พระผู้ทรงอภิญญา รู้ภาษาสัตว์และภาษาคนได้ทุกชาติทุกภาษา ตอนที่ ๙ พบพระนางสร้อยดอกหมาก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 1 มกราคม 2009.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]
    หลวงปู่สีโห เหมโก
    พระผู้ทรงอภิญญารู้ภาษาสัตว์และคนได้ทุกชาติทุกภาษา
    เปิดตำนานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์สำคัญของอยุธยา ถึง ๒ องค์
    คือ หลวงพ่อวัดมงคลบพิตรและหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
    เปิดเผยความจริงจากตำนาน เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก วัดพนัญเชิง
    มีอายุก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาถึง ๓๐๐ ปี

    โดย สิทธา เชตวัน

    [​IMG]

    ตอนที่ ๙ พบพระนางสร้อยดอกหมาก<O:p</O:p
    ทันใดก็ปรากฏมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าประตูวิหารมา
    ขณะนั้นหลวงปู่นั่งหันหลังให้ประตู แต่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างประหลาด
    ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้หันไปมองเลย ทำให้ท่านรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มนุษย์
    เป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์มาก รูปร่างเธอสวยเหลือเกิน สวยเกินมนุษย์ปกติทั่วไป
    ผิวขาวผ่องยองใย ลักษณะเป็นคนจีน หน้าตาอิ่มเอิบมีบุญญาธิการ แต่งองค์
    ทรงเครื่องนางพญาพระเจ้ากรุงจีน เหมือนพวกงิ้วแต่งยังงั้นแหละ
    ท่าทางเดินอ่อนช้อย งามสง่า เท้าไม่ติดพื้นคล้ายลอยมา
    เธอเดินค้อมตัว ย่อตัวหลีกหลวงปู่ไปทางขวามือ แล้วหยุดยืนอยู่ในระยะห่าง
    พอสมควร ทำกิริยายิ้ม จ้องดูหลวงปู่

    หลวงปู่มองดูนางเต็มตา เป็นการมองด้วยตาเนื้อตามปกติ เพราะท่านได้ออก
    จากสมาธิแล้วนั่นเอง ก็เหมือนคนเรามองดูกันธรรมดาอย่างสบายนั่นแหละ
    หลวงปู่ได้เอ่ยถามทักทายขึ้นว่า "เจริญพรโยม" เธอยอบตัวลงนั่งพับเพียบ
    เรียบร้อยบนเสื่อน้ำมันที่ปูหน้าแท่นสักการะบูชา แล้วก้มกราบหลวงปู่ แล้ว
    กล่าวปฏิสันถานขึ้นด้วยสุ้มเสียงไพเราะ "สาธุ พระผู้เป็นเจ้า หม่อมฉันขอนมัสการ"
    หลวงปู่ถาม "โยมมาจากไหน" "หม่อมฉันอยู่ที่นี่มานานแล้วพระผู้เป็นเจ้า" เธอตอบยิ้มๆ
    "อยู่วัดนี้หรือ" หลวงปู่ถามด้วยความแปลกใจ
    "ชาวบ้านเขาสร้างศาลให้อยู่ ติดกับพระวิหารหลังนี้ ชื่อศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก"
    เธอตอบยิ้มๆ หลวงปู่นึกออกได้ทันที เพราะเคยรู้เรื่องราว
    จากพระราชพงศาวดารมาบ้างเหมือนกัน
    "อ้อ งั้นโยมก็เห็นจะใช่ เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก พระราชธิดาเจ้ากรุงจีนน่ะซิ"
    "ถูกแล้วพระผู้เป็นเจ้า" พระนางสร้อยดอกหมากตอบ
    "อาตมาขอถวายพระพร ทีแรกไม่รู้ว่าจะเป็นพระนาง เมื่อรู้แล้วเช่นนี้
    ก็มีความยินดีที่ได้รู้จัก พระอัครมเหสี พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ผู้มีบุญญาภิสังขารยิ่งใหญ่
    ในสมัยโบราณกาลก่อนกระโน้น" หลวงปู่กล่าวฉันท์เมตตาจิต
    พระนางสร้อยดอกหมากยิ้มละมัย ประนมมือสาธุรับพร
    หลวงปู่ได้ถามพระนางต่อไปว่า "พระนางอยู่ที่วัดนี้มานานแล้วประมาณสักกี่ปี"
    พระนางตอบว่า "หม่อมฉันอยู่ที่ศาลแห่งนี้มานานเกือบพันปีแล้วพระผู้เป็นเจ้า"
    หลวงปู่ถามต่อ "ก็นับว่าพระนางอยู่ที่นี่นานโขอยู่ ด้วยวิบากกรรมอันใดเล่า
    พระนางถึงไม่ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้าเสวยสุขอันเป็นทิพย์"
    พระนางได้ตอบว่า "พระผู้เป็นเจ้าก็ย่อมจะทราบดีอยู่แล้วว่า หนึ่งวันในโลกวิญญาณ
    เท่ากับ ๑๐๐ ปีในโลกมนุษย์ หม่อมฉันละร่างจากโลกมนุษย์มาอยู่โลกวิญญาณ
    ยังไม่ถึง ๑๐ วันเลย หม่อมฉันยังจะต้องอยู่ในโลกวิญญาณต่อไปอีกนาน
    หลายร้อยปี จนกว่าจะสิ้นกรรม"
    หลวงปู่ถามต่อว่า "หลายร้อยปีของโลกวิญญาณใช่ใหม"
    พระนางกล่าวตอบว่า "ถูกแล้วพระผู้เป็นเจ้าวิบากของหม่อมฉัน
    เนื่องด้วยชาติปางก่อนเคยเกิดเป็นแม่ชี สำเร็จได้ฌานสมาบัติ
    แล้วเกิดอุปาทานหลงผิด เบื่อหน่ายในสังขาร ต้องการจะสำเร็จ
    เพื่อละร่างไปสู่สวรรค์ จึงได้กระทำอัตตวินิบาตกรรมด้วยการผูกคอตาย
    ผลของการได้ฌานสมาบัติ แต่ไม่ได้เข้าฌานขณะที่ตาย และเป็นการตายโดย
    ที่ยังไม่ถึงวาระเช่นนี้ วิบากกรรมนั้นส่งผลอยู่สองประการคือ
    ถ้าไม่เกิดเป็นเทวดาอำมาตย์ของท้าวเวสสุวรรณ ก็จะเกิดเป็นภุมเทวดา
    เป็นพระภูมิเจ้าที่หรือเทพารักษ์สถิตย์อยู่ตามศาลเจ้า
    แต่วิบากแต่หนหลังอันซับซ้อนของหม่อมฉันที่ผูกคอตายในชาติที่เป็นแม่ชี
    ได้รับผลบุญได้เกิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีนเสียก่อน แล้วจึงได้
    อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้ง หลังจากนั้นกรรมหนักที่เคยผูกคอตาย
    ก็ตามมาตัดรอน ทำให้หม่อมฉันเกิดความน้อยใจ หลงผิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
    ผูกคอตายอีก เพราะถูกพระเจ้าสายน้ำผึ้งขัดใจ"
    หลวงปู่ได้ถามต่ออีกว่า "แล้วพระเจ้าสายน้ำผึ้งล่ะ ท่านไปเกิดแล้วหรือว่า
    ยังมีวิบากเกี่ยวพันกันอยู่อีก"

    ข้อมูลจากหนังสือในเครือโลกทิพย์
    หนังสือทิพย์ ตายแล้วไปไหนเล่มที่ ๑๕
    <O:p</O:p
    โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ ๑๐ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง (ตำนานประวัติน่าอัศจรรย์
    ของพระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระนางสร้อยดอกหมาก)
    http://palungjit.org/showthread.php?t=167142

    ตอนที่ ๑๑ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ตำนานสร้างพระศักดิ์สิทธิ์ ๒ องค์ (หลวงพ่อมงคลบพิตรและหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง)
    http://palungjit.org/showthread.php?t=167717<O:p</O:p
    ตอนที่ ๑๒ พุทธปาฏิหารย์
    http://palungjit.org/showthread.php?t=168904

    ลิงค์ไปยัง พระผู้ทรงอภิญญาฯ ตอนที่ ๑
    http://palungjit.org/showthread.php?t=161089

    ด้วยในวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๒
    ขอนำพรปีใหม่จากศูนย์พุทธศรัทธามอบแก่ทุกท่านครับ

    [​IMG]

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
  3. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    เจ้าแม่ท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะคับ

    เคยไปกราบขอพร ก็สำเร็จครับ
     
  4. 我是泰国福建人

    我是泰国福建人 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +306
    โหยกำลังมันส์ +++ พระนางสร้อยดอกหมาก ด้านบนเป็นการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระนางสร้อยดอกหมาก

    ----------------------------------------------------------------------


    เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก

    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เรื่องเจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากนี้เกี่ยวข้องกับตำนานการสร้างวัดพนัญเชิญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเจ้าชายสายน้ำผึ้ง สร้างวัดนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์รักแด่พระนางสร้อยดอกหมากพระมเหสีที่ทิวงคตลงด้วยความเข้าใจผิดของพระนางเองยังความโศกเศ้ราเสียใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังมีเรื่องเล่าต่อไปนี้




    สมัยก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้นราชอาณาจักรไทยในเวลานั้น เกิดว่างกระษัตริย์ปกครองบ้านเมือง เพราะกษัตริย์องค์ก่อนสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาท เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์ทั้งหลายจึงทำพิธีเสี่ยงทาย หาผู้มีบุญญาธิการมาเป็นกษัตริย์โดยการอัญ - เชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องหมายแห่งความเป็นกษัตริย์) ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์พายไปตามแม่น้ำ เมื่อเรือเดินทางไปถึงตำบลหนึ่งก็ ไม่ยอมไปต่อไม่ว่า ฝีพายจะออกแรงพายสักเท่าใดเรือก็ ไม่ขยับเขยื้อนเลยเหล่าเสนาบดีและอำมาตย์คิดว่าคงเป็นเพราะมีผู้มีบุญอยู่ที่ตำบลนี้ จึงพากันขึ้นบกเพื่อไปสืบหา ก็พบเด็กเลี้ยงควายกลุ่มหนึ่ง กำลังเล่นเป็นพระราชากันอยู่ เหล่าขุนนางเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนจอมปลวกสมมุติว่าเป็นพระราชาและมีเด็กอื่นๆนั่งคุกเข่าที่พื้นดิน




    "อำมาตย์จุก ที่เราให้ท่านไปดูแลราษฎรทางเมืองเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ราษฎรของเรามีเรื่องทุกร้อนประการใดบ้าง ข้าวปลาอาหารบริบูณ์ดีไหม โจรผู้ร้ายชุกชุมรึเปล่า รายงานให้เราฟังหน่อยสิ" เด็กที่เป็นพระราชากล่าว




    "ราษฎรอยู่ดีกินดี ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ดี โจรผู้ร้ายก็ไม่มีพระเจ้าข้า" เด็กจุกบอกพร้อมกับแสดงความเคารพ




    "แล้วท่านเสนาแกละล่ะ หัวเมืองทางใต้เป็นอย่างไร จงว่าไปซิ" เด็กชายผู้เป็นพระราชาหันไปถามเด็กชายแกละ




    "ก็เรียบร้อยดีเหมือนทางเหนือพระเจ้าข้า" แกละตอบ




    เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์เห็นรูปร่างลักษณะและท่าทางของเด็กที่เล่นเป็พระรา-




    ชาแล้วเห็นว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ นอกจากนี้ การพูดการจาก็แสดงว่าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์จึงแจ้งความประสงค์ แล้วเชิญเด็กคนนี้ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์ ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เพราะเรือพระที่นั่งเคลื่อนที่กลับเมืองไปอย่างง่ายดาย เสนาบดี อำมาตย์ และประชาชนทั้งปวงจึงพร้อมใจกันจัดพิธีราชาภิเษกให้เด็กคนนี้ขึ้น




    เป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า "เจ้าชายสายน้ำผึ้ง"




    เหตุที่ได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งนั้นเพราะวันหนึ่งขณะเสด็จประพาสทางชลมารคเมื่อ เดิน -ทางไปถึงวัดปากครอง ทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งจับอยู่ที่อกไก่ใต้ช่อฟ้า พระองค์จึงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์มีบุญญาธิการที่จะปกครองบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปแล้ว ก็ขอให้น้ำผึ้งหยดลงมากลั้วเอาเรือขึ้นไปถึงกำแพงแก้วเถิด พอสิ้นคำอธิษฐาน ก็มีน้ำผึ้งไหลลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งขึ้นไปประทับจนถึงกำแพงแก้วนั้น พระองค์จึงได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา




    ส่วนทางเมืองจีนก็ เกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้มีบุญญาธิการเกิดจากจั่นหมากพระเจ้ากรุงจีนจึงรับมาเป็นราชธิดาบุญธรรมแล้วตั้งชื่อว่า เจ้าหญิงสร้อยดอกหมาก เมื่อเจริญวัยขึ้น เจ้าหญิงมีสิริโฉมงดงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น พระเจ้ากรุงจีนต้องการให้นางมีคู่เป็นผู้มีบุญญาธิการเหมือนกัน จึงให้โหรทำนายดวงชะตาของเจ้าหญิง




    "ข้าพระพุทธเจ้าตรวจดูดวงชะตาของเจ้าหญิงดูแล้ว ตามตำราบ่งบอกว่า เนื้อคู่ของเจ้าหญิงเป็นกษัตริย์เมืองไทยพะย่ะค่ะ" โหรทำนาย




    "ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะได้ให้ราชทูตนำสารไปแจ้งแก่กษัตริย์เมืองไทย" พระเจ้ากรุงจีนตรัส




    เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งได้รับสาสน์จากพระเจ้ากรุงจีนก็ยินดียิ่งนักจึงตรัสตอบราชทูตไปว่า




    "ท่านจงไปกราบทูลพระเจ้ากรุงจีนว่าเรายินดีและขอบพระทัยมากที่ยกเจ้าหญิงสร้อยดอก - หมากให้เป็นมเหสีของเรา แล้วเราจะเดินทางไปอภิเษกสมรสในเดือนสิบสองนี้"




    เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงเดินทางไปเมืองจีนโดยเรือพระที่นั่งเอกชัยเพียงลำเดียวเมื่อเดินทางไปถึงปากอ่าวไพ่ ประชาชนชาวจีนต่างพากันสรรเสริญเจ้าชาย ที่มีบุญญาธิการเดินทางมาถึงเมืองจีนด้วยเรือพายได้อย่างปลอดภัย




    พระเจ้ากรุงจีนต้องการทดสอบความกล้าหาญของเจ้าชายสายน้ำผึ้งจึงให้อำมาตย์อัญเชิญเรือพระที่นั่งไปประทับที่ อ่าวเสือ และอ่าวนาค แห่งละหนึ่งคืนเสร็จแล้วให้อำ มาตย์มารายงาน ความเป็นไปให้ทรงทราบ




    "เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงมีความกล้าหาญและมีบุญญาธิการ เหมาะสมกับเจ้าหญิงสร้อยดอก -หมากอย่างแท้จริงเพราะพระองค์สามารถประทับที่อ่าวเสือและอ่าวนาคแห่งละคืนได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้แล้ว ในเวลากลางคืนยังได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อมทั้งคืน โดยที่ไม่เห็นตัวผู้บรรเลงด้วยพระเจ้าข้า" อำมาตย์กราบทูล




    "ดีจริง ถ้าเช่นนั้น ท่านอำมาตย์รีบไปจัดขบวนเกียรติยศ เชิญเสด็จเจ้าชายเข้ามา เราจะได้จัดการอภิเษกสมรสกับลูกหญิงของเราให้เรียบร้อย"เจ้ากรุงจีนตรัสด้วยความดีพระทัย




    หลังจากเสร็จพิธีอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าชายสายน้ำผึ้งพร้อมด้วยพระมเหสีคือ พระนางสร้อยดอกหมากก็ทูลลาพระเจ้ากรุงจีนเสด็จกลับเมืองไทยเพราะว่าเจ้าชายเป็นห่วงราชกิจที่เมืองไทย พระเจ้ากรุงจีนจึงรับสั่งให้จัดเรือสำเภาห้าลำ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคอีกมากตามมาส่งเสด็จถึงเมืองไทย




    ที่เมืองไทยเหล่าขุนนางผู้ใหญ่พร้อมด้วยพระราชาคณะ๑๕๐รูปได้ออกไปต้อน รับพระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระมเหสีที่เกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชี่อว่า "เกาะพระ" เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากเสด็จมาถึงปากน้ำแม่เบี้ยท้ายเมืองเจ้าชารับ สั่งกับพระนางว่า




    "น้องจ๋า เราเดินทางมาถึงบ้านเมืองของพี่แล้ว หากน้องจะเข้าวังในเวลานี้จะไม่สมเกียรติของราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน น้องจงคอยพี่อยู่ที่นี่ก่อน พี่จะเข้าไปในวังเพื่อจัดขบวนเกียรติยศมารับนะจ๊ะ"




    "เพคะ น้องจะคอยเสด็จพี่อยู่ที่นี่" พระนางสร้อยดอกหมากรับปาก




    เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งเสด็จกลับวังก็มีราชกิจมากมายเพราะจากบ้านเมืองไปนาน จึงไม่ได้ออกมา รับพระนางสร้อยดอกหมาก ด้วยพระองค์เอง มีแต่อำมาตย์และขบวนเกียรติยศมารับแทน พระนางจึงไม่ยอมเสด็จไปพร้อมกับขบวนและตรัสกับผู้มารับว่า




    "เรากับเสด็จพี่เดินทางมากลางทะเลฝ่าคลื่นลมอันตรายมาด้วยกันเป็นเวลานานกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่เมื่อมาถึงล้วเสด็จพี่กลับเข้าวังและไม่กลับออกมารับเราอีก เราเสียใจมาก พวกท่านไปทูลเสด็จพี่ด้วยว่าถ้าไม่ออกมารับเราด้วยตัวเองแล้วเราจะไม่ไป" พระนางตรัสด้วยความน้อยพระทัย




    เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงทราบว่าพระนางสร้อยดอกหมากไม่ยอมเสด็จมาก็สัพยอกกลับไปว่า




    "เมื่อมาถึงแล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด"




    พระนางสร้อยดอกหมากทรงทราบว่าเจ้าชายตรัสเช่นนั้นทำให้เสียพระทัยมากขึ้น วันรุ่งขึ้นเจ้าชายเสด็จมารับด้วยพระองค์เอง พระนางสร้อยดอกหมากจึงตัดพ้อต่อว่าว่า




    "เมื่อเสด็จพี่ไม่ยอมมารับน้องไม่รักน้องแล้วใช่ไหม เมื่อไม่รักแล้ววันนี้จะเสด็จมารับทำไม น้องไม่ไปเพคะ"




    "พี่ขอโทษนะจ๊ะ เมื่อวานนี้มีราชกิจมากพี่จึงมารับน้องไม่ได้ วันนี้พี่ก็มารับน้องแล้ว เข้าไปในวังด้วยกันเถิดนะจ๊ะ" เจ้าชายพยายามง้องอน




    "ไม่ไปเพคะน้องไม่ไป" พระนางยืนยัน




    "เมื่อไม่ไปก็จงอยู่ที่นี่เถิด" เจ้าชายแกล้งหยอกเย้า




    พระนางสร้อยดอกหมากเสียพระทัยมาก คิดว่าพระสวามีไม่รักพระนางแล้วจริงๆทำให้ตรัสเช่นนั้น พระนางจึงกลั้นใจตาย เจ้าชายสายน้ำผึ้งแก้ไขเหตุการณ์ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ทรงโสกเศร้าเสียใจมาก โปรดให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะแล้วทรงสร้างวัดเพื่อเป้นอนุสรณ์ว่า "วัดพระนางเชิญ" หรือ "วัดแพนงเชิง" หรือ "วัดพนัญเชิญ" ซึ่งปัจจุบันคือวัดพนัญเชิญวรวิหารตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลูริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรุปที่สำคัญคือ "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือชาวไทยเรียกว่า หลวงพ่อโต ชาวจีนเรียกว่า ซำปอกอ เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากทั้งชาวไทยและชาวจีน




    วัดพนัญเชิงวรวิหารนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2009
  5. นักพรตเหมา

    นักพรตเหมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +305
    การฆ่าตัวตายไม่ใช่เรื่องดีเลย ยังไงก็ขอให้เจ้าแม่ท่านได้เสวยสุขบนสวรรค์เถิด อนุโมทนา
     
  6. trirut

    trirut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,420
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ขอบคุณครับ
     
  7. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอรับ
    เป็นความรู้อย่างมากเลยครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  8. Satanina

    Satanina สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +11
    ไปทุกปี รู้สึกว่าชอบมากๆ เลยค่ะ ชอบอยู่ในวิหารใหญ่ ถึงจะจอแจ แต่เหมือนอยู่คนเดียว ชอบนั่งมอง พระพุทธพักตร์ เมื่อเห็นแล้ว น้ามตาจะชอบไหล อิ่มใจดีคะ แล้วจะไปอีกเร็วๆนี้ ในวันที่ 03/02 ระหว่าง สิบโมงเช้า ถึง เที่ยงๆ ค่ะ
     
  9. nop_2550

    nop_2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +341
    ครอบครัว พชรโพธิ์เจริญ ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวค่ะ ตรงกับตำนานที่เคยได้ยินมาเลยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...