รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. takamura15

    takamura15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +34
    เราจะก้าวข้ามภวังค์ยังไง
     
  2. takamura15

    takamura15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +34
    หลังจากลมดับ แล้วเราจะอธิษฐานอย่างไรให้กายทิพย์หลุดออก
     
  3. takamura15

    takamura15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +34
    กายเนื้อที่อยู่จะทำอย่างไรกับมัน มันจะมีจิตของคนอื่นเข้าร่างเราแทนหรือเปล่า
     
  4. takamura15

    takamura15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +34
    ได้ยินมาหลายสายว่า
    1. การเพ่งกสิณ ไม่ต้องสนขอบที่เป็นวงกลมให้ดูที่สี(กรณีเป็นวรรณกสิณ)แล้วจดจำสีอย่างเดียว
    2. มองให้เห็นเป็นดวงกลมๆแล้วมีสี นิ่งไว้อย่างนั้นไม่วอกแวก แล้วฌาณจะมาเอง
     
  5. takamura15

    takamura15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +34
    จากข้อ 1 หน้าจอของเรา(หมายถึงตอนหลับตานะครับ)มันก็จะมีแต่สี เพราะเราไม่สนขอบมัน ตัวอย่างเช่น เราเพ่งสีเขียว หน้าจอเราก็จะเห็นแต่สีเขียวเต็มหน้าจอ ไม่ใช่สีลอยตรงหน้านะครับ ระลึกสีขึ้นมาเต็มหน้าจอ
    จากข้อ 2 วงกลมที่เราระลึกภาพเราสามารถปั่นให้มันหมุนหรือเคลื่อนที่ไปมาได้หรือเปล่า หรือว่าจำเป็นต้องจับให้มันนิ่งๆไว้
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ bibimbub ครับ

    อยากทราบว่าตัวเองอยู่ขั้นไหนควรจะฝึกอย่างไร และนั่งแบบไหนเหมาะกับจริตตัวเองค่ะ
    เกริ่นก่อนนะคะ ครั้งแรกที่นั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่า ต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ คือลองนั่งเอง ตอนนั้น สวดมนต์ สวดคาถา ชินบันชร แล้วเพ่งรูปสมเด็จพุฒาจารย์ โต ค่ะ ก็เกิดอาการ ตัวหมุนตัวพอง จนไปถึงแสงขาวสว่างแผ่จ้าไปไกล

    เป็นปีติครับ

    แล้วหลังจากนั้น ก้ไม่ได้ฝึกนั่งต่อ พอโตขึ้นมาก็เลยไปนั่งสมาธิที่วัด เวฬุวัน สายหลวงพ่อจรัญ แบบ ยุบหนอ พองหนอ แล้วหลังจากนั้นก็นั่งเองค่ะ แต่ก้ไม่เคยไปให้ใครสอนนั่งแบบใกล้ชิด
    การฝึกก็ไม่ได้สมำ่เสมอ จนพึ่งมาเจอเวปนี้ เลยลองอ่านและได้ความรู้ค่ะ
    ที่เคยฝึกมั่วซั่ว ภาวนา พุธโธ บ้าง ยุบหนอพองหนอบ้าง เพ่งรูปบ้าง ก็เริ่มทราบแล้วว่า จริงๆ แต่ละแบบนั้นมีความต่างกันมาก
    ตอนนี้ เวลานั่ง และทั้งที่ไม่ได้หลับตา จะเกิด อาการ วูบวาบตรงหว่างคิ้ว ทุกๆครั้งที่นั่งก็จะตัวหมุน ตัวพอง ตัวจะลอยบ้าง ไปจนถึงลมหายใจหยุด แล้วก็เห็นแสงสว่างแผ่ไปไกล นี่คือ อาการที่ๆเกิดทุกครั้งในการนั่ง แต่ล่าสุด

    จิตเกิดปีติ จนปีติหายไป และจิตสงบลงเรื่อยๆ จนลมหายใจดับไปครับ

    เกิดอาการแปลกๆคือ วันนั้นสวดมนต์ระลึกถึงเจ้าแม่กวนอิม และก่อนนั่งก็อาราธนา องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าให้เป็นประธานและคุ้มครองเรา และขอให้เจ้าแม่กวนอิมช่วยให้เข้าสมาธิได้ง่าย พอนั่งไปสักพัก เริ่มรู้สึกสบาย สงบ รู้ ได้ยินทุกอย่าง ก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างเคลื่อนเข้ามาในตัว เหมือนจะมาซ้อนทับ ในใจตอนนั้นกลัวมาก อธิธานให้พระพุทธเจ้า และเจ้าแม่กวนอิม คุ้มครอง แต่พลังนั้นก็ไม่หาย เคลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ กลัวจะเป็น เจ้าเข้าทรง ก้เลยลืมตา ออกจากสมาธิเลยค่ะ ไม่ทราบว่าอะไร

    อีกสองวันถัดมา
    ขณะนั่งอยู่ อยู่ดีๆเกิดอาการร้อนวูบวาบทั่วตัว กลัวเลยลืมตาขึ้นก็ยังร้อนอยู่
    อยากทราบว่าเพราะอะไรคะ

    เราอาราธนาพระพุทธเจ้า ดังนั้นพลังก็เป็นบารมีของพระ
    กับเป็นกรรมฐาน อภิญญาเก่าของเราครับ จะมีอาการวูบวาบโลดโผนนิดนึง


    (วั้นนั้นสวดมนต์ระลึกถึงหลวงพ่อโสธร ที่สวดเพราะ บังเอิญไปเจอ พระพุทธรูป ในห้องทำงานของเจ้านายเพื่อน ตอนนี้อยู่ต่างประเทศค่ะ และเพื ่อนและเจ้านายเพื่อน ก็เป็นฝรั่งไม่ใช่คนพุึทธ แล้วหลวงพ่อโสธร ก็เป็นพระที่คุณพ่อนับถือมากเพราะท่านเป็นคนแปดริ้ว บ้านเก่าอยู่ตรงข้ามวัด รู้สึกแปลก ที่ได้ไปเจอพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรในที่ๆไม่คาดว่าจะเจอ) (ขอโทษค่ะไม่ทราบจะอธิบายยังไงคืะ เพราะไม่ค่อยรู้จักคำศัพท์ ที่ใช้ไกันค่ะ)

    ดีแล้วครับ ถ้าเราศรัทธาท่าน ท่านก็มาคุ้มครองเราครับ


    ตอนนี้สมาธิก็มีความคล่องตัวดีครับ
    และเราก็ค่อนข้างจะเกาะพระ คือ นึกถึงพระอยู่เสมอๆ จะทำอะไรก็นึกถึงพระก่อน
    แบบนี้ถือว่าถูกครับ ทำดีแล้วครับ ต้องรักษาอารมณ์ตรงนี้เอาไว้
    อารมณ์ใจก็สว่างไสวดีครับ

    ถ้าแบบนี้เราน่าจะมีญาณ หรือตัวรู้ ที่รู้เหตุการณ์ เริ่มเกิด หรือเกิดขึ้นบ้างแล้วพอสมควร

    ส่วนที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น พออ่านแล้ว ให้ลืมตาทำตามที่ผมเขียนเลยนะครับ

    คือเวลาเราทำสมาธิถึงจุดที่ลมหายใจดับไป ให้เราอธิษฐานปักหมุดเอาไว้
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์ของจิต ที่หยุด นิ่ง เบาสบาย ตั้งมั่น ลมหายใจสบายที่ดับไปได้นี้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำเอาไว้สามครั้ง

    เสร็จแล้ว เวลาเราเริ่มนั่งสมาธิ ให้เราขอบารมีพระ แล้วเข้าสู่ยังสภาวะที่ลมหายใจดับเลยครับ
    ไม่ต้องไล่อาการปีติขึ้นมาทีละขั้น ให้เข้าปุ้ป นิ่ง จิตหยุด ลมหายใจดับเลย
    เสร็จแล้ว เราเดินไปเดินมาระหว่างวัน ทำงาน กินข้าวอยู่
    ก็ลองซ้อมหยุดจิต หยุดความคิดของเรา
    ให้นิ่งได้ทุกครั้งที่ต้องการ หยุดนิ่ง ลมหายใจดับ เบาสบาย ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา

    พอได้ตรงนี้ จุดที่ต้องเพิ่มอีก ก็คือการทรงภาพพระ ให้เป็นเพชร

    ให้เรานึกถึงภาพพระที่เราเคารพ ภาพเจ้าแม่กวนอิม หรือภาพหลวงพ่อโสธรก็ได้

    แล้วนึกว่าสีของพระท่าน ค่อยขาวขึ้นๆ ขาวขึ้นเรื่อย จนพระกลายเป็นสีขาวทั้งองค์

    แล้วนึกต่อว่า ภาพพระเนื้อสีขาว ค่อยๆใสขึ้นๆ สว่างขึ้นๆ ใสขึ้น
    จนกระทั่งกลายเป็นเนื้อแก้วใส ทั้งองค์

    จากนั้นเรานึกต่อว่า ภาพพระท่านค่อยๆแย้มยิ้ม ค่อยๆ เปล่งแสงสว่าง
    เปล่งฉัพพรรณรังสี ค่อยสว่างขึ้น มีประกายระยิบระยับ มากขึ้นๆ ระยิบระยับมากขึ้น

    จนกระทั่งภาพพระแย้มยิ้มถึงที่สุด และกลายเป็นเนื้อเพชรใสสว่าง ระยิบระยับทั้งองค์

    จากนั้นให้เรานึกภาพแสงสว่าง เป็นเพชร ส่องสว่างจากภาพองค์พระที่แย้มยิ้ม ส่องสว่างไปยังทั้งจักรวาล เป็นเพชรระยิบระยับไปหมด

    แล้วก็อธิษฐานปักหมุดในอารมณ์นี้ เอาไว้สามครั้ง
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถทรงภาพพระพุทธนิมิตที่แย้มยิ้ม เป็นเพชรทั้งพระวรกายนี้ ได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    พอได้แล้วให้เราทำขั้นเมตตาอัปปมาณฌาณต่อครับ

    โดยการหยุดจิตก่อน ให้นิ่ง แล้วทรงภาพพระให้เป็นเพชร เห็นท่านแย้มยิ้มถึงที่สุด
    จากนั้นให้เรานึกถึงความสุข ความรักความ เมตตา ความเอิบอิ่มใจ
    ให้หลั่งไหลจากทุกทิศทางเข้ามายังหัวใจของเรา
    จนความสุขความชุ่มเย็น อิ่มเอิบใจ ท่วมท้น เอ่อล้น หลั่งไหลเข้ามาจนเต็ม จนล้นจากหัวใจของเรา
    จนเรามีความสุข ความอิ่มเอิบใจ ความเบิกบานใจ อย่างถึงที่สุด พอใจของเรามีความสุข ชุ่มเย็น อิ่มเอิบถึงที่สุดแล้ว

    ให้เราแผ่แสงสว่าง แห่งความรักความเมตตาความชุ่มเย็น ความสุข อิ่มเอิบใจที่เราสัมผัสอยู่นี้ ออกจากองค์พระส่องสว่างไปยังทั้งจักรวาล
    เห็นทุกๆคนในโลกใบนี้ ในจักรวาลนี้แย้มยิ้มเบิกบาน เอิบอิ่มด้วยความสุข อย่างถึงที่สุด
    แผ่เมตตาอันไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด ส่องสว่างจากองค์พระไปยังทั้งจักรวาล
    ขอให้ทุกๆดวงจิตที่ได้รับสัมผัสจากแสงสว่างนี้ ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้โดยฮับพลันทันใด ได้โดยเร็วด้วยเทอญ

    แผ่อารมณ์นี้ออกไปยังทั้งจักรวาล ให้ทุกๆคนมีพระนิพพานเป็นที่สุดได้โดยเร็ว
    นี่เป็นอารมณ์จิตที่จะตัดสู่ความเป็นพระอริยเจ้า ต้องทำให้ได้ต้องทรงให้ได้
    คือความปรารถนาให้ทุกๆคนได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเสมอกัน

    พอเสวยสุขอยู่ในความปรารถนาให้ผู้อื่นได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานอย่างเต็มที่แล้ว

    เราก็อธิษฐานปักหมุดเอาไว้อีก ย้ำไปสามครั้ง
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถทรงความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นุสดไม่มีประมาณ ท่ปรารถนาจะให้ทุกๆดวงจิตได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานนี้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานอย่างแท้จริงด้วยเทอญ

    ขอให้ทุกๆคนลองทำตามดูครับ

    ขอให้เจริญก้าวหน้าในการฝึกกรรมฐานทุกๆกองยิ่งๆขึ้นไป สามารถเข้าถึง ซึ่ฌาณ ญาณ อภิญญาได้โดยง่าย ได้โดยฉับพลันทันใด้ ด้วยบารมีของพระพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
  7. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ผมลังเลอยู่นานครับ ว่าจะเพ่งกสิณไฟ หรือจับลมหายใจก่อนดี อยากให้ท่านช่วยเลือกให้หน่อยครับ
     
  8. ิีbibimbub

    ิีbibimbub สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอขอบพระคุณคุณ xcore

    ขอขอบพระคุณคุณ xcore มากๆนะคะ และขออนุโมทนาบุญที่ คุณได้สละเวลามาตอบปัญหาธรรมค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  9. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    อนุโมทนาคับคุณชัด มันรู้สึกเย็นกว่าเดิมนะคับ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องนั่งนานๆเหมือนเมื่อก่อนที่นั่งแล้วเกร็งอารมณ์หนักเดี๋ยวนี้นอนบ้างนั่งบ้างยืนบ้าง ก็รู้สึกเย็นสบายแล้วบางครั่งผม กำหนดจิตมีสมาธิ ไม่ได้นอนทั้งคืนรุ่งเช้ามาทำงานต่อได้เป็นปรกติเลย ไม่มีความรู้สึกง่วงนอนแต่อย่างใดตลอดทั้งวัน จะมีความรู้สึกง่วงนิดๆก็แต่ช่วงเย็นหาวเล็กน้อยครั้งสองครั้งเป็นต้น แต่อดนอนบ่อยๆไม่ดีคับ ^^; รู้ตัว

    สาธุ อนุโมทนาด้วยแล้วกันครับ

    แต่ก็อย่าหักโหมมากไป ถ้าเกิดว่ามากไปจนร่างกายรับไม่ไหว สมาธิจะพัง ทรงตัวไม่ได้เป็นเวลานานเหมือนกัน
    มันจะมีว่า พอเริ่มเข้าอารมณ์นี้ อยู่โดยไม่นอนได้ ไม่กินได้ ทรงสมาธิเอาอย่างเดียว
    ใจน่ะมันทนได้ แต่พอไปซักพักร่างกายมันเริ่มทนไม่ไหว คราวนี้สมาธิหายหมด

    เพราะเคยเกิดลักษณะนี้มาแล้วกับหลายคน ผมด้วยแหละ
    พอไม่พักมากเข้าๆ สมาธิหายเกลี้ยงเลย
    ต้องผ่อนหนักผ่อนเบาด้วยครับ เอาตามสมควรครับ

    แต่กิเลสก็ยังมีอยู่-.- รู้สึกกิเลสตัวนี้มันเกาะแน่นซะจริงแต่ บางทีก็เบื่อมันนะกิเลสตัวนี้ ^^เบื่อที่จะมีกิเลสตัวนี้ มันเหมือน มีความสุขจอมปลอมหลอกๆให้เราดีใจเล่นๆแต่แป๊ปๆก็หาย เด่วก็มีความสุขอีกแป๊ป ลุ่มๆดอนๆอารมณ์ดีบ้างไม่ดีบ้างก็เลยเืบื่อกิเลสตัวนี้ อิอิ แต่ถามว่ามีไหมก็ยังมีอยู่ แต่รู้สึกว่าจะควบคุมได้มากขึ้นนะ ^^

    ตัวนั้นเอาไว้ตัดตอน เป็นพระอนาคามีครับ ถึงเป็นพระโสดาบันก็ยังมีอยู่ครับ
    พระโสดาบันยังครองเรือนแต่งงาน มีลูกได้
    เราก็เน้นประคองอารมณ์สบายๆเอาไว้ครับ
    ตัดอารมณ์ตามที่เราพอจะประคองได้ ตามชีวิตประจำวันของเรา

    เป็นฆราวาสก็ไม่จำเป็นต้องตัดสังโยชน์หมดครับ แล้วแต่สถานะของชีวิต
    แต่ถ้าเป็นพระจำเป็นจะต้องตัดสังโยชน์หมด หรือให้อารมณ์บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ถ้าวันอาทิตย์นี้ว่างก็ลองมาที่สวนลุมนะครับ


    ขอให้สามารถรักษาอารมณ์แห่งความสุข ชุ่มเย็น ที่เราได้เข้าถึงแล้วนี้ได้ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2009
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ takamura ครับ

    ปั๊มโพสต์ใหญ่เลยนะครับ จะได้ส่งpm ได้
    ไปโพสต์เป็นคำอธิษฐานพระเจ้าองค์แสนก็ได้ครับ

    ภวังค์มันคืออะไรครับ
    ภวังค์มันมีความรู้สึกอย่างไรครับ

    เป็นสภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น จะเคลิ้มๆ สลึมสลือนิดๆ มีอารมณ์ง่วงๆ หมองๆเข้ามาผสม
    ถ้าเราเห็นดวงจิตได้ จะเห็นว่ามีความหมองๆนิดหน่อยเช่นกัน

    ซึ่งจะต่างจากเวลาเข้าฌาณ ถ้าเข้าฌาณจิตจะสว่างไสว มีความโปร่งเบาสบาย ไม่ง่วง มีสติอยู่
    อารมณ์จะต่างกันชัดเจน

    ทุกคนต้องผ่านภวังค์หรือเปล่า

    ไม่เสมอไปครับ แต่ทุกๆคนคงเคยเจอกันบ้างไม่มากก็น้อย

    เราจะก้าวข้ามภวังค์ยังไง

    ก็ภวังค์ มักจะเกิดจากอารมณ์หนัก ง่วง เหนื่อยล้าทางกาย หรือจิตเราไม่สว่างไสว

    วิธีแก้ส่วนหนึ่งคือ จะต้องทำให้หายง่วง ให้จิตตื่น สว่าง โปร่งโล่ง เบาสบายอยู่

    เราสามารถจะใช้กสิณช่วย โดยการนึกถึงภาพพระเนื้อเพชร หรือลูกบอลเพชร
    แล้วนึกภาพแผ่แสงสว่างเป็นเพชร กระจายจากภาพพระ จากลูกบอลไปยังทั้งจักรวาล ส่องสว่างไปหมด
    จิตจะสว่าง จะไม่ตกภวังค์

    ถ้าใครเข้าสมาธิคล่อง เราก็เข้าสู่สภาวะที่จิตหยุดนิ่ง ลมหายใจดับ อารมณ์หยุด เบา สบาย ปราศจากความคิด พอถึงจุดนี้จะหายจากภวังค์ทันที
    หรือดึงความสุข สัมผัสสุขจากเมตตาให้เต็มที่ เต็มล้นหัวใจของเราอย่างถึงที่สุด แล้วแผ่คลื่นความสุขนี้ออกไปยังทั้งจักรวาล แบบนี้ก็ได้เช่นกันครับ

    วิธีสุดท้าย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็นอนเถอะครับ นอนพักให้หายง่วง หายเหนื่อย พอนอนเสร็จ ตื่นมาค่อยทำสมาธิ

    หลังจากลมดับ แล้วเราจะอธิษฐานอย่างไรให้กายทิพย์หลุดออก

    นึกถึงภาพพระ ขอบารมีพระท่านเลยครับ หากได้มโนก็ขึ้นไปขอบารมีตรงจากข้างบนเลย
    ตั้งจิตว่า
    ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านทรงเมตตาสงเคราะห์ ดึงกายทิพย์ของข้าพเจ้าออกจากกายเนื้อ
    เพื่อให้ข้าพเจ้าได้พิสูจน์ ภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิด จนสิ้นความลังเลสงสัย สลายคลาย
    จากสังโยชน์อันเป็นเครื่องร้อยรัดดวงจิตของข้าพเจ้า
    ให้ข้าพเจ้าพ้นจากเวียนว่ายตายเกิด ด้วยบารมีของพระพุทธองค์เทอญ

    เสร็จแล้วให้เรา จับอารมณ์หยุดลมดับ แผ่เมตตา พิจารณาวิปัสสนา หรือสัมผัสอารมณ์พระนิพพาน
    จนจิตมีความสุขอย่างถึงที่สุด พอจิตมีความสุขเบาสบาย อย่างถึงที่สุด จิตจะหลุดออกมาเองครับ
    อารมณ์ที่ต้องใช้ คือ ความสุข ความสบายใจสูงสุด ถ้ายังไม่ออก แปลว่ายังมีความสุขไม่พอ

    กายเนื้อที่อยู่จะทำอย่างไรกับมัน มันจะมีจิตของคนอื่นเข้าร่างเราแทนหรือเปล่า

    ถึงต้องขอบารมีพระ พอขอแล้วก็ปลอดภัยเกินร้อยเปอเซ็นต์ครับ

    เดี้ยวมาตอบที่เหลือให้ครับ
     
  11. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    วันอาทิตย์นี้ตั้งใจจะไปฝึกแต่เช้าคับ ตอนนี้ อารมณ์เบามากๆเ็ย็นมากๆ (ฟังหลวงพ่อเทศ(เทป)) ขอบคุณคับ
     
  12. eert

    eert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +86
    รบกวนถามคุณXorceค่ะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    กลับมาเริ่มนั่งสมาธิอีกครั้งค่ะ หลังจากมีเหตุขัดข้องทางจิตจนไม่สามารถนั่งได้เป็นเวลา 3 เดือน ของเก่าก็กลับมาแล้ว คือeert นั่งสมาธิแบบอนาปานฯ นะค่ะ ครั้งที่แล้วรบกวนคุณXorce ถามเรื่องที่ว่าทำไมนั่งสมาธิแล้วมืดไม่เหมือนคนอื่น คุณXorce บอกว่าถ้านั่งแบบตามลมหายใจเราจะไม่เห็นแสงจะมืด ทีนี้จะรบกวนถามอีกครั้งค่ะ คือไปปฏิบัตธรรมที่วัด ที่วัดหลวงพ่อสอนให้ภาวนา เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ กลับไปกลับมาค่ะ eert ก็ทำตามค่ะ ปรากฏว่าจิตสงบมาก จนเราไม่รู้จะทำยังไงต่อเพราะมันเงียบมากเราก็เลยถามตัวเอง เออแล้วจะทำไงต่อ ปรากฏว่ามีเสียงบอกว่าให้ไปสมาบัติแปด เราก็เอ๋อเลย เพราะคำว่าสมาบัติแปดมันระดับผู้เชี่ยวชาญมากในความคิดเรานะค่ะ ก็เลยคิดว่าจิตมันหลอกเรา เราก็เลยออกจากสมาธิเลย ทีนี้ลองไปหาตำราอ่านค่ะ ก็ปรากฏว่าสมาบัติ8 คือรูปฌาน4 แล้วก็อรูปฌาน4 คือตอนนั้นไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ค่ะ เพราะeert จะทำสมาธิแบบอ่านเอาบ้าง ถามพี่ๆที่เค้าปฏิบัติบ้าง แล้วก็ทำไปเรื่อย แบบไม่ค่อยรู้อิโหน่งอิเหน่ค่ะ ชอบแบบไหนก็ทำไป ปกติก็นั่งสมาธิวันละ 30-40 นาทีค่ะ เราก็ไม่เคยรู้ว่าเราได้ฌาน4มานานแล้ว แล้วทีนี้eertจะฝึกอรูปฌานเนี่ยต้องไปฝึกกสินใหม่ไหมค่ะ เพราะeert ไปอ่านหนังสือ เค้าบอกว่าต้องฝึกกสิน ถึงจะทำอรูปได้ หรือว่าเราต้องนั่งสมาธิให้นานขึ้น ไม่เห็นมีตำราไหนที่ว่าฝึกแบบอนาปานฯแล้วไปอรูปฌานได้ ก็เลยงง ๆ หรือว่าหาข้อมูลไม่เจอ ก็ขอรบกวนคุณXorce ไขข้อกระจ่างด้วยค่ะ คือตอนนี้มีหลวงพี่ที่คุ้นเคยสอนให้ดูจิตด้วยค่ะ เราก็ชอบทั้งสองอย่างค่ะ จะพยายามให้ดีที่สุด ขอให้คุณXorcเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะค่ะ สาธุ<o:p></o:p>
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ takamura ครับ

    ได้ยินมาหลายสายว่า
    1. การเพ่งกสิณ ไม่ต้องสนขอบที่เป็นวงกลมให้ดูที่สี(กรณีเป็นวรรณกสิณ)แล้วจดจำสีอย่างเดียว
    2. มองให้เห็นเป็นดวงกลมๆแล้วมีสี นิ่งไว้อย่างนั้นไม่วอกแวก แล้วฌาณจะมาเอง

    จากข้อ 1 หน้าจอของเรา(หมายถึงตอนหลับตานะครับ)มันก็จะมีแต่สี เพราะเราไม่สนขอบมัน ตัวอย่างเช่น เราเพ่งสีเขียว หน้าจอเราก็จะเห็นแต่สีเขียวเต็มหน้าจอ ไม่ใช่สีลอยตรงหน้านะครับ ระลึกสีขึ้นมาเต็มหน้าจอ
    จากข้อ 2 วงกลมที่เราระลึกภาพเราสามารถปั่นให้มันหมุนหรือเคลื่อนที่ไปมาได้หรือเปล่า หรือว่าจำเป็นต้องจับให้มันนิ่งๆไว้

    ก่อนอื่นขอให้เราลืมทุกอย่างที่เราอ่านให้หมดก่อนครับ
    แล้วมาวางพื้นกันใหม่เลย

    ผมถือโอกาสลง การฝึกกสิณเลยก็แล้วกันครับ

    กสิณ คือภาพที่เราเห็นดวยจิต ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ
    ดังนั้นจะต้องฝึกกสิณได้ทั้งหลับตา ลืมตา

    ให้เรานึกภาพในจิต เหมือนกับภาพพระที่เราทำนั่นแหละครับ

    จริงๆ คุณ takamura ก็ได้กสิณเป็นฌาณ4อยู่แล้ว
    คือ กสิณ ภาพพระพุทธเจ้า เราทำได้เป็นเพชรใสระยิบระยับแล้ว

    ทีนี้เราก็มาไล่ทำกสิณกองอื่นให้ครบ ทั้งสิบกอง ทำตามเลยนะครับ

    แนะนำให้ เรานึกภาพกสิณเป็นรูปทรงของลูกบอลกลมๆ เห็นได้เป็นภาพสามมิติ ในจิตของเรา
    แล้วก็สัมผัสอารมณ์ของกสิณด้วยจิตของเราด้วยครับ

    กสิณไฟ ก็นึกเป็นลูกบอล ที่มีไฟลุกโชน สัมผัสได้ถึงความร้อน แสงสว่างของลูกไฟ

    กสิณน้ำ ก็นึกเป็นลูกบอลทำจากน้ำทั้งลูก สัมผัสได้ถึงความเย็น ความเหลวของน้ำ

    กสิณลม ก็นึกเป็น ลูกบอลลม ที่มีคลื่นลมพัดเข้ามารวมกันเป็นลูกบอล สัมผัสอาการพัดผ่านของลม

    กสิณดิน ก็นึกเป็นลูกบอลดิน เกิดจากก้อนดินอัดแน่นเข้ามารวมกันสัมผัสได้ถึงความแข็ง แน่น ของเนื้อดิน

    กสิณสีแดงก็นึกเป็นลูกบอล สีแดง กลมทึบทั้งลูก

    กสิณสีขาว ก็ ลูกบอลสีขาว

    กสิณสีเหลือง ก็ลูกบอลสีเหลือง

    กสิณสีเขียว ก็ลูกบอลสีเขียว

    กสิณอากาศ ก็เป็น ลูกบอล ความว่าง เป็นอากาศความว่าง ถ้าลูกบอลนี้เคลื่อนผ่านกำแพง กำแพงก็เกิดเป็นช่องโหว่ สามารถเดินทะลุเข้าไปได้

    กสิณแสงสว่าง ก็เป็นลูกบอลแสงสว่าง มีแสงสว่าง เปล่งประกายสว่างออกไปยังทุกๆทิศทาง จับกสิณกองนี้ จิตจะมีความสว่างไสวมาก

    เสร็จแล้วพอเราได้ ภาพกสิณกองที่เราต้องการในขั้นแรกแล้ว

    ก็ให้เรานึกว่า ลูกกสิณของเรานั้น ค่อยๆขาวขึ้นๆ ขาวขึ้นเรื่อยๆ จนดวงกสิณเป็นสีขาวทั้งลูก
    ถ้ากสิณไฟ ก็เป็นลูกไฟสีขาว แต่ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของไฟ

    เสร็จแล้วให้เรานึกต่อว่า ภาพกสิณ ค่อยๆใสขึ้นๆ จนกลายเป็นแก้ว
    เป็นลูกแก้วใสทั้งลูก เปลวไฟเป็นแก้วทั้งหมด

    จากนั้นให้เรานึกต่อว่า ภาพกสิณนี้ ค่อยๆเปล่งแสงสว่าง เปล่งประกายระยิบระยับ จนกลายเป็นลูกเพชรใส ประกายระยิบระยับทั้งลูก
    ถ้ากสิณไฟ ก็เป็น เป็นลูกบอลไฟเพชร ทั้งลูก
    ดวงกสิณกลายเป็นลูกเพชรใสสว่าง ระยิบระยับทั้งลูก

    พอเราได้เป็นเพชร แล้ว ให้เราไล่ทำกองที่เหลือให้เป็นเพชร ให้หมด
    คราวนี้ เรานึก กสิณสีแดง เสร็จแล้วเปลี่ยนเป็นเพชรทันทีใช้เวลาไม่ถึง1วินาที
    เหลือง เปลี่ยนเป็นเพชร เขียวเปลี่ยนเป็นเพชร ทำทันที
    ไล่ไปเรื่อยๆจนครบสิบกอง

    พอได้ครบแล้ว ทั้งสิบกอง
    ให้เรานึกขึ้นมาพร้อมๆกันทั้ง 10 กอง 10ลูกพร้อมๆกัน

    เสร็จให้เราตั้งจิตขอบารมีพระท่านว่า

    ขอบารมีพระพุทธองค์ ท่านทรงเมตตาสงเคราะห์ ปลุกสัมมาอภิญญา
    อภิญญาอันเป็นสัมมาทิษฐิ อันเกิดจากความปรารถนาที่จะสร้างความสุขให้กับส่วนรวม
    ความปรารถนาที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงตราบเท่า 5000 วสานี้
    ให้เกิดขึ้นด้วยบารมีของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ

    อภิญญาในพระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดจากความอยากได้ฤทธิ์มาเพื่อเล่นสนุก หรือเพื่อการหลงติดในฤทธิ์
    แต่มีไว้เพื่อค้ำจุนพระพุทธศาสนา เพื่อประกาศพระศาสนา เพื่อดำรงเอาไว้ซึ่งความเป็นสัมมาทิษฐิของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
    นรกมีจริง ถ้าไม่เชื่อเราต้องเหาะไปดู สวรรค์มีจริง ถ้าไม่เชื่อเราต้องเหาะไปดู
    พระนิพพานมีจริง ไม่ใช่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า แต่เป็นสภาวะที่ว่างจากกิเลส
    ถ้าไม่เชื่อเราก็ต้องเหาะไปดู

    จากนั้นให้เราภาวนาว่า "โสตัตตะภิญญา" ๆๆ
    แล้วนึกให้กสิณทั้งสิบลูก รวมกันเข้ามาเป็นกสิณลูกเดียว เป็นกสิณรวม
    จับกองเดียวใช้อภิญญาได้หมด ไม่ต้องเปลี่ยนไปหลายๆกอง
    เป็นดวงกสิณเพชร ลูกเดียว

    แล้วก็อธิษฐานปักหมุดเอาไว้อีกครั้ง
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถทรงกสิณทั้งสิบกองนี้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไว้สามครั้ง

    คราวนี้เราก็ฝึก ย่อกสิณให้เล็กเท่าหัวเข็มหมุด ขยายให้ใหญ๋เท่าจักรวาล ย่อเล็ก ขยายใหญ่ ทำซ้ำไปซ้ำมา
    ให้กสิณ วนไปด้านขวา วนไปด้านซ้าย ลอยอยู่ข้างหน้า ข้างหลัง ด้านข้าง ทำได้หมด
    เพิ่มจำนวน แยกมาเป็นสองลูก ไปสี่ลูก ไปแปด แยกออกไปจนเต็มทั้งจักรวาล ทั้งแนวตั้งแนวนอน
    แล้วกลับมารวมกันเป็นลูกเดียวอีกครั้ง เล่นซ้ำไปซ้ำมา จนคล่อง

    ตั้งแต่เริ่มต้นถึงจุดนี้ ถ้าทำจริงๆ 10-20กว่านาที ก็จบสิบกองแล้วครับ ลองทำดูครับ

    ถึงจุดนี้ เราจับอะไรก็ ทำเป็นเพชรได้หมดแล้ว
    ลองนึกถึงภาพพระพุทธเจ้า เห้นพระองค์แย้มยิ้มอย่างถึงที่สุด ให้เป็นเนื้อเพชรทั้งองค์
    แล้วก็ทรงภาพพระพุทธองค์ที่เป็นเพชรใส ระยิบระยับ เอาไว้ให้ได้ตลอดเวลาครับ
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    ขอให้ทุกๆคนสามารถเข้าถึงกสิณทั้งสิบกอง ได้อย่างง่ายดาย ได้โดยฉับพลันทันใด ด้วยบารมีของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ
     
  14. darffy

    darffy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอถามหน่อยคับ วันนี้ผมได้ สวดมน ผมก็สวดมนปกติ พอผมสวดพระไตรปิฏก สวดไปสักพัก เสียงเริ่มใหญ่ขึ้น พอถึงช่วง คาถา พรม อาไรนี้ละ
    มันร้องไห้ออกมาเอง พอสวดไป สักพักก้หาย และตอนนั้ง สมาธิอะคับ พอนั้งไปสักพัก ตัวมันเริ้ม สั่นๆเกร็ง ไปเองส่ายหัวไปมา บางทีก้จะนอน ลงไปเอง แล้วก้สั้น เหมือนคนชักผมควรทำต่อหรือป่าวคับ มีวิธีแก้ไหมคับ และมันเริ้มไม่ไหวเลยลืมตาตอนนั้งสมาธิเสร็จแผ่เมตตาพอท่องไปสักพักก้เริ้มเสียงใหญ่
    แล้วก้ร้องให้ คราวนี้หนักกว่าทีแลก และพอผมจะกราบไหว้พระจะเลิกก้มีอาการเกร็งๆแปลกๆ ผมควรจะทำต่อไปไหมคับ เริ้มรู้สึกกลัว ขอคำแนะนำด้วยนะคับ
     
  15. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    พี่ชัดผมอยากทราบว่า ภาพที่เห็นด้วยจิต ซ้อนทับกับภาพที่เห็นด้วยตาเนื้อรึปล่าวครับ

    เพราะบางที่ผมเห็นภาพซ้อน

    ไม่ได้แวะเข้ามานานหลังจากเล่นเกมมากเกินไปไม่ได้พักผ่อน - ทำสมาธิเลย

    ช่วงนี้ก็เริ่มกลับมานั่งใหม่ ภาพบางภาพมันเกิดขึ้นตอนนั่งสมาธิจนไม่รู้สึกถึงลมหายใจ
    (ช่วงนี้ผมนั่งสมาธิแบบลืมตา) มันเกิดซ้อนทับกับภาพที่ผมเห็นอยู่ ดูคล้ายๆทุ่งโล่ง ซ้อนกับตึกแต่เรามองเห็นลงไปถึงพื้นซึ่งมีลักษณะคล้ายทุ่งหญ้า ผมจึงหลับตาลง แล้วนั่งเริ่มที่1ใหม่ เริ่มหายใจเข้า และผ่อนลมหายใจ ภาพที่คล้ายทุ่งหญ้าก็กลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง

    ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราหลอนไปเอง หรือคิดอะไรมากอยู่รึป่าว
     
  16. boradcard186

    boradcard186 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +760
    ขอถาม
    1.เมื่อฝึก จนได้ฌาณ 4 และเมตตาอัปปมานฌาณแล้ว เราควรฝึกอะไรต่อครับ
    2.ผู้ที่ฝึกสมาธิจนสามารถถอดจิตได้ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ และบางคนฝึกจนสามารถดูดวงได้ เขาฝึกกันแบบไหนครับ

    รบกวนด้วยนะครับ
     
  17. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    เข้าใจแล้วครับกสิณ มันฝึกกันง่ายๆ นี่เอง
     
  18. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    วันอาทิตย์นี้ไม่ได้ไปขออภัย แต่คราวหน้าต้องไปให้ได้ ^^; คับอนุโมทนาและเข้ามา เอาใจช่วยให้กับเพื่อนๆนักปฏิบัติและก็คุณครูผู้ชี้ทางด้วยคับขอให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานโดยฉับพลันในชาตินี้ทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุๆๆๆ
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ eert ครับ

    ผมจะขอนำการฝึกอรูปฌาณมาลงให้นะครับ

    ก่อนอื่นนะครับ ให้เราฝึกกสิณ กับจับภาพพระพุทธรูปให้เป็นเพชรใส ประกายพรึกให้ได้ก่อนครับ

    จากนั้นให้เราจินตนาการว่ามีตัวเราอีกคนกำลังก้มลงกราบภาพพระพุทธรูปที่เราเห็น
    จากนั้นให้เราตั้งจิตขอบารมีพระท่านนะครับ

    ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณทั้ง4ได้ด้วยเทอญ

    คราวนี้จะเริ่มแล้วครับให้เราจับภาพพระเป็นเพชรเหมือนเดิม

    เสร็จแล้วให้จินตนาการว่า ภาพพระพุทธรูปค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไปสรรพสิ่งวัตถุทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาวว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุดเพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่1นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้งจากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O<v /><O<v:shape id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><?xml:namespace prefix = v /><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape>
    ให้เราคิดพิจารณาว่า<O<v:shape id=_x0000_i1037 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัสทางกาย<O<v:shape id=_x0000_i1039 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์<O<v:shape id=_x0000_i1041 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เราจะไม่สนใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทั้งหลายอีกต่อไป
    <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>ขอให้ความยึดติด ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกายทั้งหลายหายไปให้หมด
    ภาพพระพุทธรูปก็ค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไป สรรพสิ่งวัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง ค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลกจักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาวว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุดเพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่2นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้งจากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O<v:shape id=_x0000_i1045 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>เสร็จแล้วให้เราพิจารณาต่อไปว่าสรรพสิ่งทุกๆอย่างนี้แท้ที่จริงแล้วมันก็ไม่เที่ยง<v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เราเกิดมาซักวันเราก้จะต้องตาย วัตถุต่างๆมันก็จะต้องพังทลายแตกสลายไปในที่สุด<O<v:shape id=_x0000_i1051 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    จินตนาการว่าภาพพระพุทธรูปค่อยๆแตกสลายไปกลายเป็นผง<O<v:shape id=_x0000_i1053 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ร่างกายของเราค่อยๆแตกสลายไปเป็นผง<O<v:shape id=_x0000_i1055 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    วัตถุทุกๆอย่างแตกสลายพังทลายหายไปหมด<O<v:shape id=_x0000_i1057 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    จักรวาลทั้งจักรวาลแตกสลายหายไปหมดไม่เหลืออะไรเลย<O<v:shape id=_x0000_i1059 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    <O<v:shape id=_x0000_i1061 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาวว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุดเพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่3นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้งจากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O<v:shape id=_x0000_i1063 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เสร็จแล้วก็ให้เราคิดพิจารณาว่าความทรงจำต่างๆ<O<v:shape id=_x0000_i1065 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    การจดจำ หมายรู้สิ่งต่างๆนี้<O<v:shape id=_x0000_i1067 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เมื่อเราได้จดจำสิ่งที่ไม่ดีเมื่อเรามาหวนนึกถึงมัน<O<v:shape id=_x0000_i1069 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    เราก็เกิดความทุกข์<O<v:shape id=_x0000_i1071 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    หรือเมื่อเราได้จดจำความทรงที่ดีๆแต่มันได้ผ่านพ้นมาแล้ว<O<v:shape id=_x0000_i1073 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    หากเราปรารถนาที่จะให้ความทรงจำเหล่านั้นหวนกลับมาอีกครั้งนึง<O<v:shape id=_x0000_i1075 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    มันก็เป็นเหมือนกับพยับหมอกที่ไม่อาจสัมผัสได้ซึ่งก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์<O<v:shape id=_x0000_i1077 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    <O<v:shape id=_x0000_i1079 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    เราจะขอเพิกเฉยต่อความทรงจำ สัญญา หมายรู้ทั้งมวลทั้งหมด<O<v:shape id=_x0000_i1081 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ขอให้ความทรงจำต่างๆสลายมลายหายไปให้หมด
    ความทรงจำทั้งหลายหายไปไปทั้งหมด
    <O<v:shape id=_x0000_i1083 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    ภาพพระพุทธรูปก็ค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไป สรรพสิ่งวัตถุทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาวว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาวที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้<O<v:shape id=_x0000_i1085 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ลองสัมผัสกับความสุขที่เกิดจากความว่างเปล่านี้<O<v:shape id=_x0000_i1087 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุดเพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่4นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้งจากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O<v:shape id=_x0000_i1089 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    แล้วพิจารณาต่อไปว่า<O<v:shape id=_x0000_i1091 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    อรูปฌาณ นั้น มีความสุขมากก็จริงอยู่แต่ว่ายังไม่ใช่ความสุขที่สูงที่สุดยังมีความสุขที่มากกว่านี้นั่นก็คือพระนิพพาน
    เราจะไม่พอใจเพียงแค่อรูปฌานเราจะพอใจเพียงจุดเดียวคือพระนิพพานอันเป็นสถานที่ ที่มีความสุขที่สุดเพียงจุดเดียวเท่านั้น<O<v:shape id=_x0000_i1093 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    <O<v:shape id=_x0000_i1095 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    เสร็จแล้วให้เราค่อยหายใจ เข้าลึกๆช้าๆหายใจออกลึกๆช้าๆ<O<v:shape id=_x0000_i1097 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ครั้งแรกหายใจเข้าภาวนา พุทธ หายใจออก ภาวนาโธ<O<v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ครั้งที่สองหายใจเข้าภาวนา ธัมหายใจออก ภาวนา โม<O<v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    ครั้งแรกหายใจเข้าภาวนา สัง หายใจออกภาวนา โฆ<O<v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>
    <O<v:shape id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata></O<v:shape><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></v:imagedata>

    เสร็จแล้วค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ

    เสร็จแล้วก็ให้เราหมั่นเข้า ออกให้คล่อง
    อรูปฌาณนี้ มีประโยชน์มากในการสลายอารมณ์และใช้ในชำระล้างจิตของเราให้สะอาดจากความคิดต่างๆ

    ขอให้ทุกๆคนที่สนใจจะฝึกอรูปฌาณสามารถที่จะทำได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ

    แต่ควรจะให้เริ่มจากจับภาพพระเป็นเพชรก่อนนะครับ<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ darffy ครับ

    ขอถามหน่อยคับ วันนี้ผมได้ สวดมน ผมก็สวดมนปกติ พอผมสวดพระไตรปิฏก สวดไปสักพัก เสียงเริ่มใหญ่ขึ้น พอถึงช่วง คาถา พรม อาไรนี้ละ
    มันร้องไห้ออกมาเอง พอสวดไป สักพักก้หาย และตอนนั้ง สมาธิอะคับ พอนั้งไปสักพัก ตัวมันเริ้ม สั่นๆเกร็ง ไปเองส่ายหัวไปมา บางทีก้จะนอน ลงไปเอง แล้วก้สั้น เหมือนคนชักผมควรทำต่อหรือป่าวคับ มีวิธีแก้ไหมคับ และมันเริ้มไม่ไหวเลยลืมตาตอนนั้งสมาธิเสร็จแผ่เมตตาพอท่องไปสักพักก้เริ้มเสียงใหญ่
    แล้วก้ร้องให้ คราวนี้หนักกว่าทีแลก และพอผมจะกราบไหว้พระจะเลิกก้มีอาการเกร็งๆแปลกๆ ผมควรจะทำต่อไปไหมคับ เริ้มรู้สึกกลัว ขอคำแนะนำด้วยนะคับ<!-- google_ad_section_end -->

    เราวางอารมณ์หนักไปครับ
    และอาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการของปีติครับ
    ผสมทั้งอารมณ์หนัก และปีติ

    ให้เราผ่อนอารมณ์ใจให้เบาสบายกว่านี้ครับ
    สังเกตุ ว่า เราขมวดคิ้วหรือเปล่า ถ้าขมวดคิ้ว แปลว่าอารมณ์เริ่มหนักไปแล้วครับ
    เวลาสวดมนต์ ก็ให้เราสวดมนต์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มีความนุ่มนวล ชุ่มเย็น เบาสบาย
    อย่าสวดด้วยเสียงที่กระแทก หรืออารมณ์ที่รุนแรงครับ

    ต้องนุ่มนวล อ่อนโยน ชุ่มเย็นครับ

    เวลาทำสมาธิ ก็ให้เราใช้อารมณ์สบาย อารมณ์ใจที่เบาชุ่มเย็น นิ่มนวลครับ
    เวลาภาวนาเราก็ภาวนาด้วยอารมณ์สบายๆ ภาวนช้าๆ นุ่มนวล
    แล้วเราก็จับลมหายใจ เวลาจับลมหายใจก็ให้รู้สึกถึงความชุ่มเย็น ของลมหายใจเบาสบายลื่นไหลของลมหายใจ

    ยิ่งดูลมหายใจ จิตยิ่งเบาสบาย ยิ่งรู้สึกพักผ่อน
    ลมหายใจก็ยิ่งเบา ยิ่งสบาย ยิ่งโปร่งโล่ง ยิ่งชุ่มเย็น มากขึ้นๆเรื่อยๆ
    จนกระทั่งใจสบายจนถึงที่สุด ลมหายใจของเราก็จะหยุดไป
    จิตจะมีความนิ่ง ความเบาสบาย เป็นอารมณ์นิ่งหยุด ได้รับการพักผ่อนจากการคิด มีความสุขชุ่มเย็นถึงที่สุด

    เห็นความต่างของอารมณ์ใหมครับ แบบที่เราทำมันยังหนัก ยังรุนแรง หรือว่าเค้นมากไปครับ
    ต้องเป็นอารมณ์สบายๆ เบาๆนิ่มนวล ชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอมครับ

    ลองปรับอารมณ์ดูนะครับ

    ขอให้เข้าถึงอารมณ์จิตที่มีความเบาสบาย นิ่มนวล ชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอม ได้โดยฉับพลันทันใด ด้วยบารมีของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...