อยากจะนั่งสมาธิค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย OmimiO, 22 พฤษภาคม 2009.

  1. OmimiO

    OmimiO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +178
    คืออยากจะฝึกจิตค่ะ อยากจะนั่งสมาธิแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงค่ะ

    รบกวนช่วยสอนหน่อยค่ะ อยากจะนั่งจิงๆ ขอบคุณค่ะ
     
  2. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    สมาธิอาศัยความเคยชินจึงจะเิิกิด ทำทุกวันๆละ5-10 นาที นั่ง นอน ทำได้หมด

    1.ก่อนทำครั้งแรก ต้องไหว้พระก่อน อิติปิโส ฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ
    2.กล่าวอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิ ขออำนาจแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์ เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วทุกภพทุกชาติ จงปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า และขอให้จิตข้าฯสงบระงับลงเป็นสมาธ อุปจาระสมาธิ อัปปนาสมาธิ ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นปัจจัยเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
    3.นั่งท่านั่งสมาธิ หายใจเข้า-ออกลึกๆ 3 ครั้งพร้อมภาวนาในใจว่า พุท-โธ,ธรรม-โม,สัง-โฆ
    4.เวลาหายใจให้สังเกตุลมเข้า-ออกกระทบปลายจมูกตรงจุดไหน ให้เอาความรู้สึกเกาะติดไว้จุดนั้นนานๆ
    5.ทำเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ เมื่อมีเวลา แต่ไม่ต้องทำนาน ใจจะเริ่มชินและจะค่อยๆสงบลงไปเอง
     
  3. OmimiO

    OmimiO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +178
    ขอบคุณมากๆๆค่ะ

    คือนั่งที่ไหนก็ได้ใช่มั้ยค่ะ

    ต้องทำทุกวันมั้ยค่ะ
     
  4. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    [​IMG][​IMG]

    เอ ทำไมได้เข้ามาถามในห้องนี้นะครับ หึหึ

    ผมก็ไม่ค่อยเก่งนะครับอาศัยฟังมาจากหลวงพ่อท่านสอน ไม่ได้มาอวดดี ว่าของตนดีกว่าแต่อย่างใดเพราะการปฏิบัติ นั้นไม่มีกรรมฐานที่ดีที่สุด มีอแต่เหมาะที่สุดกับเรา จึงแนะนำด้วยกัลญาณธรรม
    ในการปฏิบัติธรรมจริงๆ อาจแบ่งคนออกเป็นสองแบบ คือ วิปัสสนาญาณิก กับสมถญาณิก

    สมถญาณิก(สมาธินำปัญญา)คือผู้ที่ จิตเป็นสมาธิ ง่าย โดส่วนมากหมายถึงผู้ที่ทำสมาธิ ทำฌาณ ก่อนค่อยเจริญปัญญาดูจิต ข้อดีคือจิตเป็ฯสมาธิ มีกำลังในการตามรู้ตามดูและทำได้ดี บางคนได้อภิญญา ได้ฤทธิ์ ข้อเสีย นักปฏิบัติส่วนมากติดสมถะ ติดสมาธิเพราะความสงบ นิ่ง สุขอยู่นานๆ บางคนเพ่งกายเพ่งจิตมาก จนจิตนิ่งเป็นพรหม เดินปัญญาไม่ได้
    ส่วนวิปัสสนาญาณิก(ปัญญานำสมาธิ) คือผู้ทำฌาณไม่ได้ จิตใจฟุ้งซ่านบ่อย เป็นคนชอบคิด ชอบพิจารณา ท่านแนะนำให้ดูจิต เจริญปัญญา เมื่อจิตศึกษาจิตอย่างเเจ่มแจ้ง จะมีสมาธิขึ้นมาทีละขณะๆ แต่ไม่นานเหมือนกับสมถะญาณิก ข้อดีคือไม่ติด ข้อเสีย ไม่มีกำลัง จิตฟุ้งได้ง่าย การดูจิตนั้นต้องดูห่างๆ บางคนก็เพ่งจิตโดยไม่รู้ตัว
    พระพุทธเจ้าสอนว่าธรรมะที่ควรทำให้เจริญมีสองอย่างคือ สมถะ กับวิปัสสนา จึงทิ้งไม่ได้ทั้งคู่ แต่จะเริ่มแบบไหนนั้นตามจริตนิสัยครับ
    ดังนั้นก่อนอื่น เราต้องสำรวจตัวเองว่า
    ทำกัมมัฏฐานอย่างใดสติจะเกิด ทำอย่างใดจะเกิดสัมมาสมาธิ
    ทำอย่างใดจะเห็นความจริงของกายของใจได้
    ในหลักการปฏิบัตินี่จะต้องตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอน
    แต่ในขั้นลงมือทำนี่ทางใครทางมัน แล้วแต่จริตนิสัยของแต่ละคน
    ถัดจากนั้น ก็มาดูว่าเรามีอุปสรรคเครื่องขัดข้องอื่นๆไหม
    ต้องสำรวจใจตัวเอง สำรวจว่าเรามีศีลบริบูรณ์ไหม
    เรายังยึดติดในชื่อเสียง ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือไม่
    เรายังติดในรูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ หรือเปล่า
    ถ้ายังติดในกามอยู่อย่างนี้ ก็ยังข้ามภพข้ามชาติไม่ไหว

    กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
    การดูกาย (กายานุปัสสนา) การรู้กายนี่ต้องทำสมาธิทำฌานก่อน
    ให้จิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดู
    อยู่ๆจะไปกำหนดรูปนามด้วยการรู้กายเลย ทำไม่ได้
    อย่างน้อยต้องได้อุปจารสมาธิ หรือได้ทุติยฌาน
    จิตจะรวมลงไป เหลือแต่ความรู้สึกอันเดียว
    ออกจากสมาธิแล้วจิตผู้รู้จะทรงตัวอยู่ แล้วมันจะเห็นเลยว่าตัวจิตผู้รู้นี้ไม่ใช่ตัวเรา
    ด้วยอำนาจของฌาน จะเห็นทันทีเลยว่า
    ร่างกายที่หายใจเข้าหายใจออก ร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอนนี่ไม่ใช่ตัวเรา
    แล้วจะเห็นทันทีเลยว่าเวทนาก็ส่วนหนึ่ง จิตก็ส่วนหนึ่ง
    แยกกันหมดเลยด้วยอำนาจของสมาธิในขั้นที่เข้มข้น
    มันก็แยกกันไปช่วงหนึ่ง แล้วมันก็จะไปรวมกันอีก
    ก็ต้องทำสมาธิใหม่ อันนี้เป็นสมถยานิก

    เวลาที่พระพุทธเจ้าสอนอิริยาบทสี่ ท่านสอนง่ายๆ
    ภิกษุทั้งหลายนั่งอยู่ให้รู้ว่านั่งอยู่ เมื่อยืนอยู่ก็รู้ว่ายืนอยู่
    เมื่อนอนอยู่ก็รู้ว่านอนอยู่ รู้ด้วยสตินั่นเอง
    เสร็จแล้วก็มีปัญญาเห็นว่าตัวที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา
    ถ้ามีสมาธิหนุนหลังใจตั้งมั่น จะเห็นเลยว่าตัวที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา

    คำว่า "รู้" ก็มีสองนัยยะอย่างที่หลวงพ่อบอก
    รู้ด้วยสติคือเห็นรูปนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ กับรู้ด้วยปัญญาคือเข้าใจ
    ความเป็นจริงของรูป อันนี้มันเป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุ มันไม่ใช่ตัวเราหรอก
    การที่จิตจะเห็นตรงนี้ได้ จิตต้องมีสมาธิหนุนหลัง

    เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
    ในการดูเวทนาก็ใช้หลักอันเดียวกัน มีสติรู้ลงไปที่เวทนา
    ความปวดความเมื่อยความสุขความเฉยๆ มีสติรู้ลงไปในกายนี้มีสองอัน
    ในกายมีความสุขกับความทุกข์ ในจิตใจนี่มีความสุขมีความทุกข์มีความเฉยๆด้วย
    ความสุขความทุกข์ความเฉยๆเกิดขึ้นเราก็มีสติรู้ไป ไม่ใช่ไปนั่งเพ่งให้หาย
    ในการที่เรารู้เวทนา เราจะรู้อย่างอื่นด้วย คือจะรู้กายกับจิต
    เพราะเวทนาอาศัยอยู่ในกาย อาศัยอยู่ในจิต
    เวทนานุปัสสนาจึงเป็นกัมมัฎฐานที่ทำยาก เพราะครอบคลุมทั้งกายและจิต
    ครอบคลุมถึงตัวเวทนา และเหตุที่เกิดเวทนานั้นด้วย ส่วนกายานี้ทำง่าย

    และต้องใช้หลักอันเดียวกันคือมีสติระลึกรู้สภาวะของเวทนาที่ปรากฏ
    มีปัญญาเข้าใจเวทนานั้นว่าเวทนาไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์
    เป็นแค่นามธรรมอย่างหนึ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
    แล้วก็เห็นอีกว่าเวทนาไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายกับเวทนาคนละอันกัน
    ร่างกายไม่เคยเจ็บปวดเพราะร่างกายเป็นวัตถุ วัตถุไม่รู้อารมณ์
    เวทนาไม่ใช่จิต เวทนาเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
    เวทนาเป็นสิ่งที่แนบมากับจิต แฝงมากับจิต จะละเวทนาเป็นไปไม่ได้เลย
    ไม่มีใครดับเวทนาได้ เวทนาเป็นธรรมชาติที่เกิดร่วมกับจิตทุกๆดวง
    ดังนั้นไม่มีใครดับเวทนาได้ มีแต่เปลี่ยนสภาพของเวทนาจากสุขจากทุกข์ให้เป็นเฉยๆ
    เฉยๆก็เป็นเวทนาอีกอันหนึ่ง ไปคิดว่าเฉยๆ ไม่ใช่เวทนา ฉะนั้นมีเฉยๆ นะ
    ยังมีตัณหาอุปาทานภพชาติได้อย่างเดิม นั่นแหละ

    ดังนั้นการรู้เวทนาไม่ใช่เพื่อละเวทนา แต่เพื่อให้เห็นความจริงว่า
    กายนี้ไม่ใช่เรา เวทนาไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา แล้วจิตจะไม่กระเพื่อมหวั่นไหวเพราะเวทนา
    ไม่ใช่ไม่มีเวทนานะ แต่จิตไม่กระเพื่อมหวั่นไหวเพราะเวทนา

    ในการดูจิตก็เหมือนกัน จิตเป็นกุศลให้รู้ จิตมีราคะโทสะโมหะให้รู้
    จิตฟุ้งซ่านให้รู้ จิตสงบให้รู้
    รู้ในหลักเดียวกันคือ สติระลึกรู้สภาวะ มีปัญญารู้ลักษณะ
    เช่น ความโกรธเกิดขึ้น สติก็ระลึกได้ว่าความโกรธเกิดขึ้นมา
    ปัญญาหยั่งลงไปเห็นเลย ตัวที่โกรธอยู่ไม่ใช่เราโกรธหรอก ไม่มีตัวเราในความโกรธ
    ในจิตที่ไปโกรธ ไม่มีตัวเราในสัตว์บุคคลทั้งหลายที่ทำให้โกรธ จะเห็นว่าไม่มีตัวเรานะ

    บทสรุป
    ดังนั้นทำสติปัฏฐาน ไม่ว่าจะกายเวทนาจิตนะ สุดท้ายก็คือให้เห็นว่าไม่มีตัวมีตนนั่นเอง
    ละความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน ได้เป็นพระโสดาบัน ตามรู้ต่อไปจนเห็นความจริงว่าทั้งรูปทั้งนามมีแต่ทุกข์ล้วนๆ
    นี่คือเข้าใจทุกข์แจ่มแจ้ง ปล่อยวางความทุกข์
    หมดความยึดถือในขันธ์ เป็นพระอรหันต์

    ไม่มีทางเดินที่สองมากกว่านี้อีกต่อไปแล้ว ขอย้ำนะว่าไม่มีทางที่สองอีกต่อไปแล้ว
    นี่เป็นทางสายเดียวเท่านั้นที่จะถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ถ้าไม่เรียนก็ต้องลำบากต่อไปอีกเนิ่นนานนะ
    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2009
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    รู้ว่าลมเข้า รู้ว่าลมออก เข้ามาแล้วไปไหน ออกไปแล้วออกยังไง มีความรู้สึกอย่างไร เวลาที่ลมเข้าและออก ให้สติอยู่กับกาย ให้รู้ว่าอยู่ในสมาธิ แต่ถ้าเป็นคนจิตอ่อน ให้แผ่เมตตา อฐิษฐานจิต แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบบริเวณ แล้วจึงทำสมาธิ จิตจะไม่วอกแวก และไม่เกิดนิมิตใดๆ คุณอาจทำได้ถึง จตุตถฌาณ เลย เกินจากนั้นต้องหาครูบาอาจารย์แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2009
  6. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449

    เรียนแบบดาราได้เลย เดี๋ยวนี้มีให้เห็นในละครแทบทุกเรื่อง(หมายถึงขั้นเริ่มต้นนะ เทียบได้กับเริ่มหัดจับดินสอคัด ก.ไก่น่ะแหละ)
     
  7. toangsg

    toangsg สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +2
    เห็นลมหายใจเข้าออกเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตาเป็นสัมมาสมาธิ(สมาธิทางพุทธ)เดินถูกทาง
     
  8. แท้จริง

    แท้จริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +989
    อยากให้หา หนังสือ "คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน" วัดท่าซุง มาอ่านนะครับ
    มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติ ที่ถูกต้องครบถ้วนอยู่ในเล่มหลวงพ่อท่าน สอนไว้ทุกอย่างอยู่แล้ว
    หาซื้อได้ที่ บ้านสายลม ซอยสายลม ถนนพหลโยธินลอง seach หาดูนะครับ

    ถ้ายังไ่ม่มีโอกาสไปซื้อก็ มีสองวิธี ง่ายๆ คือ คอยสังเกตุลมหายใจเข้า ให้ท่องว่าพุท
    สังเกตุเมื่อลมหายใจออก ให้ท่องว่าโธ อย่าไปบังคับลมมองดูลมเข้าออกเฉยๆ

    อีกวิธีคือ พระพุทธรูป องค์ไหนที่คุณรู้สึกติดตาติดใจที่สุดให้ นึกภาพพระตั้งไว้ในใจ
    อาจจะภาวนาพุทโธไปด้วยหรือไม่ก็ได้ครับ แล้วแต่ถนัด

    แรกนั้งสมาธิจะฟุ้งซ่านมากๆ ขอให้พยายามนะครับทุกคนจะต้องผ่านความฟุ้งซ่าน
    แบบนี้เหมือนกันหมด มีแต่ความตั้งใจ พยายามเท่านั้นจึงจะได้รับผลที่สุดแสนจะคุ้มค่าได้
    ขอเป็นกำลังใจให้คุณเข้าถึงธรรมะแท้ๆของพระพุทธเจ้าได้ครับ
     
  9. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ตามนี้ครับ จขกท อนุโมทนาครับ

    <center>วิธีทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น

    </center> <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title -->
    โดย: เล่า พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด
    <!-- attachments --> <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG]
    </fieldset> <fieldset class="fieldset"> <legend>ไฟล์แนบข้อความ</legend> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td width="20"><input id="play_19635" onclick="document.all.music.url=document.all.play_19635.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=19635" type="radio">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>01.mp3 (11.22 MB, 1735 views)</td></tr><tr> <td width="20"><input id="play_19636" onclick="document.all.music.url=document.all.play_19636.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=19636" type="radio">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>02.mp3 (7.43 MB, 966 views)</td></tr><tr> <td width="20"><input id="play_19637" onclick="document.all.music.url=document.all.play_19637.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=19637" type="radio">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>03.mp3 (11.63 MB, 785 views)</td></tr><tr> <td width="20"><input id="play_19638" onclick="document.all.music.url=document.all.play_19638.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=19638" type="radio">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>04.mp3 (6.39 MB, 691 views)</td></tr><tr> <td width="20"><input id="play_19639" onclick="document.all.music.url=document.all.play_19639.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=19639" type="radio">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>05.mp3 (5.18 MB, 666 views)</td></tr> </tbody></table> </fieldset>
    <!-- / attachments --> <!-- message --> [​IMG]


    จัดทำโดย ชมรมกัลยาณธรรม ให้เสียงโดย พันโทธนกร เฟื้องฟุ้ง



    วิธีทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น - Buddhism Audio
     
  10. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
  12. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ;34 เข้ามาอ่านหัวข้อนี้ ได้ความรู้เยอะเลย อนูโมทนากับทุกๆข้อความค่ะ
    rabbit_scary ขอเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด ขอท่านผู้รู้เมตตาช่วยชี้แนะด้วย เพราะหนู ก็ยังรู้น้อยอยู่ค่ะ!!!
    -love mode- สมาธิไม่ได้หมายถึงการนั่งอย่างเดียวคะ การเดินหรือการทำกิจการงานใดๆ อย่างมีสมาธิ ก็ถือได้กับ การนั่งสมาธิ แต่ที่นิยมเรียกว่า การนั่งสมาธิเพราะ ง่ายกว่า ในการทำจิตให้นิ่ง ไม่สนใจสิ่งภายนอกที่มากระทบ และสามารถสงบจิตได้โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน
    สรุปคือ ที่ไหนก็ได้ค่ะ เพราะสมาธิ อยู่ภายใน สงบที่ใจ แต่ถ้าสงบยากเพราะสิ่งแวดล้อมกวน ก็เลือกมุมสงบ จะได้เข้าถึงสมาธิได้เร็ว และง่ายกว่า
    สมควรจะนั่งสมาธิทุกวันคะ เหมือนกับการอาบน้ำ ชำระร่างกาย ที่เราอาบทุกวัน ใจก็เช่นกันควรชำระทุกวันค่ะ แต่ถ้า ไม่ว่างจริงๆก็ คงไม่เป็นไรมั้งค่ะ ตามสะดวก สาธุๆ
    หนู (sing)อิจิโกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  13. มหาพรหมราชา

    มหาพรหมราชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +903
    สำหรับผมนะครับ ...
    ...ถ้าผมต้องการที่จะปฏิบัติเพื่อนิพพานในชาตินี้ ผมจะ บริกรรมคำว่า ..สักว่า..โดยหายใจเข้าบริกรรมคำว่า..สัก..และ หายใจออกบริกรรมคำว่า ..ว่า..
    ...ถ้าผมต้องการเกิดอีกหรือยังไม่ต้องการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานในชาตินี้ ผมจะบริกรรมคำว่า ...เมตตา... โดยหายใจเข้าบริกรรมคำว่า ...เมต...และหายใจออกบริกรรมคำว่า ...ตา...
    ...เผื่อ ชอบหรือถูกกับจริตครับ ผมก็ลองมาหลายอย่างจนมาถูกกับคำ บริกรรม 2 อย่างนี้ ซึ่งช่วยฝึกจิตได้ีมากครับ ...ฯ.

     
  14. Guide_Raito

    Guide_Raito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +2,990
    กรุณา PM ที่อยู่มาครับ กระผม ตัวแทน กลุ่มพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลันสงขลานครินทร์ ภูเก็ต ยินดี ส่ง CD ธรรมะรวมคำสอน หลวงพ่อ พระราชพรหมญาน ให้ครับ
    จะได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องครับ
     
  15. bigboom007

    bigboom007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +570
    สำหรับผมเคยมีประสบการณ์ ในการฝึก ขอฟากไว้ก่อนที่คิดจะฝึกจิต จะต้องสม่ำเสมอ มีวินัย ต่อตนเอง มีสัจจะ
     
  16. pornsak

    pornsak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +272
    อีกหนึ่งวิธีจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านครับ

    เป็นวิธีที่ง่ายสะดวกและทำได้ทุกวันด้วย..แถมไม่ทรมานกับเวทนาที่จะเกิดขึ้นด้วย
    อาจจะให้ผลแบบเป๊ะป๊ะช้าหน่อย...แต่อย่างน้อยเอาไว้ช่วยในการสะสมบารมีเรื่อยๆ
    แล้วกันนะครับ
    เพราะถ้าคุณทำตามที่หลวงพ่อท่านสอนอย่างน้อยก็ขึ้นชื่อได้ว่า
    เจริญสติทุกขณะจิตของชีวิต
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    กรรมฐานแบบคนขี้เกียจ (คัดลอกมาจาก คุณ sungsungwan โพสเอาไว้อีกทีนะครับ)

    การเจริญกรรมฐานจริง ๆ ถ้าทำเเป็นล่ำเป็นสันมันอาจจะเกินพอดีไปก็ได้ เอากันแบบคนขี้เกียจ แต่ตายแล้วไม่ลงนรกดีกว่า ง่ายดีนะ คนขี้เกียจเขาจะทำแบบนี้

    ก่อนนอนหลับ ใจนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือนึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะที่เราชอบ จิตก็จับลมหายใจเข้าออก ภาวนา "พุทโธ" ก็ได้ อะไรก็ได้นะ เอาพุทโธเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" เพียงแค่ ๒-๓ ครั้ง มันหลับไปก็ใช้ได้ ขณะภาวนาอยู่ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ ถ้าจิตสงบถึงฌานมันจะตัดหลับทันที

    จะเป็นฌานขั้นไหนก็ตาม ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงก็ตาม ท่านถือว่า ทรงฌานตลอดเวลา ถ้าตายเวลานั้นจะเป็นพรหมทันทีเป็นอย่างน้อย ถ้าบังเอิญก่อนจะตายก่อนจะหลับเรานึกถึงพระนิพพาน ภาวนาด้วย นึกถึงพระนิพพานไว้ก่อนด้วย แล้วก็หลับจิตเป็นฌานก็หลับ เขาถือว่าจิตทรงฌานในด้านของนิพพานเรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายเวลาหลับจะไปนิพพานทันที
    ถ้ามันไม่ตาย มันตื่น ก่อนจะขยับตัวไปไหน ก่อนจะหลับจิตเราเป็นฌาน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วฌานยังไม่คลายตัว ยังทรงอยู่ ก็เริ่มจับลมหายใจเข้าออกใหม่ภาวนาใหม่แค่ ๒-๓ ครั้งก็ตาม เพียงแค่นี้ทำทุกวัน ทุกคนเวลาจะตายจะไม่นึกถึง อกุศล จะนึกเฉพาะ กุศล อย่างเดียว
    ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ทำแบบคนขี้เกียจนะ ฉันมันคนขี้เกียจก็เลยสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนขี้เกียจด้วย ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันถ้าเราป่วยหนักขนาดไหนก็ตามถ้ายังไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นนางฟ้า ไม่เห็นพรหม ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่เห็นพระพุทธเจ้า ยังไม่ตาย ถ้าขณะป่วยถึงแม้มันจะไม่หนัก เห็นเทวดาเห็นนางฟ้าเต็มจักรวาล เห็นพรหม เห็นพระอริยเจ้า เห็นพระพุทธเจ้า คราวนั้นตายแน่

    ถ้าก่อนตายทุกขเวทนาหนัก ปวดเสียด แต่ก่อนจะตายจริงสักอย่างน้อยที่สุด ๒๐นาที หรืออาจจะ ๒ - ๓ วันก็ได้นะ จิตที่มีทุกขเวทนามันจะหายไป จิตจะจับที่เทวดา ที่นางฟ้า ที่พรหม ที่พระอริยเจ้า มีความเพลิดเพลินคุยกับท่านแบบสบาย ๆ และในที่สุดจิตก็ดับ ก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปนิพพานได้ตามชอบใจ


    ก่อนจะหลับให้ภาวนาว่า "พุทโธ" สัก ๒ -๓ ครั้ง แล้วภาวนาว่า

    "นิพพานัง สุขัง" ไปจนกว่าจะหลับ เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ให้ภาวนาว่า

    "นิพพานัง สุขัง" สัก ๒-๓ ครั้ง อย่างนี้ทุกคืน จะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ใครภาวนา "นิพพานัง สุขัง " ไม่ได้ ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" อย่างน้อยที่สุดตายจากชาตินี้แล้วไปสวรรค์

    จากหนังสือ "พ่อสอนลูก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  17. SRWNCHOOCHAI

    SRWNCHOOCHAI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +31
    ปากสะอาด กายสะอาด จิตใจสะอาด อาภรณ์สะอาด สถานที่วิปัสสนาสะอาด
     
  18. Fai3iola

    Fai3iola เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +319



    แวะเข้ามานั่งฟังได้ที่ห้องแชทพลังจิตค่ะ
    เปิดเป็นธรรมทานเกือบทุกวันค่ะ
    ^^
     
  19. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เห็นด้วยกับ คุณ pornsak เคยทำแบบนี้มาก่อน
     
  20. Nine_09

    Nine_09 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +28
    รักษาศีล5ให้ได้จะช่วยได้เยอะ เจริญพรหมวิหาร 4 ซักระยะหนึ่งให้รู้ว่ากิเลศลดลง
    หลังจากที่ทำได้ระยะหนึงแล้ว ก้ไหว้พระสวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิปล่อยกายและใจสบายๆไม่ต้องรีบ อย่าอยาก นั่งไปเรื่อยๆดูลมหายใจตัวเองปล่อยใจเฉยๆถ้ามันฟุ้งซ่านก็ให้รู้ว่าฟุ้งซ่านแต่อย่าทิ้งคำภาวนา ทำไปเรื่อยๆ วันแรกไม่ได้ไม่เป็นไรเด๋วได้เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...