+ + + "ผี" ไม่มีจริง...!!!

ที่เห็นๆกันก็เป็น เปรต สัมภเวสี อะไรเทือกนี้แหละ แต่เห็นหน้าตาแปลกๆหรือน่ากลัวๆหน่อยคนเจอเค้าก็ว่าเจอผีหมดแหล่ะน้อ

 

เทพ พรหม ที่นิพพานบนชั้นนั้น ก็มีนะครับ เพราะ ในโลกบำเพ็ญมามากแล้ว

ได้มรรคผลขั้นต้นแล้ว ( อ้าว นอกประเด็นกระทู้ซะละ เอ... หรือไม่น้า


เทพ พรหม ก็คือผีชนิดหนึ่ง แต่เป็นผีฟ้า มาสูง ไปสูง ชะเองเงิงเงย.....^^ )

 

มันมาอีกแว้วๆๆ

 

แต่ผมว่าผีที่เห็นกันนั้น เกิดจากอารมณ์ห่วงและยึดติดกับสิ่งที่ต้องการทำก่อนตายน่ะครับ แต่จิตตัวจริงไปเกิดตั้งแต่ตายแล้วครับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าส่วนมากผีนั้นไม่อาจออกจากสถานที่ที่ผูกพันธ์ยึดติดได้ และไม่อาจสื่อสารอะไรนอกเหนือจากอารมณ์นั้นได้

เช่น ถ้ามีคนถูกฆ่าตายในห้อง ก่อนตายคิดว่าต้องการขอความช่วยเหลือมีอารมณ์แค้นอาฆาต ก็กลายเป็นพลังงานด้านลบวนเวียนอยู่ในห้องที่ยึดติดภาพความมีตัวตนและอารมณ์ไว้ก่อนตาย ถ้ามีคนสามารถสื่อสารกับผีตนนี้ได้และถามว่าต้องการอะไร เค้าก็จะบอกได้แค่ว่า ช่วยยยด้วยยยย และผีตนนั้นก็มีขอบเขตข้อมูลเฉพาะที่จิตคิดไว้ตอนก่อนตาย เช่น รู้ว่าตัวเองคือใคร ใครเป็นคนฆ่า ตายเมื่อไร แต่ถ้าถามนอกเหนือจากนั้น เช่น
อยากไปเที่ยวไหน เค้าคงจะตอบคำเดิมว่า ช่วยยยด้วยยย....

 

ไม่น่าใช่อย่างยิ่งเลยครับ

 

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ



ใช่แล้วครับ คำตอบนี้ ทำให้เราทุกคนไม่ต่างกัน


มันก็แค่นั้นจริงๆ

 

ผมว่ามีนะคับ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเกิดหรือโยนี นั้นมีอยู่ 4 ทาง คือ
1.ชลาพุชะ เกิดจาก ครรภ์ เช่น มนุษย์ หมา แมว ฯลฯ
2.อัณฑชะ เกิดจาก ไข่ เช่น เป็ด ไก่ นก จิ้งจก ฯลฯ
3.สังเสทชะ เกิดจาก เถ้าไคล(สิ่งสกปรกหมักหมม) เช่น แบคทีเรีย เชื้อโรคต่างๆ ฯลฯ
**4.โอปปาติกะ เกิด ผุดขึ้น (เกิดแล้วโตทันที) เช่น
ผู้ที่ทำความดีเมื่อตายไปก็จะไปเกิดในแดนสวรรค์เช่น เทวดา เทพยดา ฯลฯ
ผู้ที่ทำความชั่วเมื่อตายไปก็จะไปเกิดในนรกเพื่อชดใช้กรรม
ผู้ที่ทำความดีบ้าง ทำชั่วบ้าง แต่แรงบุญกับแรงบาปอาจไม่พอให้ไปสู่ภพภูมิใด จึงต้องรอผลบุญจากญาติที่ยังมีชีวิตอุทิศให้ ดังนั้นจึงเร่ร่อน คอยรับผลบุญจากผู้ที่มีชีวิตอุทิศให้ถึงตน ผลบุญนั้นถึงจะนำพาไปสู่สุคติภูมิ

 

*** ผี ****

เห็นผี... คือ เห็น "ตัวกระทำ"
คนชาวบ้านชอบเรียกว่า "ผี" บ้าง "วิญญาณ" บ้างแล้วแต่เรียก

คนในบ้านตายหนึ่งคน...แต่คนอื่นๆ ยังเห็นมาเดินไปเดินมาเป็นประจำ
สิ่งที่เห็น คือ "ตัวกระทำ" ของคนที่ตายไปแล้ว
"ตัวกระทำ" ของเขา เกิดจากที่เขาได้สร้างการกระทำขึ้นมา เขายังเป็นห่วงผูกพันอยู่
คนอื่น เหมือนจูนติดไปรับภาพได้ เลยบอกเห็นผีเห็นวิญญาณเขามา

เป็นไปตาม "หลักสัจจะธรรม"
... ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ถ้า ผี มี จริง

ตายไปเป็น ผี กันไม่ดีกว่าเหรอ

หายตัวได้ หลอกคนนู้นคนนี้ สนุกดี

 

สัมภเวสี คือ เปรตจำพวกหนึ่ง เป็นภพภูมิหนึ่ง เปรตมีหลายจำพวก เปรตบางพวก ไม่ได้ตัวสูงโย่ง หรือปากเล็กเท่ารูเข็มเสมอไป

ผี หรือ วิญญาณ ที่สิงหรือล่อยลอยไปตามที่ต่างๆ ให้คนทั่วไปได้พบเห็น และกลัวกันไปต่างๆ นาๆ แท้ที่จริงแล้ว ก็คือ สัมภเวสี หรือ เปรต นั่นเอง

สรุป การตาย แล้ว เกิด ในทันที เป็นความจริง เพราะมนุษย์ได้ตายจากกายสังขาร แล้วอุบัติ หรือเกิดในทันที ในภพภูมิของเปรต หรือสัมภเวสี แต่คนทั่วไปคิดว่า สัมภเวสี คือ ผี หรือวิญญาณของคนตาย ที่ยังวนเวียน ยังไม่ไปเกิด แท้จริงแล้วไม่ใช่ ความจริงคือ พวกเค้าได้เกิดแล้ว แต่เกิดในอบายภูมิ คือ ภูมิของเปรต นั่นเอง

เหตุที่ต้องเกิดเป็นเปรต สัมภเวสี หรือที่คนทั่วไปคิดว่า เป็นผี หรือวิญญาณนั้น ก็เพราะว่า บุญมีไม่พอที่จะได้ขึ้นสวรรค์ บาปก็ไม่มากพอที่จะต้องลงนรก ศีลก็ไม่มีพอที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เลยต้องเกิดเป็นเปรตหรือสัมภเวสี เร่ร่อนไป เพื่ออาศัยขอส่วนบุญของผู้อื่น ในการอุทิศให้ เพื่อที่จะทำให้ตนเอง ได้เลื่อนขึ้นไปเกิดยังภพภูมิที่สูงขึ้นได้ต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ บุญที่ญาติพี่น้อง หรือคนทั่วไปอุทิศให้ ก็มากพอที่จะทำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ได้เท่านั้น โอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ก็ยากเต็มที่ เพราะต้องใช้บุญมาก และต้องเป็นบุญที่ต้องทำด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ ได้รับการอุทิศบุญกุศล แล้วได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ถือว่าดีมากแล้ว

 

พี่สนิทของเราที่ตายแล้ว ยังกลับมาหาเราเลย ตั้ง 2 คืนแน่ะ...ยังได้คุย ถามไถ่กันเลย แต่ไม่ได้ถามว่าไปอยู่ที่ไหนอ่ะ เค้าดูมีความสุขดีค่ะ

ขอให้ไปอยู่ที่ที่ดีๆนะคะ พี่คิว

 

ผีมีจริงในโลกครับ.............รับรองได้

ผีก็คือคนที่ตายแล้ว

เมื่อเวลาเราตายเขายังเรียกผีเลย

มันต้องมีครับ

 

ทำไม่ยากหรอก ไม่ยากเท่าเรียน calculus หรอก แต่ว่า ต้องมีความเพียรค่ะ


calculus 2-3
ยากสุดๆ อิอิ