☼ การพึ่งพาตนเองยามเกิดภัยพิบัติ ◄► เอนไซม์ เพื่อชีวิต ☼

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Forever In LoVE, 3 มีนาคม 2009.

  1. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    การพึ่งพาตนเองยามเกิดภัยพิบัต
    ◄►
    เอนไซม์ เพื่อชีวิต



    ขอเล่าย้อนความ ที่มาของกระทู้นี้นะคะ :

    เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ได้มีโอกาสรู้จักและเิดินทางร่วมในทริปบุญเดียวกับ ครูบาก้อง (กราบขออภัยเจ้าค่ะ โอกาสหน้าได้พบจะขอสอบถามนามเต็มของท่านมาลงไว้นะคะ) ท่านอยู่ที่วัดโพธิธรรม เป็นวัดไทย ในประเทศเยอรมันนี ทราบคร่าวๆว่าท่านเป็นศิษย์สำนักเดียวกับอาจารย์พี่คณานันท์

    พวกเราก็ได้รับความเมตตาจากครูบาก้องเป็นอย่างมาก นอกจากท่านจะสอนและแนะนำเกี่ยวกับธรรมะแล้ว ท่านได้สอนและแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ ตามแต่เฉพาะตัวบุคคล ที่ควรจะแก้ไข เรื่องนี้ขอไว้เล่าเกร็ดความรู้ต่างๆที่ได้จากท่าน ทีหลังนะคะ (ถ้าไม่ลืม) และที่สำคัญคือ ได้พบว่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับการทำเอนไซม์ ตั้งแต่ยุคบุกเบิกเมื่อหลายปีก่อนค่ะ

    วันนั้นพวกเราได้ทดลองใช้ น้ำยาขวดหนึ่ง ซึ่งมีกลิ่นหอมเปรี้ยวอ่อนๆ ท่านบรรยายสรรพคุณว่า ใช้ได้ทั้งล้างหน้า สระผม อาบน้ำ ล้างห้อง ...อีกหลายอย่างนะคะ นับรวมแล้วได้ 7 อย่าง ท่านเลยตั้งชื่อขำๆว่า น้ำยา เซเว่น อิน วัน ....และที่สำคัญคือ มันช่วยรักษาทั้งผิวและ สิ่งแวดล้อม


    ความมหัศจรรย์ของการได้มาตั้งกระทู้นี้ :
    ถ้าไม่เล่าไว้ ก็เกรงว่าจะขาดอรรถรสในการอ่านค่ะ
    (พักนี้รู้สึกใช้สำนวนโบราณๆ แฮะเรา)


    เมื่อวันศุกร์ ที่ 27 กพ 52 อยู่ ๆ ซัน และ ณ
    ก็รู้สึกขึ้นมาตรงกันว่า ต่อไปวันข้างหน้า หากเกิดภัยลำบากยากแค้น (เช่นภัยจากเศรษฐกิจฝืดเคือง) หลายคน หลายๆครอบครัว จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะช่วยคนหมู่มากดังกล่าวได้นั้น ก็คือการลดภาระการจ่ายเงินซื้อน้ำยาและเครื่องใช้ประเภทชำระล้างต่างๆ เช่น สบู่ ยาสระผม ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ ฯลฯ ....และหากว่าเป็นน้ำยาที่ผสมเอนไซน์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทวีคูณในคุณค่าของการลงมือเรียนรู้และเผยแพร่ ชักชวนให้หลายๆครอบครัวได้มาทำน้ำยาเอนไซน์นี้ด้วยกันค่ะ


    เจ้าสองคน อยู่ๆ ก็ระลึกอยากจะเรียนการทำน้ำยาดังกล่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงไปกราบขอเป็นศิษย์เรียนวิชานี้กับท่าน ซึ่งครูบาก้อง ท่านได้เมตตาสอนให้ความรู้และให้เอกสารมา แถมให้การบ้านมาด้วย มีเดธไลน์ส่งปลายเดือนมีนาคม เอิ๊กๆ


    ในช่วงแรกของกระทู้นี้ ซันจะทะยอยนำข้อมูลที่ได้จากครูบาก้อง จากลูกศิษย์ของท่าน และจากแหล่งอ้างอิงอื่นๆ ..มาลงไว้ให้อ่าน และมีเอกสารแนบสำหรับโหลดไปอ่านได้นะคะ เป็นเอกสารมี copyright แต่ว่าได้ขออนุญาตท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

    หมายเหตุ 1 : หากใครหรือครัวเรือนไหน ที่ศึกษาและปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ หรือในกลุ่มของปราชญ์ชาวบ้าน หรือเครือข่ายถ่ายทอดความรู้เพื่อการพึ่งตนเอง ท่านจะมีการสอนเรื่องการทำน้ำยาเหล่านี้ใช้เองกันอยู่แล้ว ลดรายจ่ายได้หลายบาทต่อเดือนค่ะ .... และหากเราเสริมให้เป็นน้ำยาที่ผสมเอนไซม์ด้วยแล้ว นอกจาก ประหยัด ยังได้คุณประโยชน์เสริมเพิ่มทั้งในเรื่อง สุขภาพ และที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ เมื่อได้ชะล้างเป็นสารละลายลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติแล้ว เป็นการลดการใช้สารเคมี ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เรียกได้ว่า มีคุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำเลยทีเดียวค่ะ

    หมายเหตุ 2 : หากการเผยแพร่ข้อมูลใดๆทั้งหมดในกระทู้นี้ผิดพลาดไปจากความเป็นจริง ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว กราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ และโปรดแจ้งโดยตรงทาง pm หรือ e-mail ให้ทราบเพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขค่ะ





    สารบัญ
    (คลิกที่ลิ้ง เพื่อไปอ่านหัวข้อที่สนใจ)
    (ลิ้งจะยังคลิกได้ไม่ครบ จนกว่าจะลงเนื้อหาครบแล้วนะคะ)

    ความรู้เบื้องต้นของเอนไซม์ Enzyme ( Ionic Plasma )
    น้ำเอนไซม์ ( น้ำผลไม้เข้มข้น )
    วิธีการหมัก
    ลำดับขั้นอายุของน้ำเอนไซม์ และคุณสมบัติเพื่อการนำไปใช้งาน
    การทำน้ำด่าง
    ฝ้าขาว
    ความสำคัญของน้ำผึ้ง
    ใช้น้ำเอนไซม์ (น้ำหมักขยะ) เพื่อลดการใช้สารเคมี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
    สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ
    ปุ๋ยช่วยปรับสภาพดินและเร่งการเจริญเติบโตของพืช
    วิธีทำขยะให้เป็นโอโซน (O3)
    . . .

    . . . วิธีทำ EM แบบก้อน / โบกาฉิ / น้ำหมักดินระเบิด ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2011
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เกษม <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1933658", true); </script>
    ผู้สนับสนุน กิตติมศักดิ์

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 4,277
    <if condition=""></if> พลังการให้คะแนน: 3440 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message -->
    น้ำเอนไชด์..ช่วยโลกและตัวเราเอง

    [​IMG]

    [SIZE=-1]ทำไม่ยากเพียงแต่อาศัยเวลา[/SIZE]

    [SIZE=-1]ประโยชน์[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ดื่มแล้วสดชื่น ผิวดีไม่ผุผอง เป็นตุ่มก็จะหาย แก่ช้า ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หินปูนไม่เกาะตามกระดูก ปรับสมดุลร่างกาย ไม่เป็นหวัดและสุขภาพดี[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ลดไข้ ป้องกันการติดเชื้อ จะเพิ่มภูมิคุ้มกันในต่อมน้ำเหลือง แก้ภูมิแพ้[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ใช้ล้างตา 1 หยดเหมือนน้ำหยอดตา รักษาตาแดง ตาอักเสบจะสมานเนื้อเยื่อ[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ถนอมอาหาร อาหารหมัดดองจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ใช้หมักอาหารไม่บูด หรือฉีดพ่นของแห้งเช่นมะขามไม่ขึ้นรา[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำน้ำหอม แชมพูผมจะดีและหนังศรีษะไม่แห้งไม่เป็นตุ่ม ทำสบู่ผิวดีไม่เป็นผื่นคัน [/SIZE]
    [SIZE=-1]*หมักในห้องจะสดชื่นเพราะเพิ่มออกซิเจนและไม่มีแมลง[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ใส่น้ำเครื่องรถหม้อน้ำ จะไม่เป็นสนิมล้างสนิมและถนอมเครื่องยนต์รถ[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ล้างพื้นคราบไขมันคราบสนิมสิ่งสกปรกทั้งหลาย[/SIZE]
    [SIZE=-1]*เพิ่มผลผลิตการเกษตรทั้งผลและดอกและกำจัดสศัตรูพืชพวกแมลงที่ทำลายต้นไม้[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำสีช่วยย่อยกระดาษ[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ช่วยให้สภาพแวดล้อมอากาศและน้ำดินดีขึ้น [/SIZE]

    [SIZE=-1]ก่อนอื่นเตรีมผักผล ไม้แล้วแต่เราอยากใช้อะไร แครอท ลูกยอ แอปเปิล องุ่น มะนาวฯลฯได้ทั้งนั้น มีประโยชน์ทำได้หมด แต่วันนี้กอล์ฟทำจากลูกสมอ(จัดเป็นผลไม้อายุวัฒนะคือลูกยอ สมอและมะขามป้อม) [/SIZE]

    [SIZE=-1]สูตรและประโยชน์เหล่านี้ ได้มาจากการคิดค้นทำวิจัยเผยแพร่โดย คุณหมอ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์[/SIZE]

    [SIZE=-1]ขั้นที่1[/SIZE]
    [SIZE=-1]ทำทานเลยใช้ [/SIZE]
    [SIZE=-1]น้ำผึ้งใส่ขวด 2 ช้อน(1ส่วน) (ถ้าใช้น้ำตาลแบบทำไวน์จะอันตรายเพราะทำลายเนื้อเยื่อกระเพาะนะคะ)[/SIZE]
    [SIZE=-1]สมอ(ผลไม้)กะเอา3ส่วน [/SIZE]
    [SIZE=-1]น้ำ 10 ส่วนคือเกือบเต็มขวด แต่เหลือที่ให้มีอากาศในขวดบ้างนะคะ[/SIZE]
    [SIZE=-1]หมัก 3 เดือน แต่ที่เขาทำขายที่ฮิตๆๆเช่นน้ำลูกยอบางทีก็ 1 เดือนแล้วเขย่าขวดหรือถังเพื่อเร่งปฎิกิริยากาย่อยเอนไซด์ [/SIZE]

    [SIZE=-1]ขั้นที่2[/SIZE]
    [SIZE=-1]หลังจากถ้าเราหมัก 3 เดือนถ้าอยากเพิ่มปริมาณขยายจากขวดเดียวขยายได้อัลลิมิเตดเลยคะถ้าคิดจะทำขายนะ[/SIZE]
    [SIZE=-1]คือขวดที่ 1 หมัก 3 เดือนนะขยายต่อ คือ[/SIZE]

    [SIZE=-1]น้ำจากขวดหมัก1ส่วนก็ประมาณแก้วเล็ก 1 แก้วคะ+น้ำผั้ง1ส่วน+น้ำ 10 ส่วน[/SIZE]
    [SIZE=-1]กากผลไม้ก็ใช้ขยายได้ไม่ต้องทิ้งเน่าๆๆอย่างนั้นแหละ กาก 1 ส่วน+น้ำผึ้ง 1ส่วน+น้ำ 10 ส่วน[/SIZE]

    [SIZE=-1]ถ้าขั้นนี้เราไม่อยากขยายต่อก็หมักต่อแต่ถ้าประสิทธิภาพดีสุดจะหมัก 6 ปีแนะคะ 2 ปีก็พอใช้ได้[/SIZE]

    [SIZE=-1]แต่ต้องเติมน้ำผึ้งทุก 2 เดือน 2 ปีก็เท่ากับ 14 ครั้ง แล้วหลังจาก 2 ปี ไม่ต้องทำอะไรปล่อยทิ้งไว้ 4 ปีจะได้น้ำเอนไซด์ที่ดีที่สุดเพราะเข้มข้น ชนิดที่เติมน้ำเปล่าแค่ฝาเดียวก็เป็นน้ำเอนไซด์ทั้งขวดเลยคะ แต่ถ้าใครอยากได้มากๆๆก็ขยายเพิ่มวนแบบเดิมขั้นที่ 2 นะแหละคะแต่จะเปลืองน้ำผึ้งนะขอบอก [/SIZE]


    [SIZE=-1]<center></center>
    [​IMG]
    [/SIZE]

    [SIZE=-1]รูปขั้นตอนสุดท้ายทำ สังเกตน้ำจะไม่เต็มขวดนะเหลือที่ให้อากาศไว้ด้วยนะ แล้วจดกันลืมเติมน้ำตาลแต่ละเดือน น้ำมากไปน้ำผึ้งจะเป็นแอลกอฮอล์ น้ำผึ้งเข้มข้นจะไม่เปรี้ยว แล้วตั้งทิ้งไว้ในห้อง ถ้าอุณหภูมิทั่วไปถ้าอากาศเย็นก็เป็นช้านิดนึง เอนไซด์กระตุ้นการย่อยสลายทำให้เกิดออกซิเจน จากจุลินทรีแปลงมาเป็นเอนไซด์ ทดสอบน้ำที่เน่าพอเติมหรือทำน้ำเอนไซด์เอากระดาษลิสมัสที่ทดลองกรดด่างวัดจะ ได้เป็นน้ำดีมีออกซิเจนมาก[/SIZE]

    [SIZE=-1]การนำมาประยุกต์ใช้ [/SIZE]
    [SIZE=-1]*ดื่มวันละช้อน ถ้าเป็นไข้ใช้ที่หมักอายุมากสุดแต่ปริมาณน้อยที่สุด อ่อนเพลียใช้แบบที่สารอาหารมากที่สุด[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ถ้าไม่อยากให้อาหารหมักดองเป็นอันตรายให้เอาเอนไซด์ 6 ปีใส่ 1 ช้อน[/SIZE]
    [SIZE=-1]*น้ำยาล้างตาเอาที่มีแก็สอ่อนๆๆไมใช่กรดผลไม้กรดไม่เปรี้ยวเช่นแครอท ดีที่สุดเอาที่อายุเกิน 2 ปี[/SIZE]
    [SIZE=-1]นำน้ำหมัก 1 หยดผสมน้ำอุ่นล้างตาได้ หยอดตาแดง ตาอักเสบ จะเย็นๆ ถ้าแสบแสดงว่าตาอักเสบจะช่วยสมานเนื้อเยื่อ [/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำกระดาษ น้ำเอ็นไซด์หมักกระดาษจะยุ่ย >ปั่น>จะทำกาวแป้งมันผสมด้วยก็ได้ >เอาตะแกรงแบบมุ้งลวดร่อนให้ทั่วแผ่น>ตากแดด>แห้งพอแกะได้มีดแซะ ขอบเบาๆๆแกะ กระดาษจะทน[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำน้ำหอม ดอกไม้1ส่วน+น้ำเอนไซด์ 6 ปี 1 ส่วน หมักทิ้งไว้ 10-20 ปียิ่งนานยิ่งหอม จะได้หัวน้ำหอม เช่นดอกมะลิ 10 กล.น้ำเอ็นไซด์ 6 ปีครึ่งถัง จะเติมน้ำหอมเพิ่มก็ได้[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำแชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า เพียงแค่ผสมกับด่าง [/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำเต้าเจี้ยว ตักคราบที่เป็นฝ้าขาวนวดกับแป้งสาลีจะได้ก้อนแป้งห่อถุงพลาสติกเก็บไว้ใช้ก็ได้เป็นแป้งหมัก[/SIZE]
    [SIZE=-1]ก้อนแป้ง 2 ช้อน(1กรัม)หมักกับถั่วเขียวดิบ 2 กล.ใส่เกลือถุงพลาสติกคลุมปิดหมัก 2 อาทิตย์ ถ้าใช้ก้อนแป้งมากจะเป็นเร็ว จะได้เต้าเจี้ยวแต่เป็นสีนวลๆๆนะไม่ใช่สีน้ำตาลแบบขวดขายทั่วไปแต่ปลอดภัย ต่อสุขภาพ [/SIZE]
    [SIZE=-1]*น้ำซีอิ้ว ถั่วเหลืองดิบบดใส่ก้อนแป้ง ถ้าจะทำซอสเปรี้ยว เช่นคิคุเมนก็ใส่เกลือเล็กน้อย หมัก 3 เดือน ถ้าซีอิ้วก็ใส่เกลือมากๆๆหมัก 6 เดือนเอาไปผสมน้ำก็จะเป็นซีอิ้วเลย แต่ไม่เป็นสีดำนะ[/SIZE]
    [SIZE=-1]*เต้าหู้ยี่ เต้าหู้ยี่ น้ำมะเขือเทศปั่น พริกแดงเอาเม็ดออก มะเขือเทศหั่น เอ็นไซด์1 ช้อน หมักในกระปุก 1 ปี [/SIZE]


    [SIZE=-1]<center></center>
    [​IMG]
    [/SIZE]

    [SIZE=-1]*อาหารไม่มีเชื้อรา เช่นมะขามหวาน เอาไปคลุกหรือพ่นน้ำเอนไซด์ 1 ช้อน รสจะคงสภาพเดิม และทานไม่ท้องอืดด้วย[/SIZE]
    [SIZE=-1]*แก้โรคตับอักเสบ แกะเอาเนื้อระกำคลุกเอนไซด์6ปีเป็นหัวเชื้อ ใส่น้ำ 1 ลิตร กาก1ช้อนทานได้เลย[/SIZE]
    [SIZE=-1]*น้ำมันทาตัว เช่นยูคาลิปตัส เอาใบมาปั่นกับน้ำเอนไซด์ 6 ปี[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ดับกลิ่นปากจากใบส้ม ทำเหมือนน้มันทาตัว[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ดับกลิ่นเท้า ดับกลิ่นรักแร้ พ่นแบบสเปร์[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ฉีดผมถ้าไม่มีเวลาสระเช่นเดินทางไกล ดอกไม้หอมปั่นกับน้ำเอ็นไซด์[/SIZE]
    [SIZE=-1]*เอ็นไซด์1ส่วนต่อน้ำ 10 ส่วน เอาไปล้างผัก ล้างเนื้อ ทำลายสารเคมีที่ตกค้าง[/SIZE]
    [SIZE=-1]*สบู่เหลว แชมพูผสม อามาสระสเก็ตจะหายไม่คัน[/SIZE]
    [SIZE=-1]*น้ายาล้างจาน ใส่น้ำด่างกับน้ำเอ็นไซด์ เล็บจะไม่เป็นเชื้อราบำรุงผิว[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ล้างกระจก[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ล้างพื้น น้ำมันเครื่อง คราบปูน เอาเอนไซด์อายุมากๆๆราด[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ทำสีธรรมชาติแล้วแต่หาสีธรรมชาติจาก พืชผัก ใช้เอนไซด์อายุมาก เช่น เปลือกมังคุดปั่นกับเอนไซด์ 2 ปี ย้อมผ้าใส่ขนม ดอกจำปีปั่นกับน้ำเอนไซด์ ได้สีส้ม[/SIZE]
    [SIZE=-1]*ใส่หม้อน้ำรถยนต์ ถนอมเครื่องยนต์จะดีไม่เป็นสนิม ที่เป็นสนิมจะหาย [/SIZE]
    [SIZE=-1]ใส่หม้อน้ำทิ้งซักพัก งิ่งซัก 2 ครั้ง ก็ถ่ายล้างซัก 2 ครั้ง น้ำจะสีแดงทำจนหายน้ำแดง ก็ค่อยใส่น้ำสะอาด เครื่องรถจะเย็นตลอด [/SIZE]

    [SIZE=-1]ยังไม่หมดนะคะเขายังนำสูตรน้ำเอนไซด์ มาประยุกต์ประหยัดใช้กับน้ำตาลทำประโยชน์ได้ด้วย เพื่อใช้ช่วยสิ่งแวดล้อม แม้แต่ถ้าเราเอามาใช้ล้างจาน อาบ ซักผ้า ก็ช่วยทำให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดีได้ เพราะไปเปลี่ยนเพิ่มออกซิเจนให้น้ำสัตว์น้ำก็มีชีวิตอยู่ได้และน้ำไม่เน่า จากเน่ากลายเป็นน้ำดี[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตอนแม่ซื้อน้ำผึ้งมีคนแก่บอก ให้เอาบอระเพ็ดแช่นะแกแก่ 70 กว่าปีทานทุกวันไม่เคยป่วยเลย มาต่อสูตรหมักน้ำตาล[/SIZE]

    [SIZE=-1]ปุ๋ยชีวภาพ [/SIZE]
    [SIZE=-1]ขยะพืชผักผลไม้ใบไม้ใส่ถัง หรือพวกขยะเปียก [/SIZE]
    [SIZE=-1]กากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง ใส่สัก 4-5 ช้อนต่อถัง[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่ต้องใส่น้ำนะ[/SIZE]
    [SIZE=-1]หมักเกิน 10 วันหรือจะถึง 3 เดือนก็ได้ แล้วแต่อยากนำมาใช้นะ เพราะ 1 เดือนก็ใช้ได้แล้ว[/SIZE]

    [SIZE=-1]อาจเทหัวเชื้อที่เคยทำมาก่อนช่วยเร่งการทำงานได้ ยิ่งถ้าใส่น้ำเอนไซด์จะเป็นขยะหอมและไม่มีแมลง ถ้าถังมีกลิ่นเป็นเพราะน้ำตาลน้อยแก้โดยเติมน้ำตาลใส่ลงไปอีก[/SIZE]

    [SIZE=-1]ใช้ของหนักพวกหินกดทับด้วยก็ได้จะได้อ่อนตัวดีจมน้ำ จะได้ไม่มีหนอน วางในที่ร่มไม่ให้โดนแดด จะหมักไปเรื่อยๆๆเติมขยะใหม่ทุกวันก็ได้ จนปริมาญ 3 ส่วน 4 ของถังให้หยุดเติมปิดฝาทิ้งไว้ 2 เดือนเลยทีนี้ แต่อย่านานเป็นปีกลิ่นเหม็น[/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อได้ผล น้ำและกากจะเป็นสีน้ำตาลหรือเป็นยางมะตูม ให้กรอกใส่ขวด ถ้าหมดอายุเกิน3เดือนทิ้งราดท่อระบายน้ำจะช่วยให้น้ำท่อดีไม่เหม็น หรือเป็นปุ๋ยรดต้นไม้[/SIZE]

    [SIZE=-1]Bloggang.com.เนเวอร์แลนด์[/SIZE]

    [SIZE=-1]ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=imaginer&group=1&month=09-2006&date=08&blog=7[/SIZE]<!-- End main-->
    <!-- / message --> <!-- attachments --> <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </fieldset>
    <!-- / attachments --> <!-- edit note --> <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> Last edited by เกษม; วันนี้ at 04:56 PM.
     
  3. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    กราบขอบคุณพี่เกษมและพี่เล็กค่ะ สำหรับข้อมูล
    เห็นลิ้งนี้แล้วดีใจค่ะ จะได้มีเพื่อนร่วมทีมทำน้ำเอนไซน์ชุดนี้ด้วยกันหลายๆคน
    เพราะสูตรเบื้องต้น อาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่บางสูตรใช้เวลาปี - 2 ปีขึ้นไป
    เราลงมือไว้ตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตค่ะ
    หลังจากซันรวบรวมข้อมูลในกระทู้นี้ได้สักระยะหนึ่ง จะนำข้อมูลทั้งหมดไปลงไว้เป็นฐานข้อมูลใน Bloggang เช่นกันค่ะพี่


    .
     
  4. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    อย่างนี้ต้องลอง !


    โมทนาพี่ ๆ ด้วยครับ

    มีประโยชน์มากเลยในขวดเดียว
     
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    "เอนไซม์เพื่อชีวิต"

    ขออนุญาตครูบาก้องนำความรู้มาเผยแพร่ต่อนะคะ

    เกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพผลไม้
    น้ำหมักชีวภาพคือยาโลณโสวีรกะในพระไตรปิฎก เป็นยาชั้นยอด ที่จำเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะเป็นทั้ง สุดยอดพลังงาน สารอาหาร ไวตามิน ฮอร์โมน เอนไซม์ต่าง
    เป็นวิธีการแปรรูปธาตุต่างๆ ให้กลายเป็น Ionic Plasma ซึ่งก็คือหัวน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น
    ด้วยกระบวนการธรรมชาติ มีพื้นฐานเริ่มจากการ ทำน้ำส้มสายชู + กระบวน
    การทำไวน์ แต่ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นสารอาหารเข้มข้นในรูปของเหลว
    เป็นสูตรยาปรับธาตุ สร้างภูมิต้านทาน รักษาโรค เป็นยาครอบจักรวาล
    และก็ยังเป็นยาของพระในดงอีกด้วย
    ซึ่งพื้นฐานการทำน้ำหมักเหมือนกับกระบวนการหมักน้ำส้มสายชู
    แต่เมื่อกระบวนการสิ้นสุด ผลผลิตจะต่างออกไป

    ครูบาก้องยังเสริมอีกว่าให้พวกเราเร่งขยายการทำน้ำหมักชีวภาพ
    ให้เข้าไปสู่แหล่งชุมชนต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน โรงเรียน วัด สหกรณ์ ชุมนุม กลุ่มต่างๆ
    ณ. คิดว่าถ้าทำกันไว้ทุกครัวเรือนคงจะเป็นการดีมากๆ
    ในอนาคตอันใกล้เราจะได้ใช้ประโยชน์น้ำหมักชีวภาพอย่างแน่นอน
    และในอนาคตอันไกลออกไป น้ำหมักชีวภาพยิ่งเป็นประโยชน์อันมากมายมหาศาล
    เกินกว่าที่เราคิดที่เราทราบอีกมากมายนัก

    เริ่มที่ตัวเองก่อน :] เมื่อวาน ณ.ก็ไปด้อมๆ มองๆ ได้ภาชนะมาแล้ว 1 ใบ
    คิดว่าคงวัสดุครบเริ่มได้ไม่เกินสัปดาห์นี้แน่...
    สูตร 1 : 3 : 10 (น้ำผึ้ง/น้ำตาลทรายแดง1 : ผลไม้ 3 : น้ำ 10)
    เอาล่ะค่ะ...เรามาทดลองทำกันดูก่อน อย่างน้อยสักคนละโหลสองโหลขวดสองขวด
    ทำไปสังเกตุการณ์ไปด้วยนะคะ แล้วได้ผลอย่างไร เอามาคุยในกระทู้นี้ได้เลย

    อ้อ...อีกนิด ณ.ได้เสนอความคิดกับครูบาก้องไปว่า ระหว่างกระบวนการเพาะบ่ม
    ถ้าเราสามารถผนวกวิธีการทำน้ำมนต์เข้ามาใส่ในกระบวนการด้วย
    ซึ่งอาจจะเป็นการสวดมนต์ สวดภาวนา ตั้งจิตอธิษฐาน ถ้าทำได้ทุกวันก็ยิ่งดี
    ณ. เชื่อว่าผลผลิตน้ำหมักชีวภาพจะยิ่งทวีคูณประสิทธิภาพประสิทธิผลแน่นอน
    ซึ่งครูบาก้องก็มีความเห็นว่า "ดีมากเลย" แฮ่...กำลังใจมาอีกเพียบ..
    เอาล่ะค่ะ เรามาลุยกันเลย...

    "YES WE CAN DO IT" ;aa8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2009
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผมเห็นว่าการทำน้ำเอนไซม์ มีวิธีการทำคล้ายๆ กับการทำน้ำหมักชีวภาพที่ใช้กับพืชมากเลย ผมจึงขออนุญาตนำวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพนี้ มารวมไว้ในกระทู้นี้ด้วยนะครับ เผื่อที่จะสามารถเอามาใช้ร่วมกันได้ ถ้ามีขั้นตอนไหนที่ไม่เหมือนกัน คุณซัน กับคุณ ณ. ช่วยเสริมให้ด้วยนะครับ

    การทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
    วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2008 เวลา 00:00 น.

    <!-- Votitaly Plugin v1.0 ends here -->ก่อนที่จะลงมือทำ เราควรทราบหลักการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพกันก่อนคือ ประเด็นแรกคือ ความสะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ประเภททำลายหรือทำให้เกิดการบูดเน่า ซึ่งการใช้ภาชนะที่สะอาดและมีฝาปิดมิดชิด จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย

    ประการต่อมาคือ ขณะหมักจะต้องวางถังหมักไว้ในที่ร่มไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้กลุ่มจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ตาย และแสงแดดยังสลายสารอาหารที่เป็นประโยชน์ด้วย ประการต่อมาคือ ต้องให้เวลาในการหมักนานประมาณ 3 เดือน เพื่อให้กระบวนการย่อยสลายมีความสมบูรณ์ จึงสามารถนำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพไปใช้งาน หรือทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพสำหรับยางพาราหรือพืชทั่ว ๆ ไป และประการสุดท้าย หากต้องการขยายหัวเชื้อ จะต้องทำการละลายน้ำตาลกับน้ำสะอาดก่อนที่จะใส่หัวเชื้อน้ำหมัก

    วัสดุและอุปกรณ์ในการทำน้ำหมัก


    วัสดุและอุปกรณ์ในการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพในถังขนาด 60 ลิตร
    1. ผลไม้สุก 12 กิโลกรัม เช่น ฟักทอง(เอาทั้งเมล็ด), กล้วยน้ำว้า, มะละกอ, สับปะรด(เอาทั้งเปลือก) ให้ทำการสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามภาพ
    2. น้ำตาลธรรมชาติ เช่น น้ำตาลอ้อย, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลโตนดที่ไม่ผ่านการฟอกสีหรือเจือปนด้วยน้ำยากันเสีย หรือใช้กากน้ำตาล จำนวน 4 กิโลกรัม
    3. น้ำสะอาด 40 ลิตร ควรเป็นน้ำฝน หากจำเป็นต้องใช้น้ำประปาก็ควรใส่ตุ่มตากแดดเพื่อไล่คลอรีนให้หมดก่อน
    4. ภาชนะหมัก ควรเป็นภาชนะชนิดทึบแสงและมีฝาปิดสนิท ก่อนใช้ควรล้างให้สะอาดและถ้าตากแดดก่อนใช้ก็ยิ่งดี ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเนื่องจากเมื่อใช้ไปนาน ๆ จะถูกกัดจนทะลุได้
    5. ไม้พาย ควรเตรียมไว้ โดยล้างให้สะอาดพร้อมตากแดดก่อนใช้
    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]


    วิธีทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ
    1. ใส่น้ำสะอาด 40 ลิตร ลงในถังหมักขนาด 60 ลิตร
    2. ใส่กากน้ำตาล จำนวน 4 กิโลกรัม ลงในถังหมัก แล้วใช้ไม้พายกวนให้เข้ากัน
    3. ใส่ผลไม้สุก 12 กิโลกรัม ลงในถังหมัก กวนให้พอเข้ากัน (หลักการผสมคือ ผลไม้สุก 3 กิโลกรัม : กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม : น้ำ 10 ลิตร)
    4. หลังจากใส่ส่วนผสมทั้งหมดแล้วควรมีพื้นที่ว่างเพื่อให้มีอากาศอยู่ประมาณ หนึ่งในห้า ของภาชนะ ทำการปิดฝาให้สนิท เขียนป้ายบอกวันที่ผลิต และถังหมักควรอยู่ในที่ร่ม
    5. เมื่อครบ 7 วันให้เปิดฝาถังหมักดู ถ้ามีราขาวเกิดขึ้น พร้อม ๆ กับมีกลิ่นส้มฉุน แสดงว่าการหมักของเราได้ผลดี แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นบูด และน้ำเป็นสีดำ ให้ทำการเพิ่มน้ำตาลหรือกากน้ำตาลลงไปอีก แล้วปิดฝา (ถ้ามีหนอนเกิดขึ้น ก็ไม่เป็นไร เพราะอาจจะเกิดจากการปิดฝาไม่สนิท ต่อมาหนอนจะตายกลายเป็นอาหารพืชไปเอง)
    6. เมื่อครบกำหนด 3 เดือน ก็เป็นอันเสร็จ ให้กรองเอาเฉพาะน้ำใส ๆ ด้านบนหรือน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพไปใช้งาน โดยต้องผสมน้ำก่อน ตามอัตราส่วน ดังนี้
      น้ำหมัก : น้ำ 1: 200 เมื่อนำไปใช้ผสมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
      น้ำหมัก : น้ำ 1: 200 เมื่อนำไปใช้ฉีดพ่นหน้ากรีดหรือหน้ายางเพื่อเพิ่มน้ำยาง(1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง)
      น้ำหมัก : น้ำ 1: 500 เมื่อนำไปใช้กับจำพวกไม้ยืนต้น
      น้ำหมัก : น้ำ 1:1000 เมื่อนำไปใช้กับจำพวกพืชผัก
      น้ำหมัก : น้ำ 1:1 หรือใช้น้ำหมักอย่างเดียว(ให้ทดลองว่าแบบใดได้ผลดีกว่า) เพื่อฉีดพ่นกำจัดวัชพืช
      นอกจากนี้ เมื่อหมักครบ 3 เดือนแล้ว ก็สามารถนำไปขยายหัวเชื้อต่อ ได้อีก
    7. นำกากที่เหลือไปทำปุ๋ย โดยเทรอบ ๆ โคนต้นในรัศมีพุ่มใบต้นไม้ หรือปล่อยกากที่เหลือไว้ก้นถังหมักเพื่อขยายหัวเชื้อต่อ
    หมายเหตุ: ระหว่างการหมัก หรือก่อนครบ 3 เดือน ถ้าสังเกตุเห็นว่าถังบวม ให้รีบเปิดฝาเพื่อระบายอากาศออก แล้วรีบปิดฝาให้สนิททันทีเพื่อป้องกันเชื้ออื่นแทรกลงไป


    วิธีการขยายหัวเชื้อน้ำหมัก


    วิธีการขยายหัวเชื้อน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ
    1. ผสมกากน้ำตาล 1 ส่วนกับน้ำสะอาด 8-10 ส่วน ในภาชนะที่จะใช้หมัก
    2. ใส่น้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ 1 ส่วน ลงไปในถังหมัก (ต้องทำข้อ 1 ก่อนเสมอ)
    3. หมักไว้ในที่ร่มเป็นเวลา 1-2 เดือน
    4. เปิดฝาและสังเกตุดูว่าน้ำหมักที่ได้ ถ้ามีสีน้ำตาลอมเหลือง หรือมีฝ้าลอยอยู่บนผิว และมีกลิ่นส้มฉุน หรือกลิ่นส่าเหล้า แสดงว่านำไปใช้งานได้แล้ว หรือจะทำการขยายหัวเชื้อต่อไป ก็ได้
    หมายเหตุ: หากทำได้ ทุก 2 เดือนเราควรขยายน้ำหมักชีวภาพ โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำตามขั้นตอนที่กล่าวมา น้ำจะเป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับเหล่าจุลินทรีย์ทั้งหลาย กากน้ำตาลจะเป็นอาหารที่ทำให้เหล่าจุลินทรีย์มีพลังงานและแข็งแรง ผลิตลูกผลิตหลานให้มีจำนวนมากขึ้น ๆ พร้อม ๆ กับสร้างสารอาหารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์และพลังงานที่เก็บอยู่ในรูปสารอาหาร

    การขยายน้ำหมักชีวภาพให้มีอายุมากขึ้น ๆ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มปริมาณเหล่าจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ พร้อมสร้างสารอาหารให้มากขึ้นและซับซ้อนยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้น การนำน้ำหมักชีวภาพที่มีอายุน้อย ๆ เช่น 7 วัน หรือ 15 วัน มาใช้งาน ก็เปรียบเสมือนเด็กทารกที่มีพละกำลังน้อย เสบียงน้อย ฤา จะสู้กับน้ำหมักที่มีอายุยาวนาน 2 ปีหรือมากกว่า ซึ่งจะเป็นจุลินทรีย์ที่มีพละกำลังและเสบียงมากกว่า ได้ นั่นคือ น้ำหมักชีวภาพหรือจุลินทรีย์ที่มีอายุยาวนาน ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป เป็นเคล็ดลับ(ที่ไม่ลับ)สุดยอดที่ทำให้เกิดความสำเร็จในการใช้งานด้านต่าง ๆ

    น้ำหมักชีวภาพหรือจุลินทรีย์ที่มีอายุยาวนาน ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป เหมาะสำหรับใช้งานด้านการเกษตรและการซักล้าง

    น้ำหมักชีวภาพหรือจุลินทรีย์ที่มีอายุยาวนาน ตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป เหมาะสำหรับใช้งานในการบำบัดน้ำเสีย, กำจัดกลิ่นเหม็น, สลายสารพิษหรือสารเคมีตกค้าง
    ดังนั้น จึงควรขยายน้ำหมักชีวภาพเสมอ ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อให้ได้น้ำหมักชีวภาพที่เปี่ยมล้นด้วยคุณภาพ

    อ้างอิงจาก เอกสารเผยแพร่ของชุมชนราชธานีอโศก หมู่ 10 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    ขอเชิญแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด และประสบการณ์ในการผลิตและการใช้น้ำหมักชีวภาพ ในกระดานสนทนา

    ที่มา http://www.live-rubber.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2009
  7. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    น้ำเอนไซม์ ( น้ำผลไม้เข้มข้น )

    ประโยชน์
    1. ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
    2. ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น
    3. ทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุลย์
    4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ( ลดการใช้ยาปฎิชีวนะ)
    5. อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ คือวิตามีนบีรวม บี 1 บี 2 บี 12

    - หมักผลไม้รสหวานได้วิตามีน เอ,ดี,อี, เค
    - หมักผลไม้รสเปรี้ยวได้วิตามีน ซี และ เค
    - หมักจากข้าวได้วิตามีน บี ซี อี


    [​IMG]

    มีต่อ นะคะ ...->->->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • iho.jpg
      iho.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.2 KB
      เปิดดู:
      321
    • table1.jpg
      table1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      7,655
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  8. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ต่อจาก กระทู้ที่ 7 ค่ะ

    วิธีการหมัก น้ำเอนไซม์

    ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท แต่ห้ามมีแสงแดดส่อง

    อัตราส่วน น้ำผึ้ง 1: ผลไม้ 3 : น้ำ 10 เป็นเวลา 3 เดือน

    ในขวดที่ปิดจุกสนิทโดยเว้นเนื้อที่ 1 ใน 5

    หมั่นเปิดจุกคลายอากาศออกและปิดกลับให้สนิททันที


    เมื่อได้เวลา 3 เดือน เกิดน้ำใส ( Ionic plasma ) ลอยตัว
    ให้ดูดออกด้วยสายยางเพื่อนำมาเพิ่มความเข้มข้นของสารอาหารต่อ


    ในอัตราส่วน ( น้ำใส) 10-20 : ( น้ำผึ้ง ) 1

    ทิ้งไว้ 3 เดือน ดึงเอานํ้าใสออก ทำเช่นนี้ 14 ครั้ง

    ---------------------------------------------------------------

    ตัวกากที่ก้นขวด หมักต่อในอัตราส่วนเดิม
    ( กาก 3 : น้ำผึ้ง 1 : น้ำ 10 ) ( ทำได้ 3 ครั้ง )

    เมื่อครบ 3 ครั้งแล้ว

    กากที่เป็นผงตะกอนใช้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คลุกผลไม้ 10 กิโลกรัม
    ใส่น้ำ10 ลิตร หมักจนกว่าจะได้น้ำใส
    แล้วเอามาต่ออีกเหมือนตอนต้นไปได้เรื่อย ๆ ฯลฯ

    มีต่อ นะคะ ...->->->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  9. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ต่อจาก กระทู้ที่ 8 ค่ะ


    ทีนี้มาถึง หัวข้อสำคัญที่ทำให้เราเห็นภาพรวมของประโยชน์ ในการทำน้ำเอนไซม์ไว้ใช้กันนะคะ


    ลำดับขั้นอายุของน้ำเอนไซม์
    และคุณสมบัติเพื่อการนำไปใช้งาน



    เมื่อได้น้ำเอนไซม์

    อายุ 2 ปี ผสมน้ำด่างามชอบที่ต้องการจะให้ฟองมากน้อย
    ใช้ทำแชมพูสระผม , น้ำยาซักผ้า , น้ำยาล้างจาน ,บู่น้ำ เป็นต้น

    ายุ 4 ปี ใช้หัวเชื้อ 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 : ผลไม้ 3 : น้ำ 10
    หมักในเวลา 15 วัน ใช้ได้เลย ทำน้ำยาบ้วนปาก , ล้างแผลอักเสบเน่าเปื่อยพุพอง , งูสวัด

    ถ้าจะเอามาใช้ล้างสารพิษในพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์
    นำหัวเชื้ออายุ 4 ปี จำนวน 2 ลิตร หมัก กับข้าวสุก 10
    กิโลกรัม และน้ำผึ้ง 1 กิโลกรัม ใส่น้ำท่วมข้าว หมักภายใน 15 วัน จะได้น้ำเอนไซม์


    ส่วนข้าวสุกที่หมักแล้ว นำมาใส่น้ำท่วมข้าวหมักอีก 15 วัน ได้น้ำ Enz. ทำได้ 3 ครั้ง จนข้าวเป็นผง

    อายุ 6 ปี ขยายหัวเชื้อ 1 : น้ำผึ้ง 1 : น้ำ 10 ดื่มได้เลยเมื่อเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊ส ท้องเสีย 20-30 ซีซี
    ใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผม , ผิวพรรณ, ใบหน้า, ตา, จมูก, ช่องปาก, คอ, ดับกลิ่นตัวในร่มผ้า ,เท้า ให้สะอาดและสดชื่น


    อายุ 6-10 ปีขึ้นไป
    ใช้ดองสมุนไพร เป็นเวลา 1 เดือน จะได้ประสิทธิภาพตามคุณสมบัติของสมุนไพรแต่ละตัวเพิ่มขึ้น ควรรับประทานวันละครั้ง ( 3-10 ซีซี ) ก่อนหรือหลังอาหาร 1.30 ชั่วโมง


    มีต่อ นะคะ ...->->->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  10. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ต่อจาก กระทู้ที่ 9 ค่ะ

    การทำน้ำด่าง



    นำขี้เถ้ามาแช่น้ำในอัตราส่วน 1 : 10 เป็นเวลา 2 ปี

    จึงได้น้ำด่างที่มีฟองมาใส่ในเอนไซม์ จะทำให้น้ำเอนไซม์ใสและมีฟอง
    แต่จะนำไปขยายต่ออีกไม่ได้



    มีต่อ นะคะ ...->->->

     
  11. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ต่อจาก กระทู้ที่ 10 ค่ะ

    ฝ้าขาว


    ถ้าเป็นสีอื่นใช้ไม่ได้ ( เสียแล้ว )

    ในการหมักจะเกิดมีฝ้าขาวขึ้นมาลอยอยู่ส่วนบน
    ให้เอาออกมาคลุกกับแป้งสาลี นำน้ำเอนไซม์ติดมาด้วย เพื่อจะได้ปั้นให้เป็นก้อน

    ห่อไว้ด้วยกระดาษทึบแสง เก็บได้นานใช้เป็นยีสต์ ( หัวเชื้อเร่ง ) ในการทำเต้าเจี้ยว ,น้ำส้มสายชู , ซีอิ๊ว , ซีอิ๊ว ( เปรี้ยว ) , ขนมปัง , แป้งทำพิซซ่า , โรตี



    มีต่อ นะคะ ...->->->
     
  12. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ต่อจาก กระทู้ที่ 11 ค่ะ

    ความสำคัญของน้ำผึ้ง

    - ถ้าหมักกับน้ำตาลจะเกิดแอลกอฮอล์มาก

    - ถ้าหมักกับน้ำผึ้งที่ไม่ได้เอาความชื้นออกก็ยังเกิดแอลกอฮอล์และมีซากยีสต์ตกค้างเยอะ

    - ถ้าหมักด้วยน้ำผึ้งที่ผ่านการเอาความชื้นออกถึง 80% เหลือเพียง 20 % น้ำผึ้งนั้นจะกลายเป็นกรดอิ่มตัวที่ไม่มีจุลินทรีย์ และไม่มีอลกอฮอล์ แต่จะเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับออกซิเจน

    - เอนไซม์ที่ขยายด้วยน้ำผึ้งที่ Dehydrate 80% ( เอาน้ำออก 80 % ) จะใช้ได้เลย

    - เอนไซม์ที่ขยายด้วยน้ำผึ้งทั่ว ๆ ไป จะต้องหมักต่ออีก 3 เดือน และนำมาขยายปิดท้ายด้วยน้ำผึ้งที่เอาน้ำออก 80 % จึงจะใช้ได้เลย


    มีต่อ นะคะ ...->->->


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  13. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    สำหรับหัวข้อต่อไป การทำโอโซน จะนำมาลงต่อพรุ่งนี้นะคะ

    จากข้อความที่ได้ลงไว้นั้น ซํนเองก็เรียนรู้ไปด้วยในตัวนะคะ
    และยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมากค่ะ ตอนนี้ดูๆจากเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ของครูบาก้อง
    และแหล่งข้อมูลอื่น อยู่ค่ะ

    ซึ่งถ้าท่านใดมีคำถาม หรือต้องการแชร์ประสบการณ์ แชร์ความรู้ซึ่งกันและกัน
    ขอเชิญใข้พื้นที่ในกระทู้นี้ได้เลยค่ะ

    และในช่วงนี้จนถึงปลายเดือนมีนาคม ครูบาก้องท่านมีภาระกิจ ไม่อยู่ประเทศไทย
    หากมีคำถามที่ไม่สามารถช่วยตอบได้ คงต้องรอครูบาก้องท่านมาเป็นผู้ตอบนะคะ
    หรือจะเป็นพี่น้องท่านใดๆ ที่มีประสบการณ์ด้านนี้อยู่ ก็ขอเชิญร่วมด้วยช่วยกันได้เต็มที่ค่ะ

    คิดไว้ในใจ (ไม่รู้ว่าจะแอบดังไปถึงไหนอีกมั้ยหนอ^-^) ว่าเดี๋ยวพอนำข้อมูลมาลง
    มาให้ศึกษากัน จนเป็นที่พอใจและเห็นคุณค่าของการเริ่มต้นลงมือลงแรงกันแล้ว

    ...ต่อไปก็ขออาษาสมัครร่วมกันเป็นกลุ่มตั้งต้นทำน้ำเอนไซม์กันค่ะ
    ...พอเราลงมือทำน้ำเอนไซม์ไว้ (ไม่แน่อาจจะได้หัวเชื้อแบบที่มีคนทำไว้แล้วนะคะ)
    เราก็มาหัดทำสูตรต่างๆ เช่น สูตรอาหารสุขภาพ, สูตรทำสบู่ ทำน้ำยาสระผม น้ำยาขัดห้องน้ำ
    ...เราทำไ้ว้ใช้เองในบ้าน ใครที่ตั้งต้นทำไว้มาก พอปลายมือเราจัดแบ่งไปถวายตามวัด
    จัดแบ่งไปสาธิตตามชุมชน


    และท่านใดสนใจ ร่วมเป็นผู้ก่อการกันบ้าง
    แจ้งชื่อไว้เป็นกำลังใจกันหน่อยนะคะ
    ตอนนี้ มี ณ มี ซัน ค่ะ...
    ซึ่งถ้าหากว่า ท่านที่รวมกลุ่มอยู่แล้ว เช่น วัด หรือโรงเรียน หรือกลุ่มแม่บ้าน แม้ว่าไม่เคยเป็นสมาชิกเว็บพลังจิต ก็สามารถมาร่วมเริ่มต้นด้วยกัน
    ได้นะคะ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    มาแล้วค่ะ ...


    [​IMG]


    สตาร์ทออกตัวแล้ว...บรื้น...


    ตอนแรกไปด่อมๆ มองๆ หากระปุก มาได้ 1 ใบ เป็นขวดโหลน่ารักๆ
    เมื่อวันเสาร์เลาะๆ ไปเอาอีก 2 ใบ เพราะความน่ารัก...อิอิ
    กะจะทำ 3 แบบ คือผลไม้รสเปรี้ยว หวาน และข้าว
    อ้อ...จริงๆ ถ้าใช้ของที่มีอยู่ในบ้านก็ได้นะ จะช่วยSaveค่าใช้จ่าย
    เช่นขวดกาแฟ แต่ที่บ้าน ณ ไม่ทานกาแฟกัน เลยไม่ค่อยมี
    หรือว่าใครมีไห หรือตุ่มดินใบเล็กๆ ใช้ได้เลยเหมือนกันค่ะ
    หรือใครจะทดลองโอ่งขนาดใหญ่ก็ไม่ว่ากัน ลุยค่ะ..!


    แต่ติดที่น้ำผึ้งนี่สิจะไปหาที่ไหนถึงจะได้ของแท้ แท้ แท้...ไม่ง่ายเท่าไหร่
    เลยตกลงปลงใจไปที่ 7-11 เอาน้ำผึ้งของสวนจิตรลดามาใช้
    เชื่อมั่นว่าต้องได้น้ำผึ้งแท้ 100 % แน่นอน
    ขนาด 30 CC ราคา 30 บาท อืม...><''


    เพราะทำปริมาณน้อยจึงใช้ได้ แต่ถ้าทำปริมาณมากๆ คงสู้ราคาไม่ไหว
    ตอนแรกว่าจะทำตอนกลางวัน วันอาทิตย์ แต่มีเหตุต้องออกจากบ้าน
    เลยมาทำกลางคืน...^^...


    ทดลองตวงตามสูตรก่อน 1+3+10 รวม 14 ส่วน
    ตอนแรกเอาตะบวยเล็กๆ ตวงน้ำทดสอบ 14 ส่วนได้แค่ 1ใน10 ของโหลเอง
    เลยใช้ถ้วยใหญ่ขึ้นอีกหน่อยตวงน้ำทดสอบ 14 ส่วน ก็ได้ครึ่งโหล
    กะว่ายังไงก็ต้องเหลือพื้นที่ว่างให้หายใจกันพอสมควร...^^...


    ณ ใช้มะม่วง กะส้ม และข้าว ที่คิดไว้ก็ 3 อย่างนี้ค่ะ


    เอาผลไม้ใส่ลงไปก่อน 3 ส่วน ตามด้วยน้ำผึ้ง 1 ส่วน แล้วตวงน้ำใส่ลงไป
    ปรากฏว่าใส่น้ำไปได้แค่ 5 ส่วน น้ำก็เต็มโหลซะแย้ววววว


    ทำไงละทีนี้...เปลี่ยนแผนกระทันหัน
    เอาส่วนผสมทั้งหมดเทลงหม้อ แล้วตวงน้ำอีก 5 ส่วน ใส่ลงไปจนครบ
    แล้วลงมือคนค่ะ คน คน คน ให้น้ำผึ้งกับน้ำผสมกัน แล้วจัดการแบ่งใส่ 2 โหล


    เหลืออีกโหล ก็เลยจัดการใส่ส้มที่หั่นไว้ ส่วนข้าวก็เลยยังไม่ได้ทำ
    ก็ได้อย่างที่เห็นตามรูปแหละค่ะ >^_^<


    "YES WE CAN DO IT"
    ;aa8
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      156.5 KB
      เปิดดู:
      8,455
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2009
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เนื่องตอนนี้ ซัน เจ้าของกระทู้ติดภาระกิจ :C
    เกรงว่าผู้ชมจะเงียบเหงากันไปหน่อย '>.<' เงียบ เงียบ จริง จริง นะ
    จึงส่งไม้ให้ ณ.รับช่วงโพสต์ต่อชั่วคราว
    ส่งไม้มาปุ๊บ ณ. ก็คว้าหมับมาด้วยความยินดี &:]]
    เมื่อคว้ามาแล้วก็ต้องวิ่งล่ะ ไม่งั้นไม่ถึงเส้นชัย
    พวกเราพร้อมกันหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้วเรามาลุยกันต่อเลย...ลุย!!!


    ต่อจากกระทู้ที่ 12

    น้ำโอโซน O3

    วิธีทำ

    หมักขยะสด 3 กก. + น้ำตาลทรายแดง 1 กก. + น้ำ 10 ลิตร
    เป็นเวลา 3 เดือน จึงนำมาใช้เป็นปุ๋ยน้ำโอโซนบำรุงเดินได้
    (หมักในโอ่งหรือถังที่ปิดสนิทไม่ให้โดนแดด)

    หากใช้กากน้ำตาลหมัก ก็ต้องนำน้ำโอโซนมาหมักกับกากน้ำตาล
    ในอัตราส่วน 1 : 1 เป็นเวลา 2 เดือน ถึง 4 ครั้ง
    เพื่อสลายปูนขาวที่ติดมากับกากน้ำตาล
    ซึ่งเป็นตัวทำให้ดินแข็งกระด้าง เกิดการอุดตันในชั้นน้ำใต้ดิน

    สำหรับน้ำยาล้างห้องน้ำ
    ควรเอาน้ำโอโซน 1 ส่วน : น้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน : หมักกับน้ำ 10 ส่วน
    ภายใน 15 วัน จึงจะมีกลิ่นหอมน่าใช้
    และน้ำตาลทรายแดงจะไปช่วยย่อยขยะในส้วมต่อ

    หากหมักทิ้งไว้ไปจนถึง 2 ปี
    โดยเอาแต่น้ำโอโซน 1 ส่วน : กากน้ำตาล 1 ส่วน : น้ำ 10 ส่วน
    ขยายต่อทุก ๆ 2 เดือน
    ได้น้ำโอโซนที่จะฉีดไล่แมลงศัตรูพืชและโรคพืช (น้ำโอโซนขยาย 1 : น้ำ 100 ส่วน)
    และใช้ในการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำสะอาด
    โดยขยายต่อทุกๆ 2 เดือน ในอัตรา 1 : 1 : 10
    ให้ได้จนถึง 6 ปี หรือมากเท่าไหร่ยิ่งจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ฯลฯ

    มีต่อค่ะ... :> :> :>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2009
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ต่อจากกระทู้ 15

    วิธีทำหัวอาหารสำหรับต้นพืชจากการนำขยะมาแปรรูป

    แล้วหัวอาหารพืชมันดียังไง?... ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเป็นหัวอาหาร
    อะไรที่เป็นหัวๆ มันก็สุดยอดทั้งนั้นแหละจริงมะ
    การทำหัวอาหารพืชทำจากขยะส่วนเกินที่อยู่ในบ้านเรานี่แหละค่ะ
    ถ้าให้ ณ. ตอบสิ่งแรกที่ได้จากการทำหัวอาหารพืชคือ
    <O:p</O:p
    1.กำจัดขยะที่อยู่ในบ้าน
    2.เพิ่มคุณค่าให้ขยะ
    3.และทำให้ขยะที่ไร้ค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    เห็นมั๊ยขนาดกระหม่อมน้อยๆ ของ ณ. ยังคิดออกมาได้ตั้งขนาดนี้
    แล้วจริงๆ ประโยชน์ของหัวอาหารพืชมันมีสักแค่ไหนกัน ....เราไปดูกันเลย:d
    <O:p</O:p
    อุตสาหกรรมครัวเรือน
    หัวอาหารสำหรับต้นพืช ได้จากการย่อยอินทรียวัตถุ (ขยะสด) จากในครัวเรือน
    โดยผ่านขบวนการย่อยของจุลินทรีย์จำนวนมาก
    ส่วนประกอบ ประกอบด้วยอาหารและวิตามินสำหรับพืชตลอดกลุ่มฮอร์โมน
    ซึ่งจะไปกระตุ้นการทำงานของพืชให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
    และยังช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุในดินให้เปลี่ยนรูปเป็นธาตุอาหารและเอนไซม์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอีก
    <O:p</O:p
    คุณประโยชน์
    1.สร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ เพิ่มความต้านทานโรคให้แก่พืช
    2.เร่งการเจริญเติบโตของรากพืช และกระตุ้นเซลล์ให้มีประสิทธิภาพ
    3.เพิ่มคุณภาพของผลผลิต และเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น
    4.ช่วยรักษาดินไม่ให้เป็นกรดหรืออัดแน่น
    <O:p</O:p
    วิธีใช้
    1.ใช้กับไม้ดอก ไม้ประดับ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>1 ลิตร ทุก 5 วัน
    2.ใช้กับพืชผัก 5-10 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 ลิตร">1 ลิตร</st1:metricconverter> ทุก 5 วัน
    3.ใช้กับไม้ผลทุกชนิ 10 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 ลิตร">1 ลิตร</st1:metricconverter> ทุก 7-10 วัน
    <O:p</O:p
    เพื่อทราบถึงคุณประโยชน์อันสุดประมาณของหัวอาหารพืชแล้ว
    คราวนี้เรามาดูวิธีทำกันดีกว่า $:>
    <O:p</O:p
    วิธีทำหัวอาหารสำหรับต้นพืชจากการนำขยะมาแปรรูป

    นำขยะสดมา <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 กก.">1 กก.</st1:metricconverter> + น้ำซาวข้าว <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="5 ลิตร">5 ลิตร</st1:metricconverter> + น้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 ลิตร">10 ลิตร</st1:metricconverter> หมัก 3-8 เดือน
    หรือ
    นำขยะสดมา <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 กก.">1 กก.</st1:metricconverter> + น้ำตาลทรายแดง 3 ขีด + น้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 ลิตร">10 ลิตร</st1:metricconverter> หมัก 2-6 เดือน
    หรือ
    นำขยะสดมา <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 กก.">1 กก.</st1:metricconverter> + กากน้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ + น้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 ลิตร">10 ลิตร</st1:metricconverter> หมัก 2 เดือน
    หรือ
    นำขยะสดมา <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 กก.">1 กก.</st1:metricconverter> + ส่าเหล้า 10 ช้อนโต๊ะ + น้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 ลิตร">10 ลิตร</st1:metricconverter> หมัก 3 เดือนจะได้น้ำหมักขยะ
    (ที่ใช้ส่าเหล้าปริมาณมากหน่อยเพราะส่าเหล้ามีน้ำตาลน้อยกลายเป็นกรด จุลินทรีย์บางตัวโตช้า)

    มีต่อค่ะ :> :> :>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2009
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ต่อจากกระทู้ที่ 16

    ใช้น้ำเอนไซม์ (น้ำหมักขยะ)เพื่อลดการใช้สารเคมี
    เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

    หลังจากเราได้น้ำหมักขยะที่สามารถทำเป็นหัวอาหารพืชแล้ว<O:p</O:p
    เรายังสามารถนำน้ำหมักขยะมาทำประโยชน์ได้อีกมากมายหลายประการเลยทีเดียว<O:p</O:p
    ไปดูกันสิว่า...น้ำหมักจากขยะสดเหลือใช้ยังทำอะไรได้อีกบ้าง...$:]

    ใช้น้ำเอนไซม์ (น้ำหมักขยะ) เพื่อลดการใช้สารเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

    ประโยชน์<O:p</O:p
    1.ล้างห้องน้ำ<O:p</O:p
    2.ล้างท่ออุดตัน<O:p</O:p
    3.ดับกลิ่น<O:p</O:p
    4.กำจัดคราบน้ำมัน<O:p</O:p
    5.ฟื้นฟูปรับสภาพดิน<O:p</O:p
    6.กำจัดแมลง<O:p</O:p
    7.ย่อยขยะทำปุ๋ย

    สูตร1การใช้น้ำเอนไซม์ล้างห้องน้ำโดยเทลงบนพื้น ขัดด้วยแปรง<O:p</O:p
    คราบสกปรกจะหมดไป บ้านที่ใช้น้ำเอนไซม์น้ำที่ออกจากบ้านท่านจะเป็นน้ำที่ไม่มีกลิ่นเหม็น<O:p</O:p
    และยังมีกรดอ่อนที่สามารถช่วยย่อยสิ่งสกปรกในน้ำทิ้งของท่อระบายน้ำได้ด้วย<O:p</O:p
    ฉะนั้นน้ำที่ออกจากบ้านท่านจะช่วยลดมลภาวะของแม่น้ำลำคลองได้ด้วย

    สูตร2ใช้ล้างท่ออุดตันขอบอ่างล้างหน้า ท่อน้ำทิ้งที่มีไขมัน เศษผม<O:p</O:p
    เพียงแค่เทลงท่อประมาณ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>1.5 ลิตร สัปดาห์ละ 1 ครั้ง<O:p</O:p
    ท่อน้ำทิ้งของท่านจะไม่อุดตันเลย

    สูตร3ช่วยลดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ ห้องส้วม เทน้ำเอนไซม์ลงโถส้วม<O:p</O:p
    ใช้แปรงขัด คราบสกปรกจะหมดไปพร้อมกับได้ความเงางามของโถส้วม<O:p</O:p
    ท่านใช้ 500 ซีซี ของน้ำเอนไซม์ทุก 3 วัน ห้องน้ำห้องส้วมของท่านจะไม่มีกลิ่นเหม็น<O:p</O:p
    และห้องส้วมของท่านจะไม่เต็มเร็วเพราะน้ำเอนไซม์ที่ท่านใช้<O:p</O:p
    จะไปช่วยย่อยของเสียให้สลายเร็วขึ้นแปรสภาพเป็นอนุภาคแทรกตัวลงสู่ดิน<O:p</O:p
    และทำให้ดินมีคุณภาพดูดซับน้ำได้มากขึ้นและช่วยในการยึดเหนี่ยวของดินได้ดีขึ้น

    สูตร4อ่างล้างจานที่มีคราบไขมันท่านเทน้ำเอนไซม์ลงไปแล้วขัดเล็กน้อยคราบมันจะหลุดออก
    หรือถ้าคราบไขมันอยู่ในที่ขัดไม่ได้ท่านก็เพียงแต่เทน้ำเอ็นไซม์ลงไป ทิ้งไว้ 30 นาที<O:p</O:p
    ไขมันก็จะหลุดออกทันที หากท่านเทราดทุก 3 วันของใช้ของท่านจะไม่มีคราบไขมันเลย

    สูตร5ใช้กำจัดคราบน้ำมันโดยเทราดน้ำเอนไซม์เข้มข้น ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วจึงขัดออก

    สูตร6น้ำเอนไซม์สำหรับช่วยฟื้นฟูสภาพดิน ทำให้ต้นไม้สามารถใช้ปุ๋ยในดินได้อย่างดี<O:p</O:p
    การแลกเปลี่นอากาศทำได้ดีขึ้น ต้นไม้สามารถเจริญเติบโตเร็วประหยัดการให้น้ำ<O:p</O:p
    เพราะต้นไม้สามารถได้อาหารอย่างสมดุล ซึ่งในขณะเดียวกันต้นไม้จะมีความสามารถ<O:p</O:p
    ช่วยดูดซับน้ำในอากาศและน้ำในดินได้มากขึ้นและดินมีความสามารถดูดซับน้ำลึกมากขึ้นด้วย<O:p</O:p
    หากท่านใช้น้ำเอนไซม์ 1 ส่วน ต่อน้ำ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="100 ลิตร">100 ลิตร</st1:metricconverter> ใช้กับสนามหญ้า<O:p</O:p
    และรดต้นไม้ของท่านทุก 4 วันท่านจะได้สนามหญ้าที่สวยและต้นไม้งาม

    สูตร7ใช้น้ำเอนไซม์ 1 ส่วน ผสมน้ำ 5 ส่วน สเปรย์ต้นไม้ทุก 3 วัน<O:p</O:p
    เพลี้ย เชื้อรา จะหมดไป จากต้นไม้ของท่าน

    มีต่อค่ะ :> :> :>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2009
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จะให้ดี เราจะจัดกิจกรรม ร่วมกันทำน้ำเอนไซม์กันครับ ขอดูเวลา วาระธรรมมะจัดสรรให้ดีก่อน
     
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    จากการสังเกต หลังจากปรุงเครื่องปรุงสำเร็จ
    แล้วเอาส่วนผสมทั้งหมดลงขวดโหล
    ผ่านมาได้ 1 วันก็จะมีฟองขาวๆ ผุดขึ้นมา
    และมีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ
    และเมื่อครบ 1 สัปดาห์ ก็จะมีฟองมากขึ้นอีก
    ส่วนกลิ่นตอนนี้ยังไม่มีกลิ่นอะไรผิดปกติ
    จากที่เห็น เนื้อส้มจะเห็นชัดสุดจะเริ่มยุ่ยๆ แล้วค่ะ
    และในทุกโหลมีตะกอนขุ่นๆ เยอะขึ้น
    อาจจะเป็นบางส่วนจากผลไม้ละลายออกมาบ้างนิดหน่อยค่ะ
    แล้วจะรายงานผลให้ทราบเป็นระยะนะคะ
    ตอนนี้ไปดูรูปล่าสุดกันก่อนค่ะ :>

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.3 KB
      เปิดดู:
      7,405
    • 2.4.jpg
      2.4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.3 KB
      เปิดดู:
      7,368
  20. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    เหมือนจะเคยได้เรียนมาอยู่เหมือนกัน แต่นานมากแล้วจนลืมไปแล้วขอเวลาไปค้นหาหนังสือก่อนนะค่ะ ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้ที่นำสาระดีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ..ขออนุโมทนาสาธุทุกๆบุญกับทีมงานทุกๆท่านด้วยนะค่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...