชิญไปถาม พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต) วัดบึงพระลานชัย จ.101 ดูนะครับ ท่านจะได้คำตอบกระจ่างแจ้งเป้นอย่างดี

 

ท่านอาจารย์เลิศ จะเป็นหรือไม่ผมไม่กล้าวิพากษ์ถึง แต่เณรคำ ณ ศรีษะเกษ นี่อย่าเอามาพูดเลยครับว่าเป็นอรหันต์ ทั้งอวดอ้างตัวเอง สารพัดสารเพ ล่าสุดก็มีรูปไปทำแอ๊บแบ๊วตามห้าง รูปนอนหัวชนกับสีกา หลุดมาตามเน็ต คนเค้าเห็นกันทั่วแล้ว