นู๋ฟ้า>ใหม่!แก้วขนเหล็ก,แก้วจอมขวัญ,แก้วโป่งข่ามเถินราคาถูกที่นี่ที่เดียว

ที่จริงเมื่อวานนี้มีคนเอาแก้วไหมทองสวยพอประมาณนึงค่ะ แต่มีผลึกเข้าแร่ปนนิดหน่อย แต่ก็จัดว่าสวย...
แต่พอบอกราคามา ฟ้าซื้อไม่ไหวค่ะ เรียก 5000 อิอิ...แม่ค้าหยั่งฟ้าสู้ไม่ไหวค่ะ ขอบายงานนี้..

 

ขอบคุณครับพี่ MSSODA
สนใจ 3 กษัตริย์อยู่เหมือนกันครับ

แต่ตอนนี้ผมละลานตาไปหมดแล้ว
อันโน้นก็ดี อันนี้ก็น่าสน
ยิ่งเห็นของที่พี่ๆเอามาลงแล้วต้องบอกว่าสงสัยจะหลงรักโป่งขามเข้าแล้ว

แต่ยังไงก็ต้องค่อยๆศึกษาไปครับ เพราะผมยังใหม่อยู่มาก

;20

 

เมื่อสองวันก่อน ฟ้าได้ไปร่วมทำบุญมาหลายวัดค่ะ
ขอฝากบุญมายังสมาชิกชาวเว็บพลังจิตทุกๆท่านด้วยนะคะ
ขอให้มีความสุข ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรงค่ะ

;aa34_ sweet Home _

 

หวัดดีจ้าน้องฟ้า มาอนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ สาธุ...ขอบคุณหลายๆที่หอบบุญมาฝาก....นี่ๆ น้องฟ้า จำยอดเงินที่พี่ซื้อแก้วโป่งข่ามน้องฟ้าได้ป่าว และแล้วมันก็ออกหวยจริงๆด้วย "50" (เลขทะเบียนรถพี่อ่ะนะ) โห...กะจะซื้อแล้วเชียว แต่เค้าออกบ่อยเหลือเกิน ไอ้ 52 50 เนี่ย...พี่เลยเฉยๆ ยังมานั่งเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังอยู่เลยเนี่ย...เสียดายจังเล้ย...(จบข่าว)

เป็นไงบ้างจ๊ะ กลับมาเห็นบอร์ดหละหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยสิ ก็น้องสาวสุดน่ารัีก น้องดาแสนดีหนะ เฝ้าบ้านให้อย่างดี แถมเอาบทความมาลงให้เสร็จ...แล้วก็ยังช่วยรับแขกแทนน้องฟ้าอีก โอ๊ย..สารพัดจะน่ารัก งานนี้น้องฟ้าต้องมีรางวัลให้ซะแล้วหละมั้ง....(น้องสาวดีเด่นแห่งปีตัวจริงเลยจ้า)

 

สวัสดีค่ะคุณพี่ลูกแก้ว
ฟ้าหอบบุญมาเยอะแยะเลยล่ะค่ะ มาฝากทุกๆคนเลย...
- ฟ้าว่าแล้วเชียว ว่าน่าซื้อหวย แต่ก็ไม่ได้ซื้อเหมือนกันเลยค่ะ มัววุ่นอะไรไม่รู้ เลยลืมเลยค่ะ..อดเลย....
- แหะๆ แก้วประกาศิตจริงๆนะเนี่ย...
- แหม ต้องขอบคุณทั้งพี่แก้ว และน้องดาสุดเลิฟ จริงๆค่ะ ฟ้าไม่อยู่ยังช่วยมาอัพข้อมูล ไม่ให้สมาชิกท่านอื่นเหงาหงอย....
- ต้องยกเหรียญทองประชาสัมพันธ์คนเก่งให้ซะแล้วววว...

 

น้องฟ้าคงต้องรีบไปหาแก้วโป่งข่ามฯ สวยๆมาลงเพิ่มเยอะๆแล้วแหละ ท่าาทางจะ "งานเข้่า" หละน๊า....

พี่ขอตัวไปเตรียมกับข้าวให้คุณสามีก่อนนะจ๊ะ โทรมาแจ้งว่ากำลังกลับบ้านแล้วจ้า
เดี๋ยวค่ำๆ จะแวะมาคุยด้วยใหม่นะน้องฟ้า

 

จ้าาา...พี่ลูกแก้วจ๋า เชิญตามสบายนะคะ ...
ขอบคุณค่ะ

 

วันนี้มารู้จักกับ"แก้วประภา หมอกมุงเมือง" กันนะคะ
7.แก้วประภา หมอกมุงเมือง
ลักษณะของแก้วประภาหมอกมุงเมือง โดยทั่วไปนั้นเราสามารถดูได้ง่ายๆ คือ ภายในแก้วนั้นจะมีลักษณะเหมือนกับลายที่เกิดขึ้นในก้อนน้ำแข็ง และลายฝ้าที่เกิดขึ้นในก้อนโป่งข่ามจึงเรียกกันว่า "หมอกมุงเมือง" คือจะมีลักษณะลายสีขาวๆ ซึ่งอาจจะมีทั้งขาวบาง หรือขาวขุ่นหนาทึบ เหมือนลักษณะของเมฆบนท่องฟ้า ซึ่งก็แล้วแต่ภูมิอากาศว่าบางวันอากาศดีเมฆไม่มาก ไม่น้อย หรือบางวันอากาศปิดฟ้ามืดทึบเมฆก็จะมาก ซึ่งหมอกมุงเมืองบางเม็ดอาจจะมีริ้วบางๆ และแทรกด้วยสีฟ้าอ่อนๆ หรือบางเม็ดอาจมีลักษณะเหมือนควันไฟก็ได้ค่ะ

​

เชื่อกันว่าแก้วประภาหมอกมุงเมืองนั้นดี หากผู้ใดได้ครอบครองแล้วจักทำให้เกิดความชุ่มเย็นกับผู้ครอบครอง และสมาธิในครอบครัว อีกทั้งจะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง และค่ารับใช้ ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเหมาะเหมาะกับผู้ที่ฝึกสมาธิเพราะจะเพิ่มพูนและส่งเสริมสมาธิให้กับผู้ใช้ อีกทั้งแต่โบราณยังใช้แก้วประภาหมอกมุงเมืองเป็นเป็นเครื่องมือในการทำการเสี่ยงทาย หรือเพ่งดูภาพนรกสวรรค์ทางสมาธิ จึงนับได้ว่าแก้วประภาหมอกมุงเมืองมีคุณค่าอเนกอนันต์นักแล

​

ผู้ที่เหมาะจะใช้แก้วประภาหมอกมุงเมืองนั้น หากดูตามวันที่เหมาะสมตรงตามโฉลกของผู้ใช้นั้นได้แก่ ผู้ที่เกิดวันอังคาร และวันศุกร์ แต่ไม่เท่านั้น ยังสามารถใช้กับวันอื่นๆได้อีกด้วยค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเสริมบารมี หรือต้องการนำไปเสริมในการฝึกสมาธิได้ด้วยค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องดูวันเกิดว่าตงหรือไม่ด้วยค่ะ
คำว่า "หมอกมุงเมือง" นั้นเป็นภาษาล้านนา หมายถึง มีความร่มเย็นตลอดเวลาดั่งหมอกมุงเมืองไว้ค่ะ นั่นกล่าวคือ ไม่มีความเดือดร้อนเลยค่ะ จนนำมาเป็นชื่อแก้วโป่งข่ามชนิดนี้ค่ะ และบางท่านที่หาแก้วชนิดนี้ไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดแก้วแก้วโป่งข่ามชนิดนี้ก็มักจะหาคาถาอาคมที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่า "หมอกมุงเมือง" ดั่งชื่อแก้วเช่นกันค่ะ เคยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเลขยันต์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่ามีตะกรุดที่ชื่อ "หมอกมุงเมือง"ด้วยค่ะ

​

หมอกมุงเมืองนั้น นอกจากจะร่มเย็น มั่งคั่งแล้ว ยังเป็นข่ามคงสีหนาถด้วยค่ะ จึงจัดได้ว่าดีครบทุกประการค่ะ
นอกจากนี้แล้วคำว่า "หมอกมุงเมือง" หรือ "เมฆเมือง" ในตำราพิชัยสงครามโบราณนั้นยังให้ได้ความหมายที่หมายถึงบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าง "เทพประจำเมือง" (เจ้าพ่อหลักเมือง) อีกด้วยค่ะ ดังนั้นคำว่า "หมอกมุงเมือง" จึงมีนัยความหมายว่า เป็นแก้วที่มีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในระดับเทพประจำเมืองคอยคุ้มครองอยู่ทีเดียวล่ะค่ะ

คาถาหมอกมุงเมือง
"เทวะรานะมานะ บทนี้เหมาะกับแก้วหมอกมุงเมือง แต่สามารถใช้กับแก้ชนิดอื่นได้เช่นกันค่ะ

8.แก้วขนเหล็ก ​

พูดถึงโป่งข่ามนั้น หลายคนเข้าใจว่ามีเพียง แก้วขนเหล็กเท่านั้นที่เป็นโป่งข่าม หรือบ้างว่าพลอยสีดอกตะแบก หรือแก้วนางขวัญ (Amethyst) เท่านั้นที่เรียกว่าโป่งข่าม แต่ขอย้ำนะคะว่าไม่ว่าจะเป็นแก้วขนเหล็ก หรือแก้วนางขวัญ ต้องมาจาก อ.เถิน จ.ลำปางเท่านั้นจึงจะเรียกว่า "แก้วโป่งข่าม"นะคะ
อีกประการหนึ่ง แก้วดังกล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ในหลายร้อยชนิดของแก้วโป่งข่ามเท่านั้นค่ะ
กระทู้นี้เรามารู้จักกับ "แก้วขนเหล็ก" ให้ดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ

​

แก้วขนเหล็ก : มีความเชื่อกันมาช้านานแล้วว่าสามารถป้องกันคุณไสยภูติผีปีศาจสิ่งร้ายๆ และป้องกันตัวกันภัยได้ อีกทั้งยังทำให้ผู้ถือครองแก้วมีโชคลาภ และเสริมบารมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แก้วขนเหล็กน้ำใส เป็นแก้วโป่งข่ามที่มีคนรู้จักมากที่สุด และมักเข้าใจกันผิดๆว่าแก้วขนเหล็กนั้นสามารถป้องกันภูตผีได้อย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้วแก้วขนเหล็กใสยังมีคุณประโยชน์นานับประการ โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภแล้ว นับว่าเป็นแก้วที่ยอดเยี่ยมนัก

​

แก้วขนเหล็กคืออะไร
แก้วขนเหล็ก คือหินแก้วชนิดหนึ่งมีทั้งเนื้อใส และเนื้อขุ่น มีลักษณะพิเศษคือ มีเส้นแร่สีดำคล้ายเส้นผมคน หรือขนสัตว์ ฝังอยู่ภายในเนื้อแก้ว อันเป็นที่มาของชื่อ "แก้วขนเหล็ก"
สรรพคุณโดยสรุป แก้วขนเหล็กมีอำนาจสูงส่งในการคุ้มครองจากอำนาจที่มองไม่เห็น เช่นไสยศาสตร์มนต์ดำ ภูตผีปีศาจ รวมทั้งสามารถคุ้มครองอุบัติภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ และสามารถให้โชคลาภได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางติดต่อค้าขาย และต้องการประสบความสำเร็จและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานค่ะ
แก้วขนเหล็ก เป็นหนึ่งในแก้วโป่งข่าม ๒๔ ตระกูล ซึ่งตัวของแก้วขนเหล็กมีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ที่เป็นหลักในการหากัน มีเพียง ๒ คือ
๑. แก้วขนเหล็กน้ำใส เรียกว่าแก้วตัวผู้ และ
๒. แก้วขนเหล็กน้ำตัน เรียกว่าแก้วตัวเมีย
แก้วขนเหล็ก ๒ ชนิดนี้ต้องหาไว้คู่กันจึงจะทำให้แก้วขนเหล็กมีฤทธิ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งแก้วทั้งสองมีอำนาจในการปกป้องคุ้มครองดีเสมอกัน แต่"แก้วขนเหล็กน้ำตัน" หรือน้ำขุ่น จะดีเน้นในทางร่มเย็นเป็นสุข เมตตามหานิยม ส่วน"แก้วขนเหล็กน้ำใส"จะดีทางตบะเดชะอำนาจทำให้คนเกรงกลัว แก้ว ๒ ชนิดนี้เมื่อได้อยู่ร่วมกันจะส่งพลังงานส่งเสริมกันและทำให้ผู้เป็นเจ้าของบังเกิดความเจริญรุ่งเรือง ปราศจากอันตรายทั้งปวง
มีความเชื่อว่าแก้วขนเหล็กแต่ละชนิดสามารถส่งเสียงที่เราไม่ได้ยินเรียกหากันได้ สิ่งที่คนโบราณกล่าวนี้น่าจะหมายถึงคลื่นความถี่ หรือคลื่นความสั่นสะเทือนบางอย่างที่ออกมาจากแก้วขนเหล็ก ซึ่งคลื่นความถี่ หรือคลื่นความสั่นสะเทือนนี้จะวิ่งเข้าหากันกันเพราะเป็นคลื่นความถี่เดียวกัน การวิ่งเข้าหากันของคลื่น ก็คือการรวมตัวกันของพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมา หรือส่งออกมาจากตัวแก้วขนเหล็กนั่นเอง พลังงานเหล่านี้เมื่อรวมตัวกันแล้วย่อมเกิดเป็นกระแสพลังงานตามธรรมชาติที่มีคุณสมบัติคล้ายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถเกิดปฏิกริยากับบรรยากาศ หรือกระแสไฟฟ้าทั่วไปได้ และที่สำคัญคือ มีผลต่ออารมณ์ความคิดจิตใจของบุคคลที่อยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ และเป็นไปได้ว่า การเรียกหากันของแก้วขนเหล็กนั้นอาจหมายถึงเจตสิตบางดวงที่อยู่ภายในแก้วขนเหล็กแต่ละชิ้นที่จะส่งโทรจิตหากัน และอาจทำให้การดลใจให้ผู้ที่เป็นเจ้าของแก้วนั้นไปแสวงหาแก้วอีกชิ้นที่เป็นคู่กันมาเพิ่มเติม เช่นผู้ที่มีแก้วขนเหล็กน้ำใสอยู่แล้ว อาจจะพบแก้ว หรือได้เลือกแก้วน้ำตันมาโดยบังเอิญ หรือไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งแบบนี้ท่านเรียกว่า แก้วเรียกหากัน และบันดาลให้คนเราได้พบเจอเพื่อได้เก็บมาอยู่คู่กัน ดังนั้นใครที่มีแก้วขนเหล็กน้ำใสแล้วก็ควรอย่างยิ่งที่จะหาแก้วขนเหล็กน้ำตันมาไว้เคียงข้าง หรือใครมีแก้วน้ำตันอยู่แล้ว ก็ควรหาแก้วน้ำใสมาเคียงข้างเช่นกันค่ะ เพื่อแก้วทั้งสองจะได้ส่งพลังงานเสริมกัน อันจะเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ผู้ครอบครอง เพราะถือว่าได้ทั้งแก้วตัวผู้ตัวเมียไว้เสริมวาสนา และบารมีอย่างครบถ้วนเชียวล่ะค่ะ

​

๑. แก้วขนเหล็กใส เนื้อแก้วจะเป็นแก้วที่น้ำใส ภายในจะมีเส้นขนเป็นเส้น แร่ที่รากฏอยู่ในแก้วโป่งข่าม มักจะเป็นเส้นเล็กไม่เกินเส้นผม พบในแบบต่างๆ เช่นเส้นทแยงและเส้นขนหมูเป็นส่วนใหญ่
เส้นขนมีลักษณะสีดำ ซึ่งเรียกกันว่าเส้นเหล็ก หรือขนเหล็ก เส้นเหล็กที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่ามจัดอยู่ในประเภทแร่รูไทล์ (Rutile) และธาตุ ไทเทเนียม (Titanium) เป็นแร่โลหะ หรือ BlackTourmaline เป็นสายแร่อยู่ภายใน

​

๒. แก้วขนเหล็กตัน ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่า แก้วลูกใดมีวรรณะดังน้ำข้าวมวก มีเส้นขนบ้งสอดเกี้ยวขึ้นในลูกแก้ว แก้วลูกนั้นมีค่านักแล" เส้นขนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับแก้วขนเหล็กใส แตกต่างกันที่เนื้อแก้ว เพราะเนื้อแก้วจะเป็นสีขาวขุ่น เนื้อผิวเมื่อขัดแล้วไม่ค่อยมัน จึงเรียกกันว่า "ขนเหล็กตัน"
แก้วขนเหล็ก นับเป็นแก้วกายสิทธิ์ที่คนไทยในภาคเหนือ ภาคกลาง และอีกหลายๆท้องที่มีความนับถือกันมาช้านานไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ ปีที่ผ่านมา เชื่อกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ เป็นหินที่มีเทวดารักษา หรือมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ภายในเนื้อแก้ว
แก้วขนเหล็ก ในแต่ละเม็ดนั้นหากมีการผสมผสานระหว่างแก้วชนิดอื่น เช่นเนื้อแก้วมีลักษณะของแก้วหมอกมุงเมือง ก็จะได้อานุภาพเพิ่มขึ้นจากอำนาจของแก้วหมอกมุงเมืองด้วยค่ะ และหากในแก้วนั้นมีแก้วปวกร่วมด้วย ก็จะได้อานุภาพด้านโชคลาภเงินทองเพิ่มขึ้นจากแก้วบวกอีกด้วยเช่นกันค่ะ

​

แก้วโป่งข่ามทุกชนิดจะดีทางด้านคุ้มครองป้องกัน และดีทางป้องกันไฟ เป็นสิริมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของ และเชื่อกันว่าในแก้วทุกชิ้นมีเทวดาสถิตอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งลี้ลับที่คอยบรรดาลโชคแก่ผู้บูชาแก้วโป่งข่าม ทั้งนี้ผู้ที่พกพาแก้วจึงควรเก็บแก้วไว้ในที่สูง หรือหน้าหิ้งพระจะดีที่สุด แต่ให้ต่ำกว่าพระพุทธรูปจึงจะเป็นมหามงคลแก่บ้านเรือน และนำพาความสุขมาแก่เจ้าของบ้านเรือนและตัวท่านค่ะ
ในความเชื่อของแก้วกายสิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้วขนเหล็กนั้น เป็นที่นิยมนับถือกันว่าดีทางข่ามคง ซึ่งหมายถึงอำนาจทางคงกระพัน ผู้ที่พกพาติดตัวจะปลอดภัยจากศาสตารวุธ รวมไปถึงภูตผีปิศาจภยันตรายทั้งปวง ซึ่งเรื่องการนับถือแก้วชนิดนี้เชื่อว่านับถือกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ขุนศึกเมืองเชียงใหม่ในอดีตก็ล้วนนับถือแก้วชนิดนี้ด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่ปัจจุบันนี้ความเชื่อเกี่ยวกับแก้วกายสิทธิ์อย่างแก้วขนเหล็กก็ยังคงนับถือสืบต่อกันมาค่ะ
คนโบราณบ้างที่นำแก้วขนเหล็กไปทำเป็นเครื่องประดับ ทั้งหัวแหวน จี้ห้อยคอ และสำหรับผู้ที่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์คงกระพันนั้น มีบ้างที่นำแก้วขนเหล็กฝังไว้ตามร่างกาย ซึ่งนิยมฝังไส้ที่หัวไหล่ บางคนเชื่อว่าแก้วขนเหล็กเป็นแก้วที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุตามธรรมชาติ กล่าวคือในธรรมชาตินั้นอาจมีการเข้าผสมของธาตุต่างๆขึ้นเองตามธรรมชาติ คล้ายกับการสร้างธาตุใหม่ๆในเมืองมนุษย์ กล่าวกันว่า การเกิดของแก้วขนเหล็กนั้นเบื้องต้น เมื่อธาตุประชุมกันครั้งแรก เรียกว่า "ทนสิทธิ์" ขั้นนี้จะมีอำนาจดีเด่นทางคงกระพันต่อศาสตราวุธเป็นหลัก เมื่อประชุมครั้งที่ ๒ จะเรียกว่า "กายสิทธิ์" ขั้นนี้เชื่อว่าตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ หมายความว่า แม้ตกน้ำ ถูกกดน้ำก็ไม่ตาย ไฟเผาก็ไม่ไหม้ ไม่เป็นอันตรายด้วยประการทั้งปวง และเมื่อรวมธาตุสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่า "อโลมะประสิทธิ์" ขั้นนี้ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพลังอำนาจ คือเมื่ออมแก้ว หรือธาตุนั้นไว้ในปาก อาจสามารถเหาะเหิรเดินอากาศไปป่าหิมพานต์ และอยู่ที่นั่นไม่มีวันแก่เฒ่าเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งกรณีนี้น้อยคนที่จะได้ครอบครอง โดยมากมักได้ยินแต่ในตำนานเท่านั้นค่ะ สำหรับกรณีแก้วขนเหล็ก น่าจะอยู่ในระดับขั้นสำเร็จตัวเป็น "แก้วทนสิทธิ์"ค่ะ คือเด่นด้านคงกระพันนั่นเองค่ะ

.....คาถาบูชาแก้ว...>>>นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ
การบูชาแก้วขนเหล็ก​

การบูชาแก้วขนเหล็กตามคำบอกเล่าของคนโบราณ หรือครูบาอาจารย์สมัยก่อนนั้น กล่าวไว้ดังนี้ค่ะว่า
๑. ให้นำแก้วขนเหล็กอาบแสงอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ เพื่อให้แก้วได้รับธาตุไฟจากพระอาทิตย์ เพื่อเป็นการเพิ่มพลังอำนาจในด้านการคุ้มครองอุบัติเหตุ และเพิ่มตบะเดชะให้กับแก้วเองด้วยค่ะ นอกจากนี้แล้ว แสงอาทิตย์ตอนเช้านั้นเป็นแสงแห่งชีวิตเพราะแสงของพระอาทิตย์นั้นเป็นแสงที่ปลุกให้นกกาทั้งหลายออกหากิน และนอกจากนี้อำนาจจากแสงอาทิตย์ยามเช้ายังทำให้ต้นไม้ที่หลับใหล(หุบใบอยู่) อย่างเช่น ต้นมะขาม ต้นกาหลง ไมยราบ นั้นตื่นขึ้น และทำให้ดอกบัวบาน ดังนั้นแสงพระอาทิตย์จึงเป็นแสงที่มีพลังงานชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อนำแก้วขนเหล็กไปอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าย่อมเป็นการเพิ่มพลังงานชีวิตแก้วขนเหล็ก ถือเป็นการเพิ่มพลัง"เตโชธาตุ" หรือ"พลังหยาง"ให้แก่แก้ว และถือว่าแสงพระอาทิตย์เป็นพลังงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เราควรเอาองค์แก้วไปรับพลังงานอย่างสม่ำเสมอหากมีเวลาเพียงพอ
๒. ยามกลางคืน เมื่อถึงวันพระจันทร์เต็มดวงก็ให้นำแก้วขนเหล็กไปรับแสงจันทร์ด้วย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการเสริม และเพิ่มบารมีให้แก่แก้วขนเหล็ก ทำให้มีอานุภาพในทางปกป้องคุ้มครองจากอำนาจมนต์ดำ คุณไสย ภูตผีปีศาจ การรับพลังงานจากพระจันทร์เป็นพลังงานแห่ง"ธาตุหยิน" เจ้าแห่งน้ำ ถือว่าเป็นการเพิ่มพลัง"อาโปธาตุ"ให้แก่แก้วขนเหล็ก ซึ่งเป็นการเพิ่มพลังความเย็นแก่องค์แก้ว เมื่อแก้วขนเหล็กได้รับพลังจากดวงจันทร์นั้น จะสังเกตได้ว่าตัวขององค์แก้วจะดูสุขส่วางกว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ และยังเชื่อกันว่าเป็นการเพิ่มพลังวิญญาณธาตุแก่องค์แก้วด้วยค่ะ เนื่องจากอำนาจจากดวงจันทร์นั้นเป็นอำนาจทางจิตวิญญาณ แสงแห่งพระจันทร์จึงสามารถเพิ่มพลังงานลี้ลับในตัวแก้วได้
๓. พอถึงเวลาหน้าฝนใหม่ๆ ท่านว่าให้เอาแก้วไปรับน้ำฝนช่วงเปลี่ยนฤดู เชื่อกันว่าอำนาจความเย็นความบริสุทธิ์จากน้ำฝนนั้นเป็นตัวเพิ่มอานุภาพบารมีของแก้วขนเหล็ก เป็นการเสริมพลังแห่งธาตุน้ำที่อยู่ภายในตัวแก้วขนเหล็ก เป็นการเพิ่มพลังความเย็น ซึ่งเมื่อผู้ใดพกพาก็จะบังเกิดความชุ่มชื่นเย็นใจตามไปด้วย
นอกจากนี้ หากท่านตั้งแก้วขนเหล็กบูชาหน้าหิ้งพระนั้น ท่านว่าให้หาน้ำ ๑ แก้วบูชาไว้ด้วยจะดีมากค่ะ
การทำพิธีเสริมอำนาจแก้วขนเหล็กดังนี้ เชื่อว่าไม่ใช่แต่แก้วขนเหล็กจะมีพลังอำนาจบารมีเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่ยังทำให้ผู้ที่ทำการบูชานั้นมีบารมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วยค่ะ ฉะนั้น เมื่อรู้ดังนี้แล้วเราควรหาเวลาบูชาแก้วให้สม่ำเสมอนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก :-
๑. โป่งข่ามดอตคอม ๒. หนังสือ มณีรัตนะ จากพระแม่ธรณี ๓. หนังสือสมหวังรำรวย ด้วยธาตุกายสิทธิ์

 

หวัดดีค่ะพี่แก้ว...สุดสวยยยย

ขอทำธุระส่วนตัวสัก20นาทีนะ เด๋ว8โมงมา

 

ดีจ้าหนูดาสวยกว่า...แว่บไปไหนเอ่ย พี่ก็ออนไว้ทั้งปีทั้งชาติแหละ
ไม่เคย log out กะเค้าหรอก...เดี๋ยว 2 ทุ่มครึ่งพี่มีภารกิจต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองอ่ะจ้า

น้องดาเจอหนูฟ้าหรือยังเนี่ย...ยังไม่ได้เจอกันอ่ะจิ เข้ามาถึงก็เอาบทความมาฝากก่อนเลย น่าจับไปเป็นคุณครูจริงๆเลยนะเนี่ย

 

-ยังไม่เจอพี่ฟ้าเลย คิดถึงพี่ฟ้าจัง เห็นพี่ฟ้าเมื่อตอนบ่ายด้วย
แอบออนที่ทำงานแต่ไม่กล้าทัก เพราะที่ทำงานห้ามเล่น

 

คุณฟ้าไม่อยู่หลายวันไม่มีอะไรมาให้ชมเพิ่มเติมเหรอครับ

 

วันนี้เอารูปแก้วฯ ปวก 3 กษัตริย์ ( เขียว+ม่วง+ชมพู) มาให้ชมอีก 1 รูปจ้า

 

สวัสดีค่ะคุณสุรพล น้องฟ้าเพิ่งถึงวันนี้ สงสัยจะยังไม่มีแรงลงรูปแน่ๆเลย อดใจรอนิดนึง เดี๋ยวน้องฟ้าคงจัดแก้วโป่งข่ามสวยๆมาให้เลือกกันแน่นอนค่ะ

 

-สวยจัง แพงมั๊ยอ่ะพี่แก้ว

 

เดี๋ยวน้องฟ้าคงเข้ามาหละน้องดา เอ๊ หรือว่า แอบไปนอนหลับซะแล้วก็ไม่รู้นิ

 

-คุณสุรพลให้พี่ฟ้าเค้าพักสักวันนะจ๊ะ เด๋วมีลงอีกเพียบเลยยย

 

เม็ดนี้พี่ก็จำไม่ได้หละจ๊ะ พี่ซื้อได้เกือบทุกอาทิตย์เลย(มีร้านประำจำอยู่ในเวปนี่แหละจ๊ะน้องดา) เม็ดนี้... เม็ดนี้ น่าจะ 4 หลักนะจ๊ะ ถ้าจำไม่ผิด พี่ชอบแนวเป็นสีๆแบบนี้หละจ้า ตอนนี้กำลังอยากได้ "ปวกชมพู" อย่างเดียวใน 1 เม็ด (หายากกกกกกมาก)

 

คงเข้ามาดึกๆๆแหล่ะพี่แก้ว...ตอนนี้คงนอนอยู่

 

-ปวกชมพูแทบไม่เคยเห็นในเวปเลยนะ นู๋กะแล้วว่าหลักพันอั๊บชัวร์ เคยเห็นเค้าขายบางเม็ดเป็นหมื่นยังมีเลย