วิธีการสะกดจิตให้คนรักคนชอบ!! เอามาจากพันติ๊บ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มหา, 25 เมษายน 2005.

  1. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    วิธีการสะกดจิตให้คนรักคนชอบ!!



    เหตุการณ์นี้น่าสนใจมากครับ เพิ่งอ่านจบครับ ขอนำมาฝาก



    เรื่องมีอยู่ว่า

    พวกมัลละกษัติริย์ ชาวพระนครกุสินารา รู้ว่าพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์จะเสด็จมา เลยตั้งกฎกันว่า


    ในมัลละกษัตริย์ผู้ใด ที่ไม่ต้อนรับพระพุทธเจ้า จะปรับ 500



    พระอานนท์ได้พบพระมัลลกษัตริย์องค์หนึ่ง ชื่อ โรชะ พระอานนท์ชมว่า การรับเสด็จพระพุทธเจ้าดีมาก



    โรชะมัลลกษัตริย์ทูลว่า ตนไม่ได้เต็มใจที่จะรับเสด็จ แต่เพราะกลัวถูกปรับ พระอานนท์ฟังแล้วก็ไม่พอใจ ท่านจึงพาไป


    พบพระพุทธเจ้า และขอให้พระพุทธเจ้าทำให้โรชะมัลลกษัตริย์นับถือ .......มาดูกันสิครับว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้วิธีใด



    "ทันใดท่านพระอานนท์แสดงความไม่พอใจว่า ไฉน โรชะมัลลกษัตริย์จึงได้ตรัสอย่างนี้แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค


    ถวายบังคม นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า โรชะมัล

    ลกษัตริย์ผู้นี้ เป็นคนมีชื่อเสียง มีคนรู้จักมากและความเลื่อมใสในพระธรรมวินัยนี้ ของคนที่มีผู้รู้จักมากเช่นนี้ มีอิทธิพล

    มากนัก ขอประทานพระวโรกาส ขอพระองค์ทรงกรุณาโปรดบันดาลให้โรชะมัลลกษัตริย์เลื่อมใสในพระธรรมวินัยนี้ด้วย

    เถิด พระพุทธเจ้าข้า.

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ การที่จะบันดาลให้โรชะมัลลกษัตริย์เลื่อมใสในพระธรรมวินัยนี้นั้น ตถาคตทำได้ไม่

    ยากเลย.

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแผ่เมตตาจิตไปยังโรชะมัลลกษัตริย์ แล้วทรงลุกจากที่ประทับเสด็จเข้าพระวิหาร ครั้นโร

    ชะมัลลกษัตริย์ อันพระเมตตาจิตของพระผู้มีพระภาคถูกต้องแล้วได้เที่ยวค้นหาตามวิหาร ตามบริเวณทั่วทุกแห่ง ดุจโค

    แม่ลูกอ่อน แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่าท่านเจ้าข้า เวลานี้ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

    ประทับอยู่ที่ไหนเพราะข้าพเจ้าใคร่จะเฝ้าพระองค์.

    ภิกษุทั้งหลายถวายพระพรว่า ท่านโรชะ พระวิหารนั่นเขาปิดพระทวารเสียแล้ว ขอท่านโปรดสงบเสียง เสด็จเข้าไปทาง

    พระวิหารนั้น ค่อยๆ ย่องเข้าไปที่หน้ามุข ทรงกระแอมแล้วทรงเคาะพระทวารเถิด พระผู้มีพระภาคจักทรงเปิดพระ

    ทวารรับท่าน ถวายพระพร."



    เราก็สามารถทำได้ (แต่คงไม่เทียบเท่าพระพุทธบารมี)



    เมตตากัมมัฏฐาน


    หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา มีความเป็นไปแห่งกาย วาจา ใจในอันที่จะเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นลักษณะ


    หิตูปสํหารรสา มีการทำประโยชน์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย อย่างใกล้ชิด เป็นกิจ



    อาฆาตวิยนปจฺจุปฏฺฐานา มีการบำบัดความแค้น เป็นอาการปรากฏแก่ผู้ที่ทำการพิจารณาเมตตา


    มนาปภาวทสฺสนปทฏฺฐานา การพิจารณาแต่ความดีที่น่าพึงพอใจของสัตว์ทั้งหลาย

    โดยไม่มีการนึกถึงสิ่งที่ไม่ดี ไม่งาม เป็นเหตุใกล้


    พฺยาปาทูปสโม สมฺปตฺติ สงบความพยาบาทลงได้เป็นเวลานาน เป็นความสมบูรณ์ของเมตตา

    สิเนหสมฺภโว วิปตฺติ การเกิดขึ้นแห่งตัณหาที่เหนียวแน่น เป็นความเสื่อมเสียของเมตตา


    ราโค อาสนฺนปจฺจตฺถิโก ราคะ เป็นข้าศึกใกล้ของเมตตา


    พยฺาปาโท ทูรปจฺจตฺถิโก พยาบาท เป็นข้าศึกไกลของเมตตา


    ๑. เมตตามีอานิสงส์ ถึง ๑๑ ประการ คือ


    (๑) สุขํ สุปฺปติ สบายในเวลาหลับ

    (๒) สุขํ ปฏิพุชฺฌติ สบายในเวลาตื่น

    (๓) น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ ไม่ฝันเห็นเรื่องที่ลามก

    (๔) มนุสฺสานํ ปิ โย โหติ เป็นที่รักของมนุษย์ทั่วไป

    (๕) อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ เป็นที่รักของอมนุษย์

    (๖) เทวตา รกฺขนฺติ เทวดาย่อมคุ้มกันรักษา

    (๗) นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ ไฟ ยาพิษ ศัสตรา ก็ดีย่อมไม่กล้ำกรายต่อผู้นั้น

    (๘) ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ จิตผู้นั้นย่อมเป็นสมาธิ คือตั้งมั่นได้เร็ว

    (๙) มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ สีหน้าผู้นั้นย่อมผ่องใส

    (๑๐) อสมฺมุฬฺโห กาลํ กโรติ ในเวลาใกล้มรณะ ย่อมเป็นผู้มีสติ

    (๑๑) อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต เมื่อมรณะ ย่อมเป็นผู้เข้าถึงสุคติอย่างสูงสุด ถึงพรหมโลกได้

    ๒. เมตตา ที่ว่าองค์ธรรมได้แก่ อโทสเจตสิก นั้น พึงเข้าใจว่า อโทสเจตสิกทั้งหมดจะเป็นเมตตาไปทุกครั้ง ก็หาไม่

    อโทสะเป็นเจตสิกที่ประกอบกับโสภณจิตทั่วไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่สวดมนต์ ไหว้พระ ใส่บาตร รักษาสีล อ่านหนังสือ

    ธรรม เหล่านี้อันเป็นจิตมหากุสล อโทสเจตสิกก็เข้ประกอบอยู่ทุกขณะ แต่ว่าขณะนั้น เมตตาไม่มี ไม่ประกอบ เพราะ

    เมตตานั้น นอกจากไม่โกรธ ไม่เกลียดชังแล้ว ยังประสงค์ให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุขอีกด้วย

    ยกตัวอย่าง เช่น มีผู้ลอบตีนาย ก. เมื่อนาย ก. ถูกตีแล้ว อาจไม่โกรธ เพราะคิดว่าเป็นกรรมของตัวจึงได้ถูกตี

    แค่นี้เป็น อโทสะ แต่ถ้านาย ก. ไม่โกรธแล้วยังแผ่เมตตาให้แก่ผู้ที่ลอบตีว่า จงหมดเวรหมดกรรมกันเสียที ขออย่าให้ถูกจับ

    และได้รับโทษเลย จงปลอดภัยและมีความสุขต่อไปเถิด คิดได้ดังนี้เป็นเมตตา มีอานิสงส์สูงกว่าอโทสะมากนัก แต่ว่าผู้ที่

    จะถึงขั้นนี้ก็หาได้ยากมาก นอกจากจะได้ฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดีแล้ว

    ๓. ก่อนฝึกแผ่เมตตา พึงทราบว่า เมตตานี้ทำลาย โทสะ และเมตตานี้เป็นที่ตั้งมั่นแห่งขันติ โทษของโทสะ ทำให้ใจขุ่น

    มัว กลัดกลุ้ม เร่าร้อน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถ้าไม่มีความยับยั้งใจแล้ว ก็ถึงขั้นทำลาย ทำลายผู้อื่น ตลอดจนทำลายตนเอง

    ทำลายทั้งทรัพย์สมบัติ ชีวิตและคุณงามความดี คุณของขันติ ทำให้มีความอดทน อดทนต่อความยากลำบากตรากตรำ

    อดทนต่อความเจ็บใจ


    อดทนต่อความทุกข์เวทนา อดทนต่อความยั่วเย้าของกิเลส

    เมื่อเห็นโทษของโทสะ และเห็นคุณของขันติแล้ว ก็ฝึกแผ่เมตตาโดยมี ข้อที่พึงกำหนดดังต่อไปนี้ จะเป็นข้อหนึ่งข้อใดแต่เพียงข้อเดียวก็ได้ คือ

    ก. อเวรา จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกัน

    ข. อพฺยาปชฺชา จงเป็นผู้ไม่พยาบาทต่อกัน

    ค. อนีฆา จงเป็นผู้ที่ปราศจากทุกข์

    ง. สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ จงมีแต่ความสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง

    ๔. ผู้ที่มีเมตตาและแผ่เมตตาได้อย่างสะดวกใจนั้น จะต้องหมั่นฝึกอยู่เสมอ ในขั้นต้นต้องฝึกแผ่เมตตาให้แก่ตนเองก่อน

    เพื่อจะได้เป็นสักขีพยานว่าตนเองปรารถนาสุข เกลียดทุกข์ ต้องการมีอายุยืน กลัวตาย ฉันใด ผู้อื่นก็ฉันนั้น ฝึกดังนี้บ่อย

    ๆ หนักเข้า เมตตาจิตก็จะเกิดขึ้นได้โดยง่าย


    ๕. เมื่อแผ่เมตตาให้แก่ตนเองได้คล่องด้วยความสะดวกใจแล้ว ก็ขยายการแผ่ให้เป็นวงกว้างออกไปตามลำดับ คือ

    ก. อัตตะ แผ่ให้แก่ตนเอง

    ข. ปิยะ แผ่ให้แก่ผู้ที่รักใคร่

    ค. มัชฌัตตะ แผ่ให้แก่ผู้ที่ไม่รักไม่ชัง

    ง. เวรี แผ่ให้แก่ผู้ที่เป็นศัตรู

    แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 48 18:25:09

    จากคุณ : SpiritDreamInside (ก๊อฟปี้มาจากเขาอีกที)
     
  2. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    แผ่เมตตาดีๆอย่างนี้นี่เอง
     
  3. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    อืม ๆๆ ดันกระทู้
     
  4. j147852

    j147852 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +608
    ได้ผลชัว
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    การสวดมนต์ บท เมตตา..ใครสวดได้ ก้ให้ปฏิบัติตามความหมาย ไม่ใช่ ไปท่องๆอย่างเดียวไม่งั้น อานิสงฆ์ ก้ไม่เกิด.....สวดแล้วไม่ประพฤติปฏิบัติตาม ย่อมไม่ได้อานิสงฆ์
     
  6. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    ผมจะพยาทำให้ได้ ยากอยู่นะครับสำหรับผม เหอะๆๆ
     
  7. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    ดันๆ
     
  8. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55
    ฮึ๋ย โดนเฮียเมหลอก
    กะจะเอาไปใช้กะหนุ่มๆซะหน่อย
    อิอิ

    โมทนาค่ะ
     
  9. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    อันนี้เอามาจากชีวิตจริงเลย วิธีที่จะสะกดคนอื่นให้ชอบคุณ ไม่ว่าจะเรื่องรักใคร่หรือความสัมพันธ์ใดๆก็ตาม
    1.ตัดความกลัวและกังวลใจว่าผู้อื่นจะไม่รักออกให้หมดสิ้น
    2.รู้สึกดีกับตัวเองและผู้อื่นและพร้อมจะให้อภัยผู้อื่นเสมอ
    3.รักคนที่เราอยากจะรักให้มากๆและเชื่อว่าคนๆนั้นก็จะรู้สึกดีกับเราเช่นกัน
    ใครทำได้ทั้งสามข้อนี้นะ ต่อให้คนที่เป็นศัตรูก็พร้อมที่จะกลับใจและเป็นมิตรกับคุณ
     
  10. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    การทำตัวให้เป็นที่รักมี 2 ระดับ คือ ภายนอก กับภายใน
    ภายนอกก็คือ
    1. ทาน แบ่งปันวัตถสิ่งของ และธรรมทาน
    2. ปิยวจา มีวาจาที่ไพเราะ
    3. อตฺถจริยา คือการประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งปวง
    4. สมานัตตา คือความมีตนเสมอต้นเสมอปลาย

    ส่วนภายในก็คือ พรหมวิหาร 4 คือเมตตา กรุณา มุติทา และอุเบกขา แผ่ไปในสรรพสัตว์ทั้งปวง
     

แชร์หน้านี้

Loading...