รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณมากคับ

    ผมปฏิบัติบางครั้ง ผมคิดว่าผมคิดไปเอง

    แต่พอเข้ามาอ่านในกระทู้ มันก็เหมือนที่ผมได้ปฏิบัติ

    เช่นตอนที่ผมถามเรื่อง ความรู้สึกเวิ้งว้าง เหมือนตัวเองลอยอยู่ในที่

    โล่งกว้าง คือตอนนั้นความรู้สึกของผมมันนิ่งดิ่ง ๆๆ วูบ ๆๆลงไป

    แล้วก็มีความรู้สึกว่าให้พิจารณาความไม่มี ตัวเราไม่มี สิ่งต่าง ๆไม่มี

    แป๊ปนึง ก็รู้สึกถึงความเวิ้งว้าง เหมือนตัวเองอยู่ในที่โล่งกว้างมาก ๆ

    เหมือนตัวลอยหมุนไปอย่างช้า ๆ ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกสบายตัวเบาเย็น

    ผมก็เลยคิดว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร ก็เลยมาถามคุณ Xorce จึงได้รู้ว่า

    มันคือ อรูปฌาณ แต่เป็นแบบหยาบ ๆ รู้สึกดีมากคับ

    ขอบคุณคับ
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เมตตาบารมี ครับ

    อยากสอบถามพี่ว่าเวลาหลังจากที่บอกพี่ว่ารู้สึกตึงแถวหน้าผาก
    และดิ่งตอนนี้ก็นั่งไปเรื่อยๆทีนี้ก็รู้สึกพอเราเอนกายไปทางไหนรู้สึกเหมือนมีน้ำมาไหลกองที่หน้าเช่นแก้มเปลือกตาหรือจมูก

    เป็นปีติ ประเภทหนึ่งครับ

    พอสักพักพอเราดิ่งไปเรื่อยๆคือไม่รู้อะไรแล้วเหมือนหลับแต่เราตกใจสะดุ้งเพราะคล้ายๆว่าเราลืมตามองและสะดุ้งบ่อยทุกครั้งที่เริ่มใหม่และไปถึงจุดนั้นจะแก้ไขอย่างไรดีค่ะอีก

    อาการสะดุ้งเป็นอาการที่จิตเคลื่อนตัวระหว่างสมาธิแต่ละขั้นรวดเร็วเกินไปครับ
    เหมือนกับวิ่งเร็วไป จนสะดุดก้อนหิน

    วิธีแก้ ก็คือหนึ่ง เราอย่าตกใจกับการที่มองเห็นครับ และให้ประคองสมาธิไปเรื่อยๆ
    เพราะพอเราตกใจก็เลยสะดุ้ง แล้วจิตก็เลยถอนออกมา ต้องมาเริ่มใหม่
    คราวนี้เราก็อย่าตกใจแล้วก็ประคองอารมณ์เอาไว้ ไปเรื่อยๆครับ

    และสอง อย่าลืมอธิษฐานปักหมุดเอาไว้ด้วยนะครับ
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่นิ่ง เบาสบาย ระดับนี้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง

    แล้วจะคล่องขึ้น ไม่สะดุดอีกต่อไปครับ

    อย่างนะค่ะพี่ตัวหนูจะไปวันที่11ตุลาคมนี้ที่ซอยวสายลมไปฌาน8ตามที่เค้าเรียกกันว่าผ่านครึ่งกำลังแล้วเมื่อเดือนที่แล้วก็ต่อฌาน8

    เอ น่าจะวันที่ 3-4 ตุลาคม มากกว่าครับ ลองเช็คอีกทีครับ

    แต่อยากให้พี่ช่วยเล่าว่าหากจิตจะออกจากร่างจะเป็นอย่างไรและจะกลับเข้าร่างอย่างไรและต้องปฏิบัติอย่างไรแต่ปัจจุบันนี้หนูยังออกไม่เป็นเลยอยากถามพี่พี่กรุณาช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะค่ะขออนุโมทนาสาธุขอขอบคุณพี่จากใจจริง..ดีนะค่ะที่มีเว็บพลังจิตนี้และมีกระทู้นี้ไม่งั้นเหมือนคนไม่รู้อะไรเลยขอขอบคุณค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    ได้ครึ่งกำลังก็ออกไปแบบครึ่งกำลังแล้วไงครับ
    ญาณ8 ก็ใช้แค่ครึ่งกำลังครับ

    ส่วนเต็มกำลังจะมีฝึกที่วัดท่าซุงปีละครั้ง
    หรือถ้าจะทำเองที่บ้านก็ทำแบบนี้ครับ

    เราขึ้นไปกราบพระท่านข้างบนก่อน
    เสร็จแล้ว เราก็ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความนอบน้อมว่า
    ขอบารมีพระพุทธเจ้า ทรงเมตตาสงเคราะห์ ยกจิตของข้าพเจ้าออกมาเป็นมโนเต็มกำลัง ขึ้นไปบนพระนิพพานด้วยเทอญ

    เสร็จแล้วให้เราตั้งจิตต่อไปว่า
    ขอบารมีพระพุทธเจ้า ทรงเมตตาสงเคราะห์ ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสอารมณ์พระนิพพาน ว่ามีความสุข ชุ่มเย็น อิ่มเอิบใจ เบาสบาย เพียงไรด้วยเทอญ

    เสร็จแล้ว ทำใจสบายๆ ซักพัก อารมณ์ความสุขจากพระนิพพานจะค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาจนเต็มดวงจิตของเรา
    พอเราได้สัมผัสความสุขจากพระนิพพานแล้ว เราจะเกิดความสุข ชุ่มเย็น อิ่มใจ คล้ายมีน้ำทิพย์มาชะโลมดวงจิต
    แล้วเราจะเกิดความศรัทธา มั่นใจว่า มโนมยิทธิ ที่เราได้สัมผัสนั้น เป็นของจริง

    ก็ให้เราตั้งจิตว่า เราขอแผ่ความสุขจากพระนิพพานนี้ ส่องสว่างออกไปเป็นรัศมีเพชร จากพระนิพพานส่องสว่างไปยังทุกๆภพภูมิ
    เห็นรัศมีเพชร แผ่กระจาย ส่องสว่างเป็นเพชรระยิบระยับไปหมด ทั้งจักรวาล ทุกๆมิติทุกภพภูมิ ลงไปจนทุกเบื้องล่างต่ำสุด
    ขอให้ทุกๆดวงจิต มีพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
    สัมผัสความสุข เสวยสุขจากอารมณ์พระนิพพาน ควบเมตตาให้เต็มที่ เต็มอิ่มแก่ดวงจิตของเรา จะสุข เย็น จนบรรยายไม่ถูกเลยครับ เย็นมากๆ

    แล้วอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามรถเข้าถึงซึ่งอารมณ์พระนิพพาน ควบเมตตานี้ ได้ทุกครั้ง ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานอย่างแท้จริงด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำเอาไว้สามครั้ง

    คราวนี้ให้เรานอนแล้วเสวยสุขอยุ่ในอารมณ์พระนิพพานควบเมตตา จนถึงที่สุด
    พอจิตมีความสุขอย่างถึงที่สุดแล้ว กายทิพย์จะออกมาเองครับ

    ง่ายไหมครับ เพียงตั้งจิตไปกราบพระท่านข้างบน แล้วทำจิตให้มีความสุขมากที่สุด ด้วยอารมณ์พระนิพพาน ควบเมตตา กายทิพย์จะออกมาเอง
    พอออกมาแล้วอย่าลืมอธิษฐานปักหมุดไว้ด้วยนะครับ จะได้ออกมาคล่องๆ

    แล้วถ้าเราตายตอนหลับ ก็ไปพระนิพพานเลย

    ทำกันแบบง่ายๆ หากินกับการนอน ให้คุ้มค่า ได้อานิสงค์สูงสุด

    ที่ต้องให้นอนเพราะกายจะสบาย ใจก็จะสบาย พอกายสบาย จิตก็จะไม่พะวงมาก จะออกมาง่ายกว่า
    ถ้านั่งอยู่ เดี้ยวมันเอียง เดี้ยวมันล้ม จิตก็พะวงไม่ออกซักที

    และอารมณ์พระนิพพานควบเมตตานี้ เป็นอารมณ์ของพระอริยเจ้าอีกด้วย
    หากทรงได้ ตลอดทุกขณะจิต กินอยู่ คุยอยู่ ทำงานอยุ่ ทรงได้ตลอด
    บุคคลก็มีอารมณ์จิตเป็นพระอริยเจ้าแล้วอย่างแน่นอน

    ขอให้สามารถทรงอารมณ์พระนิพพานควบเมตตานี้ กันได้ทุกๆคน ได้โดยฉับพลันทันใด ได้ด้วยพระบารมีของพระพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
  3. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ถึงพี่xorceค่ะ

    อนุโมทนาสาธุค่ะพี่ ตามที่พี่ตอบหนูมาอ่านแล้วขอขอบคุณจากใจจริงค่ะที่พี่สอนหนูอ่านได้อ่านแล้วดีใจค่ะที่พี่อ่านแล้วเข้าใจคำพูดหนูหนูเขียนไปหนูก็อธิบายยากมากกับอาการที่เกิดแต่พอพี่พูดและสอนก็เข้าใจว่านั่นแหละที่พี่สอนเป็นอาการอย่างนั้นจริงๆค่ะแต่ก็มีหลายครั้งที่นั่งความรู้สึกเหมือนมันจะมีอะไรดันตรงหน้าผากจะออกมาจะถามพี่นิดหนึ่งค่ะจิตเวลาออกออกจากที่ไหนค่ะส่วนเรื่องฝึกสายลมขอบคุณมากค่ะเดียวจะเช็คดูเกือบพลาดค่ะ
     
  4. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    สวัสดีค่ะคุณชัช
    วันก่อนเคยสอบถามคุณชัชทางเอ็มค่ะ ว่าอาการที่ตัวแกว่งๆเหมือนอยู่บนเรือ ที่เป็นอาการของปีติน่ะค่ะ ก็เป็นอยู่สักพักนะคะ บางครั้งก็จะเกิดอาการเหมือนกับตัวหายไป คือเป็นอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน เหมือนกับร่างกายกลวงๆน่ะค่ะ ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม
    แต่ก็มีสติดีอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นปีติอีกแบบ แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีแล้วค่ะ

    ก็นั่งสมาธิทุกวันค่ะ แต่อาจจะนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ามีเวลามากน้อยแค่ไหน
    หลังจากนั้นก็ปฏิบัติตามที่คุณชัชบอกว่าให้อธิษฐานปักหมุด รู้สึกว่าเวลาเรานั่งสมาธิจิตจะรวมเร็วมาก แต่ว่าไม่ได้ฝึกปฏิบัติแบบมโนมยิทธิค่ะ ก็กำลังจะขอ CD อาจารย์คณานันท์มาฝึกเองที่บ้าน จริงๆก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาเดินทางไปที่วัดท่าซุงค่ะ
    ช่วงนี้ก็ได้คุยกับพี่ธร ปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับฝึกสมาธิบ้างค่ะ

    ตอนนี้กำลังฝึกนึกถึงพระพุทธรูปนะคะ ตามที่อ.คณานันท์สอน คือจะพยายามจดจำลักษณะองค์พระพุทธเจ้าแบบปางมารวิชัย ประมาณพระพุทธชินราชนะค่ะ ก็เอารูปขนาดใหญ่มาไว้ในห้องพระเลย ปรากฎว่าเมื่อคืนวานได้ฝันว่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเมฆดำๆปกคลุมท้องฟ้าหมดเลยจู่ๆองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลอยทะลุเมฆเข้ามาเลยตรงนั้นก็สว่างจ้าไปหมด พระองค์ท่านทรงจีวรแบบพระค่ะ และก็มีพระโมลี ส่วนเส้นเกศาจะแบบขอดๆ ฝันแป๊บเดียว แต่รู้สึกดีมากๆ คือไม่น่าจะคิดไปเองนะคะ เพราะที่ฝันพระองค์ท่านทรงยืน แต่ที่เราพยายามจะนึกจะเป็นปางมารวิชัยน่ะค่ะ

    ช่วงนี้ก็จะนั่งสมาธิส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ของแต่ละวัน พอนึกถึงว่าขอให้นั่งสมาธิได้ถึงระดับเหมือนครั้งที่แล้ว เหมือนบางครั้งจะวูบไปอย่างเร็วมากๆๆแล้วก็นิ่ง สว่าง
    ไม่สว่างมากนะคะ แบบนวลๆ ก็จะสบายๆ อยู่สักพัก รอบข้างและร่างกายก็จะหายไป ว่างมากๆๆ ลมหายใจเหมือนกับมันจะน้อยมากๆจนแทบจะหายไปเลย
    แล้วก็อธิษฐานในใจตามที่ในเวปว่าขอให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โปรดยกอทิสสมานกายของข้าพเจ้าให้ได้รับทราบสิ่งที่พระองค์ประสงค์เถิด ทีนี้เหมือนกับตัวเรามันเบาๆเหมือนกับมันจะลอยขึ้นไปน่ะค่ะ สักพักก็ออกจากสมาธิ ปรากฏว่านาฬิกาถึงเวลาพอดี ยังไม่ทันปลุก แต่ว่าไม่มีเวลานั่งนานกว่านั้นไงคะ ต้องไปทำภาระกิจต่อ

    สงสัยเหมือนกันว่าเวลาเรากำลังรวบรวมสมาธิอยู่ จู่ๆคือวูบไปเหมือนกับดิ่งๆๆๆ ไปเลยค่ะ
    อย่างรวดเร็วมากค่ะ ก็แปลกใจเหมือนกัน อันนี้เพราะเราได้อธิษฐานปักหมุดหรือเปล่าคะ

    ก็พยายามที่จะนั่งให้ได้ระดับนี้ให้ทุกวัน ส่วนระหว่างวันเวลาเราทำอะไร ก็เหมือนกับมีเราอีกคนที่คอยเตือนเราอยู่ เหมือนเวลาจะคิดอะไรที่ไม่ดี ก็จะคอยเตือนเราเองน่ะค่ะ แล้วเราก็จะรับรู้โดยอัตโนมัติว่าไม่ดีนะ เพราะอะไร คือระหว่างวันถ้าหากเราทำงานของเราอยู่ บางทีมันก็มีคิดโน่นคิดนี่ไปบ้าง ก็พยายามฝึกตามจิตไป แต่บางครั้งเหมือนกับจะเกร็งๆแล้วกลายเป็นเพ่งไปค่ะ จะรู้เพราะถ้าเพ่งจะปวดตรงหน้าผากมากเลย
     
  5. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    มา อนุโมทนา ในการบำเพ็ญของทุกท่านครับ

    ขอ msn คุณ Xorce ได้ไหมครับขอบคุณ
     
  6. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    พี่ค่ะหนูโทรถามแล้วนะค่ะซอยสายลมฝึกมโนมยิทธิวันที่10-11ตุลาคมนี้ค่ะ อนุโมทนาสาธุพี่นะค่ะ
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Waritham ครับ

    ขอเรียนถามครับ
    1. ในฌาณ 4 ที่ไม่ปรากฏลมหายใจนี่ กล้ามเนื้อบริเวณท้องขยับหรือเปล่าครับ
    หรือว่าขยับแต่จิตไม่รับรู้แล้ว

    ถ้าเป็นฌาณ4 จิต นิ่งโดยสมบูรณ์ ก็ไม่ขยับครับ
    แต่ไม่ต้องไปสนใจนะครับ ดูที่ลมหายใจเป็นหลักครับ

    2. วิธีที่ทำให้จิตเป็นอุเบกขาทำยังไงครับ ใช้วิปัสสนาหรือเปล่า หรือปล่อยไปเรื่อยๆครับ

    มีสองตัวนะครับ
    1.อุเบกขา ด้วยสมถะ ก็คือ อารมณ์ของฌาณ4 จิตนิ่ง หยุด ปราศจากความคิด ลมหายใจดับ เราจะเห็นอาการนิ่ง เบาสบาย มีความสุขของจิตได้ชัดเจน
    2. อุเบกขาด้วยวิปัสสนา ก็คือ สังขารุเปกขาญาณ เป็นญาณที่จะตัดเข้าความเป็นพระอรหันต์ คือ การวางเฉย ในร่างกาย การจะวางเฉย ในร่างกาย

    เราจะต้องพิจารณา จนจิตเห็นธรรมดาว่า ร่างกายนี้ ต้องตายแน่นอน ร่างกายนี้มีความสกปรก
    เป็นของธรรมดา และร่างนี้ก็ไม่ใช่ตัวเรา เราคือดวงจิต ถ้าตายเมื่อไหร่เราจะไปพระนิพพานเท่านั้น
    สังขารุเปกขาญาณ ไม่ใช่การสั่งให้จิตวางเฉย และไม่ใช่การปล่อยจิตไปเรื่อยเปื่อย

    แต่เราจะต้อง เข้าฌาณ4 แล้วพิจารณาความเป็นธรรมดาของร่างกายในฌาณ4
    จนจิตเห็นว่า อาการทรุดโทรมของร่างกาย มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่เอง
    จิตก็จะวางอุเบกขาในร่างกายได้ และเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน

    3. สุขนี่หายไปเองหรือเปล่าครับ

    ความสุขไม่หายไปครับ แต่เราน่ะหายไปจากความสุขครับ

    ความสุขนั้นมีขั้นหยาบ กลาง ละเอียด ก็คือสุขน้อย สุขกลางๆ สุขมากๆ
    เมื่อจิตเราเป็นสมาธิ จะมีความสุขน้อยๆ ขณิกสมาธิ
    พอจิตเริ่มเป็นสมาธิความสุขน้อยๆจะหายไป กลายเป็นความสุขกลางๆ อุปจารสมาธิ
    พอจิตเป็นฌาณ4 มีพรหมวิหาร4โดยสมบูรณ์สุขกลางๆ จะหายไปกลายเป็นสุขมากๆ อัปปนาสมาธิ
    แล้วพอเราตัดสินใจได้ด้วยกำลังของพรหมวิหาร4 ว่าเราจะไม่เกิดแล้วนะ
    ตายเมื่อไหร่จะไปพระนิพพานเท่านั้น ความสุขมากๆ ก็จะหายไป
    กลายเป็นสุขอย่างถึงที่สุดด้วย วิปัสสนาญาณ และอารมณ์พระนิพพาน

    4. อาการปิติที่เห็นร่างกายใหญ่โตนี่แสดงว่าเฉียดถึงปฐมฌาณรึเปล่าครับ

    ปีติทั้งหมด อยู่แถวๆ อุปจารสมาธิ กับปฐมฌาณครับ

    5. อุปจารสมาธินี่ ระงับเวทนาทางกายได้รึเปล่าครับ

    ขณิกสมาธิก็ระงับได้ อุปจารสมาธิก็ระงับได้ อัปปนาสมาธิก็ระงับได้
    แต่ระงับได้เข้มข้นต่างกัน ถ้าจะระงับถึงที่สุด ต้องอัปปนาสมาธิ กับอารมณ์พระนิพพาน

    ผมเคยฝึกอย่างนี้นะครับ
    1. ดูทุกขเวทนาอย่างเดียว เกิดสุขขึ้นเหมือนกัน แต่ว่าเวทนาไม่ได้หายไป คือนั่งอยู่ด้วยความทุกด้วย แต่ต่อสู้ด้วยสุข

    แบบนี้อาจจะอารมณ์หนักได้ ลองเปลี่ยนใหม่ครับ
    คราวนี้เราเลิกดูทุกขเวทนา ดูมันแต่สุขเวทนาอย่างเดียว
    แล้วก็ไม่ต้องทุกข์หนอๆ คราวนี้เป็นสุขหนอๆ สุขอะไรอย่างนี้
    ถ้าวันทั้งวัน เราเห็นแต่สุขเวทนา24ชั่วโมง
    ขึ้นชื่อว่าบุคคลนั้น มีความเอิบอิ่มในบุญกุศลอยู่ตลอดเวลา

    2. ปัจจุบันผมฝึกอานาปาน เกิดสุขเหมือนกันแต่เวทนาเกือบไม่รับรู้
    และไม่ได้นั่งอยู่ได้เพราะสุข อันนี้คือจิตเริ่มแยกจากกายเหรอครับ
    อุปจารสมาธินี่เริ่มแยกหรือยังครับ

    เริ่มแยกตั้งแต่ขณิกสมาธิแล้วครับ แยกเยอะแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับของสมาธิ

    ระดับของสมาธิวัดกันตรงไหน

    ความสุขนั่นแหละครับ ยิ่งมีความสุขมาก ความสุขที่เกิดจากบุญกุศล ความเอิบอิ่มในธรรม ความสุขจากการทำดี สมาธิยิ่งสูง
    ดังนั้นหากอยากทำให้มีสมาธิมากๆ ก็คือ ต้องทำให้เกิดความสุขจากสมาธิมากๆ
    ถ้าทำสมาธิ แล้วไม่มีความสุข เกิดแต่ความทุกข์ ก็แปลว่า เรายังเข้าไม่ถึงแก่นของสมาธิครับ

    อย่าลืมว่าไม่มีพระพุทธรูปองค์ไหนที่ไม่ยิ้มครับ
    ดังนั้นถ้าเราทำสมาธิ แล้วหน้าบูด บึ้ง ไม่ยิ้มเลย
    แปลว่า เรากำลังดำเนินไปยังคนละทิศทางกับที่พระพุทธองค์ทรงสอน
    ฝึกสมาธิแล้วต้องยิ้มนะครับ

    ขอให้เข้าถึงความสุข ความอิ่มใจ ความปีติในธรรม จากสมาธิ ได้โดยฉับพลันทันใด ได้ ณ ขณะจิตนี้ด้วยเทอญ
     
  8. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อนุโมทนาคับ
    จิตนิ่งและสุขมากๆ ลมหายไป ช่วงแรกๆกระอึกกระอัก ตอนนี้เริ่มนิ่งดี และ แผ่เมตตาสะดวกแผ่ให้ผู้คนทั้งหลายได้เข้าถึงนิพพานด้วย ตอนแรกๆคล้วที่จะตาย ตอนนี้ ไม่กลัวแล้ว แถมคิดว่าตายก็ดีไม่ตายก็ดีอารมณ์เป็นกลาง จิตคงจะละได้แล้วส่วนหนึ่งแต่ก็ยังไม่หมดกระมัง

    คำถามคับ
    1.การที่ผมอัดลมนั้น ตอนนี้มันกลับเหมือนการอัดลมตลอดเวลาทั้งๆที่ผมไม่ได้พยายามจะอัดลมเลย เราจะใช้กระบังลมตรงลิ้นปี่ในการกักลมลมหายใจใช้ไหมคับทีนี้ ตอนนี้มันจะกลั้นหายใจเองอัตโนมัตโดยที่เราไม่ได้กำหนดมัน แล้วมันรู้สึกอะไรไปรวมตรงหน้าอกและก็หน้าผากบ้าง อันนี้มาถูกแล้วใช่ไหมคับผมจะได้กำหนดแบบนี้เป็นวิสัย

    2.ระหว่างนี้จิตมันนิ่งปล่อยให้มันว่างเปล่าหรือตามจิตไปเรื่อยๆ หรือ กำหนดจิตให้ปรากฏรูปพระเป็นเพรช อย่างไรดีครับ แต่ตอนนี้ก็แผ่เมตตาไปเรื่อยๆก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะกำหนดอย่างไรดีแต่จิตละเอียดขึ้นสุขขึ้นเบาขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ และควรกำหนดอย่างไรดี

    3.ผมไม่ได้กำหนดภาพเพราะแต่ก่อนก็เห็นบ้าง พยายามที่อยากจะเห็นบ้าง แต่ตอนนี้ เอาสมะถะให้แน่ให้ดีก่อน มีปัญญาแต่ไม่มีกำลัง ก็คงไม่ได้ เพราะพยายามที่จะอยากมีมีดที่จะไปตัดเชือกอย่างเดียว ผมคิดว่า ฝึกกำลังก่อนแล้วไปลับปัญญาให้คม ถึงจะตัดเชือกกิเลสได้ อย่างนี้ทำได้หรือไม่คับ เพราะ มันไม่เห็นอะไรเลยในสมาธิมีแต่ ความรู้สึกที่สงบเบาสบายไม่คิดอะไร ไม่เห็นอะไร และมีอารมณ์เมตตาเพียงเท่านั้น

    อยากจะไปฝึกในซอยสายลมนะคับถ้าไม่ติดอะไร ก็จะไป

    อนุโมทนากับทุกคำตอบด้วยครับ
    ขอให้เข้าถึงจุดทุกจริตในดวงจิตของแต่ละคนตราบจนเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2009
  9. Waritham

    Waritham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอบคุณมากครับ
     
  10. นรี

    นรี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4

    ดิฉันนั่งสมาธิทุกวันติดต่อกันสม่ำเสมอเป็นเวลาประมาณ3เดือน หลังจากนั่งสมาธิได้ไม่เกิน3-5นาที กายจะหายไป ลมหายใจยังรับรู้ คำบริกรรมหายไป แต่ยังระลึกรู้ถึงท่านั่งทุกอาการของตัวเองได้ดีเพียงแต่ขาดความรู้สึกทั้งหมดในร่างกาย ไม่รับรู้ความเวทนาเจ็บปวดส่วนใดๆในร่างกาย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งในระยะสามเดือน ช่วง1สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงคือ อาการทางกายดับสนิท อธิบายตามความเข้าใจนะคะ เพราะปิติใดๆหายไป ลำตัวนิ่งตรง เห็นจิตและกายเป็นคนละส่วนกันอย่างชัดเจน เหมือนกายดับไปแต่จิตเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ ความรู้สึกเบาสบาย นิ่งลึก ตอนนั้นเข้าใจถึงคำพูดที่ว่าเข้าฌานได้โดยชัดเจน จิตเคลื่อนไหวอยู่ในกายที่ดับสนิท พยายามคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับสภาวะนี้ เลยกำหนดระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฎเห็นภาพพระพุทธองค์นอนอยุ่ใต้ต้นมหาโพธิ์ แวดล้อมด้วยพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเดินไปรอบๆสถานที่แห่งนั้น จนเห็นภาพพระองค์ท่านในทุกมุม ระลึกรู้ภาพที่เห็นหลังจากภาพหายไปกำหนดถึง หลวงพ่อที่บวชอยู่ เพื่อที่จะให้ท่านชี้ทางหลังจากนั้นก้อรู้สึกว่าปวดขาก้อกำหนดรู้3-4ครั้งอาการหายจึงพิจารณาอาการอื่นๆไปเรื่อยๆ กระทั่งออกจากสมาธิ และทุกครั้งที่นั่งสมาธิก้อจะมาถึงจุดเดิมที่เรียกว่าเข้าฌานโดยง่าย ดิฉันมีคำถามค่ะ
    1. สภาวะที่เกิดขึ้นมาจะพัฒนาการเจิญจิตไปในทางไหนคะ เพราะ เข้าใจว่าสภาวะจิตพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจากการที่ปฎิบัติมา3เดือนกว่า และจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดิฉันไม่เคยเพ่งกษิณค่ะ ทุกสัปดาห์ก้อไปปฏิบัติเป็นประจำที่วัด และกลับมาปฎิบัติที่บ้านโดยต่อเนื่อง
    2. ช่วยอถิบายคำว่าฌานค่ะ แล้วสภาวะอย่างนี้ เป็นฌานหรือเป็นสภาวะธรรมระดับไหนคะ
    3. ระหว่างวันยังคงทรงอารมณ์กำหนดรู้ได้ดี และ ศิล5 บริบูรณ์มาโดยตลอดค่ะแต่บางครั้งมึนศรีษะและเครียดหรือจะมากเกินไปคะ
    สามเดือนกว่าที่มาปฏิบัติอย่างจริงจังรู้สึกได้สัมผัสถึงความสุขและโลกธรรมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนมันรู้อยู่ภายในค่ะแต่ไม่สามารถที่จะอธิบายให้คนอื่นรับรู้หรือไม่อยากพูดอยากคุยกับใครในสิ่งที่ตัวเองรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในชีวิตประจำวัน วางเฉยได้มากกว่า 70% ด้วยการพิจารณาเอาไตรลักษณ์ มาเป็นอารมณ์ และ ขออนุโมทนาบุญค่ะสำหรับผู้ปฏิบัติทุกท่าน และเจ้าของกระทู้ ด้วยเป็นคนที่ยังต้องปฎิบัติและปรึกษาผู้รู้ ช่วยตอบขอ้สงสัยและแนะแนวทางด้วยนะคะ ...อนุโมทนาค่ะ

    ***********เราไม่เห็นตนในที่ไหน เราไม่เห็นตนเกี่ยวข้องกับใคร****************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2009
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ t_zara ครับ

    คืออยากทราบว่า อาการปิติตัวโยก ตัวสั่นที่เกิดขึ้นนั้น เรารับรู้ภายในจิตของเราว่ามันเกิด หรือว่ามันเกิดขึ้นจริงๆครับ ถ้าสมมติมีเพื่อนนั่งดูเราอยู่ เพื่อนจะเห็นเป็นอย่างไร ในขณะที่เราเกิดปิติครับ คือเคยเห็นในทีวี เด็กนักเรียนนั่งสมาธิแล้วตัวโยกใหญ่เลย แล้วพี่เลี้ยงก็เร่งใหญ่เลย ว่าภาวนาเข้าๆๆ ไม่รู้ว่าเป็นอุปทานหรือปิติจริงๆอ่ะครับ ขอขอบคุณครับ

    เป็นได้สองแบบครับ สำหรับปีติตัวโยก
    1.เรารู้สึกในจิตว่าสั่น โดยที่ตัวเราไม่สั่น
    2.กับเรารู้สึกว่าสั่น แล้วร่างกายก็สั่นไปด้วย

    มันก็เป็นปีติเหมือนกันทั้งสองแบบครับ
    ก็อย่าไปสนใจ หรือว่าติดใจกับอาการทางกายครับ
    ให้เราทำใจเฉยๆ แล้วก็ทำสมาธิต่อไป เรื่อยๆครับ
    ซักพักอาการของปีติจะหายไปเอง

    เวลาเราทำสมาธิในขั้นสมถะ
    ปีติเป็นเพียงแค่ทางผ่าน แต่ว่าสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ปีติครับ
    เราต้องการอารมณ์ที่มีความเบาสบายชุ่มเย็น อิ่มเอิบใจ จิตหยุดนิ่ง อยู่ในความสุข
    เป็นอารมณ์ของฌาณ4 จิตหยุด ลมหายใจดับ จิตลอย นิ่ง เบา สบายจากการได้หยุดคิด

    แล้วก็ไม่ใช่อุปาทานนะครับ
    มันสั่นจริง ก็ต้องเป็นปีติจริงสิครับ

    แต่ถ้าเกิดปีติบ้าง เกิดแสงสว่างบ้าง แล้วเราคิดว่า ฉันบรรลุธรรมแล้ว
    แบบนี้อุปาทานแน่นอนครับ เป็นแค่เพียงปีติเท่านั้น แต่ไปคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว

    ยังไงก็อย่าไปสนใจกับปีติมากครับ ไม่งั้นเสียเวลานาน
    เดี้ยวมันเกิดเป็นปีติแบบอื่นขึ้นมา แล้วเราก็สงสัยไปหมดทุกตัว อันนี้นี่ยุ่งเลย
    ปีติมี5ตัว ไม่นับ แสงสว่าง กับอาการแยกย่อย ที่เกิดในอุปจารสมาธิอีก

    เอาเป็นว่ามันจะเกิดอะไรก็ช่างมันเถอะครับ
    ให้เราจับลมหายใจด้วยอารมณ์ที่เบาสบาย

    สัมผัสอาการพัดผ่าน พริ้วไหวของลมหายใจ ให้ใจเกิดความเบาสบาย ให้จิตได้พักผ่อน อยู่ในความอิ่มใจ กับความนุ่มนวลลื่นไหลของลมหายใจ
    ปีติจะเกิดและผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ

    ขอให้เข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่มีความละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไป ด้วยบารมีแห่งพระพุทธองค์ด้วยเทอญ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เมตตาบารมี ครับ

    มีหลายครั้งที่นั่งความรู้สึกเหมือนมันจะมีอะไรดันตรงหน้าผากจะออกมา

    เกิดจากหลายสาเหตุได้เช่นกันครับ

    1.จิตของเราจะเคลื่อนออก ทางหน้าผาก
    2.จิตของเรามีอารมณ์หนักมากเกินไป หรือเราคั้นตัวเองมากเกินไป

    กรณีนี้น่าจะเกิดข้อ1 มากกว่า
    แต่เราก็ต้องไม่ไปจับที่อาการเคลื่อน หรือเค้นให้มันออกมา
    เพราะอารมณ์จะหนักเกินไปได้เช่นกันครับ

    เราก็รู้ แล้วก็ทำใจสบายๆ ทำสมาธิต่อไปตามที่ทำอยู่ครับ


    จะถามพี่นิดหนึ่งค่ะจิตเวลาออกออกจากที่ไหนค่ะ

    ออกได้ทุกทางเลยครับ แถมออกได้หลายลักษณะอีกด้วย
    มันจะออกทางไหนก็ได้ครับ จะออกทางนิ้ว ทางเท้า ทางท้องก็ยังได้เลย
    ขอแค่มันออกมาได้ก็พอครับ แล้วแต่ละคนจะออกไม่เหมือนกันด้วย
    บางคนต้องออกทางหัว จะให้ออกทางท้องมันก็ไม่ออก
    ถ้าคล่องๆแล้ว ก็ทำได้หมดทุกทาง

    การออกในลักษณะต่างๆ เช่น
    บางท่านจะรู้สึกว่า ตัวค่อยๆเบา เบา เบา สบาย จนลอย หลุดออกมาจากกาย
    บางท่านจะรู้สึกว่า จิตรวมเป็นดวง เบา สบาย แล้วพุ่งออกมาทางใดทางหนึ่ง
    บางท่านจะรู้สึกว่า คล้ายสติวูบไป เสี้ยววินาที แล้วรู้สึกอีกที ก็ออกมายืนข้างนอกร่างกายแล้ว
    บางท่านอาจจะรู้สึกว่ามีแสงสว่างพุ่งมา แล้วก็ออกไปตามแสงสว่าง
    หรือบางท่านอาจจะภาวนาสบายๆ แล้วรู้สึกตัวอีกที ถึงที่เป้าหมายเลย เช่นขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระท่านเลย แล้วจะสว่างวาบเป็นเพชรระยิบระยับหมด

    แล้วก็ไม่ต้องกลัวจะกลับไม่ได้ครับ
    ตอนออกยากกว่าหลายเท่านัก
    พออกไปแล้ว เพียงแค่เราคิดถึงร่างกายของเรา จะตั้งใจก็ดี หรือเผลอไปนึกถึงก็ดี
    จิตจะรู้สึกวื้บ แล้วโดนดึงกลับมาที่ร่างกายทันที แล้วจะคิดว่า เสียดายจัง ไม่น่าเลยเรา

    และอย่าลืมด้วยครับ ว่าพอออกมา ได้แล้ว ให้เราอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถออกมาได้แบบนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่
    ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำเอาไว้สามครั้ง คราวนี้เที่ยวกันสนุกทุกคืนเลย

    ถ้าถามว่าเที่ยวไหน พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ที่ใด ณ ขณะนี้ เราก็ไปเที่ยวที่นั่นแหละครับ

    ขอให้ออกมาเป็นมโนมยิทธิเต็มกำลังได้ โดยฉับพลันทันใด ได้ด้วยพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
  13. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ถึงพี่xorceที่เคารพ

    ขอขอบคุณพี่มากที่ตอบให้สิ้นสงสัยอยากสอบถามพี่อีกหลายข้อค่ะพอดีสามีฝากถามเรื่องการปักหมุดสมมุติวันแรกเรารู้สึกว่าขึ้นฌาณ2เราก็ปักหมุดไว้แต่พอวันที่2เราอยู่ขั้นอุปจารสมาธิแล้วปักหมุดเพราะเราคิดว่าเลยฌาณขั้นที่2มาแล้วแต่พออ่านที่พี่ตอบคนอื่นเลยรู้ว่าเป็นอุปจารสมาธิอยากทราบว่าครั้งต่อไปเรานั่งเราจะนั่งเลยขั้นฌาณ2มาได้ไหมเพราะเราเผลอไปปักหมุดขั้นอุปจารสมาธิแล้วรบกวนด้วยค่ะ อีกข้อหนึ่งอยากทราบว่าพี่เคยพูดถึงชมรม(อ.คณานันท์)ที่รู้เพราะอ่านการตอบคำถามของพี่ที่พี่ตอบให้คนอื่นจึงเรียนถามว่าในกรุงเทพจะมีการสอนฝึกอีกหรือไม่ค่ะและมีที่ใดเมื่อไหร่ค่ะอยากเรียนมากค่ะช่วยแจ้งลงในกระทู้ให้ทราบด้วยค่ะขอขอบคุณมากเลยค่ะ อีกเรื่องค่ะอยากทราบว่าจิตเวลาออกจากร่างน่ากลัวไหมค่ะเช่นเจอวิญญาณอื่นหรือกลับเข้าร่างไม่ได้มีไหมค่ะควรทำอย่างไรค่ะช่วยสอนหน่อยเถอะค่ะเพราะไม่รู้จริงๆคือสรุปกลัวค่ะ ขอขอบคุณพี่มากนะค่ะขออนุโมทนาสาธุค่ะพี่บุญกุศลที่ให้ธรรมมะเป็นทานของพี่ขอให้พี่ดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพานในชาตินี้นะค่ะ
     
  14. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    อนุโมทนาสาธุค่ะพี่ อยากทราบว่าเวลาเรานั่งสมาธิจุดประสงค์ต้องการหากตายไปจะไม่ขอกลับมาเกิดจะขอตามหลวงพ่อขึ้นไปแดนพระนิพพาน(ตั้งใจมากค่ะ)แต่อยากทราบว่าเวลาพิจารณาควรพิจารณาตอนไหนค่ะพี่ตอนฌาณ1หรือ2หรือ3หรือ4ค่ะช่วยหน่อยเถอะค่ะช่วยอธิบายให้ฟังด้วยเถอะค่ะขอบคุณมากๆค่ะ
     
  15. t_zara

    t_zara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอบคุณมากครับ สำหรับคำตอบ
    ผมเพิ่งเริ่มปฏิบัติใหม่อ่ะครับ เลยมีข้อสงสัยมากมาย
    ไว้มีข้อสงสัยใหม่ แล้วค่อยขอรบกวนอีกครั้งครับ
    ขอบคุณครับ.....
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ kung 9848 ครับ

    วันก่อนเคยสอบถามคุณชัชทางเอ็มค่ะ ว่าอาการที่ตัวแกว่งๆเหมือนอยู่บนเรือ ที่เป็นอาการของปีติน่ะค่ะ

    ปีติแน่นอนครับ

    ก็เป็นอยู่สักพักนะคะ บางครั้งก็จะเกิดอาการเหมือนกับตัวหายไป คือเป็นอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน เหมือนกับร่างกายกลวงๆน่ะค่ะ ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม
    แต่ก็มีสติดีอยู่

    ตัวหายเป็น อารมณ์ของฌาณ4ละเอียดครับ ต้องทำให้ได้คล่องๆครับ

    ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นปีติอีกแบบ แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีแล้วค่ะ

    ก็นั่งสมาธิทุกวันค่ะ แต่อาจจะนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ามีเวลามากน้อยแค่ไหน
    หลังจากนั้นก็ปฏิบัติตามที่คุณชัชบอกว่าให้อธิษฐานปักหมุด รู้สึกว่าเวลาเรานั่งสมาธิจิตจะรวมเร็วมาก แต่ว่าไม่ได้ฝึกปฏิบัติแบบมโนมยิทธิค่ะ ช่วงนี้ก็ได้คุยกับพี่ธร ปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับฝึกสมาธิบ้างค่ะ

    ถ้าเราปักหมุดเอาไว้แล้ว จะช่วยให้เราเข้าสมาธิง่ายกว่าเดิมเยอะเลยครับ
    ไม่อย่างนั้น บางครั้งเราจะลืม จำอารมณ์ไม่ได้ หรือว่าเข้าสมาธิจุดเดิมไม่ถูก
    เหมือนกับเราเดินทางไปที่ๆหนึ่ง แล้วลืมเขียนแผนที่ หรือทำ bookmark เอาไว้น่ะครับ
    จะทำให้เสียเวลาในการหาเส้นทาง กลับไปจุดเดิม คล้ายต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่นั่ง

    ตอนนี้กำลังฝึกนึกถึงพระพุทธรูปนะคะ คือจะพยายามจดจำลักษณะองค์พระพุทธเจ้าแบบปางมารวิชัย ประมาณพระพุทธชินราชนะค่ะ ก็เอารูปขนาดใหญ่มาไว้ในห้องพระเลย ปรากฎว่าเมื่อคืนวานได้ฝันว่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเมฆดำๆปกคลุมท้องฟ้าหมดเลยจู่ๆองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลอยทะลุเมฆเข้ามาเลยตรงนั้นก็สว่างจ้าไปหมด พระองค์ท่านทรงจีวรแบบพระค่ะ และก็มีพระโมลี ส่วนเส้นเกศาจะแบบขอดๆ ฝันแป๊บเดียว แต่รู้สึกดีมากๆ คือไม่น่าจะคิดไปเองนะคะ เพราะที่ฝันพระองค์ท่านทรงยืน แต่ที่เราพยายามจะนึกจะเป็นปางมารวิชัยน่ะค่ะ

    อนุโมทนาด้วยครับ
    เมฆสีดำ หมายถึง ความทุกข์ อุปสรรคในชีวิต หรือความหลงกับชีวิต
    ถูกสลายหายไป ด้วยพุทธบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    คือการเข้าถึงไตรสรณคม มีคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆเจ้าเป็นที่สุด
    แปลว่า หากเราน้อมเคารพพระพุทธองค์ อย่างถึงที่สุด ต่อจากนี้ ชีวิตของเราจะมีแต่ความสุข สงบ เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นครับ
    ถ้าเราจะเปลี่ยนมาทรงภาพพระ ที่พระองค์เสด็จมาก็ได้ครับ อาจจะจำได้ติดใจมากกว่า
    แล้วทุกครั้งที่เรานึกถึงภาพนี้ เราจะได้ระลึกว่า พระพุทธองค์ คอยเฝ้าดูแลเราอยู่ทุกขณะจิต
    ถ้าเราไม่ทิ้งพระ พระท่านก็ไม่ทิ้งเรา ถ้าเราทิ้งพระ พระท่านก็ไม่ทิ้งเราอยู่ดี
    เพียงแต่ท่านจะช่วยเราไม่ได้ เพราะเราปิดกั้นตัวเอง ด้วยการไม่เคารพท่าน
    อุปมาเหมือนคน กำลังจะจมน้ำ แต่เขาไม่ยอมให้เราช่วย ยังไงเราก็ไปช่วยเขาไมได้


    ช่วงนี้ก็จะนั่งสมาธิส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ของแต่ละวัน พอนึกถึงว่าขอให้นั่งสมาธิได้ถึงระดับเหมือนครั้งที่แล้ว เหมือนบางครั้งจะวูบไปอย่างเร็วมากๆๆแล้วก็นิ่ง สว่าง
    ไม่สว่างมากนะคะ แบบนวลๆ ก็จะสบายๆ อยู่สักพัก รอบข้างและร่างกายก็จะหายไป ว่างมากๆๆ ลมหายใจเหมือนกับมันจะน้อยมากๆจนแทบจะหายไปเลย

    อาการช่วงฌาณ3ละเอียด ถึงฌาณ4ละเอียดครับ อนุโมทนาด้วยครับ
    แล้วเรายิ่งปักหมุดเรื่อยๆ จะยิ่งมั่นคงขึ้นเรื่อยๆครับ
    แล้วก็ลองฝึกประคองอารมณ์สุขจากสมาธิ หรือจับลมหายใจ สบายๆ เอาไว้เสมอๆ ระหว่างวันด้วยครับ
    หรือทรงภาพพระ ตอนที่พระองค์เสด็จมา แล้วเห็นท่านแย้มยิ้ม อย่างถึงที่สุด
    พอเราเห็นท่านยิ้ม ก็ให้ใจของเรายิ้มตาม และประคองรอยยิ้มในดวงจิตของเราเอาไว้ตลอดเวลาครับ

    แล้วก็อธิษฐานในใจตามที่ในเวปว่าขอให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โปรดยกอทิสสมานกายของข้าพเจ้าให้ได้รับทราบสิ่งที่พระองค์ประสงค์เถิด ทีนี้เหมือนกับตัวเรามันเบาๆเหมือนกับมันจะลอยขึ้นไปน่ะค่ะ สักพักก็ออกจากสมาธิ ปรากฏว่านาฬิกาถึงเวลาพอดี ยังไม่ทันปลุก แต่ว่าไม่มีเวลานั่งนานกว่านั้นไงคะ ต้องไปทำภาระกิจต่อ

    ไม่งั้นเราก็อธิษฐานก่อนนอน แล้วก็ประคองสมาธิจนหลับก็ได้ครับ
    พอตัดหลับแล้ว ถ้าจิตมีความสุขถึงที่สุด หรือเห็นพระท่านยิ้ม จนใจสบาย จิตจะออกไปเอง
    เหมือนที่เห็นพระท่านมา แต่จะมีสติสมบูรณ์ และควบคุมตัวเองได้


    สงสัยเหมือนกันว่าเวลาเรากำลังรวบรวมสมาธิอยู่ จู่ๆคือวูบไปเหมือนกับดิ่งๆๆๆ ไปเลยค่ะ
    อย่างรวดเร็วมากค่ะ ก็แปลกใจเหมือนกัน อันนี้เพราะเราได้อธิษฐานปักหมุดหรือเปล่าคะ

    ใช่ครับ
    วิธีการในการเข้าสมาธิให้ได้เร็วๆนะครับ
    1.จดจำอารมณ์ของสมาธิให้ได้ นิ่งแบบไหน สุขขนาดไหน ร่างกายเบา โปร่งโล่ง โพลง สว่าง ขนาดไหน ลมหายใจช้าลง หรือดับด้วยความรู้สึกอย่างไร
    2.อธิษฐานปักหมุด สร้าง roadmap ในจิตของเรา จะได้เดินตามเส้นทางเข้าสู่สมาธิได้คล่อง
    3.ประคองจิตให้เปี่ยมด้วยกุศล ความสุข รอยยิ้ม เมตตา ความอิ่มใจ และประคองสมาธิเอาไว้ตลอดเวลา เรียนอยู่ ทำงานอยู่ จิตเปี่ยมด้วยความสุข ชุ่มเย็น


    ก็พยายามที่จะนั่งให้ได้ระดับนี้ให้ทุกวัน ส่วนระหว่างวันเวลาเราทำอะไร ก็เหมือนกับมีเราอีกคนที่คอยเตือนเราอยู่ เหมือนเวลาจะคิดอะไรที่ไม่ดี ก็จะคอยเตือนเราเองน่ะค่ะ แล้วเราก็จะรับรู้โดยอัตโนมัติว่าไม่ดีนะ เพราะอะไร คือระหว่างวันถ้าหากเราทำงานของเราอยู่ บางทีมันก็มีคิดโน่นคิดนี่ไปบ้าง ก็พยายามฝึกตามจิตไป แต่บางครั้งเหมือนกับจะเกร็งๆแล้วกลายเป็นเพ่งไปค่ะ จะรู้เพราะถ้าเพ่งจะปวดตรงหน้าผากมากเลย

    ต้องทำอารมณ์สบายๆครับ
    เราต้องนึกถึงพระพุทธองค์ครับ ตั้งแต่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ จนถึงขณะปัจจุบัน
    พระองค์ ทรงแย้มยิ้มตลอดเวลา<!-- google_ad_section_end --> พระพุทธรูปทุกองค์ ยิ้มหมด ทรงแย้มพระโอษฐ์อยู่ทุกขณะจิต
    ดังนั้นเราผู้ดำเนินรอยตามพระพุทธองค์ จะต้องฝึก ยิ้มจากใจ ให้ได้ตลอดเวลา แบบพระองค์ครับ
    เพราะการยิ้มจากใจได้ทุกขณะจิต เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
    ถ้าจิตเราแย้มยิ้มเบิกบาน ได้ทุกขณะจิต จริงๆ
    โดยไม่มีการเคลื่อนของอารมณ์ ก็เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์แล้วครับ

    เห็นเป้าหมายไหมครับ
    ดังนั้น เราต้องฝึกทำใจให้แย้มยิ้มให้ได้ 24ชั่วโมง เพราะยิ่งทำได้มาก ก็ยิ่งเข้าใกล้พระนิพพานมากเท่านั้น

    ขอให้ทุกๆดวงจิตสามารถเข้าถึงซึ่งธรรมปีติ ความสุขความอิ่มใจ อันบังเกิดจากสมาธิ
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตลอดไป
    ราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ด้วยบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2010
  17. prapast

    prapast Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +51
    ทำไมเวลาผมนั่งสมาธิแล้วตัวมักจะเหวี่ยงเป็นวงกลมบ้าง พอกำหนดรู้อาการที่เกิดขึ้น
    ตัวก็จะหยุดหมุน แต่สักพักก็เป็นอีก หรือบ้างครั้งก็เหมือนมีลูกกลมๆอยู่ในท้องแล้วก็หมุนจากในท้องพุ่งออกขึ้นไปทางศรีษะบ้าง, บ้วนน้ำลายออกมารดเสื้อตัวเองบ้าง หรืออาการแปลกๆอีกหลายอย่าง แต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นก็จะมีสติตามรู้อยู่ตลอด แต่ก็มีบ้างที่นั่งสมาธิแล้วจะได้นั่งนิ่งๆเหมือนท่านอื่นๆเค้า เคยรู้สึกท้อใจกับอาการที่เกิดขึ้นเพราะบางครั้งรู้สึกว่ามันทุกข์มาก แต่เดี๋ยวนี้ทำใจยอมรับแล้วก็ได้แต่ดูนั่งอาการที่มันเกิดขึ้นครับ ยังไงก็ขอคำแนะนำสำหรับแนวทางในการแก้ไขและปฏิบัติด้วยนะครับ
     
  18. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    อยากจะสอบถามดังนี้ครับ

    ผมเองได้ศึกษาการปฏิบัติกรรมฐานมาสักระยะหนึ่งแล้วครับ หลังจากนั่งสมาธิแล้วไม่ก้าวหน้าก็เลย หาข้อบกพร่องของตัวเอง จึงตัดสินใจถือศีล 5 เลิกเหล้า เลิกเที่ยวบริการ

    ไหว้พระสวดมนต์แทบทุกวันแล้วก็นั่งสมาธิ ปฏิบัติมาก็ 8 เดือนได้ครับ ที่นั่งมีก็มีแค่ตัวโยกเบา ๆ อย่างเดียวครับ นิมิตหรือแสงอะไรก็ไม่เคยเห็น มีแต่มืดตลอด 8 เดือนครับ

    ผมฝึก จับลมหายใจ แล้วภาวนา พุทโธ ครับ ก็เลยอยากจะขอคำแนะนำครับว่ายังบกพร่องเรื่องอะไร จนบางครั้งก็รู้สึกท้อในการปฏิบัติครับ เหมือนคนตาบอดเดินทางโดยที่ไม่รู้เส้นทาง ได้แต่อาศัยความศรัทธาเท่านั้นที่นำทาง

    ผมก็หวังว่าจะได้เห็นสิ่งที่เป็นการพิสูจน์พระธรรมของพระพุทธเจ้าครับ ขอแค่สักครั้งก็พอแล้วครับ ผมจะได้หมดสงสัย ในเรื่องการปฏิบัติสักทีมีกำลังใจในการปฏิบัติสักทีครับ
     
  19. sonthya

    sonthya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,489
    ค่าพลัง:
    +8,797
    (อดทนไว้ครับ และเพียรพยายามทุกวัน รักษาศีล5ให้ดีที่สุด ส่วนตัวผมสมาธิก็ไม่ก้าวหน้าเท่าไรเหมือนกัน ย่ำอยู่ที่อุปจระสมาธิแถวปิตินี่ล่ะ แต่ก็เพียรพยายามทำทุกวัน
    ผมก็เหมือนคุณ มาถูกทางแล้ว ดีแล้ว ทำต่อไปครับ )ส่วนตัวนะครับ รอ คุณXorce ตอบอาจจะได้อะไรดีเป็นแนวทางครับ
     
  20. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    เป็นกำลังใจให้นะคะ

    อนุโมทนาด้วยนะคะ
    อย่างน้อยสิ่งที่ได้มาตลอด 8 เดือน ก็คือความสุขจากจิตที่สงบใช่มั้ยคะ
    อีกอย่างคุณกองกอยได้รับบุญอันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากการถือศีล และภาวนา

    เป็นความสุขที่เราไม่สามารถบอกให้ใครๆเข้าใจได้

    ตัวเองก็เคยท้อมาก่อนนะคะ เข้าใจดี

    พอได้ฝึกสติกลับคืนมาอีกครั้งได้พิจารณาถึงสาเหตุของทุกข์

    มีสมาธิพิจารณาสาเหตุของทุกข์นั้น และวิธีดับทุกข์

    เหมือนกับว่าสิ่งที่ค้นหามาทั้งชีวิต บัดนี้ได้เจอแล้ว และจะปฏิบัติเช่นนี้ตลอดไปตราบจนชีวิตจะหาไม่

    เป็นกำลังใจให้นะคะ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงไม่ทอดทิ้งคนดีค่ะ

    _/\_ สาธุ


     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...