ทำไมเวลาอยู่ในห้องสอบเหมือนอยู่ในภวังค์

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 28 ตุลาคม 2009.

  1. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :cool: ผู้รู้ทุกๆท่านค่ะ หนูมีความสงสัยมากจึงอยากขอคำชี้แนะจากท่านผู้รู้ทุกๆท่าน
    เมื่อก่อนเคยคิดว่าตัวเองโง่ ความจำสั้น แต่หลังจากนั่งสมาธิ ปัญญาเริ่มมีขึ้นมาบ้าง เวลาเรียนหนูจะตั้งใจมาก เพราะต้องทำงานไปด้วย รู้ว่าไม่มีเวลาทบทวนเหมือนเพื่อนคนอื่น จึงต้องเรียนให้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจจะถามอาจารย์ที่สอนทันที เข้าใจถึงกับสอนเพื่อนได้... แต่ทำไมเวลาอยู่ในห้องสอบ เหมือนตกในภวังค์ เบรอๆจำอะไรไม่ได้ พอออกจากห้องสอบ ถึงได้สติกลับมา
    ทุกๆท่านคิดว่าอย่างไรค่ะ เกิดจากอะไร?????อยากรู้มากเลยคะ
    วันเสาว์ที่31ต.ค.52 จะสอบวิชาเฉพาะแพทย์ ของกสพท แล้วคะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ว่ามีวิธีแก้ไขยังไง ขอบคุณค่ะ
     
  2. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    ก่อนอื่น พี่ว่าน้องควรหัดทำแบบฝึกหัดและจับเวลาให้มากๆ จะได้ชินกับการทำข้อสอบที่มีเวลาเร่งรัด
    สอง ตอนอยู่ในห้องสอบ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "สติ" ก่อนเข้าห้องสอบให้หายใจเข้าลึกหายใจออกยาวๆ คิดว่าเราก็กำลังมาฝึกทำข้อสอบ เพียงแต่สถานที่อาจไม่ใช่บ้านของเรา การที่เราทำอะไรแบบไม่มีสตินั้น เราจะทำได้ไม่เต็มที่ คะแนนที่ออกมาก็จะไม่เต็มที่ แล้วเราก็อาจเสียใจภายหลังได้
    พี่ว่า ใช้ ธรรมะ ช่วย ทุกเรื่องก็ฉิวนะ น้องหัดนั่งสมาธิ ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน คิดถึงความฝันที่น้องอยากเป็นหมอไว้ให้เยอะๆ แล้วน้องน่าจะดีขึ้นนะ อ้ะ ลองทำดู เอาใจช่วยจ้า

    (ปล.ว่าแต่ เอ่อ อยากเป็นหมอเจงๆหรอ _-!)
     
  3. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    เอางี้..น้อง ไหนๆก็ฝึกตามแนวหลวงพ่อฤาษีลิงดำแล้ว ก็ใช้มโนมยิทธิช่วยในการทำข้อสอบเลยค่ะ พี่ขอยกคำสอนของหลวงพ่อ..ไว้ให้น้องอ่านแล้วลองทำดูนะ..น้องอาจจะลองใช้มโนมยิทธิฝึกทำข้อสอบเท่าที่มีอยู่ก่อน ทดลองกำลังจิตดูว่าทำข้อสอบได้กี่เปอร์เซนต์ แล้วถ้าได้ผลดีก็ลองนำไปใช้ในห้องสอบจริงๆดูก็ได้ค่ะ แต่ก่อนจะเข้าห้องสอบต้องดูสีของจิตตนเองก่อนนะ ต้องทำสมาธิให้จิตสะอาดมากที่สุดก่อน เพราะอาจเกิดอุปาทานได้ วิธีนี้พี่แนะนำสำหรับข้อที่น้องตอบไม่ได้หรือข้อที่ทำไม่ทันนะ ส่วนข้อที่ทำได้ก็น่าจะใช้ความสามารถของตัวเองก่อน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน..อันนี้เป็นเทคนิคของแต่ละคน ถ้าสงสัยอะไรลองถามคุณXorce(น้องชัช)ดูนะคะ เพราะน้องชัชใช้วิธีนี้แล้วได้ผลดีมากค่ะคือ สอบEntได้อันดับต้นๆของคณะมาแล้วค่ะ

    อันนี้เป็นตัวอย่างคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ถ้าทุกท่านได้มโนมยิทธิแล้วก็ไปฝึกฝนให้คล่อง เมื่อฝึกฝนคล่องแล้ว นอกจากจะยกจิตขึ้นไปสู่ภพต่าง ๆ ก็ยังมีคุณสมบัติ ๘ ประการ คือ
    ทิพจักขุญาณ สามารถจะเห็นสิ่งของที่อยู่ในที่ลี้ลับได้ เห็นผีได้ เห็นเทวดาได้ เห็นนรก เห็นสวรรค์ได้ ของที่เราเก็บไว้ในที่ลี้ลับหาไม่พบเราก็สามารถเอาจิตเข้าไปกำหนดรู้ได้ หรือว่าใครจะแอบแฝงอยู่ที่ไหนเราก็ทราบได้ ถ้าเราต้องการจะรู้ รวมความว่าไม่มีอะไรเป็นความลับสำหรับพวกที่มีทิพจักขุญาณ
    และถ้าหากว่าจะใช้ทิพจักขุญาณนี้ประกอบอาชีพ ถ้าทิพจักขุญาณมีความเข้มข้นขึ้น เข้าถึงฌาน ๔ และก็ได้ อดีตังสญาณ อนาคตังสญาณ มันจะได้ไปเอง ถ้าเราจะประกอบอาชีพเราก็สามารถจะรู้ได ้ว่า อาชีพที่เราประกอบข้างหน้ามันขาดทุนหรือกำไรจะทำอะไรก็ได้
    ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษา ถ้ามีกำลังจิตเข้มข้นจริง ๆ สามารถจะเดาข้อสอบ (ไม่ต้องเดาละดูเลย ดูข้อสอบเลย ก่อนที่ครูจะเขียนน่ะ) อนาคตังสญาณ จะสามารถรู้ข้อสอบที่ครูจะออกมาได้ ถ้าหากว่าจิตยังคล่องไม่ถึง มีความเข้มข้นไม่ถึงเวลาจะสอบถ้าตอบไม่ได้ตัดสินใจใช้กำลังสมาธิช่วยสัก ๒ นาที คิดว่าถ้าจะตอบยังไงถึงจะถูก ขอให้ตัดสินใจไปตามนั้น มันตัดสินใจเองแล้วก็ถูกต้อง
    อย่างนี้นักเรียนนักศึกษาในกรุงเทพฯ ใช้มาหลายพันคนแล้ว เวลาเข้ามหาวิทยาลัยเธอตอบไม่ได้เธอก็เดาอย่างนี้ แต่ไม่ใช่เดานะ เดาเฉย ๆ ไม่ได้นะ ต้องใช้กำลังใจที่เขาเรียกว่าทำจิตเข้าไปถึงนิพพานก่อนและก็นั่งอยู่ที่นั่น ขอพระพุทธเจ้าว่าจะตอบอย่างไร ตัดสินใจไปตามนั้น อย่าถามท่านไม่ได้นะ ถามท่านไม่บอกแต่ว่าจะรู็ด้วยกำลังของจิตที่เป็นทิพย์
    แบบนี้เขาใช้กันเยอะแล้ว ถ้าจะถามว่าได้หรือ นี่มันสายไปแล้ว เขาทำได้มากแล้ว อันนี้เป็นประโยชน์ในทางโลก ใช้ได้มากกว่านี้

    ที่มา:


    ปล. ถ้าน้องใช้มโนมยิทธิไม่เป็น ก็สามารถใช้ทิพยจักษุญาณ(ที่น้องมีอยู่)ในการทำข้อสอบได้เหมือนกัน โดยพยายามทรงอยู่ในอานาปานสติตลอดเวลา และเวลาก่อนสอบก็ทำสมาธิให้จิตสะอาด(จะได้ไม่มีอุปาทานกิน)แล้วค่อยทำข้อสอบ ปกติแล้วถ้าน้องทรงอยู่ในอานาปานสติ(ดูลมหายใจเข้าออก)ตลอดเวลา เวลาทำข้อสอบ คำตอบมันจะผุดขึ้นมาเองค่ะ แต่ให้ระวังเรื่องอุปาทาน ถ้าจิตไม่สะอาดพอ เพื่อเป็นการป้องกันก็ให้ใช้วิธีนี้กับข้อที่ตอบไม่ได้หรือข้อที่ทำไม่ทันค่ะ ส่วนข้อที่ทำได้หรือมั่นใจก็ทำเองค่ะ แต่ถ้าน้องใช้มโนมยิทธิเป็นแล้วก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สงสัยอะไรให้ถามน้องชัช (คุณXorce) ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

    http://palungjit.org/threads/รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน.161084/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2009
  4. SOMDEJ

    SOMDEJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +353
    ตอนเราสอบ
    เราอยู่กับปัจจุบัน...
    ความรู้มีเท่าที่เตรียมทุนมาแล้ว เสกไม่ได้อีก
    จึงอยู่กับปัจจุบัน มีแต่เรากับข้อสอบ จ้ะ
     
  5. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :cool:อยากเป็นหมอจริงๆคะ
    ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยแนะนำ วันที่สอบ หนูจะพยายามทำใจให้สบายเพราะคิดว่าคงเกร็งกับการสอบ แต่ก็เหมือนเดิม จะลองพยายามตั้งสติให้มากคะ:cool:
     
  6. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836

    ที่พี่บัวพูด ทำให้คิดได้ว่า ตอนเรียนม.ปลายจะชอบเกร็งข้อสอบ เหมือนกับว่ามองหน้าอาจารย์ก็(ตอนนั้นเรียกว่าเดาออกว่าอาจารย์จะออกข้อสอบยังไง และก็บอกถูกทุกครั้งเลยคะ) สอบแพทย์ กสพท หนูจะพยายามถ้าไม่แน่ใจหรือคิดไม่ออก จะทำอย่างพี่บัวแนะนำนะคะ ขอบคุณมากคะ
    ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากเจอใครเลย ไม่รู้เพราะเครียดหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าเบื่อมากๆเลย คนรอบข้างมีปัญหามาหาตลอดแถมยังพาเพื่อนมีปัญหามาอีก ทำไมพวกเค้าไม่คิดบ้างว่าหนูก็มีปัญหา มีเรื่องส่วนตัวต้องทำ
    ตอนนี้ก็เลยหลบๆหน้าผู้คนบ้าง
    พี่บัว บางที่หนูก็คิดนะคะว่า เรื่องพวกนี้มันจริงหรือเปล่า เราอยู่ในยุคไหนแล้ว ยังงมงายอีกเหรอ
    ขอบคุณพี่บัว และทุกๆท่านนะคะ ที่เข้ามาแนะนำ ขอบคุณคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2009
  7. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    [SIZE=+2]คาถาพระอินทร์ [/SIZE]

    "สหัสสเนตโต เทวินโต ทิพพจักขุง วิโสทายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู"

    (คาถา บทนี้เหมาะสำหรับเด็กนักเรียน บอกว่าเวลาก่อนที่จะดูหนังสือ ให้ไหว้พระ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ นึกถึงบิดามารดา ความดีของท่าน นึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วนึกถึงพระอินทร์เจ้าของคาถา แล้วว่าสัก 1 จบ แล้วก็ดูหนังสือ เมื่อจะเลิกจากอ่านหนังสือก็ว่าสักอีก 1 จบ วันแรก ๆ ก็อาจจะจำไม่ได้ แต่วันต่อไปก็อาจจะคล่องตัวขึ้นมาเอง)

    เป็น คาถาที่มีความสำคัญกับพวกเรามาก โดยเฉพาะคนที่กำลังเรียนหรือศึกษาอยู่ จะมีผลมากด้านความจำ หรือการทำข้อสอบก็จะมีความถูกต้องแม่นยำอย่างไม่น่าเ ชื่อ

    ถ้าจำแม่นไม่หลงลืมจริง ๆ ก็ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ
    สหัสสเนตโต ตาโต ๆ พันดวง
    เทวินโท คือ เทวดาผู้เป็นใหญ่
    ทิพจักขุง ก็คือ ตาทิพย์ ความรู้สึกเหมือนมีตาทิพย์
    วิโสทายิ แค่นั้น ใช่บ่อย ๆ ความจำจะดี ขณะเดียวกันถ้าหากว่าใครจะสอบอะไรก็ใช้ได้มันจะคล่องตัวเหมือนยังกับลอกข้อสอบเลย

    คาถา ท่านปู่พระอินทร์ คาถาสหัสสะเนตโตน่ะ ว่านะโมสามจบ ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดาทั้งหมด มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์รับกระดาษคำถามมาอย่าเพิ่งอ่านให้คว่ำลง ว่าคาถาสักสามจบ เสร็จแล้วพลิกกระดาษขึ้นมา อ่านคำถามดู ถ้ายังตอบได้ไม่หมดให้คว่ำลง แล้วว่าอีกเจ็ดจบ

    คราว นี้ความรู้สึกบอกว่าอย่างไร อยากจะเขียนอย่างไร อยากจะตอบอย่างไร ทำตามนั้นเลย จะเป็นไปตามนั้นทุกอย่าง ขอให้เชื่ออารมณ์แรกอย่าไปฝืน คาถาสั้น ๆ ว่า สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจังขุง วิโสธายิ แค่นี้แหละ ตอนหลังเขาเติม อิกะวิติ พุทธสังมิ โลกะวิทู ลงไปหน่อยหนึ่ง อิกะวิติเป็นหัวใจอิติปิโส พุทธสังมินี่หัวใจไตรสรณาคมน์ โลกะวิทูก็รู้แจ้งในโลก อะไร ๆ มา ก็รู้หมด ใช้คาถาตัวนี้ให้ชิน ก่อนอ่านหนังสือก็ว่าไปซะห้าจบ สิบจบ หลังอ่านก็ว่าไปซะห้าจบ สิบจบ


    ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=...27&action=view
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2009
  8. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :cool: ขอบพระคุณมากคะ ใช้แน่นอน
     
  9. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ถาม : .........(เสียงไม่ชัด ถามเรื่องการสอบ)..............

    ตอบ: การสอบ ถ้าหากว่าเราใช้คาถาสหัสสเนตโตเป็น มันเหมือนกับการลอกข้อสอบดี ๆ นี่เอง แล้วมันเป็นการลอกโดยถูกกฏหมายซะด้วย เพราะเขาจับไม่ได้ ไปดูเอาอยู่ในหนังสือสมบัติพ่อให้ แล้วใช้ตามนั้น อันนี้อาตมายืนยัน นั่งยันนอนยัน เพราะใช้มาด้วยตัวเองวิชาของพระที่เรียนมันไม่มีให้เลือก มันมีแต่จงอธิบาย ๆ สามหน้ากระดาษ ห้าหน้ากระดาษปรากฏว่าเราเรียนไม่ทัน เพราะเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วมันออกตรงนั้นพอดี พอมันเกิดความรู้สึกขึ้นตามที่ท่านว่า ก็ว่าของเราไปเรื่อย พอจบแล้วจำคำตอบไปดูมันตรงทุกตัวอักษรเลย ถ้าเขาจับว่าลอกข้อสอบ มันเถียงเขาไม่ได้มันเหมือนทุกคำ ถ้าคุณไม่ได้ลอก คุณเขียนยังไงให้มันเหมือนได้ เขาคงไม่เชื่อแน่ใช่มั้ย ?
    เพราะฉะนั้นไปใช้วิธีนั้น ไม่ยากเลย เรียนอะไรก็ได้ มีคนถามหลวงพ่อท่านว่าในเมื่อมันไม่ใช่ความรู้ของเขาจริง ๆ แล้วเด็กจะไม่โง่หรือ ? หลวงพ่อบอกข้อสอบบอกอะไร เด็กมันก็ตอบได้มันโง่มั้ยล่ะ ? ทำตามแบบนั้น อย่าว่าจะเรียนเอกเลย สองเอกก็ได้ แต่ลำบากหน่อย ปริญญาตรีนี่รู้เท่าอาจารย์บอกก็ใช้ได้ใช่มั้ย ? ปริญญาโทนี่ต้องเกลี้ยกล่อมให้อาจารย์คล้อยตามให้ได้ว่าเรามีความรู้ ส่วนปริญญาเอกนี่ต้องหลอกอาจารย์ให้ได้ (หัวเราะ)

    ที่มา กระโถนข้างธรรมมาสน์ เล่มที่ 5 พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
     
  10. bingping

    bingping เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2005
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +391
    คาถาท่านปู่่ ผมรับรองอีกคน
     
  11. รำมะนาด

    รำมะนาด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +251
    คุณเจ้าของกระทู้ มีเรื่องที่ต้องคิดค้นกังวลมากเกินไป
    เวลาจดจ่อจะทำอะไรจริงๆจังๆ เรื่องราวสัพเพเหระจะประดังออกมาพร้อมๆกับหมด

    เรื่องมันแย่งเนื้อที่กัน
    เหมือนกับตัวเอกในละคร มันแย่งความโดดเด่นในเนื้อเรื่องกัน

    อาจจะมีความปราถนาในชีวิต หลายอย่าง
    อาจมีความปราถนาบางอย่าง ขัดแย้งกัน

    เช่น อยากเรียนแพทย์
    แต่ก็ทราบว่าเรียนแพทย์ต้องใช้ความทุมเทสูง
    บางที่อาจต้องอุทิศตนเสียสละสิ่งที่รักที่หวงแหนในชีวิต
    เพื่อให้ได้เรียนแพทย์

    เวลามุ่งมันเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสในการเรียนแพทย์
    จะเหมือนมี กำแพงอะไรบางอย่างออกมาขวาง

    เหมือนกับเราจดจ่อตระเตรียมไว้สำหรับเรื่องราวเฉพาะทางหนึ่งๆ
    เมื่อเรื่องราวเฉพาะทางนั้นๆมาปรากฏตรงหน้า
    จิตกลับปฏิเสธมัน จิตมันเบือนหน้าหนี

    หากยังเป็นอย่างนี้อยู่ ไม่มีทางทำกิจการกิจกรรมนั้นๆให้ลุล่วงได้แน่นอน

    คนมันให้ความสำคัญกับการเรียนแพทย์อย่างไม่สมเหตุสมผล

    เหมือนสะกดจิตตัวเองเสียมาก

    ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใดจิงอยากเรียนแพทย์เสียขนาดนั้น

    ถ้าเป็นผมผมจะละความปราถนาทั้งหมดลง
    ภาวนาเพื่อจงใจลืมให้หมดทุกอย่าง

    แล้วค่อยก่อร่างแบบ ของความปราถนาขึ้นมาใหม่

    โครงสร้างของความปรถนาในชีวิตของท่าน
    มีลักษณะขัดแย้งกันเองภายใน

    ต้องภาวนาให้ลอยพ้นจากสภาวะขั้นแย้งในใจนี้ให้ได้

    หรือไม่ก้ต้องละความปราถนา ให้เหลือความปรถนาในชีวิตให้น้อยชนิดที่สุด
    ละความ "งก" ให้มากๆ
     
  12. รำมะนาด

    รำมะนาด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +251
    ที่คนเค้าชอบเล่าว่าเวลาเรารักอะไร
    เวลาเราอยู่ใกล้ๆมันเราจะมีความสุข

    ผมก็ไม่ทราบหรอกว่าอะไรคือ รัก อะนะ

    แต่เวลาอยู่ใกล้อะไรแล้วกระดี๊กระด๊า
    แบบว่าสาวจะแตกอะไรอย่างนี้หนะ พอจะเข้าใจ

    คนเราอยู่กับสิ่งที่ต้องฝืดฝืนโดยตลอด
    โอกาสจะได้กระดี๊กระด๊าอยู่ทุกบ่อยอะนะ
    มันเสี่ยงกับอาการเสียจริต

    จะทำของที่ฝืดฝืน ให้ดูเหมือนว่าแสนสนุก
    ทั้งๆที่มันแสนจะขมขื่นแต่ก้ต้องทำกระดี๊กระด๊าอยู่ทุกเมื่อ

    ก็ต้องแกล้งๆทำเสียจริต
    บ่อยๆเข้าก็ต้องเสียจริตจริง บางคนบอกว่าคุ้ม
    บางคนก็ว่าไม่คุ้ม
     
  13. รำมะนาด

    รำมะนาด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +251
    เป็นแพทย์แผนอุตสาหกรรม(แพทย์แผนปัจจุบัน)
    ไม่น่าจะเป็นอาชีพที่นำมาซึ่งความสุข อะไรเสียขนาดนั้น

    หน้าชื่นอกตรมเสียก็มาก
    ไม่เห็นจะเป็นอาชีพในฝัน อะไรขนาดนั้นเลย

    มันเป็นภาพที่คนสร้างขึ้นมาว่าเป็นอาชีพที่โก้เก๋
    กันขึ้นมาลอยๆเสียมากกว่า

    โลกยุคใหม่ อาชีพเฉพาะทาง อย่างเช่นแพทย์
    จะไม่ค่อยได้รับยความเหลียวแลในที่สุด

    ท่านเจ้าของกระทู้มีลักษณะ เป็นคนคิดอะไรรอบคอบ
    เชื่ออะไรก็ยาก ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
    ไม่เหมาะกับอาชีพแพทย์แผนวิทยาศาสตร์ในที่สุดอยู่ดี
    ต่อให้เรียนจบออกมาก็ เข้าหมู่เข้าฝูงไม่ได้อยู่ดี

    ทำอาชีพอิสระ น่าจะเหมาะกับท่านเจ้าของกระทู้มากกว่า

    เรียนแพทย์แผนวิทยาศาสตร์
    ก้ไม่ต่างจากการเข้ารีต รับศาสนาใหม่
    ถ้าเรามีความเชื่อขัดแย้ง ศาสนิกเดิม
    ไม่สามารถโน้มน้าวให้ศาสนิกใหม่คล้อยตามได้

    ยังไงก็จบไม่สวย
     
  14. รำมะนาด

    รำมะนาด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +251
    ภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนวนิยายบ้าง
    ละครทีวีบ้าง บทความในอินเทอร์เน็ทบ้าง
    มันเป็นจินตนาการเสียเป็นส่วนมาก

    เป็นจินตนาการที่ตกแต่งขึ้นเพื่อโน้มน้าวให้ผู้รับ ผู้อ่าน ผู้ชม
    คล้อยตามอย่างยิ่ง มันไม่ใช้ข้อเท็จจริงในชิวิตของคน

    ถ้ามีคนที่ดำเนินชีวิตตามหนังสือนิยายพวกนั้นได้จริง
    คนพวกนั้นก็คงมีชีวิตหลอนๆ พิลึกๆ

    คนเราจะมีช่วงเวลาติดอยู่ในความฝัน
    มันเป็นแค่ช่วงเดียวของชีวิต
    เหมือนกับภาพถ่ายในงานแต่งงาน

    มันไม่ได้สะท้อนภาพของชีวิตคู่ของบ่าวสาวอะไรทั้งสิ้น
    เป็นแค่ภาพที่อยากจะเห็นกัน

    ไม่มีใครในโลกใส่ชุดแต่งงานทั้งวัน
    ในวันแต่งงานก้ใส่กันอยู่แป๊บเดียว
    สุดท้ายก็จะแก้ผ้ากันอยู่ดี

    อย่าเอาภาพถ่ายในงานแต่ง มาเป็นเครื่องชีวัดอะไรเลย

    บทความที่เล่าเรื่องชีวิต การงานของแพทย์ ที่เห็นๆกันอยู่ดาษดื่น

    ผมก็ไม่ใช้แพทย์หรอก แต่เดาว่ามันเป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นมาเสียส่วนใหญ่
     
  15. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ช่วยชี้แนะ พูดถึงเรื่องเรียนแพทย์ สมัยๆเด็ก อยากเรียนวิศวะ มากกว่า เพราะชอบเรียนคำนวณ ชอบเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยแต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเรียนแพทย์คือ ก็ตอนที่แม่ป่วยเป็นอัมพฤก และเบาหวานสุดท้ายก็ลงที่ตัดขา ครอบครัวหนูที่มีฐานะปานกลาง พอมีพอกินสบายพอควร ตอนนี้ นอกจากจะประหยัด ยังทำให้ครอบครัวแตกแยก เพราะเรื่องเงินทำให้ ต่างคนต่างไป ได้ดีก็ไปไม่มีใครกลับมาช่วยกัน แม้แต่แม่ที่ป่วย ทำให้หนูคิดว่า ขนาดตัวเองมีฐานะ ยังเป็นแบบนี้ แล้วถ้าคนจนละ ถ้าหนูได้เรียนแพทย์หนูจะได้ใช้ความรู้ช่วยพวกเค้า อีกทั้งเงินเดือนแพทย์ก็ดี หนูจะได้ใช้เงินช่วยคนที่ต้องผ่าตัด แต่เงินไม่พอ นอกจากนั้นก็ทำให้ฝันของแม่เป็นจริงที่จะเห็นลูกเป็นหมอ อย่าถามเลยว่าใจหนูอยากเรียนอะไร ถ้าตอบจริงๆก็คือ อยากบวชเบื่อมนุษย์ เห็นแก่ตัวมากขึ้น สัตว์หากินไปวันๆ ไม่อดตาย แต่มนุษย์มีแต่กอบโกยเหมือนจะหาไว้กินชาติหน้า ทำร้ายธรรมชาติ ทำร้ายโลก ทำร้ายสัตว์ และทำร้ายคนด้วยกัน
    หนูได้ไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล คิดว่าเข้าใจนะคะ ว่าแพทย์ต้องทำอะไรบ้าง
    ถึงได้คิดว่าอยากเรียนแพทย์ ไม่เกี่ยวกับละคร เพราะหนูชอบดูหนังต่างประเทศไม่ชอบหนังไทย หนูจะดูหนังแนว วิทยาศาสตร์ สืบสวน บู๊แอคชั่น ไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพแพทย์เลยนะคะ ถ้าจะติดภาพจากหนังที่ดู เรียนคณะวิทยาศาสตร์ตรงที่สุดเลยคะ
    ขอบคุณมากนะคะ พี่ที่หอพักก็บอกว่า หนูเครียด และ ตั้งใจจนเกร็ง นั่งสมาธิแล้วรู้เลยว่า ตื่นเต้น จะบอกพี่และทุกๆท่านยังไงดีว่าลึกๆในใจ หนูกลัวจะสู้คนโรงเรียนดังๆไม่ได้
    พรุ่งนี้จะสอบแล้ว วิชาเฉพาะความถนัดทางแพทย์ หนูเอาข้อสอบเก่ามาทำข้อสอบจะแบ่งเป็น3ตอน คือ
    1.ข้อสอบความสามารถด้านความคิดทางจริยธรรมและทักษะการคิดแบบองค์รวม
    2.ข้อสอบด้านตัวเลข ความจำ ความสามารถด้านมิติสัทพันธ์ เหตุผลและการเชื่อมโยง
    3.ความสามารถด้านการเชื่อมโยงถ้าเข้าใจก็ทำได้ ไม่ต้องจำอะไรเลยเหมือนเรียนคำนวณ แต่ติดที่ถ้าเข้าห้องสอบแล้ว ยังทำได้เหมือน ตอนนั่งทำที่ห้องทุกอย่างออกมาดีคะ
    ขอบคุณทุกๆท่านนะคะ ที่เข้ามาแนะนำ และให้กำลังใจ หนูจะพยายามค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...