พ่อค้าจะรักษาศีล 5 อย่างไร?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เสาวนีย์, 12 พฤศจิกายน 2004.

  1. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    หลวงพ่อตอบปัญหา
    พระภาวนาวิริยคุณ


    ถาม:

    หลวงพ่อครับ เมื่อพูดถึงศีลข้อ ๔ ไม่พูดโกหก ทุกคนจะบอกกันว่ารักษายาก โดยเฉพาะพวกพ่อค้าอย่างผมครับ อยากถามหลวงพ่อ ว่า มีทางใดบ้างที่จะรักษาศีลข้อนี้ ให้บริสุทธิ์ได้ครับ

    ตอบ:

    คุณโยมถามถูกคนเลย ก่อนที่ หลวงพ่อจะมาบวชก็เคยเป็น เซียนเก่าอยู่ในยุทธจักรการค้ามาพอสมควร แล้วก็พบด้วยตัวเองว่า พอเอาจริงๆ เข้าแล้ว พวกพ่อค้าที่ค้าของเป็นหลักเป็นฐาน มีกิจการการค้าใหญ่โต ยิ่งอยู่ในระดับโลกระดับชาติมากเท่าไร พวกนี้ยิ่งไม่โกหก ถ้าโกหกแสดงว่าเขาทำการค้าจิ๊บจ๊อย ซึ่งก็พอสมกับคนจิ๊บจ๊อย คนกระจอกเอาดีไม่ได้ หรือ ไม่หวังที่จะเอาดีกับการค้าจริง

    เราก็เห็นกันว่า สินค้าในท้องตลาดนั้น ในที่สุดแล้ว ถ้าสู้กันจริงๆ ก็สู้กันด้วยคุณภาพกับ สู้กันด้วยการบริการ แล้วสุดท้ายจึงค่อยมาสู้กันด้วยราคา แม้จะมีบางครั้งบางช่วงก็เอาแฟชั่นมาสู้กัน แต่ก็จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพ หรือจะลด แลก แจก แถม ก็เป็นบางครั้งบางคราว เท่านั้น ในที่สุดแล้วต้องบอกว่า "ความจริงใจ" นั่นแหละมีคุณค่ามากที่สุด

    มนุษย์เรานี่แปลก ไม่ว่าลูกรัก ภรรยารัก สามีรัก เพื่อนรักอะไรก็ตาม จะรักกันได้ตราบที่พบว่า ยังมีความจริงใจต่อกัน ถ้าหมดความจริงใจกันแล้ว ต่อให้เป็นเทวดาก็หมดรัก ดีไม่ดีจะเป็นศัตรูกันด้วย ความจริงใจจะทำให้คนเราคบกันยืด รักกันนาน

    เพราะฉะนั้น คนที่บอกว่าศีลข้อที่ ๔ รักษายากก็ฟ้องว่า เขาต้องไปเจอสิ่งเหล่านี้มา

    ๑. เขาเพาะอุปนิสัยที่ติดตัวมาข้ามชาติมาไม่ดี จึงมีความเห็นผิดอย่างนั้น

    ๒. เขาเกิดมาในสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยจะดี อยู่ท่ามกลางคนโกหกก็เลยพลาดไปโกหกด้วย

    ๓. เขาอาจจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีมา เช่น ตัวเองเป็นคนซื่อ แต่ไปเจอกับคนโกงเข้า หรือว่าการบริหารของเขาผิดพลาด เลยทำให้เกิดภาวะทางเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็เลยเอาตัวรอดด้วยการโกหก สิ่งที่ขอรอดไปแค่ชั่วคราว แต่นิสัยกลายเป็นชั่วถาวรนั้นไม่คุ้มเลย

    ในแง่มุมของหลวงพ่อ ถ้าจะทำการค้าขาย ยิ่งต้องเอาความจริง ต้องเอาความดี เอาคุณภาพ เข้าสู้ พูดง่ายๆ เอาสัจจะเป็นตัวตั้งแล้วจะ รักกันนาน

    หลวงพ่อเคยเตือนหลายๆ คนว่า คนโกหก คนอื่น ๑ ครั้ง มีความจำเป็นจะต้องโกหกตัวเองอย่างน้อย ๓ ครั้ง ส่วนอย่างมากนับไม่ไหว เพราะว่า

    ๑. เขาต้องเตรียมเรื่องมาโกหก ตอนเตรียมเรื่องก็คือโกหกตัวเองแล้ว

    ๒. ลงมือพูด ทันทีที่พอพูดเสร็จก็โกหกตัวเอง ๒ ครั้งแล้ว

    ๓. หลังจากนั้น ถ้าไปเจอคนที่เคยโกหกเขามาก่อนเมื่อไร ก็ต้องโกหกต่อ ต้องนึกทบทวนถามตัวเองว่า วันนั้นโกหกว่าอย่างไร นี่เป็นการโกหกครั้งที่ ๓

    เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากจะต้องโกหกตัวเอง แล้วกลายเป็นคนสับสน ก็ต้องตั้งใจรักษาศีลข้อที่ ๔ ให้ดี

    ยิ่งกว่านั้น คุณโยมเคยสังเกตไหม บางคนอายุ ๘๐, ๙๐, ๑๐๐ ปีแล้ว ก็ยังไม่หลงลืมเลย ฟ้องว่าคนๆ นี้ตลอดชีวิตโกหกใครไม่เป็น เลยไม่มี เรื่องสับสนอยู่ในใจ แต่บางคนอายุ ๖๐, ๗๐ ปีเท่านั้น กลับหลงเสียแล้ว ฟ้องว่าพวกนี้ โกหกมาทั้งชาติ

    ถ้าไม่อยากจะเป็นคนหลงลืมก็อย่าไปโกหกใคร นี่คือโทษของการโกหกที่เห็นกันชัดๆ ในชาตินี้

    ยังไม่พอ คนที่โกหกมามากเท่าไร ความ เชื่อมั่นในตัวเองก็หดหายไปเท่านั้น

    นอกจากนี้ ใครโกหกเก่งๆ ในที่สุดเขาก็ต้องจับได้จนได้ ผลสุดท้าย แม้เด็กหัวเท่ากำปั้น หรือลูกตัวเอง หลานตัวเองก็ไม่เคารพ แล้วคุณค่าของเขาจะอยู่ตรงไหน

    มีคำพูดอยู่คำหนึ่ง "ผู้หลักผู้ใหญ่"

    "ผู้ใหญ่" คือ คนที่แก่ไปตามวัย อายุมากขึ้นก็ต้องเป็นผู้ใหญ่

    "ผู้หลัก" คือ คนที่ทำความดี เช่น ไม่โกหก เขาถึงจะเป็นหลักได้

    เพราะฉะนั้น จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ให้ ลูกหลานกราบไหว้ ก็อย่าไปโกหกเขาเชียว

    พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า คนที่พูดโกหกทั้งๆ ที่รู้ ไม่มีความชั่วอะไรในโลกที่เขาทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นรักษาความดีเอาไว้เถอะ แล้วจะศักดิ์สิทธิ์ข้ามชาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +449
    ถูกต้อง ถ้าโกหกได้ก็ไม่มีความชั่วอะไรที่ทำไม่ได้ พระพุทธองค์ตรัสสอนเช่นนี้ แต่ปัจจุบัน ลาภสักการทั้งหลายก็ทำให้เกิดอวิชชาขึ้นบดบังสติจนจิตควบคุมไม่ได้ต้องปล่อยให้ตัณหามาเป็นนายสั่งให้ทำโน่นทำนี่ มันเกิดได้ในทุกตัวตนตราบใดที่ยังเป็น "ปุถุชน หรือเป็นเพียง สมมติสงฆ์" อยู่
     
  3. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    เอาจริงๆ เข้าแล้ว พวกพ่อค้าที่ค้าของเป็นหลักเป็นฐาน มีกิจการการค้าให_่โต ยิ่งอยู่ในระดับโลกระดับชาติมากเท่าไร พวกนี้ยิ่งไม่โกหก ถ้าโกหกแสดงว่าเขาทำการค้าจิ๊บจ๊อย ซึ่งก็พอสมกับคนจิ๊บจ๊อย คนกระจอกเอาดีไม่ได้ หรือ ไม่หวังที่จะเอาดีกับการค้าจริง
    สาธุ สาธุ อนุโมทนามิครับ นี้แหล่หลวงป๋าของเรา
     
  4. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,011
    "เอาจริงๆ เข้าแล้ว พวกพ่อค้าที่ค้าของเป็นหลักเป็นฐาน มีกิจการการค้าใหญ่โต ยิ่งอยู่ในระดับโลกระดับชาติมากเท่าไร พวกนี้ยิ่งไม่โกหก ถ้าโกหกแสดงว่าเขาทำการค้าจิ๊บจ๊อย ซึ่งก็พอสมกับคนจิ๊บจ๊อย คนกระจอกเอาดีไม่ได้ หรือ ไม่หวังที่จะเอาดีกับการค้าจริง"


    เป็นหลักการที่สุดยอด
     
  5. ลีน่า

    ลีน่า บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เห็นด้วยค่ะ

    ลีน่าว่าการโกหกเป็นศีลที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่เฉพราะพ่อค้าที่มักจะผิด แล้วลีน่าว่าคนที่ชอบโกหกและ โกหกจนเป็นประจำเค้าจะรู้สึกผิดน้อยลงว่านี่เราโกหกอีกแล้ว เค้าจะพยายามหาเหตุผลที่จะมาหักล้างการโกหกของเค้าให้ยิ่งดูน่าเชื่อถือเข้าไปอีก เช่นโกหกเพราะอยากให้เธอสบายใจนี่น่า เป็นต้น (จากประสบการตรงค่ะ) เข้าเรื่องต่อนะค่ะ เอาเป็นว่าในความคิดของลีน่านะค่ะ เราก็ไม่ควรโกหกคนอื่นอยู่ดีค่ะถึงแม้ว่าเราจำเป็นยังไงก็ตาม เพราะเราก็คงไม่อยากให้ใครมาเล่าเรื่องโกหกให้เราฟังเหมือนกันจริงมั้ยค่ะ
     
  6. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    โอ้...พระเจ้าจ๊อด มันยอดมาก(good)
     
  7. อินเดียหน้าโจร

    อินเดียหน้าโจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +259
    -ผมก็พ่อค้าเหมือนกันครับ แต่ก็รักษาศีล 5 ได้ครับ
    บางคนคิดว่าคนค้าขายจะต้องโกหกแน่นอน เพราะ
    ธุรกิจมันก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมกันบ้าง นั่นไม่จริงครับการ
    ที่ผมทำการค้าจนเจริญมั่งคั่งได้ทุกวันนี้ก็เพราะซื่อสัตย์
    กับลูกค้าครับ ผมถือคติที่ว่า( ถ้าเป็นลูกค้าก็จงเป็นลูก
    ค้าที่ดี ถ้าเป็นพ่อค้าก็จงเป็นพ่อค้าที่ดีครับ )การที่เรา
    เป็นพ่อค้าถ้าไปโกหกลูกค้า ผมรับประกันได้ครับว่าค้า
    ขายล่มจมแน่นอนครับ ผมเคยเห็นตัวอย่างของจริงมา
    แล้วครับ แล้วเวลาเราเป็นลูกค้าก็อย่าเอาเปรียบราคา
    เค้าให้มากครับ เพราะคนค้าขายเค้าก็ชอบลูกค้าที่ดี
    เหมือนกันครับ ถ้าเราเป็นลูกค้าที่ดีเวลาเค้ามีอะไรดีๆ
    หรือ เราเดือดร้อนเค้าจะไม่ทอดทิ้งเราแน่นอนครับเพราะ
    ไม่มีใครอยากเสียลูกค้าดีๆหรอกครับ...ค้าขายซื่อสัตย์
    เข้าไว้ทำมาค้าขึ้นแน่นอนครับ ผมรับประกันเลย(smile)
     
  8. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
    แม่ของดิฉันก็เป็นแม่ค้า โกหกประจำ ขายของด้วยกัน ทำให้ดิฉันต้องโกหกตามไปด้วยพักหลังดิฉันเลยไม่ช่วยขายของ จะกลายเป็นว่า ไม่มีความกตัญญู ทำยังไงดีคะ
     
  9. Golf_Kung

    Golf_Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +146
    ก็ไม่โกหกดิครับ ง่าย ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผมเคยดูซีดีของพระรูปหนึ่งท่านกล่าวเอาไว้ว่าถ้า่จำเป็นจริง ๆ ก็หลีกเลี่ยงได้ เช่น มีตำรวจจับขโมย แล้วขโมยวิ่งผ่านพระที่กำลังนั่งรอรอเมล์ พอพระท่านเห็นดังนั้นจึงรีบย้ายที่จากที่นั่งเดิมมานั่งที่ใหม่ แล้วตำรวจผ่านมาถามพระว่าพระคุณเจ้าเห็นขโมยวิ่งผ่านมาทางนี้รึเปล่า ท่านก็ตอบไปว่า "อาตมานั่งตรงนี้ไม่เห็นใครวิ่งผ่านมาเลย" (เพราะพึ่งย้ายที่ คือนั่งตรงนั้นเ็ห็น แต่เพิ่งย้ายมาตรงนี้ ตรงนี้เลยไม่เห็นใครวิ่งผ่านเลย) หุหุ ส่วนตัวผมนั้นไม่โกหกครับ แต่ต้องฟังดี ๆ ว่าพูดว่าอะไร เช่น วันนี้โดดเรียน แล้วแม่ถามว่า วันนี้ตอนเช้าไม่มีเรียนเหรอ ก็ตอบไปว่าเดี๋ยวไปเรียนตอนบ่ายครับ (ไม่ได้โกหกน่ะครับ แต่ตอบไม่ตรงคำถาม แม่ถามตอนเ้ช้าแต่ไปตอบตอนบ่าย) แต่ถ้าสุดวิสัยจริง ๆ ก็ต้องใช้คำว่า "ไม่บอก" หุหุ ไม่ได้โกหก แต่ไม่บอก เอิ้กกก เออ...คือจะถามน่ะครับว่าอยู่ วัวลาย ซอย 3 นิอยู่บ้านไหนเหรอ เพราะผมอยู่ นันทาราม ซอย 3 ซอยใกล้กันเลยหงะ เชื่อมกัน วัวลายกะนันทาราม เมื่อก่อนผมก็อยู่วัวลาย ซอย 3 มาก่อนน่ะ แล้วก็รู้จักคนเยอะด้วย หุหุ ไม่แน่เราอาจจะเคยรู้จักกันมาก่อนก็ได้น่ะครับ(น่าจะเป็นลูกลุงต๋อยแน่เลยที่มีน้องชื่อโก๋ช่ายป่าวไม่รู้น่ะ)
    ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอิ้กกก
     
  10. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,920
    การไม่โกหกมีข้อดีหลายอย่าง คือ

    ไม่เปลืองเนื้อที่ของสมองในการจำว่า เราโกหกเรื่องอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ เพราะถ้าจำไม่ได้ หรือวันใดที่ลืมแล้วหลุดปากออกมา ก็เสียคนเมื่อนั้น เอาเนื้อที่ของสมองส่วนนี้ไปจดจำเรื่องดีๆที่เป็นกุศลจะดีกว่า




    สวัสดีมากครับ
    จากคนที่อยากเต็มบาท
     
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ปุจฉา....

    พ่อค้า - แม่ค้า ทั้งหลาย ครับ....

    ผมมีเรื่อง การพูดโกหก กับ การไม่โกหก มาถาม ? ? ? ?

    ณ ชนบทห่างไกล.. มีหลวงตารูปหนึ่ง กำลังยืนรอรถประจำทาง เพื่อไปกิจธุระ....
    นาน ๆ จึงจะมีรถผ่านมาสักคันหนึ่ง....

    ขณะที่ยืนรอรถอยู่นั้นเอง.. ทันใดนั้น ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ร่างกายมีบาดแผล มีรอยเลือดให้เห็น.. วิ่งกระเซอะกระเซิงผ่านมา แล้วก็พูดกล่าวขอร้องหลวงตาฯ ว่า....

    หลวงตา ครับ.. มีคนร้ายกำลังตามไล่ล่าผมมา พวกมันจะฆ่าผม....
    ผมจะขอแอบในป่าที่ด้านหลังของหลวงตา..หลวงตาฯ อย่าบอกนะครับ ว่าผมซ่อนอยู่ที่นี่

    ว่าแล้วชายหนุ่ม ก็ไม่รอคำตอบ รีบเข้าไปแอบซ่อน โดยนอนราบลงไป ใช้ป่าบังกาย....

    เวลาไล่เรี่ยกันนั้นเอง....
    มีชายหนุ่ม หน้าตาถมึงตึง 4 คน มีทั้งมีด ไม้ และปืน วิ่งกระหืดกระหอบ มาในทางเดียวกับชายหนุ่มคนแรกนั้น....

    ก่อนที่จะวิ่งผ่านหลวงตาฯ ไป พวกเขาได้หยุดสอบถามหลวงตาฯ ว่า....
    "หลวงตา ๆ เมื่อสักครู่นี้ เห็นใครผ่านมาทางนี้บ้างครับ...."

    ปัญหา อยู่ตรงนี้ครับ....
    หลวงตาเป็นพระภิกษุ ย่อมพูดเท็จ ไม่ได้.. ท่านจะตอบอย่างไรได้ ? ? ? ?
    1. ตอบความจริง เจ้าหนุ่มคนนั้น ก็ต้องตาย (เท่ากับส่งเสริมให้เขาไปฆ่า)
    2. พูดโกหก ไปบ้าง ก็คงไม่เป็นอะไร เพื่อรักษาชีวิตคน.. หรือ....
    3. อื่น ๆ

    หากท่านเป็น "หลวงตา" ท่านจะทำอย่างไร.. จะตอบอย่างไร....

    เชิญวิสัชนา....
     
  12. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    เคยอ่านเรื่องของคุณมหาหินแล้วแต่ยังไม่ตอบเดี๋ยวจะเสียอรรถรส ขอให้ท่านอื่นมาตอบแทนก็แล้วกันครับ ส่วนการเป็นพ่อค้าที่ดีนั้นก็มีหลักธรรมและมีนักปราชญ์ชาวจีนได้เคยบัญญัติข้อปฏิบัติเอาไว้มากมายหลายข้อ ลองไปอ่านคุณธรรมของความเป็นพ่อค้าดูก็จะพบว่า สามารถสรุปลงได้ที่คำว่า "คุณธรรม" ครับ ขอเพียงพ่อค้ามีคุณธรรมซื่อสัตย์สุจริต ย่อมทำการค้าเจริญรุ่งเรืองแน่นอนครับ (ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน)
    ปล.ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่มีวิบากกรรมอื่นๆเข้ามาแทรกนะครับ แต่ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธพจน์ก็จะมีการหมั่นให้ทานและทำบุญอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีวิบากกรรมไปบ้างแต่ผลบุญก็จะส่งผลให้เบาบางลง แต่ถ้าไม่มีวิบากที่ไม่ดีเข้ามาแทรกผลบุญก็จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...