หลวงพ่อฤาษีลิงเล็กและหลวงพ่อฤาษีลิงขาวท่านเป็นใคร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย chonthipat, 12 ตุลาคม 2007.

  1. อรรัชช์ฐาน์

    อรรัชช์ฐาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +437
    ข้อมูลตรงกันค่ะ


    หลวงปู่ฤาษีลิงขาว และ หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก ได้อภิญญาพระใหญ่ในป่าท่านไม่ให้เข้ามาอยู่ในเมือง
    หลวงปู่ฤาษีลิงขาว และ หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก ท่านเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อฤาษี แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าอ่านในหนังสือหลวงพ่อปานหน้า 119- 121 ค่ะ และมีเล่มอื่นอีกจำไม่ได้หลวงพ่อท่านพูดถึง หลวงปู่ฤาษีลิงขาว และ หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก
    พระใหญ่ในป่า คือ เพื่อนหลวงพ่อปานที่ได้อภิญญาที่เชียงตุง (ที่มา หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน หน้า 119 บรรทัดที่19หัวข้อ พบพระอภิญญาในป่าลึก )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2008
  2. อรรัชช์ฐาน์

    อรรัชช์ฐาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +437
    ถ้าสนใจประวัติแม่ชีปทุมและพระโคตรเศรษฐีให้ไปดูที่บอร์ดพระเครื่องตอนนี้อยู่หน้า 6หายากสักหน่อยสังเกตข้างหลังมี ดาว 5 ดวง(นำรูปและข้อมูลมาจากกระทู้ของคุณพัฒนาและหามาอ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ)

    พระโคตรเศรษฐีที่หลวงพ่อฤาษีฯรับรองว่าเทวดานำมามอบให้แก่ผู้มีบุญ




    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->จากหนังสือ
    ประวัติชีวิตของข้าพเจ้า
    แม่ชีปทุม โชติอนันต์
    หน้า 133
    [​IMG]


    ธาตุกายสิทธิ์

    พอดีเวลาบ่ายของวันหนึ่งประมาณเกือบสองโมงเศษ ได้มีแม่ชีเดินเข้ามาในสำนัก ข้าพเจ้ามองดูรู้ว่าแม่ชีที่เดินเข้ามาในสำนักนี้
    คือแม่ชีที่ข้าพเจ้าเชิญให้ออกจากสำนักนี้ไปนานแล้ว แม่ชีนั่งลงกราบข้าพเจ้าพูดพร้อมกับหยิบห่อกระดาษในกระเป๋าหิ้วให้ข้าพเจ้าดู
    เธอเล่าต่อไปว่า"ของสิ่งนี้มีคนเขาฝากมาให้คุณแม่เพื่อสร้างพระมหาวิหาร"
    ข้าพเจ้าจึงได้ถามแม่ชีขึ้นว่า "ใครเป็นผู้ฝาก เป็นหญิงหรือชาย"
    แม่ชีเธอตอบขึ้นว่า "เป็นผู้ชายค่ะ"
    ข้าพเจ้าจึงได้ซักถามเธอต่อไปว่า "ไหนเธอลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรมาตั้งแต่ต้น"

    แม่ชีเล่าว่า "ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัว ทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว
    ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีปทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่า จึงคลายออกจากสมาธิพอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้นฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ข้าพเจ้าบอกให้แม่ชีแก้ห่อดูของ ข้าพเจ้าเห็นของที่ห่อมามองดูเหมือนก้อนหินที่ที่ขรุขระและมีรอยถูกตัดไป รอยที่ตัดมีแสงไม่เหมือนตะกั่ว
    ตะกั่วไม่มีแสงจึงทำความแปลกให้ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงถามแม่ชีว่า "ของนี้ทำไมจึงมีรอยถูกตัดออกไป "
    เมื่อแม่ชีได้ฟังข้าพเจ้าถามขึ้น แม่ชีมีสีหน้าไม่ค่อยดี
    เธอตอบขึ้นว่า "ดิฉันได้ของแล้วห่อของ รีบเดินทางตั้งใจจะนำของมาให้คุณแม่ตามคำสั่งของท่าน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางได้พบกับชายคนหนึ่งเขาทำงานอยู่แถวนั้นเขาขอดู เขาเห็นฉันหิ้วหนักมาก ฉันจึงให้เขาดู แล้วเขาขอฉัน ฉันจึงให้เขาค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ของที่เขาขอตัดไปก็นิดเดียวเอง"
    ช่วงนี้ขอข้ามไปนิดหน่อยนะครับ

    ในที่สุดเธอลาจากไป ข้าพเจ้าได้ให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกับเธอ ข้าพเจ้ารับของก้อนโคตรเศรษฐีใส่พานมีผ้าขาวปูรองรับ มีดอกมะลิบูชา
    ตั้งไว้ที่หน้าหน้าหลวงปู่ปาน
    ครั้นพอตกกลางคืน ในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ ในเวลาตอนตีห้าครึ่งพากันออกจากพระกรรมฐาน เพื่ออุทิศส่วนกุศล
    ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่อพากันอุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัดยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่ามีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดูเห็นคนมายืนอยู่จริงๆ
    ท่านแต่งตัวสวยงาม ยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง
    ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ
    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า "ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีที่ท่านได้ชะโงกดูอยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉัน จะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลา
    อันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษาย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิงท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ"
    ท่านโมทนาเมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    นี่ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า มิได้ห็นด้วยสมาธิ ที่เขียนมาตรงๆอย่างนี้มิได้โอ้อวด ด้วยประการใด เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆ
    เมื่อผู้ใดอ่านท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่าน สำหรับข้าพเจ้าขอเอาศีลเป็นพยานเท่านั้น

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->



    <FIELDSET class=fieldset style="WIDTH: 648px; HEIGHT: 427px"><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

    นำไปให้หลวงพ่อดู
    (หน้า 126)

    ข้าพเจ้าวางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อนั่ง ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม"
    ท่านพูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า "นั่นอะไร"
    ข้าพเจ้าตอบท่านว่า "ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะ หลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู"
    หลวงพ่อมองดูแล้วพูดว่า "ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล"
    "โยมอยากทราบว่าเป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดว่า " ดี.. เอาไปให้ด็อกเตอร์เขาดูบ้างซิ เผื่อเขาจะรู้บ้าง"
    ข้าพเจ้าเห็นคนเข้ามาถวายสังฆทานกันมาก จึงถอยออกมาเดินไปหาด็อกเตอร์เอาของให้ดู
    ด็อกเตอร์พูดว่า "หลวงพ่อว่าเป็นอะไร ก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ"
    ข้าพเจ้าลาด็อกเตอร์ออกมานั่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งลง หลวงพ่อได้เมตตาสั่งข้าพเจ้าขึ้นว่า "โยมที่เอาของให้ดูนั่นนะ ของโยมพันปีเก็บไว้ให้ดีอย่าไปทิ้งเสียล่ะ มีค่ามหาศาล" หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับปากช่อง


    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2008
  3. aza555

    aza555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +27
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  4. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ทำไมผมไปกราบ ครูบา องค์นึงมา ท่านบอกว่า ภาพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พร้อมลายเซ็น


    หลวงพ่อฤาษีลิงดำให้ท่านไว้มอบให้หลวงพ่อฤาษีลิงขาว ละ ผมละ งง
     
  5. - เงาะป่า -

    - เงาะป่า - เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +565
    อนุโมทนาสาธุกับทุก post ครับ
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------
    พระคุณพ่อ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1326572#post1326572
    มาเที่ยว วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ วัดประจำปีจอกัน
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=136821
    พุทโธหาย....?
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1329341#post1329341
    ปรัชญาพุทธกับคนรัก(ที่ไม่รักเรา) เอ๊า!!ใครอกหักยกมือขึ้น
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1338677#post1338677
     
  6. อรรัชช์ฐาน์

    อรรัชช์ฐาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +437
    <CENTER>หนังสืออภิญญา อยู่ในบอร์ดหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่เองด้านบนขวามือลองกดอ่านดูค่ะ แล้วเลือกเรื่องพระอภิญญาจะมีให้อ่านยาวกว่านี้ ก๊อปมาไม่หมด
    พระอภิญญา
    </CENTER>
    ปีนั้นเป็นปีครบรอบที่ หลวงพ่อปาน บอกว่า "ถ้าแกบวชครบ ๒๐ พรรษา จะต้องออกจากวัด" ท่านไล่ไว้ตั้งแต่วันบวชแล้ว ไม่ใช่มาไล่ทีหลังหรอก ตอนบวชใหม่ ๆ ท่านสั่งสององค์นั่นบอกว่า
    "ไอ้ ๒ ตัวนี่ ๑๐ พรรษาต้องเข้าป่าไป แล้วห้ามเข้าเมืองจนกว่าจะตาย ไอ้ตัวนี้ ๒๐ พรรษา ต้องออกจากวัด แต่เข้าป่าไม่ได้นะ เป็นหนี้เขามาก..."

    ไอ้เราก็นึก "เอ๊! เป็นหนี้ใครมาละหว่า...เกิดมาชาตินี้ก็ไม่ได้ยืมสตางค์ใคร มีแต่ขโมยสตางค์แม่ ขโมยสตางค์ยาย เราไม่ได้ยืมนี่ เราขโมยต่างหาก แปลก!..."
    ก็เป็นอันว่า ๒ องค์นั้น ๑๐ พรรษาเขาเข้าป่าตามคำสั่ง เขาบอกศาลาเลย นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป การเข้ากลุ่มชนจะไม่มีสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่ของแปลก เพราะเขาเป็น"พระอภิญญา" ใช่ไหม อภิญญาก็ครบหกเสียด้วย ไม่ใช่ห้า สำหรับพระอภิญญาไปอยู่ป่านี่ ถ้าจะถามว่ามิต้องไปสร้างกุฏิอยู่เรอะ! ก็ตอบได้ว่าจะต้องสร้างอะไรกับมัน ฝนตกมันก็บอกว่า ไปตกที่อื่นเถอะ! ที่กูห้ามตกนะ มันก็ไม่ตก ตกได้รอบ ๆ ตัว แต่ที่ตัวเขาไม่ตกหรอก อากาศหนาว บอกแกไปหนาวที่อื่นตัวข้าห้ามหนาว มันก็ไม่หนาวใช่ไหม มันเรื่องเล็ก ๆ น่ะ แล้วไอ้หมอ ๒ คนมันก็ขยันซน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก

    เมื่อปีที่แล้วไปที่ป่าสุโขทัย คุณอ๋อยไปด้วย ไปกับท่านหญิงวิภาวดีด้วย แหม..มันหนาวจับใจ ความจริงหนาวต้องคิดทีเดียว ไอ้ผ้าที่ติดตัวไปมันก็น้อย แต่คิดว่าหนาวก็หนาว อยากตายให้มันตายไป ขี้เกียจหนาว พอดึกขึ้นมามันก็หนาวขึ้นทุกที ลุกขึ้นมานึกว่า เอ..มันจะหนาวไปถึงไหนหว่า..พักหนาวเสียทีเถอะ! มันก็เบาหนาว พอเบาหนาวเจ้า ๒ ตัว เอ้ย! ๒ องค์ แต่ไม่เป็นไร พวกเดียวกัน พวกโยมล่ะอย่าไปเรียกเข้านา คนละพวก เจ้า ๒ ตัวเขาโผล่มาก็ถามว่า "เฮ้ย! มึงมาทำไมวะ?" เขาตอบว่า "กูมาเที่ยวส่ง" ถามว่า "เอ..มากี่ตัววะ?" เขาบอกว่า "กู ๒ ตัว แล้วอยู่ข้างนอกอีก ๕ ตัว"

    เป็นอันว่า "พระอภิญญา" ของเรานี้ เวลานี้ในป่ามีเยอะ เขาบอกว่า "เวลานี้มา ๗ องค์ด้วยกัน" ไอ้ที่ไปพักน่ะมันเป็นที่ระหว่างวงเขาล้อมแคบ ๆ นะ บริเวณนั้นก็จะมีเนื้อที่สัก ๑,๐๐๐ ไร่ นอกนั้นเป็นเขาล้อมหมด ถามว่า "อีก ๕ องค์อยู่ไหน?" เขาตอบว่า "อยู่บนยอดเขาริม ๆ " ถามว่า "หนาวไหม?" เขาบอก "ฮึ! เรื่องหนาวเรื่องร้อนเรื่องเล็ก เราอยากหนาวมากมันก็หนาวมาก เราอยากหนาวน้อยมันก็หนาวน้อย อยากร้อนมากก็ร้อนมาก" เขาก็เบ่งส่งเดช แต่เบ่งได้เสียด้วยซิ

    เป็นอันว่า เขาก็มานั่งคุย คุยไปคุยมา ถามว่า "อยู่ในป่าเป็นสุขไหม?" เขาว่า "ในป่าดีกว่าในเมือง" ถามต่อไปว่า "แกเข้าเมืองบ้างหรือเปล่า?" ตอบว่า "ตอนนี้ไปบ่อยโว้ย!" ถามว่า "ไปคนเดียวรึ หรือว่า ๒ องค์?" เขาบอกว่า "ไม่ใช่หรอก.." ถามอีกว่า "ในป่ามีเท่าไหร่ล่ะ? ไอ้พวกลิง ๆ แบบนี้น่ะ" ตอบว่า "เยอะ! หลายตัว" คณะเขาที่ตั้งกลุ่มกันอยู่ประมาณสัก ๓๐ ตัวกว่า พวกลิงนะ ไอ้ที่เขาไม่ลิงต่างหาก คือ พวกลิงหมายความว่าพวกซนเล่นอภิญญามีเยอะนะ แต่พวกนี้เข้ามาในเมืองไม่ได้นะ ถ้าเขามาล่ะ พวกเราตกนรกกันเป็นแถว ถ้าเข้ามาประจันหน้ากับคนนะ ดีไม่ดีเข้ามาแบบนี้ เดี๋ยวทำพระพุทธลอยเล่น หรือนั่งเอาหัวลงเอาก้นขึ้นเสียแล้ว เราเห็นก็จะว่า เอ..พระองค์นี้เล่นกลนี่หว่า บ้า ๆ บอ ๆ เสร็จเลยเรา ๕๐๐ ชาติ ว่าท่านบ้า ๆ บอ ๆ เราก็ไปจวกบ้าเสีย ๕๐๐ ชาติ นี่เขาต้องหลบเพราะเหตุนี้นะ ท่านที่ทรงอภิญญาจริง ๆ แล้วก็ชอบซนนี่ แต่อภิญญาที่ไม่ซนเขามีอยู่ อภิญญาที่ไม่ซนและสู้หน้าคนเขามีอยู่ ถ้าอภิญญาซนนี่ต้องเข้าป่าหมด...

    ท่านบอกว่า เข้ามาในเมืองบ่อย เพราะเวลานี้เข้ามาบ่อยได้ ที่เข้ามาบ่อยได้เพราะอะไร เพราะจิตใจของบุคคลที่รักพระนิพพานมีมากขึ้น แต่ว่าลักษณะการมาของเขาน่ะ พวกเราไม่รู้หรอก แล้วแต่เขาชอบใจใคร บางทีพระเดินบิณฑบาตเขาก็เดินตามมาเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ถ้าเรามีโอกาสใส่บาตรเขาหน่อย ก็รู้สึกมีคุณค่ามาก เพราะถ้าเขามาเขาต้องทรงอภิญญา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นพระอรหันต์ด้วย

    เวลาจะเข้าอภิญญาสมาบัติ สมาบัติมันต้องเต็มที่ ถ้าไม่เต็มที่มันมาเร็วไม่ได้ เพียงแค่ลัดนิ้วมือเดียวมันช้าไป ช้ากว่า ตามพระบาลีบอกว่า "แค่ลัดนิ้วมือเดียว" ไม่รู้จะเอาอะไรเร็วกว่านั้นใช่ไหม แต่เนื้อแท้แล้วทำจริงเร็วกว่านั้นมาก นี่ก็ชื่อว่าเป็นบุญของบรรดาประชาชนที่พระอภิญญาในป่าเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ แต่ทว่าเราจะรู้จักท่านไม่ได้ นอกจากว่าท่านจะแสดงอะไรสักอย่างหนึ่ง

    อย่างคุณหมอนั่น ที่ว่าแกเห็นนั่นน่ะใช่ ที่ว่ามาบิณฑบาตอยู่ดี ๆ พอเปิดจีวรก็บาตรลูกเบ้อเริ่มเลย แกก็สงสัยว่าพระองค์นี้ทำไมบาตรโต ไอ้เวลาเดินมาเห็นเท่าธรรมดานะ แต่เวลาใส่บาตรแล้วบาตรใหญ่ พอใส่บาตรแล้วเงยหน้าขึ้นมาเจอะกัน

    ท่านบอกว่า "โยม! ขอกระติกน้ำร้อนลูกหนึ่ง" แน่ะ! อันเสือกขอเอาด้วย พระนี่ไม่ใช่ญาติไม่ได้ปวารณาไว้นี่เขาห้ามขอนะ ถ้าขอเป็นอาบัติ แกก็รับว่าครับ วันนั้นเป็นวันเสาร์ แกเลยบอกว่าวันจันทร์นิมนต์มารับ พอกลับมาจากใส่บาตร แกก็ให้ลูกชายไปซื้อกระติกน้ำร้อน พอลูกชายไปแล้วแกก็นึกในใจว่า ถ้าพระองค์นี้เป็นพระควรแก่การบูชา พระดี ก็ขอให้ลูกชายได้กระติกสีเขียวมา เพราะแกชอบสีเขียว อ้อ..คุณหมออุดม ถ้าหากเป็นพระธรรมดาขอให้ได้สีอื่น พอลูกชายเอากระติกน้ำร้อนมาก็กลายเป็นสีเขียวจริง ๆ แกบอกว่าไม่ได้ตั้งจิตบังคับลูกชายหรอก แต่คิดว่าพระองค์นี้สำคัญ

    พอวันจันทร์ แกก็เตรียมเครื่องใส่บาตรเป็นกรณีพิเศษสำหรับใส่บาตร ปกติแกก็ให้คนอื่นใส่ แกเองไม่ใส่ คอยนั่งจ้อง เอาน้ำร้อนน้ำชาใส่กระติกเสร็จ จัดอาหารเป็นกรณีพิเศษนั่งคอยจนพระบิณฑบาตหมด ก็ไม่เห็นพระองค์นั้นมา แกคอยจ้องดูกลัวจะจำไม่ได้ เดี๋ยวท่านจะผ่านไปโดยไม่เห็น แกก็คิดว่า ถ้า ๘ โมงเช้าแล้วไม่มาก็เป็นอันไม่มาแน่ ก้มลงมองดูนาฬิกา ๘ โมง พออยากจะลุกก็โผล่ถึงพอดี แกก็เลยถวายของไป ถวายกระติกน้ำไป

    พอต่อมา หมออุดมมาเล่าให้ฟังก็นึกในใจว่า ไอ้เสือนี่มาเล่นเขาเข้าแล้ว ตกกลางคืนพบกับเขาก็ถามว่า "นี่..แกไปหลอกเขาหรือ?" ตอบว่า "ฮึ! ข้าไม่ได้หลอกนี่หว่า.." ค้านว่า "ไม่ได้หลอกทำไมถึงบาตรใหญ่" ตอบว่า "อ้าว! ถ้าบาตรไม่ใหญ่ก็ไม่สงสัยน่ะซิ!" เออ..เขาไม่ได้หลอก เขาทำให้สงสัย ว่าเขาไม่ได้นะ เลยถามว่า "แล้วแกไปขอกระติกน้ำเขาทำไม? ธรรมดาคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ได้ปวารณา แกไปขอเขามาเป็นอาบัติ" เขาก็เถียงว่า "แกรู้เรอะว่าข้าไม่ได้เป็นญาติกับหมอน่ะ!" บอกว่า "จะเป็นญาติยังไง หมอกับแกไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อายุอานามก็ไล่เรียงกัน ถ้าเป็นญาติของแกข้าก็ต้องรู้จัก เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก" เขาบอกว่า "ชาตินี้ไม่ใช่ญาติ ก็ชาติก่อนเป็นญาตินี่หว่า.." ถามว่า "ทำไม?" แกก็ตอบว่า "เห็นหมออุดมเป็นคนดี มีจิตใจเข้าถึงธรรม" ก็ถามว่า "หมออุดมนี่มีกำลังถึงอรหันต์ไหม?" เขาก็เลยบอกว่า "ถ้าหมออุดมไม่ยั้งตัวก็ถึงอรหันต์" นี่เป็นอันว่า เขามากันบ่อย ๆ

    คราวหนึ่ง อาตมาเขียนไว้ในหนังสือแล้ว ที่ไปพบเขาที่วงเวียนใหญ่ จะไปซื้อยาสักหน่อยหลายปีมาแล้ว กำลังเดิน ๆ อยู่ เจอะนาย ๒ เตื้อเดินมาพอดี ถามว่า "มาทำไม?" แกก็บอกว่า "มาที่กาญจนบุรีมีผู้หญิงคนหนึ่ง แกถามว่าจะไปกรุงเทพฯ ไหม?" ก็เลยบอกว่า มา แกก็ซื้อตั๋วให้เสร็จ แกก็นั่งมาในรถ อีตอนนั้นสงครามโลกเสร็จใหม่ ๆ ตอนกึ่งพุทธกาลใหม่ ๆ นั่นแหละ วิปัสสนาเริ่มเกิดใหม่ เกิดเป็นดอกเห็ดทีเดียว กำลังเฟื่องวิปัสสนากันซิ ตอนนั่งมาในรถแกก็เลยว่า ท่านบวชกี่พรรษา เขาก็ตอบว่า ๓๐ พรรษากว่า ๆ เคยวิปัสสนาไหม? แหม..มดไปถามเอาช้างเข้า แกก็เลยถามกลับไปว่า "โยม! วิปัสสนาเขาทำยังไง?" คือไม่ได้บอกว่าทำหรือไม่ทำ ยายนั่นแกก็เลยนั่งสอนวิปัสสนามาตั้งแต่เมืองกาญจนบุรีจนถึงท่ารถสายใต้ เขาก็บอก "แหม...เดี๋ยวนี้อาจารย์วิปัสสนามันเยอะจังว่ะ!" ถามว่า "ทำไมล่ะ?" ตอบว่า "แหม..ข้านั่งรับการอบรมมาตั้งแต่กาญจนบุรีจนถึงท่ารถสายใต้เลย" แต่คนสนใจธรรมะเขาก็พอใจแล้ว

    ไอ้วันนั้นก็เดินไปเดินมา เวลามันก็จะเพล ถามว่าวันนี้แกจะกินเพลไหมล่ะ? ตอบว่า กิน ถาม กินที่ไหนล่ะ? เขาบอก เดี๋ยว! เดินไปเดินมาก่อนหาที่เหมาะ ๆ ค่อยกิน พอถึงร้านหนึ่งเขาก็ชวนเข้าไป บอกว่ากินร้านนี้แหละ ถามว่า แกมีสตางค์เรอะ! บอกว่า ไม่มีหรอก อ้าว! งั้นกินไงล่ะ...เขาบอก กินส่งไปเถอะ! ไอ้เราก็ไม่แปลก เรามีสตางค์นะ เวลานั้นมีสตางค์ก็ไม่มาก ติดไป ๒๐ บาท เป็นอัตราประจำ วันไหนมีถึงร้อยวันนั้นครึ้มมาก เริ่มงานวัดคราวไหนมีเงิน ๑๐๐ บาทติดตัว ทายกยิ้มแป้นบอกว่า "เฮ้ย! วันนี้มีตั้ง ๑๐๐ โว้ย!..."

    เข้าไปในร้านก็สั่งอาหารตามชอบ ขณะฉันอาหารมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสัก ๓๐ แต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาดี นั่งอยู่หน้าร้าน พวกเราก็ไม่ได้สนใจ ฉันข้าวกันเรื่อยไป พออิ่มเรียกเจ๊กมาให้คิดเงิน ก็ไม่กี่สตางค์ สักสิบบาทกระมัง ฉันนิด ๆ หน่อย ๆ ฉันไม่มาก ปรากฏว่า เจ๊กบอกว่าไม่ต้องจ่ายหรอก ผู้หญิงคนนั้นเขาจ่ายแล้ว แล้วเขาไปแล้ว เลยถามไอ้สองเตื้อนั่นว่า "เฮ้ย! ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร?" เขาตอบว่า "เป็นแม่กูว่ะ! กูรู้ว่าแม่กูจะมา" ถามว่า "แม่ชาติไหน?" เขาตอบ "ถอยหลังไปสัก ๑๐๐ ชาติได้" เขาตั้งใจมาโปรดแม่เขา ถามว่า "ทำไมต้องพร้อมสาม?" เขาบอกว่า "ต่างก็เคยเป็นลูกกันมา" ส่วนแม่เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหน "แม่" คนนี้อ่อนกว่าฉันหลายปี ตอนนั้นฉันอายุ ๕๐ เศษ แต่แม่อายุ ๓๐

    นี่เรื่องต้องคิด! การเข้ามานี่ไม่ใช่แต่ ๒ องค์นี้ หลาย ๆ องค์เขาก็เข้ามากัน บางคราวเราก็พบไอ้พบนี่มันมีอารมณ์สะดุด สะดุดง่าย คือว่า กระทบแรง แล้วก็ดีใจว่าทุกท่านนี่น่ะสนใจกับสมณธรรมของคนทั้งหมด จะเป็นสำนักไหนก็ตาม เพราะว่าคนที่เข้าไปทุกสำนักนั้นเป็นคนดีทั้งหมด ไม่งั้นเขาจะเข้าไปทำไม เขาอยู่บ้านเขาดีกว่าแต่ผู้สอนจะสอนถึงระดับไหนนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2008
  7. LADLHUMKAEL

    LADLHUMKAEL สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมยังใหม่อยู่ไม่รู้อะไรเลย ขอแบบละเอียดได้มั้ยครับ สาธุ
     
  8. อวตารเทพมาร

    อวตารเทพมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +2,101
    จากข้อมูลหลายๆท่านแสดงว่าพระทั้ง 2 องค์นี้ไม่ใช่หลวงปู่ฤาษีลิงขาวใช่ไหมครับ (อยากรู้ความจริงครับไม่ได้มีจิตลบหลู่ครูบาอาจารย์นะครับ พระปฏิบัติดีผมก็นับถือถึงไม่ใช่หลวงปู่ฤาษีลิงขาวผมก็นำขึ้นหิ้งบูชาครับ)
    พระเนื้อผงหลวงพ่อฤาษีลิงขาว ขี่กระต่าย หลังยันต์เกาะเพชร รุ่นสร้างอุโบสถ
    [​IMG][​IMG]

    $ เหรียญ "เฮง" หลังยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อฤาษีลิงขาว
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  9. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    เพิ่งรู้ ว่ามี หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก ด้วย
    อิอิ
     
  10. ด้วยคน

    ด้วยคน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +88
    หลวงพ่อช่อ ไม่ใช่หลวงพ่อฤาษีลิงขาวครับ
     
  11. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,242
    นานแล้ว ครับ
    ผมเคยอ่านว่า
    เป็น หลวงปู่ช่อ
    แต่ จำวัด และ จังหวัดไม่ได้ ครับ


    กราบขออภัย ถ้ามีข้อผิดพลาด
    เป็นโดยบังเอิญ มิใช่ เจตนา ครับ
     
  12. คนเฝ้าดู

    คนเฝ้าดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +267
    หลวงปู่ช่อ วัดฤกษ์บุญมี จังหวัดสุพรรบุรี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    คำสั่งครูบาอาจารย์ สั่งครั้งเดียว รับครั้งเดียว กระทำตลอดชีวิตครับ
     
  14. sungsungwan

    sungsungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +276
    ผมว่า ถ้าอยากจะเจอท่าน คงต้องอธิฐานจิต ให้ท่ามาสงเคราะห์ แล้วท่านจะมาบิณฑบาตร
    ตามที่ท่านอยากจะพบ แต่ ต้องไม่สงสัยใน พระรัตนะไตร นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2008
  15. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    สมัยนี้มีหลายท่านชอบอ้างชื่อนะครับ..............
     
  16. นายไป่ หนวดยาว

    นายไป่ หนวดยาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +11
    ไขข้อข้องใจ

    สำหรับท่านที่มีความสงสัยหรือต้องการจะทราบเรื่องของหลวงปู่ทั้งสองท่าน คงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ท่านจะนำชื่อที่หลวงปู่ปานวัดบางนมโค ซึ่งท่านใช้เรียกลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งหมายถึง พระราชพรมยาน(ฤาษี ลิงดำ) หลวงพ่อ........(ฤาษีลิงขาว) หลวงพ่อ........(ฤาษีลิงเล็ก)มาสงสัยว่าใครเป็นท่านนั้นท่านนี้ เพราะนั่นเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะตนที่คนๆนั้นได้ทำบุญร่วมกับท่านมาเกี่ยวเนื่องกันมา หลวงปู่ทั้งสองท่านจึงสงเคราะห์แล้วคนๆนั้นก็จะรู้ได้ด้วยตนเอง ถ้าหากเราเคารพครูบาอาจารย์คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรมยาน (วัดท่าซุง)ก็จงปฏิบัติตามคำสั่ง-คำสอน ของท่านด้วยดีเถิดทำให้สมกับที่พวกเราทุกคนได้ยกท่านเป็นครูอาจารย์ เรื่องอื่นอย่ายุ่งเลย เพราะคนที่เขากำลังใจยังอ่อนแล้วไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะตกนรกได้ แล้วฉันขอบอกไว้เลยว่า ถึงแม้พระคุณเจ้ารูปนั้นจะเป็นหลวงปู่ฤาษีทั้งสอง พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ไม่ให้เรียกชื่อท่านตามที่หลวงปู่ปานเรียกนะ
     
  17. sungsungwan

    sungsungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +276
    ท่านทั้งสองที่คุณอยากทราบนั้น เป็นสหายธรรมมิกกับหลวงพ่อ และ ถ้าคุณอยากจะทราบมากกว่านี้ ผมว่าต้องไปที่วัดพระธาตุห้าดวง อ.ลี้ จ.ลำพูน
    ปล.ถ้าอยากจะเจอท่านทั้งสอง อธิฐานาจิตครับ ถ้าบุญกุศลเก่าเคยผูกพัน/เนืองกับท่านทั้งสอง ผมว่าท่านทั้งสองจะมาสงเคราะห์ครับ
     
  18. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    กระทู้แบบนี้ เห็นมีหลายกระทู้เหลือเกิน ถามในหลาย ๆ ห้องด้วยเหมือนกัน

    แนะนำว่า ผู้มาศรัทธา พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ วัดท่าซุงใหม่นั้น ควรจะต้องศึกษาจากตำราที่ท่านเขียนไว้ให้มากก่อนนะครับ

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านเป็นพระโบราณ เพราะฉะนั้นเรื่องคำสั่งครูบาอาจารย์ ท่านไม่ขัดคำสั่งแน่นอน และ สหธรรมิกของท่านก็เช่นเดียวกัน

    ดังนั้นที่มักจะมีผู้อ้างที่นั่น ที่นี่ ที่ไหนก็ตาม ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ
     
  19. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ผมใคร่ขอแนะนำ ให้ทำเป็นกระทู้ปักหมุดเอาไว้เลยนะครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปจะต้องมีคนสงสัยแบบนี้อยู่ (เท่าที่สังเกตมานานแล้ว ก็ยังไม่เลิกสงสัยกันเสียที)

    และทุกครั้ง ก็จะมีผู้ที่เชื่อไปในทางไม่ถูกต้อง มา post อยู่ทุกครั้งเหมือนกัน ถ้าลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านใด ศรัทธาจริตสูง ก็มักจะคล้อยตามไปทุกครั้ง กว่าจะแก้ไขให้เข้าใจได้ตรงกันใหม่ ก็เสียเวลานานมาก

    เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากจะแนะนำให้ปักหมุดกระทู้นี้ไว้เลย จะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป ถ้าสงสัยจะได้จบ ๆ กันไปเสียที
     
  20. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    คัดจากหนังสืออ่านเล่น เล่มที่ ๒๑ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ

    "...ก็มีวัดอะไร วัดหนองกุย วัดหนองกุยนี่ความจริงท่านให้โยมเสงี่ยมพามา นิมนต์ไปวัดหนองกุย
    ความจริงอาตมาก็ไม่ทราบว่าวัดหนองกุยอยู่ที่ไหนตามปกติแล้วไม่รับนิมนต์ภายนอกก็ปิดป้ายไว้แล้ว
    ไม่รับกิจนิมนต์ภายนอก และโยมเสงี่ยมก็พามา อาตมาก็บอกว่า ถ้าหากว่าไปที่บ้านคุณสมบูรณ์ (คุณสมบูรณ์ เวสารัชชานนท์ )ที่ห้วยสะท้อน อำเภอท่าใหม่ (จังหวัดจันทบุรี)


    ถ้ามีความสบายดี และมีความสะดวกก็จะไป ถ้าไม่สบายก็ไม่ไป ตกลงไว้ตามนี้
    ครั้นเมื่อไปบ้านคุณสมบูรณ์จริง ๆ เกิดถ่ายจริง ๆ ตั้ง ๑๐ ครั้ง มันก็ไปไม่ไหว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เมื่อรถเลี้ยวเข้าห้วยสะท้อน เห็นป้ายเขาเขียนบอกว่า ที่วัดหนองกุยจะมีเทศน์ภาณยักษ์ทรงเครื่อง
    และมีการเป่ายันต์มหาเกราะเพชร โดยฤาษีลิงขาว ฤาษีลิงดำ และสามเณรน้อย จังหวัดอ่างทอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...