อยากให้คนรักได้รู้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 12 ตุลาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    ดังตฤณ

    อยากให้คนรักได้รู้
    กรณีเฉพาะตนของ - มโนธรรม
    อาชีพ - สื่อมวลชน
    ลักษณะงานที่ทำ - ตระเวนทำข่าวนอกสถานที่ ทำมาหลายแบบ ทั้งข่าวชาวบ้าน สารคดี ตลอดจนสัมภาษณ์ เคยชอบท่องเที่ยวและไม่กลัวระยะทางว่าใกล้ไกลแค่ไหน แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเหนื่อยง่ายและเบื่อการเดินทาง จึงเลือกทำแบบอยู่กับที่มากขึ้น แล้วก็พบว่าเมื่ออยู่กับที่จะอึดอัดกับความอุดอู้ในเมืองหลวง เปรียบเทียบแล้วเห็นว่าการออกต่างจังหวัดแม้ต้องตะลอนๆ แต่ใจก็สบาย ปลอดโปร่งดี


    คำถามแรก - รู้สึกว่าตอนอยู่ในเมืองจะไม่ค่อยอยากเจริญสตินัก เหมือนแบกตุ้มถ่วงหนักๆ มันแปลว่าคนอยู่ในเมืองที่สภาพแวดล้อมแออัดจะมีสิทธิ์เจริญสติน้อยลงหรือเปล่า? ตัวเองเริ่มสนใจการเจริญสติจากการเดินทางไกลครั้งหนึ่ง คิดอะไรเรื่อยเปื่อยและรู้สึกว่าน่าจะฝึกจิตบ้าง เมื่อพบพระในวัดต่างจังหวัดที่น่าเลื่อมใสก็ได้รับการจุดประกายจริงจัง พอต้องเดินทางไกลด้วยรถไฟหรือรถโดยสารจะนั่งสมาธิ ซึ่งก็มักนิ่งสงบพอควร ทั้งที่รอบข้างไม่ได้สงบนัก ตรงข้ามกับที่หอพักส่วนตัวในกรุงเทพฯ แม้อยู่คนเดียวตามลำพังก็นั่งสมาธิไม่ได้เลย เหมือนมีความกระสับกระส่ายกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา

    ขอให้มองอย่างนี้ครับว่า สถานที่หรือสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ก็คือเครื่องกระตุ้น หรือเครื่องบีบให้เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งๆขึ้นมา พูดง่ายๆคือทุกสถานที่คือตัวปรุงแต่งใจ คุณไปที่ไหน ใจก็ถูกสถานที่นั้นๆ ปรุงแต่งเสมอ

    หมายความว่าถ้าโลกนี้ไม่มีสถานที่ใดๆ อยู่เลย ใจก็ว่างเปล่า ไม่รู้สึกว่าตนตกอยู่ภายใต้แรงบีบแบบไหนๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ใจที่ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยสถานที่ใดๆ คือใจที่กำลังตกภวังค์ กำลังฝัน หรือกำลังเข้าฌานสมาบัติ อันจัดเป็นการตัดจิตออกจากการรับรู้ทางผัสสะหยาบๆ ทั้งสิ้น เมื่อหูตาไม่ทำงาน สถานที่จะมีหรือไม่มีก็ค่าเท่ากัน

    คนทั่วไปมักจำแนกสถานที่ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
     
  2. พระคุณที่สาม

    พระคุณที่สาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +47
    อนุโมทนาค่ะ ถ้าไม่เสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ก็คิดว่าคงยังไม่เข้าหาพระพุทธศาสนาแน่ๆ..
     
  3. มู๋นก

    มู๋นก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +1
    ......^^ ดีจัง ที่มีคนเอาคำตอบของ อ.ดังตฤณ มาตอบ ....อยากให้คนรักเป็นอย่างตัวเองน่ะหรอ...คงไม่ต้องรอคำตอบให้เสียเวลา....ลองไปเปิดในเรื่อง....รักแท้มีจริง...ที่ อ.ดังตฤณ เขียนอีกเรื่องหนึ่งซิคะ.....^^ ^^
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ผมก็เคยอ่านของท่านมาเหมือนกันครับ เขียนได้ดีมากๆ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ว่า เป็นเรื่อง "๗เดือนบรรลุธรรม"
    อ่านแล้วเหมือนเข้าไปเป็นคนในนั้นเลย เข้าใจธรรมะมากขึ้น แต่ท้้ายที่สุดเราจะต้องปล่อยวางไม่ยึดแม้แต่หนังสือหรือตัวตนของใคร

    ส่วนตัวผมเองศึกษาธรรมะก็เพราะเจอทุกข์เข้าก่อน เจอแบบหนักๆที่สุดจนเคยคิดอยากจะตาย
    ตายแบบไม่อุบาท นั่งสมาธิตายคงจะดีนะ ณ.ตอนนั้นนะครับ
    ก็เลยนั่งสมาธิ ทำเหมือนตอนเป็นเด็กสมัยเรียนนั่นแหละ "พุท โธ" ไปเรื่อยๆ
    จุดประสงค์หลักๆคือ.."ไม่เอาอีกแล้วตายๆไปเลยเร็วๆ" แต่นั่งได้พักเล็กๆพักนึงก็เจอเหมือนๆทุกท่านที่ผ่านการทำสมาธิทั่วๆไปนั่นแหละครับ
    เกิดความสงสัยขึ้นหลายๆเรื่องราวว่ามันเป็นไปได้ยังไง มันมาได้ยังไง มันลึกลับจริงหนอ..
    ตอนนี้..ลมหายใจที่เหลือในร่างคนปัจจุบันชาตินี้ อย่างน้อยเราต้องไปให้ถึงนิพพานให้ได้
    ไม่ได้ก็ขอให้เข้าใกล้มากๆเท่าที่จะทำได้ โดยไม่อยากได้อะไรเลยแม้แต่อภิญญาอะไรนั่น

    อย่างที่เค้าว่ากันนั่นแหละครับ "ไม่เจอทุกข์ไม่เจอธรรม" จริงๆด้วย ฮ่าฮ่า..
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,454
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ถูกครับ ถ้าเราฝึกถึงขั้นไม่ยึดติดกับอะไรได้เเล้ว ต่อใ้ห้เอาไฟมาเผาเรา เราก็ไม่สะท้านครับ ทุกอย่างไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เราล้วนปรุงขึ้นมาเองหมดทั้งสิ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...