สมถะกัมมัฏฐาน และ วิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่ถุกต้อง เขียนเองโดย telwada

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย telwada, 16 ธันวาคม 2008.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สมถะ กัมมัฏฐาน และ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน แบบง่ายๆ
    สมถะ กัมมัฏฐาน หมายถึง การปฏิบัติสมาธิ แบบธรรมดา คือ การเอาใจจดจ่อ หรือ การเอาใจฝักใฝ่ หรือการเอาใจเข้าไปผูกอยู่ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความคิด เพื่อไม่ให้เกิด อารมณ์ หรือเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึก หรือ เพื่อไม่ใช้เกิดสภาพสภาวะจิตใจในรูปแบบต่างๆกัน เช่น ดีใจ เสียใจ ห่วงหา วิตก กังวล ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
    รวมความแล้ว สมถะ กัมมัฏฐาน คือ การฝึกควบคุมสรีระร่างกาย ในด้าน ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกฯลฯ มิให้ฟุ้งซ่าน คือให้สงบ
    ผลแห่งการฝึกปฏิบัติ สมถะ กัมมัฏฐาน หรือสิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติ สมถะ กัมมัฏฐาน ก็คือ สติ- สัมปชัญญะ ทำให้สมองสติปัญญา ดีขึ้น ฯลฯ


    วิปัสสนา กัมมัฏฐาน หมายถึง การปฏิบัติสมาธิ โดยการเอาใจจดจ่อ หรือเอาใจฝักใฝ่ หรือการเอาใจเข้าไปผูกอยู่ในหลักวิชชาการอันเป็นญาณที่นับเข้าในวิปัสสนา และหรือ หลักธรรมะทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติได้ หรือจะเรียกแบบภาษาทั่วๆไปว่า "ปัญญา"
    วิปัสสนา กัมมัฏฐาน จะต้องประกอบ ด้วยสมถะ กัมมัฏฐาน คือต้องมีการปฏิบัติ สมถะ กัมมัฏฐานมาดีแล้ว จึงจะสมควรฝึกวิปัสสนา หรือจะกล่าวอีกในรูปแบบหนึ่ง ก็คือ วิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นขั้นตอนต่อจากสมถะ กัมมัฏฐาน

    ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า สมถะกัมมัฏฐาน ต้องมาก่อน วิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นเพียงการกล่าวในหลักวิชชาหรือหลักการปฏิบัติธรรมะ ตามหลักพุทธศาสนาเท่านั้น
    แต่ถ้าหากเป็นไปตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแล้ว
    อุบายให้ใจสงบ หรือ สมถะกัมมัฏฐาน กับ อุบายเรืองปัญญา หรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน จะควบคู่กันมา เหตุเพราะ เป็นธรรมชาติ ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยเฉพาะมนุษย์ อันเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อม และการได้รับการขัดเกลาทางสังคม ในทุกด้าน และยังหมายรวมถึง กรรมพันธุ์ อีกด้วย ในที่นี้จะไม่อธิบายในรายละเอียด อันยังมีอีกมากมายเกี่ยวเรื่องของสมาธิ กับ พฤติกรรม หรือการกระทำใดใด ของมนุษย์
    ซึ่งสามารถที่จะพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเองว่า มีจริง เป็นจริงดังที่ข้าพเจ้าได้สอนไป ความจริงแล้วก็สอนหลายครั้งหลายหนแล้ว
    ถึงอย่างไรก็ตาม เหตุเพราะมนุษย์มีสมาธิ (อันหมายถึง สมถะกัมมัฏฐาน) และย่อมมีการใช้สมอง การคิด การระลึกนึกถึงหลักวิชาการ วิธีการ หรือเทคนิคในการทำกิจการใดใด (อันหมายถึง วิปัสสนากัมมัฏฐาน) อยู่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
    ดังนั้น พุทธศาสนา จึงนำเอาธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง มากำหนดเป็นหลักการ หรือวิธีการ ในการปฏิบัติธรรมะ เพื่อการขจัดอาสวะแห่งกิเลสทั้งมวล
    ดังนั้นข้อแตกต่างระหว่าง สมาธิ ในธรรมชาติทั่วไปของสิ่งมีชีวิต จึง แตกต่าง จาก สมถะกัมมัฏฐาน อยู่บ้าง ขอให้ท่านทั้งหลายได้คิดพิจารณาดูด้วยตัวเอง เป็นการฝึกตัวเองในชั้นหนึ่ง
    และก็เช่นกัน ข้อแตกต่างระหว่าง การใช้สมอง การคิด การระลึกนึกถึง หลักวิชาการ วิธีการ หรือเทคนิคในการทำกิจการใดใด ก็ย่อมมีข้อแตกต่าง จากการปฏิบัติ วิปัสสนากัมมัฏฐาน อยู่บ้าง ก็ให้ท่านทั้งหลายผู้สนใจได้คิด พิจารณาดูด้วยตัวเอง ก็จะเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ก็อย่าลืมว่า หลักวิชาการหลากหลายชนิด ที่สามารถนับเข้าในวิปัสสนาได้
    หมายความ สามารถเป็นหลักวิชชาที่สามารถทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และเป็นเครื่องช่วยในการขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2008
  2. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
    สอบถามเล็กน้อย

    คำว่า กรรมฐาน และ คำว่า กัมมัฏฐาน
    จริง ๆ แล้ว ต้องใช่ คำไหน กันแน่ครับที่ถูกต้อง
     
  3. SaveMax

    SaveMax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +578
    สมถะ คือเอาสติไปเพ่งอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง ทำไปเพื่อความสงบ
    วิปัสสนา คือเอาสติเผ้าดู รู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น และพิจารณาให้เห็น ไตรลักษณ์
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817

    วิเคราะห์และขยายความ จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ พระธรรมปิฏก คำว่า

    กัมมัฏฐาน เป็นคำที่มีมาดั้งเดิม ขอรับ
    ส่วนที่เขียน กรรมฐาน เป็นคำที่นิยมเขียนเท่านั้นขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  5. มู๋นก

    มู๋นก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุญาต....ถ้าจะพิสูจน์ว่า....คนเราไม่ต้องมีการฝึกกรรมฐานก่อนก็ได้...ก็มีคะ...แต่คุณต้องถามตัวและใจคุณก่อนว่า....
    1.คุณพร้อมที่จะเป็นกระดาษหรือกระดานหรือแก้วว่างๆๆหรือเปล่า????
    2.เมื่อการปฏิบัติเป็นเรื่องของคุณ....ล้วนๆๆ...คุณก็ต้องมีกำลังใจที่จะตั้งใจปฏิบัติอย่าง
    เต็มกำลัง
    3.เชื่อฟังครูอาจารย์ที่ให้คำแนะนำตลอดการปฏิบัติ
    4.ปฏิบัติตามกติกาตลอดการปฏิบัติ ( เพื่อการพิสูจน์ และ ตัวคุณเอง )
    ....................ขอแนะนำการปฏิบัติวิปัสนาเคลื่อนไหว...โดยหลวงพ่อเทียน จิตตสุโธ
    ....................ผู้ที่ปฏิบัติแล้วรู้แล้วและแนะนำผู้อื่นแล้ว คือ ผู้เขียนหนังสือ เข็มทิศชีวิต น่ะคะ...............ขอเชิญผู้ที่...อยากรู้จักตัวเองก่อนที่จะรู้จักผู้อื่นและผู้ปรารถนาการมีสุขทุกขณะเพราะปัญญาบรรเจิดนะคะ........จาก...ความหวังดีไม่มีประมาณและประเมินไม่ได้คะ........
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณขอรับ คุณกลับไปอ่านกระทุ้นี้ และทำความเข้าใจให้ดีอีกครั้งนะขอรับ เพราะที่คุณแสดงความคิดเห็นมานั้น ดูเหมือนคุณไม่ได้มีความเข้าใจ ตามหลักการที่ข้าพเจ้าได้สอนไป
    คุณไม่ต้องโฆษณา เอาพระสงฆ์มาเสื่อมเสียด้วยเลยขอรับ
    สิ่งที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าผู้ใด พระสงฆ์รูปใด ประพฤติปฏิบัติอยู่ ต้องแก้ไขให้มีบรรทัดฐานเดียวกัน
    คือให้เป็นไปตามหลักความจริง ที่ข้าพเจ้าได้เขียนสอน อย่าได้อุตริ คิด หรือทำ โดยการรู้เท่าไม่ถึงกาล ขอยืนยันว่า ทุกสำนักปฏิบัติธรรมที่มีอยู่ไม่ว่าจะในประเทศไทย หรือนอกประเทศไทย ต้องปรับเปลี่ยน ให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ตามหลักการ หรือวิชาการ ที่ข้าพเจ้าได้สอนไว้
    ข้อเน้นอีกครั้งว่า อย่าอุตริ คิดพิเรน(แผลง) ประพฤติ หรือปฏิบัติ ที่นอกเหนือจากที่ข้าพเจ้าสอน เพราะมันจะมีผลต่อไปในอนาคต
    ที่กล่าวไป ไม่ใช่เป็นการปรมาสพระสงฆ์ ในสำนักใดใดก็ตาม แต่เตือนให้ทำตาม ก่อนที่จะสายเกินแก้ไข ขอรับ
    เหตุเพราะ ข้าพเจ้าผู้เดียว ย่อมแก้ไขอะไรได้ไม่มากนัก หากพระสงฆ์ผู้เป็นสาวกผู้เป็นสมมุติสงฆ์แห่งพุทธศาสนา ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นบรรทัดฐานอันเดียวกัน และเป็นไปตามหลักความจริง เป็นไปตามหลักธรรมชาติ หมายรวมไปถึง เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์
    ศาสนาย่อมเจริญ มนุษย์ย่อมก็เจริญยิ่งๆขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สรุปรวมๆทำไมความหมายเหมือนกันเลยล่ะครับ
    หากวิปัสนายังเป็นการทำการคิดอยู่ การพิจารณาอยู่ มันก้อยู่กับ การคิด อย่างนั้นนิพพานก้ได้มาจากการคิดเอา ปัญญาก็ได้จากการคิดเอาอย่างนั้นเหรอครับ ....
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สิ่งที่คุณถามมา หมายถึงอะไรขอรับ ที่ว่า ความหมายเหมือนกัน
    ถ้าคุณหมายถึงข้อความที่เขียน กับ ตัวสรุปความ เหมือนกัน ก็ถูกแล้วนี่ขอรับ เพราะตัวสรุป เป็นการย่อความที่ได้เขียนไปขอรับ

    ส่วนที่คุณถามว่า วิปัสสนา ยังเป็นการคิดอยู่ พิจารณาอยุ่ มันก็อยู่กับการคิด อย่างนั้น นิพพาน ก็ได้จากการคิดเอาปัญญาก็ได้จากการคิดเอา
    คำตอบคือ......
    ถ้าคุณไม่คิดพิจารณาคุณก็ไม่มีทางเกิดปัญญา และไม่มีทางบรรลุชั้นอริยะบุคคลตั้งแต่ชั้น โสดาบัน เป็นต้นไปขอรับ (นิพพานยังยากสำหรับคุณหรือใครใคร เอาแค่โสดาบันก่อน)
    แต่การวิปัสสนา เป็นการคิดพิจารณา ตามหลักธรรมหรือหลักการอันเป็นแก่นแท้ ฯลฯ ขอรับ ถ้าคุณเคยได้อ่าน หลักธรรมที่ข้าพเจ้าเคยได้สอนไป คุณก็จะเกิดความรู้ความเข้า คุณลองหาอ่านในหมวดอภิญญานี้น่าจะมีถ้าเขาไม่ลบไปหรือย้ายไป
    เมื่อคุณหรือผู้ใดก็ตาม รู้จักวิธีวิปัสสนาแล้ว ก็จะสามารถรู้และเข้าใจในหลักธรรม หรือหลักการอันเป็นแก่นแท้ ปัญญาก็จะเกิด เมื่อปัญญาเกิด ก็จะสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้ หรือสามารถรู้จักวิธีการขจัดอาสวะแห่งกิเลสให้ออกจากร่างกายได้
    หมายความว่า เมื่อคุณคิดพิจารณา จนมีปัญญาแล้ว ก็จะขจัดอาสวะหรือรู้จักวิธีการหรือเข้าใจในการขจัดอาสวะแห่งกิเลส ได้
    เพราะปัญญา คือ ความรู้ ความเข้าใจ วิธีการ หรือหลักการ ที่สามารถปฏิบัติได้ โดยอัตโนมัติ

    หมายเหตุ....
    อ่านตัวหนังสือหนาๆ อย่างช้าๆ และพิจารณาอย่างช้าๆ ก็จะเกิดความเข้าใจ อย่าคิดออกนอกคอก คิดตามกรอบที่เขียนไว้ ก็จะรู้ด้วยตัวเองขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2008
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    แต่การวิปัสสนา เป็นการคิดพิจารณา ตามหลักธรรมหรือหลักการอันเป็นแก่นแท้ (ถามครับ...หลักธรรมคือการพิจารณาเหรอแล้วการพิจารณาทำอย่างไรยกตัวอย่างการพิจารณาให้ดูให้เห็นซักหัวข้อชัดๆได้ไหมครับยังสงสัยว่าพิจารณาเค้าทำอย่างไรถึงเรียกว่าพิจารณา)
     
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คำว่า พิจารณา นั้นความจริงแล้วคุณน่าจะเปิดหาในพจนานุกรมไทยดูก็ได้ เพราะความหมายตรงตัวอยู่แล้ว
    หากเป็นพฤติกรรมตามหลักความจริง แล้ว พิจารณา ก็คือการคิดนั่นแหละนะคุณ เขาเขียนให้สวยงาม เป็นพิจารณา ก็เท่านั้น เข้าใจหรือไม่ขอรับ

    หาก ยังไม่เข้าใจการคิด
    คุณเข้าไปที่หมวด พุทธศาสนา แล้วหากระทู้ "ธรรมะคืออะไรในพุทธศาสนา" อ่านดูก็จะเข้าใจเอง ข้าพเจ้าสอนไว้ 2 บทเรียน แต่หลายตอนขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2008
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    คุณ วิษณุ12 คำถามดีนะครับ
    กระทู้แนวนี้ร้อนทุกที่..........
     
  12. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณคิดว่า คำถามของเขาดีหรือขอรับ
    คุณคิดผิดขอรับ เพราะบทเรียนนี้ อธิบายไว้อย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องถาม
    ที่เขาถาม น่ะ เขาลองภูมิขอรับ ถ้าไม่ใช่ลองภูมิ ก็.........(เขียนไม่ได้ เดี๋ยวถูกเซนเซอร์)
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สำหรับผมเวลาจิจารณา ผมทำแบบนี้ ครับ เช่นว่า ผมจะนึกให้เห็นตัวเองนอนตายอยู่เบื้องหน้า แล้วก็นึกพิจารณาให้เห็นว่าเวลาเราตายไปได้ 1 วัน กายเราก็เริ่ม จะซีด จากเคยดูสดชื่นกลับดูซีดลง เมื่อ ตายได้ 3 วัน 5 วัน กายก้เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตายไปได้ 10 วัน 20 วัน ก้เริ่ม มีน้ำเหลือง น้ำหนองไหล ออกมา มีกลิ่นเหม็น พอตายไปได้ 30 วันก็เริ่มเห้นร่างกายที่เราคิดว่าเป็นของเรานั้น เริ่มเน่าเฟะ มี แมลงวันมาตอมหนอนมาชอนไช ตามร่างกายที่คิดว่าเป็นของเรา แล้วก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว พิจารณาดูที่ หน้าตาใบหน้า ตาม ลำคอ ลงมาที่อก เอว ขา มือ เท้า ก็มีแต่หนอนชอนไชไปหมด พอตายไปได้40 วัน 50 วัน 60 วัน ก็เห็นแต่หนอนชอนไชเต็มไปหมด เริ่มเห็น โครง กระดูก ชัดเจน พอพิจารณาให้เห็นว่าตัวเองตายไปได้ 70วัน 80วัน ก็เห็นหลงเหลือแต่โครงกระดูก เห็นหนอนชอนไชอยู่รำไร จนเห็นแต่กระดูก แล้วก้พิจารณาต่อไปว่า นี่ล่ะร่างกายที่เราคิดว่าเป็นของเรา บัดนี้มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นเพียง โครงกระดูก และพิจารณาต่อไปว่า นานเข้า นานวันไปเข้าโครงกระดูก ก็ย่อยสลาย กลายเป็นผงธุรี ตามวันเวลา แล้วก้พิจารณาต่อไปว่า ร่างกายนี้เป็นเพียง ธาตุ ถึงเวลาก็เสื่อมไปตามกาลเวลา ไม่ยืนยงอยู่ได้ จบการพิจารณา .... ที่กล่าวมาเป้นการพิจารณา หรือคิด ตามหลักธรรมหรือเปล่าครับท่านเทวดา...
     
  14. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    เมื่อไรจะเลิกคบท่านมานะซะทีครับ ใบใม้ที่อยู่ในมือ 84000 ใบ อยู่ในมือบุคคล 84000 คน แต่ก็คือ มาจากต้นเดียวกัน แล้วจะมาแข่งปัญญากันทำไม คนอื่นที่มาอ่านกันทีหลังหากภูมิปัญญาไม่ถึง เขาก็จะคิดกันว่า ไม่รู้จักอุเบกขาบ้างเลย ท่านที่ได้ปัญญาโดยแท้ ท่านจะอาศัยธรรม พิจารณาธรรม ปล่อยวางธรรมครับ อนุโมทนาครับ
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณขอรับ กรุณา เปลี่ยนความคิดความเข้าใจใหม่นะขอรับ
    ในเวบฯธรรมะทั่วไป บุคคลที่เข้ามาในเวบฯ ก็เพื่อศึกษาหาความรู้ในหลักธรรม ไม่ใช่เป็นอย่างที่คุณคิด
    คุณอย่าดูหมิ่นผู้อื่นว่า ภูมิปัญญาไม่ถึง ทุกคนมีภูมิปัญญาเท่าเทียมกัน ทัังนั้น แต่เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมหลายสิ่งหลายประการ ทำให้หลายๆท่าน ไม่สามารถทำความเข้าใจ ในศัพท์ภาษา แม้จะเป็นศัพท์ภาษา พื้นๆ ไม่สับซ้อน พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เข้าใจ รวมทั้งตัวคุณผู้ใช้ชื่อว่า "บดินทร์จ้า" ด้วย จึงทำให้เกิด ความคิด ความเข้าใจ ไหลไปในทางต่ำ ฉะนี้
     
  16. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณขอรับ ที่คุณกล่าวมา คุณคงอยากได้ความรู้เกี่ยวกับที่ทางพวกคุณเรียกว่า "อสุภกัมมัฏฐาน"
    ข้าพเจ้าไม่สอนพวกคุณดอกขอรับ เพราะอาจารย์ผู้ให้คำแนะนำ ให้ความคิดกับข้าพเจ้าสั่งไว้ว่า อย่าได้สอนใคร เพราะมันจะเป็นการไปขัด และคัดค้าน กับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ คุณจะพิจารณาอย่างนั้น ก็ได้ คุณก็คิดพิจารณาไปเถิด และข้าพเจ้าบอกได้เลยว่า คุณไม่มีทางหลุดพ้นจากกิเลส ไม่มีทางเข้าใจในการขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้อย่างแน่นอน แต่จะกลับเพิ่มพูนกิเลส และความเศร้าหมองขึ้นภายในจิตใจ ความคิดของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว เรียกว่า หลง อย่างชนิดโง่หัวไม่ขึ้นก็ว่าได้ ในที่นี้หมายถึงว่า หากคุณไม่มีความรู้ ความเข้าใจว่า สิ่งที่คุณคิดพิจารณานั้นเพื่ออะไร มีประโยชน์อย่างไร เป็นความรู้ คือ เป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาหรือไม่
    ลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า
    อาจารย์ ผู้ให้คำแนะนำ ให้ความคิด เกี่ยวกับเรื่อง "อสุภกัมมัฏฐาน" กับข้าพเจ้า
    คือ นายแพทย์ อยู่ที่โรงพยาบาล สวนดอก เชียงใหม่(โรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ ในปัจจุบัน) เมื่อประมาณปี พ.ศ.2509
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ความปรารถนาของทุกท่านในพื้นฐานดีหมดครับ..........ยังไงความเป็นจริงที่สุดผมขอย้ำความเห็น ของ คุณ บดินทร์จ้า ครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิษณุ12 [​IMG]
    สำหรับผมเวลาจิจารณา ผมทำแบบนี้ ครับ เช่นว่า ผมจะนึกให้เห็นตัวเองนอนตายอยู่เบื้องหน้า แล้วก็นึกพิจารณาให้เห็นว่าเวลาเราตายไปได้ 1 วัน กายเราก็เริ่ม จะซีด จากเคยดูสดชื่นกลับดูซีดลง เมื่อ ตายได้ 3 วัน 5 วัน กายก้เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตายไปได้ 10 วัน 20 วัน ก้เริ่ม มีน้ำเหลือง น้ำหนองไหล ออกมา มีกลิ่นเหม็น พอตายไปได้ 30 วันก็เริ่มเห้นร่างกายที่เราคิดว่าเป็นของเรานั้น เริ่มเน่าเฟะ มี แมลงวันมาตอมหนอนมาชอนไช ตามร่างกายที่คิดว่าเป็นของเรา แล้วก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว พิจารณาดูที่ หน้าตาใบหน้า ตาม ลำคอ ลงมาที่อก เอว ขา มือ เท้า ก็มีแต่หนอนชอนไชไปหมด พอตายไปได้40 วัน 50 วัน 60 วัน ก็เห็นแต่หนอนชอนไชเต็มไปหมด เริ่มเห็น โครง กระดูก ชัดเจน พอพิจารณาให้เห็นว่าตัวเองตายไปได้ 70วัน 80วัน ก็เห็นหลงเหลือแต่โครงกระดูก เห็นหนอนชอนไชอยู่รำไร จนเห็นแต่กระดูก แล้วก้พิจารณาต่อไปว่า นี่ล่ะร่างกายที่เราคิดว่าเป็นของเรา บัดนี้มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นเพียง โครงกระดูก และพิจารณาต่อไปว่า นานเข้า นานวันไปเข้าโครงกระดูก ก็ย่อยสลาย กลายเป็นผงธุรี ตามวันเวลา แล้วก้พิจารณาต่อไปว่า ร่างกายนี้เป็นเพียง ธาตุ ถึงเวลาก็เสื่อมไปตามกาลเวลา ไม่ยืนยงอยู่ได้ จบการพิจารณา .... ที่กล่าวมาเป้นการพิจารณา หรือคิด ตามหลักธรรมหรือเปล่าครับท่านเทวดา...

    ข้อความนี้ ที่ผมถามท่านเทวดา ท่านเทวดาก็บอกออกมาว่า ...ยังไม่รวมเข้ากับวิปัสนา ที่ผมยกตัวอย่างเพื่อจะเทียบเคียง กับคำ ว่า พิจารณา ในความหมายของท่านเทวดาที่ตั้งกระทู้ไว้...หัวกระทู้ท่านยังบอกว่า การพิจารณาเป็นวิปัสนาด้วย ผมเลย งงน่ะครับ เลยให้ท่านยกตัวอย่างการพิจารณา แต่ท่านก็ไม่ได้ยกมาให้ดู ผมเลยยกตัวอย่างการพิจารณามาถามท่านว่าเป็นการพิจารณาหรือเปล่า ท่านเทวดาก็ตอบว่าใช่ ....สรุปที่ท่านเทวดา ตั้งกระทู้มานี่ ผมเลยว่า ยังไม่มีความหมายของวิปัสนา แต่เป็นความหมายของ สมถะเท่านั้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ซึ่ง ตัวสีแดงๆๆที่ท่านตอบ ก็ชี้แนะว่า การพิจารณา ไม่ได้เป็นการหลุดพ้น แต่ทำเพื่อ เป็นการ ละกิเลส ลงบ้าง ทำอารมณ์ สมถะให้เกิด ...ซึ่งตรงข้ามกับกระทู้ที่ท่านเทวดาตั้งไว้
    ข้อสงสัยที่ผมเรียนถามท่านเทวดา คือ จุดที่เป็นวิปัสนาต่างหาก ว่าคืออะไร....ขอบคุณครับ
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอบคุณมากครับ...อย่างที่ท่านบดินทร์เขียนมาก็ประกอบไปด้วยมานะเหมือนกัน ..แต่ชื่อเรียกมานะตัวนี้ผมจำไม่ได้ ไว้วันหลังจะไปค้นมาให้ ...การตอบกระทู้หรือแสดงความคิดเห็น ผมว่าเราก็ทำได้ หากเป็น นักปฏิบัติ จะไม่ทะเลาะกันหรอกครับ การเสนอความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ อย่างที่ท่านเทวดาบอก ไม่อย่างนั้นจะเข้ามาเวป มาอ่านกระทู้ทำไมครับ
    หากอ่านแล้วเกิดมานะ ตามดูไม่ไหว หรือไม่ทัน ก็ น้อมไปทำสมถะก่อน แล้วค่อย มาอ่านกระทู้อีก...
    คำถาม 5 อย่าง
    1. ถามสำหรับส่องเนื้อความที่ยังไม่เห็น
    2. ถามเทียบเคียงกับสิ่งที่เห็นแล้ว
    3. ถามตัดความสงสัย
    4. ถามตามอนุมัติ
    5. ถามเพื่อมุ่งจะแก้
    คำถาม 5อย่างนี้ พอจำได้สมัยเคยอ่านพระไตรปิฎกแต่นานแล้ว เลยยกมาให้พิจารณาดูครับ...
    อย่างที่ท่านบดินทร์ว่า ใบไม้ คนละใบ สำหรับใบของผมนี่ได้จากการอ่านกระทู้นะครับ
     
  20. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    อนุโมทนาครับ[/quote]
    ขอบคุณครับสำหรับคำชี้แนะครับ ตัวหนังสือนั้นดิ้นได้เสมอ แล้วแต่คนแปล
    แปลไม่ดีก็แล้วแต่จะคิด ไม่เป็นไร ผมผิดเองครับ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยครับ ที่กระผมเป็นผู้อ่านที่ไม่ดีครับ ต่อไปนี้กระผมต้องปรับปรุงตัวครับ กระผมจะเป็นคนใหม่ในปี 2552 ครับ เพราะได้ความรู้มากมาย ครับ อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...