มารู้จัก "พระพรหม"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 11 ธันวาคม 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เคยได้ยินคำว่า พรหมลิขิต ไหมครับ

    หลายคนเชื่อว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างโลก
    ชีวิตคนเราได้ถูกพระพรหมลิขิตความเป็นไปของชีวิต
    จะสุขหรือทุกข์พระพรหมนั้นบันดาลให้

    นั่นคือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรมชาติมาก

    อันที่จริงพระพรหมนั้นมีแต่ความเมตตา
    ไฉนเลยจะมาสาปแช่งให้มนุษยพบกับความทุกข์ได้

    มารู้จักพระพรหมที่ถูกต้องกันเถอะ

    พระพรหมในหลักพระพุทธศาสนา คือ สัตว์โลกที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎฎ์นี้
    และชาติที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ได้บำเพ็ญสมาธิภาวนา
    จนข่มจิตให้สงบจากนิวรณ์อันเป็นเครื่องก่อกวนจิตให้เศร้าหมอง
    ให้สงบลงได้

    เรียกสภาวะนั้นว่า ณานสามบัติ ซึ่งมีปิติเป็นอารมณ์ มีความสงบสุข
    ลึกล้ำยิ่งกว่าสุขใดที่เคยได้สัมผัสมาจากกามสุขทั้งหลาย

    เมื่อบุคคลที่ได้ณานนั้นสิ้นชีวิตลงโดยที่ณานไม่เสื่อมก่อนตาย
    แน่นอนเลยว่า บุคคลนั้นจะได้ไปเกิดเป็นพระพรหม

    สถานที่อยู่ของพระพรหมก็คือสวรรค์ชั้นพรหมซึ่งอยู่เหนือกว่า
    สวรรค์ของเทวดาทั้ง 6

    ด้วยอานิสงส์ของณาน ถือเป็น ครุกรรม ซึ่งเป็นกุศลฝ่ายดีที่เป็นกรรมหนัก
    จะส่งผลให้เกิดเป็นพระพรหมอย่างแน่นอน

    พระพรหมจำแนกได้ 2 ประเภทคือ
    1 รูปพรหม คือพระพรหมที่มีรูปกาย แบ่งย่อยเป็น 16 ประเภท
    ขึ้นอยู่กับกำลังณานที่ได้สั่งสมมา
    เช่นพรหมชั้นที่ 1

    แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

    คือ ปริสัชชาพรหม ปุโรหิตพรหม และ ท้าวมหาพรหม

    2 อรูปพรหม คือพระพรหมที่ไม่มีรูป


    อายุของพระพรหมนั้นยาวนานมาก
    มากกว่ากว่าอายุของเทวดาหลายเท่านัก

    พระพรหมบางท่าน เช่นอรูปพรหม
    มีอายุยืนนานจนตนเองคิดว่า ได้เข้าถึงสภาวะนิพพานแล้ว
    แม้แต่พระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ไปแล้วหลายองค์ พรหมนั้นก็ยัง
    อยู่ที่นั้น แต่เมื่อยังไม่เข้าถึงพระนิพพาน ก็ยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด
    ในสงสารวัฎฎ์นี้ต่อไป

    พระพุทธองค์ เมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ได้ทรงทราบว่า ท่านดาบสอาจารย์ที่
    เคยสอนพระองค์เมื่อครั้งก่อนการตรั้สรู้ ท่านได้ตายไปเกิดเป็นอรูปพรหม
    พระพุทธองค์ทรงอุทานว่า " ฉิบหายแล้วหนอ"

    เพราะการได้เป็นพระพรหมนั้นมีสภาวะที่ใจปลอดจากกิเลสชั่วคราว
    แต่ยังไม่ได้ตัดกิเลสแบบสมุทเฉทประหาร เป็นเพียงแค่การข่มเอาไว้ ดังนั้น
    ผู้ได้ณานแบบนี้ยังนับว่าเป็นปุถุชนอยู่คือผู้ยังไม่สิ้นอาสวะ เมื่อหมดอายุขัยก็
    อาจต้องกลับมาเกิดใหม่หรืออาจเกิดในอบายภูมิก็เป็นได้

    ณาน เป็นสิ่งทีทำได้ยากมาก และ เป็นสิ่งที่เสื่อมได้ง่ายมาก
    หากณานเสื่อมเมื่อไหร่ กิเลสที่นอนเนื่องด้วยการถูกกดข่ม
    ไว้จะเผยออกมาอีกครั้งได้

    ดังในตัวอย่างในพระไตรปิฎก สมัยครั้งที่พระโพธิสัตว์เป็นฤาษีได้บำเพ็ญ
    ตนจนได้ณานพร้อมด้วยอภิญญา สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
    พระฤาษีนั้นได้เหาะเข้ามาในเมือง และผ่านวังของพระราชา ขณะนั้นได้เห็น
    ผู้หญิงชาววังกำลังลุกขึ้นจากเตียงและเสื้อผ้าห่มกายของเธอได้หลุดออก
    พระฤาษีได้เห็นเนื้อหนังของหญิงนั้น จึงเกิดกำหนัดราคะ และณานได้เสื่อมลง
    จนพระฤาษีตกลงจากอากาศ จนต้องเดินกลับป่าไปด้วยการเดินเท้า


    มีคนเคยถามว่า ระหว่างพระพรหมกับพระพุทธเจ้า ใครมีบารมีมากกว่ากัน
    คำตอบคือ อย่าเทียบกับพระพุทธเจ้าเลย
    แม้แต่พระพรหมกับพระโสดาบัน ซึ่งเป็นพระอริยะบุคคลขั้นต้น
    พระโสดาบันย่อมมีบารมีธรรมมากกว่าพระพรหมซึ่งไม่ได้เป็นอริยบุคคล

    แม้แต่ท่านท้าวหมาพรหมยังเคยมานมัสการพระสารีบุตรก่อนที่ท่านจะดับขันธ์ลง


    คราวนี้ มาดูรูปร่างกายของพระพรหม ว่ามีรูปลักษณ์อย่างไร

    เคยได้ยินไหมครับ คำว่า "พรหมสี่หน้า"
    หลายคนเชื่อว่า พระพรหม มีสี่หน้า คือมีหน้าอยู่ทั้งสี่ทิศ

    แต่ความเป็นจริงพระพรหมไม่ได้มีสี่หน้าเหมือนที่เข้าใจ !!

    พระพรหมนั้น มีหน้าเดียว เหมือน มนุษย์หรือเทวดาทั่วไป
    แต่ที่บอกว่ามีสี่หน้า อาจเป็นความเข้าใจของ
    คนสมัยก่อน หรือตามความเชื่อของพวกพราหมณ์ที่เชื่อว่า
    พระพรหมมีคุณลักษณะของจิตใจที่ดีงาม 4 ประการ
    คือ เมตตา กรุณา มุทตา อุเบกขา หรือเรียกว่า พรหมวิหาร 4
    ด้วยเหตุนี้ อาจทำให้คนเชื่อว่าพระพรหมมีสีหน้า

    ตามความเป็นจริงพระพรหมมีหน้าเดียว และหน้าตาจะงดงามมาก
    หน้าตาจะเป็นผู้หญิง แต่มีรูปร่างกายกำยำงดงามเหมือนบุรุษ
    และมีลำตัวตั้งตรง เหมือนเสาระนียด

    และพระพรหมมีเสียงไพเราะเหมือนนกการเวก ซึ่งเป็นเสียงที่ไพเราะจับใจ

    พระพรหมนั้นจะไม่มีปากและจมูก มีเพียงตาและหูเท่านั้นบนใบหน้า
    มีตาไว้สอดส่องดูความเป็นไปของสัตว์โลกและมีหูไว้ฟังพระธรรม

    ที่ว่าไม่มีปาก แล้วจะกินอาหารอย่างไร
    อันที่จริงพระพรหมไม่มีได้กินอาหารเหมือนคนเรา
    พระพรหมมีปิติเป็นอาหารคืออยู่ด้วยพรหมวิหารธรรม
    มีปิติความสุขสงบอิ่มเอมใจหล่อเลี่ยงชีวิต

    นอกจากนี้พระพรหมยังไม่มีเพศด้วย คือไม่มีเครื่องเพศที่บอกว่าเป็นหญิง
    หรือชาย เพราะพระพรหมสงบจากกามกิเลส จึงไม่จำเป็นต้องสืบพันธ์ด้วยเครื่องเพศ

    หากใครที่ปารถนาอยากเกิดเป็นพระพรหม ก็ต้องเจริญสมาธิภาวนา
    จนได้ ณาน และรักษาฌานนั้นไม่ให้เสื่อมก่อนตาย แล้วเมื่อตายไป
    จะได้เกิดเป็นพระพรหมแน่นอน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. kibkaejaja

    kibkaejaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +177
    ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ
     
  3. rubian

    rubian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +483
    เข้ามาอ่าน!!!
    ขอบคุณครับ
     
  4. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    คติพรหมแห่งพุทธ กับคติพรหมแห่งพราหมณ์ มีความแตกต่างกัน อย่าได้นำมาปะปนกัน ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อทางคติพุทธศาสนา ซึ่งมักจะกล่าวและอ้างอิงถึงไตรภูมิ ก็ขอให้พิจารณาและเข้าใจให้ถ่วงแท้
     
  5. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...