ถามข้อมูลคับเด็กสองคนที่ยืนอยู่ข้างล่างพระแม่กวนอิมคือใครค๊ะร้าบ

มีใครพอทราบไหมค๊ะร้าบ ว่าเด็กสองคนคือใคร

 

อีกไม่นานคงมีผู้รู้เข้ามาให้ความกระจ่างแน่นอนขอรับ สาธุ สาธุ
ด้วยอานุภาพแห่งพุทธบารมี คุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาล
โภคทรัพย์ สิริสมบัติ เกิดผลพูนพิพัฒน์ มหัศจรรย์ ทันใจ
ทันด่วน เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
รุ่งเรืองสำเร็จผลเข้าถึงซึ่งพระนิพานแด่ท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ

 

นาจาลูกชายของลี้เทียนอ๋อง กับ อั้งไฮ้ยี้ลูกชายองค์หญิงพัดเหล็กกับเจ้ากระทิงครับ แต่หากถามถึงกุมารีหยก ผมลืมครับว่าเป็นใคร

 

น้องเจนไปไหน ช่วยตอบหน่อย

 

ที่ผมรู้มานะครับ นาจา กับ อั้งไฮ้ยี้ คนละองค์กันนะครับ
นาจาคือ หลี่โลเชี้ย เป็นบุตรในขุนศึกตระกูลหลี่ มีสามพี่น้องครับคือ
นาจา(หลี่โลเชี้ย) กิมจา(กิมเชี้ย) บักจา(บกเชี้ย)

แต่ อั้งไฮ้ยี่ คือ หงฮายเอ๋อ เป็นลูกขององค์หญิงพักเหล็ก กับ เจ้ากระทิง ครับ

ดูตัวอย่างจากละครช่องสามที่เคยฉายตอนเย็นก็ได้ครับ
เรื่อง กำเนิดนาจา
นาจาจะเป็นขุนศึก
แต่ หงฮายเอ๋อ จะอยู่ ในเรื่อง ไซอิ๋ว ตอนที่ สำนึกผิด เจ้าแม่กวนอิมรับเป็นศิษย์ หงฮายเอ๋็อต้องคุกเข่า ก้มกราบ ทุกๆ 3 ก้าว จนถึง สวรรค์

สวนอีกองค์ ที่เป็นรูปผู้หญิงสวยๆเรียบร้อย

คือองค์ หยกลื้อ องค์นี้ไม่ทราบประวัติครับ

 

555+
อามิถอฟอ เด็กๆน้อยๆชายข้าง หญิงข้างใช่ม่ะครับ อามิถอฟอ

องค์กุมารชายคือ กิมท้ง
องค์กุมารีหญิงคือเง็กนึ้ง

นี่คือบริวารคนสนิทของพระแม่แล้ว (เห็นได้แทบทุกที่555+)

 

ไม่รู้ก็จะเล่าให้ฟัง เด็กชายคือ สุธนกุมารจีนเรียก สั้นใฉจินถงจื่อตามพระสูตรมหายานกล่าวไว้ว่าเป็นบุตรของเศรษฐี ๑ใน๕๐๐คน เวลาท่านเกิดมีเพชรพลอยเงินทองผุดขึ้นเต็มลานบ้าน แต่ท่านกลับสนใจการพ้นทุกข์ จึงไปคารวะเพื่อศึกษาธรรมจากพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ โดยท่านเดินสามก้าวกราบหนึ่งครั้งตลอดทาง พระมัญชุศรีกลับบอกใหท่านไปพบพระเมฆาศิริอรหันต์ และถูกบอกให้ไปพบ ท่านอื่นๆทั้งโพธิสัตว์ ภิกขู ฆารวาสผู้ทรงความรู้ ทั้งหมด ๕๓ท่านสุดท้ายท่านสมันตภัทรโพธิสัตว์จึงได้มาโปรดให้เข้าใจในโพธิสัตตมรรค ท่านเป็นโพธิสัตว์อีกองค์ที่มีความนอบน้อมถ่อมตนมาก เด็กหญิงคือ ธิดามังกร(หลงหนวี่)เป็นผู้ที่เข้าใจในธรรมตั้งแต่๗ขวบจากจากท่านมัญชุศรีโพธิสัตว์ฯลฯขอเล่าย่อๆที่สุดเรื่องมันยาว ทีหลังมหายานเข้าไปเจริญในจีน ประวัติก็เลยปนเปกับนิยายจีน ฮ่องสิน กับ ไซอิ๋ว เลยโมเมยกเมฆเอาพระโพธิสัตว์ไปปนกับตัวละครในนิยายคือนาจา กับหงไห่เอ๋ิอร์ ทีแรกว่าจะไม่เล่าให้ฟังแล้วรอผู้ที่อ้างว่าเป็นร่างทรงของท่านติดต่อให้ท่านมาเล่า เห็นเดากันไปมา จีงออกมาเล่าให้ฟังซักกะหน่อยหนึ่ง

 

สาธุ สาธุ กับธิดาพญามังกร และบุตรชายของเจ้ากระทิงกะองค์หญิงพัดเหล็กด้วยงับผม

 

เล่าต่อเถอะ สนุกดี

ประหนึ่งว่า ความเชื่อในสายวัชรยานได้เข้าไปมีอิทธิพลในจีน แล้วมีการปรับเปลี่ยน
ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและวัฒนธรรม

อีกอย่างหนึ่งในแง่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากบุรุษเพศ ทำไมกลายเป็นพระแม่กวนอิม (สตรีเพศ) ในคติของจีนได้อย่างไร?

ขอบคุณครับ

 

เอา บ้ายอ ขอต่ออีกหน่อย ใครอยากไปดูภาพของ พระสุธนกุมาร ก็ไปที่นครซูโจว วัดซีหยวนเจ๋จ้วนลวี่ซื่อ จะมีรายละเอียดครบไม่ว่าอาจารย์ทั้ง๕๓ ท่านจะแกล้งทรมานอย่างไร ท่านไม่ถอดใจจากพุทธภูมิ ผิดกับพวกพุทธภูมิในเวปเรา อะไรหน่อย อุ๊ยอย่าปรามาส เดี๋ยวเสียกำลังใจ ทำไมคนจีนไปไหว้กันมาก สั้นใฉจินถงจื่อ คือสุธน(ทรัพย์ดี=จินถง)กุมาร=จื่อ สั้นใฉ=อริยทรัพย์ สั้นไปพ้องเสียงกับ ซาน =สาม เลยตีความว่ามีมนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ อริยสมบัติ เลยไปไหว้ขอแบ่งความรวยจากท่าน น่ำเอี๊ยงซินแสอาจารย์โหราศาสตร์จีนชื่อดังของไทย เลยเขียนเตือนไว้ว่า ไร้วาสนาอย่าขอพร ถ้าแม้นขอพรให้รวยกันได้ ในโลกนี้ไซร้จะไม่มีคนจน ก็ขอๆๆๆๆๆกันลืมทำเอง ที่ไม่มีลูกชายก็ไปขอจากท่าน ไปขอฯลฯขอๆๆๆๆตะบี้ตะบันขอ ส่วนพระกวนอิมมำไมจากชายกลายเป็นหญิงก็จากความต้องการยึดท่านให้เป็นคนจีน ตำนานเมี่ยวซ่านไงผู้แต่งตำนานนี้คือท่านผู่ทงเป็นพระในนิกายจิ้งถู่ อ้างว่าได้ประวัติจากนิมิต ว่าพระกวนอิมมาเกิดเป็นลูกของเมี่ยวจวง เจ้าผู้ครองอาณาจักรซิงหลิง ในตอนใต้ของประเทศจีน ถ้าใครได้ไปเที่ยวจีนหลายๆที่ จะพบรูปของท่านเป็นชายมีหนวดเรียวเล็กแต่รูปร่างอ้อนแอ้น ที่ถ้ำตุ้นหวงจะเห็นชัดมาก แต่ผู้ที่ศรัทธาท่านโดยมากเป็นผู้หญิงเลยทำการแปลงเพศท่าน โดยแต่งตำนานใหม่ขึ้นมา บ้างก็ว่าท่านแปลงกายเป็นหญิงไปช่วยทำคลอดไปเปื้อนเลือดเข้าเลยกลับไปเป็นชายไม่ได้ น่าขำ ผมก็ทำคลอดให้คนมา3-4พันคน มันก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี ไม่เป็นไรเขาเปลี่ยนด้วยความเคารพรักนับถือ ย่อมดีกว่าการบิดเบือน ในจีนจะพบการเชื่อของพุทธผสม เต๋า ขงจื่อ ความเชื่อพื้นบ้านมากมาย จากคนอินเดียเขาจะต้องเปลี่ยนให้เป็นคนจีน แต่บางครั้งก็ลดฐานะท่านจากโพธิสัตว์ ลงไปเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าพี่ จะได้มีความสนิทสนมกับคนทั่วไปมากขึ้น พระสุธนกุมารโพธิสัตว์เขาลดลงไปให้เป็น นาจาลูกหลี่เทียนหวัง(นี่ก็คือท้าวเวสสุวรรณ)ในเรื่องฮ่องสินและในไซอิ๋วก็ให้เป็นลูกของปีศาจกระบือกับปีศาจพัดเหล็กแล้วก็ให้สำนึกผิดกลับไปเดินทางโพธิสัตว์ภูมิ แล้วคนบ้านเราก็ไปเชื่อตามนิยายไม่ศึกษาของจริงแท้ แต่ไปหลงกับสิ่งลวงๆ อนนฺตพุทธ

 

เอ๊า ต่ออีกหน่อยภายหลังที่พุทธมหายานเข้าสู่จีน จะค่อยๆแปรเป็นจีนทีละก้าวๆ สัญชาติ เชื้อชาติ เพศ ภูมิลำเนา เกาะโปตะละกะ ที่อยู่ในมหาสมุทรอินเดียใต้แถวๆมัลดีฟก็ย้ายมาอยู่ที่เกาะเหมยเฉินที่เรียกกันว่าผู่ถวอซาน พระสมันตภัทรให้มาอยู่ที่เอ๋อร์เหมยซาน พระมัญชุศรีให้อยู่ที่อู่ไถซาน พระกษิติครรภให้อยู่ที่จิ่วหัวซาน พระศรีอาริยเมตตรัยให็อยู่ที่จีจู๋ซาน พระพุทธเจ้าทั้งปวงให้อยู่ที่ไท้ซานฯลฯ แล้วธรรมชาติก็เป็นใจมีบริเวณ พืชพรรณ เข้าได้กับพระประวัติของแต่ละองค์ สวยงามร่มเย็นสงบสงัด เช่นที่ผู่ถวอซานก็มีไผ่ม่วงแห่งเดียวในโลก อู่ไถซานก็มีลาน๕ลานบน๕ยอดเขา เอ๋อร์เหมยซานก็มีฝอเติงจะเห็นเป็นดวงสว่างสีชมภูอมส้มปรากฏในหมอก ถ้าตอนเช้าไปยืนที่หน้าผาจะเห็นเงาของตัวเองมีรัศมีแผ่ออกงามสุดๆ ที่จีจู๋ซานจะมีก้อนหินใหญ่มองมุมใหนๆก็เหมือนหลวงจีนชีฉื่อ(พระอ้วนย่ามใหญ่)นั่งหัวเราะ ที่จิ่วหัวซานถ้ำหนัาผาสมกับบรรยากาศนรก สวรรค์ อยากไปใช่ไหมล่ะ อิอิหาทัวร์ไปเอง ที่ต้องเปลี่ยนเนื่องจากจีนมีความหยิ่งในอารยธรรมตัวเองมาก จะให้คนมานับถือก็ต้องทำให้เชารู้สึกว่าพระก็เป็นพวกเดียวกับเขา ก็เท่านี้แหละ

 

สุดยอด ของความรู้จริง ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และปรัชญาศาสนา
ของถามหน่อยนะครับ

หลวงจีนชีฉื่อ(พระอ้วนย่ามใหญ่) นั่งหัวเราะ คือ พระศรีอริยะเมตไตย หรือเปล่าครับ
พระกวนอิมมำไมจากชายกลายเป็นหญิง นั่นคือ พระอวโลกิเตศวร หรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ คุณหมอ

 

ครับท่านท่านชีฉือ เป็นพระนิกายฉานจง(เซน)ท่านจะแบกย่ามใหญ่รับบริจาคได้แล้วจะไปแจกคนจน ชรา เด็กกำพร้า ใครไปขอธรรมท่านก็จะเทศน์สั้นๆแต่ความหมายลึกซึ้ง ท่านจะเตือนพยากรกรณ์อากาศล่วงหน้าไม่มีพลาด บางทีก็ทักทำนายชตาชีวิตให้กับคนที่ท่านอยากทัก จนท่านนั่งมรณภาพ มีผู้พบลายมือท่านเขียนไว้ว่า เมตตรัยเมตตรัย บังเกิดกายนับแสนหมื่น แพร่ธรรมให้คนตื่น คนแสนหมื่นไม่รู้ว่าเมตตรัย ครับกวนอิมก็คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์องค์เดียวกัน

 

ขอบคุณมากครับ

 

พระทักว่าดิฉันมีองค์เปน หยกลื้อ 2เดือนต่อมาบอกว่า หยกลื้อไม่อยู่แล้ว เพราะดิฉันไว้เจ้าแม่กวนอืมไม่ได้นับถือท่าน บอกหน่อยนะค่ะ พ่อดิฉันก้อมีองค์ ครอบครัวพ่อมีทุกคนค่ะ ดิฉันอายุ16เอง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 align=center><TBODY><TR><TD>[SIZE=-1]พระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์พระสมเด็จเจ้าชายฮั้งไฮ้ยี้ (อาเอี๊ย) หรือพระสุธนกุมาร ราชโอรสของพระเจ้าปัญจา “อ๋องฮกเซ้งอ้วง” เป็นราชโอรสองค์ที่ 3 ในจำนวนโอรส 500 องค์ ในขณะที่พระมารดาทรงพระครรภ์พระโอรสองค์ที่ 3 ก็ได้มีแก้วแหวนเงินทองเพชรนิลจินดาพร้อมรัตนอันมีค่าต่างได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเต็มทั่วอาณาบริเวณพระราชวัง เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ประชาชนในเมือง “กัมปิละ” ต่างได้ยินดีสรรเสริญในบุญฤทธิ์ของพระกุมาร พร้อมถวายพระนามว่า “อาเอี๊ย” ก็คือ เจ้าสัวผู้มั่งคั่งด้วยสมบัติเงินทอง [/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]เมื่อพระกุมารมีพระชนม์ได้ 3 ชันษา ทรงมีความศรัทธาเปลี่ยมล้นด้วยพระธรรม จึงได้กราบทูลลาพระมารดา เพื่อไปคารวะขอศึกษากับพระอริยะอาจารย์ผู้ประเสริฐ ท่านได้เดินทางเป็นหมื่นๆ ลี้ ขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล พบอุปสรรคภัยอันตรายนานาประการ จะเหนื่อยก็ไม่หวั่น จิตหนึ่งเดียวที่มุ่งมั่น คือ เที่ยวหาคารวะศึกษากับอาจารย์ผู้ประเสริฐ เพื่อเรียนรู้ค้นหาสัจธรรมที่แท้จริง[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]สัจธรรมนั้นกว่าจะได้มาบางครั้งต้องลงทุนด้วยชีวิต พระพุทธองค์ผู้ประเสริฐสูงสุดยอดกว่าจะได้สัจธรรมต้องเสียสละพระชาติกษัตริย์ เสียสละราชสมบัติ บุตร ภรรยา และที่สุดต้องเสียสละแม้กระทั่งชีวิตพระองค์ทรงเอาหนังห่อหุ้มร่างกายมาทำเป็นกระดาษ เอากระดูกในร่างกายมาทำเป็นพู่กัน เอาเลือดในร่างกายมาเป็นน้ำหมึก เพื่อทรงจดบันทึกพระธรรม เพื่อโปรดมวลหมู่สรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ให้ได้สุข[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]อาเอี๊ยก็เช่นกันทรงเดินทางตามรอยบาทพระพุทธองค์ ครั้งหนึ่งได้ไปคารวะขอศึกษากับพระโพธิสัตว์ผู้ชนะความร้อนทั้งมวล พระโพธิสัตว์ได้กล่าวกับอาเอี๊ยว่า แนวทางโพธิสัตว์ของท่านจะต้องขึ้นภูเขาลูกนี้ พูดพร้อมกับชี้นิ้วให้ดู ปรากฏว่าภูเขาลูกนั้นเต็มไปด้วยใบมีด ซ้ำยังถี่ซะจนไม่มีที่ ๆ จะวางมือวางเท้า หลังจากนั้นยังจะต้องลงไปว่ายในทะเลไฟอีก แล้วชีวิตนี้มันจะเหลืออะไรเล่า คือตายแน่ ๆ สถานเดียว ท่านเป็นโพธิสัตว์หรือมารร้ายมาจุติกันแน่ สงสัยจริง ๆ และในเวลานั้นได้มีเหล่าพระโพธิสัตว์มหาสัตว์เทวดาจากชั้นดุสิตดาวดึงส์เป็นจำนวนหมื่นแสนต่างๆได้มาให้สติ พร้อมกล่าวสอนสั่งให้อาเอี๊ยทำตามพระโพธิสัตว์ผู้ชนะความร้อนทั้งมวล ที่ชี้แนะเพราะนั่นคือ แนวทางที่จะทำให้จิตและกายหลอมเป็นหนึ่งเดียว พร้อมชำระล้างให้จิตและกายมีความบริสุทธิ์ใสสะอาด อาเอี๊ยจึงได้กล่าวขอขมาต่อพระโพธิสัตว์ผู้ชนะความร้อนทั้งมวล พร้อมประพฤติปฏิบัติตาม[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]ต่อจากนั้นได้ไปคารวะขอศึกษากับอาจารย์อีกท่านหนึ่ง กว่าท่านจะอนุญาตให้เข้าพบต้องคุกเข่าอยู่หน้าประตูอารามถึง 6 เดือน กับอีก 6 วัน จึงจะได้เข้าพบ ถ้าเป็นคนธรรมดาอย่างเรา ตะวันยังไม่ทันตกดินก็เผ่นแล้วไม่เอาแล้ว ซ้ำยังเกิดโทสะอารมณ์บริกรรมอาจารย์เสีย ๆ หาย ๆ อีก[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]ต่อมาพระสุธนกุมาร (อาเอี๊ย) เมื่อมีพระชนม์ได้ 6 ชันษา ก็ได้ไปกราบนมันสการบูชาองค์พระโพธิสัตว์องค์พระอวโลกิเตศวร หรือองค์พระแม่กวนอิมที่ทะเลใต้แห่งเขาโพธาระ ที่เต็มไปด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์ ส่งกลิ่นหอมอบอวล ธารน้ำที่ใสสะอาดไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา เสียงน้ำไหลเหมือนดั่งดนตรีกำลังบรรเลงเพลงอันไพเราะจับใจเป็นอย่างยิ่ง [/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]และในบัดนี้แล พระกุมารน้อยได้เห็นองค์พระอริยเจ้าพระอวโลกิเตศวร หรือองค์พระแม่กวนอิม ได้ทรงประทับนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินศิลาแดงก้อนใหญ่ ล้อมรอบด้วยเหล่าพระโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นจำนวนมากมาย กำลังสนทนาธรรมอยู่ พระกุมารน้อยได้เคลื่อนกายนอบน้อมเข้าไปกราบนมัสการองค์พระอริยะเจ้าพระอวโลกิเตศวร หรือพระแม่กวนอิม พระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันสูงสุดอย่างมีสัมมาคารวะ พระแม่กวนอิมจึงตรัสกับพระกุมารน้อยว่า ดีแล้ว ดีแล้ว พร้อมกับสรรเสริญพระกุมารน้อยที่ได้ตั้งมั่นประพฤติปฏิบัติตามแนวทางโพธิสัตว์มหาสัตว์เพื่อช่วยเหลือหมู่มวลสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้สุขที่แท้จริง มีมรรคจิตที่เที่ยงตรงหมั่นศึกษาแต่พระธรรม มีมโนธรรมมีจิตที่เมตตา และความกรุณาต่อหมู่มวลสรรพสัตว์ สามารถที่จะช่วยเหลือฉุดเหล่าหมู่สัตว์ที่ตกอยู่ในบ่วงกรรมแห่งความทุกข์ยากให้หลุดพ้นได้[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 align=center><TBODY><TR><TD>[SIZE=-1]พระกุมารน้อยหรือ “อาเอี๊ย” มีกาย วาจา ใจ ที่สะอาดบริสุทธิ์หมดจดสามารถเข้าถึงพระธรรมและนำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์ มีกุศลธรรมที่ได้สร้างไว้นับชาติไม่ถ้วน เหตุเพราะพระกุมารน้อย (อาเอี๊ย) เกิดจากกระแสแห่งพระปัญญาขององค์พระอริยะเจ้า พระมัญชูศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระพุทธเจ้าในอดีตกาล และเป็นพระอาจารย์สอนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]จากนั้นองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์หรือองค์พระแม่กวนอิมได้ทรงประทานโอวาทสอนสั่งให้พระกุมารน้อย (อาเอี๊ย) มีจิตเมตตา กรุณาต่อหมู่มวลสรรพสัตว์ ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่มีทุกข์มีภัย และปกป้องคุ้มครองผู้ที่บำเพ็ญความดี พระกุมารน้อยซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระองค์พระมหาโพธิสัตว์เป็นอย่างยิ่ง น้อมรับโอวาทคำสอนนำไปประพฤติปฏิบัติตาม จากนั้นได้กราบลาองค์พระมหาโพธิสัตว์ด้วยความอาลัยเทิดทูลและเคารพรักองค์พระมหาโพธิสัตว์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นได้ไปคารวะขอศึกษากับอาจารย์อีก 55 พระองค์ ล้วนแล้วแต่เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งสิ้น (บางตำราเขียนว่าอาเอี๊ยไปคารวะขอศึกษากับพระอริยะอาจารย์ถึง 110 พระองค์ ผ่านเมืองต่าง ๆ ร้อยสิบเมือง เดินทางหลายหมื่นลี้)[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ที่พระกุมารน้อย (อาเอี๊ย) ไปกราบคารวะขอศึกษาตอกจากองค์พระแม่กวนอิมแล้ว ยังมีพระมัญชูศรีมหาโพธิ์สัตว์ (บุ่งซู้ซือหลี่ผ่อสัก) พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ (โผ่วเฮี้ยงผ่อสัก) และพระโพธิสัตว์ที่สำคัญอีกพระองค์หนึ่งก็คือ พระศรีอารยเมตตรัยมหาโพธิสัตว์ (มี่เล็กฮุกผ่อสัก) ซึ่งจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลที่จะเสด็จลงมาโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเอ็นดูพระกุมารน้อยเป็นอย่างยิ่ง[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]ในสมัยที่พระกุมารน้อยได้ไปกราบนมัสการบูชาพระองค์พระศรีอริยเมตตรัย พระองค์ได้ทรงยื่นพระหัตถ์แตะบนหัวพระกุมารน้อย พร้อมกับกล่าวว่า สาธุการ ยินดีในการประพฤติดีปฏิบัติชอบของพระกุมารน้อยว่าเป็นกุลบุตรลูกพระธรรมที่แท้จริง และในกาลสมัยเดียวกัน พระมหาโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตตรัยได้ตรัสกับเหล่าพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระอรหันต์ เทพพรหมทุกขั้นฟ้าที่ต่างได้มาชุมนุมเป็นหมู่ใหญ่ในกาลนั้นว่าพระกุมารน้อย (อาเอี๊ย) นี้ผู้เป็นกุลบุตรของผู้ที่เจริญแล้วแห่งเมือง “กัมปิละ” (ฮกเซี๊ย) ได้ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์พระมัญชูศรีมหาโพธิสัตว์ มีสัจปณิธานที่จะมุ่งมั่น “อนุตรสัมมาสัมโพธิ” (โพธิญาณตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า หรือ สาวกพระพุทธะ หรือพระพุทธเจ้าอย่างที่ 3)[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 align=center><TBODY><TR><TD>[SIZE=-1]พระกุมารน้อยได้เดินทางจากเหนือมาสู่ใต้ ได้ไปคารวะขอศึกษากับพระอริยะเป็นจำนวนถึง 110 พระองค์ ได้ผ่านเมืองต่าง ๆ มา 110 เมือง ระยะทางไกลถึงหลายหมื่นลี้ และบัดนี้ได้มาอยู่กับพระองค์ที่นี่ (สวรรค์ชั้นดุสิต “เต้าซุกที” ที่ประทับของพระองค์พระศรีอริยเมตตรัยมหาโพธิสัตว์ในปัจจุบัน)[/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1][/SIZE]</TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]พระมหาโพธิสัตว์ทรงได้สรรเสริญในคุณงามความดีของพระกุมารน้อยที่ได้บำเพ็ญแนวทางโพธิสัตว์อย่างครบถ้วน อันได้แก่ ทาน ศีล เตกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตตา และอุเบกขา (แนวทางพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ 10 บารมีด้วยกัน) ได้ทรงทำนายว่า พระกุมารน้อยจะบรรลุธรรมสัมมามัมโพธิ อันหมายถึง ญาณพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลอีกร้อยพันหมื่นกัป และในอนาคตกาล พระมหาโพธิสัตว์ทั้ง 3 พระองค์ อันได้แก่ พระศรีอริยเมตตรัยพระมหาโพธิ์สัตว์ พระมัญชูศรีพระมหาโพธิสัตว์ และ “อาเอี๊ย” หรือพระสุธนมหาโพธิสัตว์ จะเสด็จมาพบกัน[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สาธุกับข้อมูลที่นำมาเผยแพร่ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ออมีถอฝอ

 

มาฆบุญยมาส เหล่าเทวะราชพาสร้างกุศล เหล่าประชาพากันทำบุญ ทุกๆๆคนต่างปลืมปิติปรีดา
อิ่มบุญอิ่มกุศลพากันสร้าง ต่างพากันถวายบังคมพระศาสดาจารย์ อนุโมทนาทานในวันมาฆบูชาด้วยครับ เจริญพร

 

อั้งไฮ้ยี่ คือ หงฮายเอ๋อ เป็นลูกขององค์หญิงพักเหล็ก กับ เจ้ากระทิง --- รู้สึกเช่นนั้น อิอิ
ท่านพี่หยกลื้อ ---- ผมเห็นเป็นเจ้าหญิงมังกร ท่านน่าจะเป็นองค์หญิงมังกร อิอิ