:::เทวดาประจำตัวมีจริงหรือไม่:::

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 1 กรกฎาคม 2008.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]


    ถาม – เทวดาประจำตัวมีจริงหรือเปล่าคะ?



    ตอบ - ถ้านึกถึงเทวดาเดินตามต้อยๆไปคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณตลอดเวลาล่ะก็ แบบนั้นไม่มีหรอกครับ

    ลองคิดดูถ้าใครสักคนสู้อุตส่าห์ทำบุญจนเกินมนุษย์ธรรมดา ถึงขนาดตายไปเสวยสวรรค์ได้ สุดท้ายเบื้องบนตกรางวัลโดยให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองมนุษย์ตลอดเวลา ค่าจ้างค่าออนก็ไม่ได้รับกับใครเขา อย่างนี้จะเป็นเทวดาไปทำไมล่ะครับ

    เป็นคุณจะเอาไหมถ้าทำบุญแทบตาย แล้วต้องไปกินบุญด้วยการเป็นเงาตามสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์ต่ำกว่า อย่างเช่นลิงค่างบ่างชะนี?

    หากตอบว่าไม่เอา เทวดาก็คงไม่เอาเหมือนกัน และหากบอกว่าไม่เห็นจำเป็น เทวดาก็บอกว่าไม่เห็นจำเป็นเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ

    อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเกื้อกูลข้ามมิติภพภูมินั้นเป็นไปได้ครับ ทำนองเดียวกับที่คุณอยู่ในภูมิมนุษย์ สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือสัตว์ในภูมิเดรัจฉานได้ ตั้งแต่สัตว์เล็กอย่างมดไปจนกระทั่งสัตว์ใหญ่อย่างปลาวาฬ โดยที่การช่วยเหลืออาจมาในรูปแบบต่างๆ

    เช่น หยิบยื่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการช่วยชีวิตพวกมันราวกับปาฏิหาริย์ หรืออาจมาในรูปของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่ หรืออาจมาในรูปของการนำพวกมันมาผสมพันธุ์กันป้องกันการสูญพันธุ์ ฯลฯ พวกมันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของคุณ

    พวกเราก็เหมือนกัน วันๆได้แต่ดุ่มเดิมไปตามยถากรรม รับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นการบันดาลของอะไร ระหว่างความบังเอิญ กรรมเก่า หรือเทวดา

    ว่ากันถึงความบังเอิญ คุณจะยิ่งทึ่งในโลกและจักรวาลมากขึ้น ถ้ารู้ว่าความกระทบกระทั่งดีร้ายทั้งหลายไม่เคยบังเอิญเลย สิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา ต่างร่วมกันถักทอเหตุการณ์ตามจังหวะการให้ผลของกรรมเสมอ

    ยกตัวอย่างเช่น คุณเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านว่าง นึกว่าคุณเป็นเอกเทศอยู่ตามลำพัง อยากก้าวเท้าไปที่จุดไหนในเวลาใดก็ได้ ความจริงคุณอาจทำหน้าที่เหยียบมดชะตาขาดให้ตายดับโดยไม่รู้ตัว ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง เท้าคุณเป็นวิบากของเหล่ามดกลุ่มดังกล่าว ทำหน้าที่เครื่องประหาร ส่งไปเกิดใหม่ตามเวลาอันควรของพวกมัน

    เมื่อใดคุณเข้าใจความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา เมื่อนั้นคุณจะทราบว่าแม้ ‘ความบังเอิญ’ ก็มีเหตุผลบางอย่างของมันเสมอ

    ว่ากันถึงกรรมวิบาก แม้หลายคนจะเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อ ‘ได้ดี’ หรือ ‘ได้ชั่ว’ แต่ละครั้งก็จะงงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร กับทั้งมองออกนอกตัวไปเพ่งโทษว่าเป็นความผิดของมนุษย์ด้วยกันเสมอ เรียกหาความยุติธรรมเพื่อเอาผิดเอาถูกจากมนุษย์ด้วยกันเสมอ จะมีสักกี่คนที่พูดออกและบอกถูกว่าเหตุการณ์ไหนไหลมาจากกรรมอันใดของตน

    ว่ากันถึงเทวดา พวกเราในโลกมนุษย์นี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยครับที่สัมผัสพลังต่างมิติด้วยจิต อาจจะได้กลิ่นหอมแปลก อาจจะยินเสียงพิเศษ หรือบางคนอาจเห็นความผิดปกติของเหตุการณ์บางชนิด แล้วทราบทันทีว่าเป็นการแสดงนิมิตด้วยฤทธิ์ของเทวดา

    แต่สัมผัสเทวดานั้น แม้จริงก็ใกล้เคียงกับอุปาทานมาก เช่น สายลมโชยกลิ่นหอมรื่นอาจเป็นลมธรรมดาที่หอบกลิ่นดอกไม้มากระทบจมูก แต่จิตคุณปรุงแต่งไปว่าไม่เคยได้กลิ่นอย่างนี้มาก่อนที่ไหนในโลก ต้องเป็นกลิ่นทิพย์ของเทวดาแน่ๆ

    ของแบบนี้ถ้าให้แน่จริงต้องมีตาทิพย์อันคู่ควรกับการเห็นสภาพทิพย์ เมื่อมีตาทิพย์คุณจะพบว่าอากาศว่างหลายๆแห่งไม่ว่างจริง ต้นไม้ใหญ่หลายๆต้นไม่ได้มีแค่กิ่งใบ โลกทิพย์จะปรากฏต่อหน้าโดยไม่ต้องรอให้ได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้สัมผัสอะไรแปลกๆเสียก่อนเลยด้วยซ้ำ

    คนในโลกส่วนใหญ่พร้อมจะเชื่อว่าเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆเกิดขึ้นจากความบังเอิญหรือไม่ก็เทวดาบันดาล เพราะไม่ต้องมีตนเองเข้าไปรับผิดชอบเหมือนให้เชื่อว่าเป็นผลจากกรรมเก่าของตน

    แม้คนที่ศรัทธากรรมวิบากก็มักเลือกเชื่อเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องดีๆ ว่าเป็นเพราะบุญเก่าของตนบันดาล ส่วนเรื่องร้ายๆของตัวนี่จะหาแพะ เพ่งโทษเอาผิดกับมนุษย์ด้วยกัน

    หรือไม่ก็โบ้ยให้ความบังเอิญและเทวดาเป็นต้นเหตุไป ไม่อยากเชื่อว่าตนเคยทำบาปอันใดไว้ จึงต้องมาเผชิญทุกข์อย่างที่กำลังเป็น

    เมื่อโทษความบังเอิญหรือเทวดา อะไรๆจะอธิบายง่าย ไม่ต้องเหนื่อยพิสูจน์ให้ยาก แค่ทำใจเชื่อก็ใช้ได้แล้ว นึกว่ารู้จริงแล้ว

    และด้วยความไม่รู้จริง หรือรู้ครึ่งๆกลางๆนี่เอง เป็นเหตุใกล้ให้คนจำนวนมากเชื่อเรื่องเทวดาประจำตัว เป็นเทวดาประเภทที่คอยประกบติดคุ้มครอง คอยดลใจ หรือกระทั่งคอยดลเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆให้เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    มาทำความเข้าใจให้ชัดเจนดีกว่าครับ เริ่มกันที่ความจริงอันเป็นต้นเค้า เราต้องทราบว่าเทวดาก็เป็นสัตว์สังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกท่านมีเพื่อน มีสามี มีภรรยา มีเจ้านาย มีบริวาร ที่รักและผูกพันกัน

    แม้เมื่อญาติมิตรจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในมนุษยโลกแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์ อาจคอยสอดส่องดูด้วยความห่วงใย เกรงญาติมิตรของตนจะประสบทุกข์ต่างๆนานา หรือพลาดท่าเสียทีให้กิเลส ทำบาปทำกรรมอันเป็นเหตุให้ต้องพลัดไปสู่อบายภูมิได้

    วิธีสอดส่องของเทวดานั้น ถ้าเทียบให้ใกล้เคียงก็คงคล้ายมนุษย์อาศัยอินเตอร์คอมในการฟังเสียงลูกน้อยจากอีกห้อง หรือใช้กล้องวงจรปิดในการสังเกตพฤติกรรมของฝูงสัตว์เลี้ยงจากที่ไกล

    ต่างแต่ว่าเหล่าเทวดาส่วนใหญ่มีวิถีการรับรู้อันเป็นทิพย์ รู้เรื่องไกลตัวได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย เพียงด้วยความห่วงใยมีใจผูกพันอาทร ก็จะรู้ขึ้นเองเมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรของตนที่ไปเกิดในมนุษยโลก

    เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรในโลก เทวดาก็หาได้สามารถช่วยเหลือไปหมดทุกเรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการดลใจ หรือโน้มน้าวจิตของญาติมิตรให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล

    เช่น เมื่อญาติมิตรกำลังโมโหโกรธาจัดๆ เทวดาก็อาจแผ่เมตตา ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจญาติมิตรให้เยือกเย็นลง ทำนองเดียวกับบรรดาพระภิกษุผู้มีพลังเมตตาสูงๆหลายรูป สามารถรวมตัวกันแผ่กระแสความสุขให้ญาติโยมที่มาประชุมกัน ระงับความทุกข์และความฟุ้งซ่านลงได้ชั่วคราว เพียงเข้ามาอยู่ในละแวกใกล้

    ตัวแปรในการดลใจมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ของเทวดาเอง ประกอบกับที่ขณะหนึ่งๆกิเลสหรือวิบากของมนุษย์ห่อหุ้มอยู่หนาแน่นเพียงใดด้วย หากมนุษย์กำลังโทสะแรงกล้า หรือกำลังมีวิบากมืดคลุมจิตมิดเม้นให้เห็นผิดรุนแรง แม้เทวดาฤทธิ์มากก็ดลใจไม่ไหว

    การดลใจยังมีหลายเหตุผล และไม่จำเป็นต้องเคยเป็นญาติมิตรกันในชาติใกล้เสมอไป เช่น ในมหาปรินิพพานสูตรส่วนที่ว่าด้วยการสร้างเมืองที่ปาฏลิคาม ก็กล่าวไว้โดยใจความสรุปคือ พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง ว่าท่านได้เห็นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ในการที่เทวดาเป็นอันมากนับเป็นพันๆ หวงแหนพื้นที่เขตต่างๆในปาฏลิคาม

    ๑) เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ใหญ่ก็น้อมไปเพื่อจะสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๒) เทวดาชั้นกลางหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นกลาง ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๓) เทวดาชั้นต่ำหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ชั้นต่ำ ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    กล่าวสรุปโดยย่นย่อคือพระพุทธเจ้าทรงยืนยัน ว่าพื้นที่ส่วนต่างๆของโลกไม่เหมือนกัน ถ้าบุญไม่พอก็อยู่ไม่ได้ หรือมีเทวดาดลใจให้ไปอยู่ที่อื่นที่เหมาะกับวาสนาบารมีของแต่ละคน โดยที่เทวดาไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาประจำตัวแต่อย่างใด

    หากคุณมีประสบการณ์ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโจรที่เล่นไสยศาสตร์มืด ก็คงเคยรู้จักกับกระแสยะเยียบทมิฬชวนขนลุกอย่างประหลาด อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นต่ำปนๆกัน ทั้งคนทุศีลและเปรตดุที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน คนดีที่เข้าไปจะเหมือนแกะขาวที่ถูกแกะดำหมั่นไส้ นอนหลับอาจถูกรบกวนด้วยเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าเอาได้

    ส่วนถ้าคุณมีประสบการณ์ผ่านเข้าไปในเขตวัดที่มีอริยเจ้าพำนัก ก็คงเคยรู้จักกับกระแสความอบอุ่นสว่างไสว ปลอดโปร่งราวกับอากาศว่างเบาแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นสูงปนๆกัน

    ทั้งมนุษย์ทรงศีล ทั้งเทวดาผู้มีพิมานซ้อนกับเขตวัด ทั้งเทวดาบุญญาธิการสูงเหนือโลกที่หมั่นส่งใจลงมาบูชาพระอรหันต์ คนดีไม่พอที่คิดเข้าไปอาศัยวัดหลับนอนหรือปฏิบัติธรรมชั่วคราว อาจถูกกระตุกขาหรือได้ยินอะไรแปลกๆเพื่อเตือนสติให้ขยันขึ้นกว่าเดิม ไม่นอนขี้เซาเหมือนเดิม

    โดยรูปแบบการเตือนนั้นอาจทำให้เกรง แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยองพองขนเหมือนตอนเจอวิญญาณชั้นต่ำ

    สรุปคือนอกจากคำว่า ‘เทวดาประจำตัว’ ซึ่งคุ้นๆกันแล้ว ยังมี ‘เทวดาประจำที่’ อีกด้วย รูปแบบความเกี่ยวข้องกันระหว่างเทวดากับมนุษย์อาจมาทั้งในรูปของการดลใจ การปกป้อง ตลอดจนการสะกิดเตือนตรงๆ

    หากจู่ๆคุณรู้สึกมึนงง หรือรู้สึกเหมือนถูกบล็อกความคิดให้ตีบตัน โดยเฉพาะขณะต้องทำบุญหรือทำบาปอันขัดแย้งกับตัวตนเดิมมากๆ ก็เป็นไปได้ครับว่ามีความเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจหรือเทวดานอกตัว

    แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหตุภายใน เช่น ความบกพร่องทางกาย หรืออาจเป็นความขัดแย้งกับภาวะจิตใจเดิมๆเท่านั้นเอง

    และไม่ว่าจะเชื่อเรื่องภายในหรือภายนอก การฝึกมี ‘สติ’ ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาป และหันมาต้อนรับบุญทั้งปวง นับเป็นนโยบายอันควรยึดถือเป็นที่สุด

    แถมอีกหน่อยเป็นการทิ้งท้าย วิญญาณที่ผูกกรรมสัมพันธ์บางอย่างกับมนุษย์ ต้องคอยติดตามมนุษย์นั้นมีอยู่จริง แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ระดับหนึ่งในพันหนึ่งในหมื่น คือต้องเป็นเหตุผลพิเศษจริงๆ

    เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอธิษฐานผูกติดกับอีกฝ่าย อำนาจการอธิษฐานที่แรงพอจะทำตัวเป็นเสมือนเชือกโยงให้ต้องติดตามไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อหมดกำลังส่งของแรงอธิษฐาน

    หรือเมื่อฝ่ายมนุษย์เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนละคน ‘เงาตามตัว’ ก็จะจำไม่ได้ ต้องหายไปตามหนทางของเขาเองครับ


    http://dungtrin.com/mag/?9.prepare
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2008
  2. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    โมทนาสาธุบุญครับ สาธุ สาธุ
    ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัย โปรด
    นำส่งบุญทั้งหมด ที่ข้าพเจ้าได้กระทำ
    แล้วนั้น จงสำเร็จ แก่ เทพ เทวดา
    ประจำตัว ประจำบ้านเรือน ของข้าพเจ้าเถิด สาธุ สาธุ
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เป็นบทความที่ดี น่าอ่าน และมีเหตุผล
     
  5. คนคลองเตย

    คนคลองเตย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    เมื่อตอนสมัยผมอายุ9ขวบ เคยมีประสบการณ์เคยเทวดาประจำตัว เป็นผู้หญิงเขามาบอกว่าให้เป็นเด็กดีด้วย จำได้ว่านางผ้าสีเขียว ผมยาวและใจดีมาก พอไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง กลายเป็นเรื่องเฟ้อจ้อไปซะงั้น..................
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618



    ชอบอ่านที่ลุง [​IMG] เขียนเหมือนกัน
     
  7. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
     
  8. baankvee

    baankvee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +33
    เค้าเรียก "ผู้เลี้ยง ผู้รักษา" ประทับในกลางกาย
     
  9. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    ดีมักมากเลยครับ
     
  10. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    สิ่งที่พูด เคยสัมผัสแล้วยัง อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยจิตตน ในเมื่อวาระยังมาไม่ถึง วาสนาก็ยังไม่มี ก็คงรู้เพียงแค่ระดับมนุษย์ หากมีวาสนาจริงอาจได้รับรู้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมเป็นพลังที่ไร้รูป ไร้มิติ และไร้กาลเวลา รวมไปถึงการรับรู้ระดับเอกภพ
    มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้แหละ ชอบสรุปความตามจริตตน ศรัทธาและปัญญาหากสมดุลก็ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะขัดแย้ง นานาจิตตัง
     
  11. pkawatr9

    pkawatr9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +210
    อนุโมทนาครับ... เห็นด้วยครับว่าไม่ว่าเทวดาประจำตัวจะมีจริงหรือไม่ หรือเกิดจากเหตุปัจจัยใดก็ตาม การฝึก"สติ"ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาปทั้งปวง รับบุญในทุกๆด้านน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ.. "เทวดาประจำตัวนั้นไม่แน่นอน แต่ผลกรรมประจำตัวนั้นแน่แท้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...