งานชุมนุม นักพลังจิต ทดสอบพลัง จิตครั้งที่5

.......ครั้งแรกครับ...ผมประทับใจคุรุทุกท่านที่เมตตา ให้คำชี้แนะต่อผู้ที่มาเข้าร่วมในงาน อย่างเป็นกันเอง โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทุกท่านมาด้วยใจๆๆๆๆ
........สุดท้ายทำให้ผมมีโลกทัศณ์ทีกว้างขึ้น@จะได้นำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากคุรุทุกท่าน ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

ขอขอบคุณจากใจจริง

 

จากจิต อ่านได้ ว่า จะมี สมาชิก อีก อย่าง น้อย สามท่าน กำลัง จะโหลด ภาพกิจกรรม วันที่ 28 กย. 51... ขึ้นจอ..จึงขอแนะนำว่า..ให้ ขึ้นกระทู้ใหม่
" ภาพรวมกิจกรรม งานมหกรรมพลังจิต/ทดสอบ จิต และกำลังภายใน "

เพราะ กระทู้ นี้ มาก หน้า และ ยาวเกินไป..มาถึง หน้า 22 แล้ว
การขึ้นใหม่..จะทำให้ กระทู้ดูสด ขึ้น..ซึ่งย่อมดีกว่า..มาดู ช่อกุหลาบ ที่ แช่อยู่ในแจกัน มานานหลายวัน..ทำอย่างที่ ว่า นะ ครับ
เพื่อ คนทั่วๆๆไป จะได้ มีโอกาส..ได้ รับข้อมูล

 

;aa22ประทับจัยมาก ๆๆเลยค่ะ คุรุแต่ละท่านสุดยอดกันทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะพี่สันโดษ สวยมาก เป็นครั้งแรกที่ได้มา และจะมีครั้งต่อๆไปค่ะ......

 

อย่าลืมเอารูป ไปลงที่ กระทู้ใหม่ นะ...มันจะสด และน่า อ่านมากกว่า
วิษณุ เริ่ม โหลดเข้ามาแล้ว..ไปตามดูได้...
แนะนำว่า อย่ามีแต่รูป..มีคำอธิบายด้วย...เพราะ สมาชิก ทั่วๆๆไป..จะไม่รู้ว่า ใครเป็น ใคร..และกำลัง ทำอะไร
ครับ

 

ถ้ากระทู้ใหม่ที่ตั้งมามีรูปน้อย หรือไม่ชัดเจน แต่งเสร็จแล้ว ผมนำไปแปะเพิ่มครับอาจารย์

กำลังรอรูปจากท่านอื่น น่าจะมีเพิ่มครับ

 

คุณเมืองแก้ว อีกครั้ง
เช็คแล้ว..ไม่มีข้อมุล ใน พีเอ็ม /และในมือถือ
ขอให้แจ้งมาใหม่ ที่ พีเอ็ม หรือ โทรมาที่ 081-9276261

 

เรียน คุณตาที่สาม และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ขอออกตัวก่อนว่า ที่ได้นำเสนอและแสดงข้อคิดเห็นเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการจัดงานครั้งหน้า ดังนี้

1) สถานที่ : มีความเห็นว่าค่อนข้างจะเก่าไปหน่อย และคับแคบ ซุ้มนิทรรศมีอย่างกระจัดกระจายและบางตา อีกทั้งลำบากเกี่ยวกับที่จอดรถ
2) อุปกรณ์ : ไม่ค่อยทันสมัยและเก่าไปหน่อย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ส่วนไมโครโฟนดังๆ หายๆ ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
3) กิจกรรม : น้อยไปนิดหนึ่ง และไม่น่าติดตาม
4) วิทยากร : ไม่ค่อยเตรียมความพร้อมในการนำเสนอ
5) อาหาร : ปานกลาง (ไม่บอกล่วงหน้าว่าเป็นอาหารเจ)

สรุปความได้ว่า สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปอาจยังไม่เอื้ออำนวยนัก กำหนดการก็ไม่ชัดแจ้งในรายละเอียดของกิจกรรม ส่วนวิทยากรแต่ละท่านที่มาบรรยายส่วนใหญ่จะเล่าเรื่องประสบการณ์ของตนเท่านั้น ทำให้ไม่ได้รับสาระที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง เหมือนกับมาคุยหรือเสวนาโต๊ะกลมกันมากกว่า

บรรยายดูมันแปลกๆ ที่จริงควรให้วิทยากรท่านพูดในส่วนของท่าน และให้ผู้ฟังซักถามในประเด็นได้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้างานดำเนินการและสรุปเองทุกอย่าง เลยเข้าใจว่าเจ้างานเก่งไปทุกเรื่อง

ที่จริงน่าจะมี powerpoint และเครื่องฉายสไลด์เพื่อนำเสนอมากกว่าที่จะพูดไปโดยไม่มีทั้งหัวข้อหลักและหัวข้อย่อย แต่บางท่านก็เตรียมมาดี บางท่านก็เล่าเรื่องราวชีวิตรนทนหรือสิ่งที่ต้องประสบมาที่คนอื่นล้วนแล้วแต่เลียนแบบได้อยากหรือไม่ได้เลย โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ฤทธิ์อย่างเดียว โดยไม่ได้บอกวิธีการนำไปใช้เกิดประโยชน์ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติ

หากให้ดีควรจัดหาวิทยากรที่มีประสบการณ์ทางด้านโลกุตระมาให้ความรู้บ้างก็จะดี เพราะที่เห็นมีแต่โลกียะล้วนๆ ประเดี๊ยวจะหลงทางกันไปหมด ทั้งนี้เพื่อจะได้เกิดความสมดุลย์ทั้งทางโลกียะและโลกุตระธรรม

ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเทพพยากรณ์ทั้งหลาย หรือห้องถ่ายภาพออร่า ก็ไม่แจ้งให้ผู้เข้าร่วมได้รับท่านว่ามีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าถ่ายออร่า 400 บ. เป็นต้น นึกว่ามาตั้งซุ้มดูฟรีและถ่ายออร่าฟรีเสียอีก แม๊แอบหลงดีใจ

สำหรับค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน ก็สมเหตุสมผล แต่ก็ขอแสดงความเห็นไว้เพียงเท่านี้ หากสิ่งใดที่ทำให้ขัดข้องหมองใจ ก็ขอโทษ ณ ที่นี้ด้วย

จาก จิตเอกภพ

 

คำตอบง่ายคือทุนครับ
1.เรื่องสถานที่เนื่องจากผู้ที่มีพลังจิตในประเทศมีน้อยแล้วยิ้งกรุงเทพด้วยแล้วยิ้งน้อยไปอีก การที่จะไปจัดในสถานที่ที่ดีกว่าแค่ค่าเช่าสถานที่แล้วก็จะไม่สามารถจัดได้แล้ว
2.เรื่องอุปกรณ์เนื่องจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นการใช้แล้วทิ้งเลย(พวกอาหาร) ส่วนรูปต่างๆนั้นในประเทศไทยนั้นไม่มีต้องมีการสั่งนำเข้าแล้วถ้าเป็นที่ดีกว่านี้แพงมาก เพราะของเหล่านี้เรียกว่าเราสั่งไปบริษัทเค้าถึงจะจัดทำเพราะคนทั่วไปไม่ใช้เป็นของพลังจิต คือไม่ได้มีสายการผลิตใหญ่จึงจะทำให้ถูกลง
3.กิจกรรมจัดทำตามเหมาะสมคือตั้งแต่ผู้ที่มีพลังจิตน้อยไปถึงมากสามารถรับรู้ได้ ถ้าจัดให้มากกว่านี้หลายแบบกว่านี้ คงจะมีหลายคนที่ไม่สามารถสัมผัสได้
4.วิทยากรส่วนใหญ่มีงานทำประจำไม่ได้ทำอาชีพนี้เท่านั้นแค่ทุกท่านสละเวลามาได้ ก็ขอบคุณมากแล้วครับ
5.ส่วนอาหารบอกไปแล้วว่าเป็นอาหารเจบ้าง ไม่เจบ้างไ้ดบอกไปแล้วนะครับถ้ามีการอ่านดู แต่ก็โอเคในสำหรับงานครับ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ต้องจ้างพิเศษมาจากที่อื่นครับ

สรุป
1.ง่ายๆถ้าจะจัดให้ดีอย่างที่คุณว่าต้องค่าบัตรซัก 5000บาทครับแล้วมีคนมา100คนขึ้นไป
2.การเข้าถึงพลังต่างกันคนที่มีพลังจิตมากก็ลับรู้ได้เร็วยิ้งเก่งมากแค่มองก็รู้แล้วดังนั้น พวกที่รู้เรื่องจะเข้าใจเร็วพวกพลังจิตอ่อนต้องใช้เวลานิดนึง แต่งานในครั้งนี้มีผู้ที่มีพลังจิตมากเลยเข้าใจกันเร็วครับ
3.งานนี้เป็นงานวิทายาสาสตร์ทางจิตครับ ดังนั้นว่าด้วยวิทยาศาสตร์
4.งานนี้สอนให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราปฏิบัตินั้นนอกจากด้านศาสนาแล้วเรายังได้อย่าอื่นด้วย แล้วที่การทดลองต่างๆเราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ สามารถเลือกสิ่งต่างๆได้เหมาะสมกับตัวเรา โดยไม่ทำร้ายตัวเราทำให้สุขภาพดีขึ้น เหมือนกับชีวจิตครับ

ปล.การถ่ายออร่าเป็นของศูนย์โลกทิพย์อยู่แล้วคนที่เคยไปย่อมรู้ดีครับว่ามีค่าใช้จ่าย
และการจัดทุกครังอาจารย์ต้องควักเนื้อเองทุกครังถ้าครังนี้คุณเมืองแก้วไม่บริจากมา ผมพูดได้เลยว่าจัดไม่ได้เพราะขนาดนี้ยังจะแทบเข้าเนื้อเลยครับ

 

ยิ่งดูภาพ เห็นบรรยากาศงานแล้ว ก็ให้เสียดายที่ไม่ได้ไปเพราะไปไม่ได้ อยากให้จัำดอีกครั้งช่วงปลายปีน่าจะดีนะ เพราะจะมีช่วงวันหยุดเทศกาล คนที่ติดงานจะได้มาร่วมได้ด้วย

 

สันโดษคงไม่มีโอกาสได้ไปร่วมเเล้วล่ะคะ

เพราะ สันโดษ ช่วงนี้มีหน้าที่ทำลายโลก

มนุษย์ กับสันโดษ ไม่ควรมาเจอกันเเละเปิดเผยแบบนี้

แต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มก็ ถาม คุรุ กับสันโดษผ่านในเว็บ นะคะ

 

สันโดษไม่ได้มีพลังจิต สันโดษ ไม่ได้มีจิต

แต่ สันโดษ เป็น พลังงานที่อาศัยในร่างผู้หญิงคนนึง

และอาศัยในโลกมนุษย์ ในฐานะ มนุษย์ เเต่ จริงๆเเล้ว สันโดษ ไม่ได้ใช้พลังจิต

เเต่ สันโดษ เป็น จิตที่ว่างเปล่า ไม่มีความคิดอะไร

และไม่สนใจ อะไร นอกจาก ปัจจุบันกาล จึงทำให้ สันโดษ เป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้

การที่สันโดษ มาเพราะ มาทำหน้าที่ของสันโดษ เพื่อ เชื่อมโยงกับคนที่ลงมาทำหน้าที่ของพวกเขา

สันโดษ ไม่ได้ มาเอาดีทาง ดูจิต, ดูกรรม, หรือ เป็นอะไร นอกจาก ความว่างเปล่า

เเล้วเมื่อสาระสุดท้ายของงานจบ สันโดษ ก็ หายไปโดยไม่มีใครได้เจออีกเลย

สันโดษ เป็น อย่างนี้ มานานเเล้วคะ ที่พวกคุณรับได้ เพราะ จิตของคุณเปิดเเล้วเท่านั้นเอง

ส่วนคนที่มาเปิดให้ พวกคุณห็นและได้ยินเสียง คือ จิตจักรวาลนั้นเอง พระเเม่อุมาเทวี = จิตจักรวาล

 

ที่สันโดษเเสดง ยังไม่ได้เศษ ธุลี ของพลังจริงที่มี เพียงแต่ พวกคุณ รับรู้ ในระดับคนที่ฝึกมาดี

สันโดษ ไม่ได้ ต้องการให้คนช่วย เเต่มาเพื่อสอนวิธีให้รอดพ้นกับ ภัยพิบัติ

มาช่วยพวกคุณ เเล้ว คุณก็ เอาไป ทำของคุณเอง

คุณเห็นเเล้วนะ ว่า สันโดษ มีตัวตน เเต่ ต่อไป อย่านับถือสิ่งใด นอกจากตนเอง

เเล้วเมื่อไรที่ ตนเเลเป็นที่พึ่งเเห่งตน เมื่อนั้น ท่านจะเห็นพระตถาคต

ผู้หญิง ไม่ใช่เพศที่มนุษย์ให้ความสำคัญ เเต่ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นที่ คำว่า เเม่เสมอ รู้นะคะ

 

โมทนาสาธุ กับเพื่อนๆทุกท่าน ขอให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
หากผมถึงเวลาที่ถูกเปิดให้ออกไปได้(รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ควรออกไปไหน จิตแนะนำเช่นนั้น)ผมจะไปร่วมงานด้วยแน่นอน หลังจากงานเมื่อปีที่แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ซุ่มขัดเกลาตัวเองอยู่ หากถึงเวลาแล้วผมจะไปร่วมด้วยแน่นอน

โมทนากับทุกท่านด้วย

*จิตมีพลังมากกว่ากายนับล้านเท่า หากแต่จิตของแต่ละคนจะรับรู้และพัฒนาขีดจำกัดให้มากขึ้นได้กว่าเดิมเพียงใด การฝึกฝนจิตใจ ฝึกฝนกายในและกายนอก ให้สมบูรณ์มีพลัง พลังจิตย่อมมีอานุภาพยิ่งมากขึ้นไปด้วย ขอให้ทุกท่านประสพความสำเร็จดั่งปราถนาทุกประการ สาธุ

 

มนุษย์ ทุกคน คือ จักรวาล กาย คือ โลก นั้นเรื่องจริง

แต่เมื่อคุณ เปิดจิต ความน่ากลัวสร้างเเล้ว คือ ความกลัวจากจิต

เมื่อรุ้ว่า กายไม่ใช่ของเรา กลัวโดน สิ่งแปลกปลอม มาสิงสู่ร่าง เพราะ ร่างเป็น ของเรา

กลัวคนว่าเราบ้าเพราะเรา พูดคนเดียว

กลัวเจ็บ กลัวตาย เพราะ จิตเราทำลายตนเอง

แต่เเล้วสุดท้าย ก็ กลับเข้าไป อยู่ในความปลอดภัย ของผู้มีอำนาจ

คือ จิตของคุณ ที่ เป็น เจ้าของร่างกาย ท้ายที่สุด จิตดั้งเดิม

หรือ เจ้าหญิงน้อยก็กลับเข้าไปถูกขังเหมือนเดิม สันโดษ ไม่ยอมอีกเเล้ว

สันโดษ เป็นอิสระเเล้ว เเละ ถ้าต้องเจ็บอีก ก็ จะดีใจมากที่ ได้ ไปจากสังขารนี้เสียที

เพราะ ที่เป็น ก็ ดูตัวเอง ทุกวัน เบื่อ อยู่เหมือนกัน ก็ งั้นๆล่ะ เรียกนู่นเรียกนี้

สร้าง นู่นสร้างนี้ ดู จิต ดู อะไร ดูได้หมดอ่ะ........แต่ ไม่เห็นจะตื่นเต้นเลย ..T T

 

ตาที่สาม ไม่ใช่ ลูกกะตา ที่เห็นได้ด้วย ตาเนื้อ

ตาเนื้ออยู่ใน ผัสสะทั้ง 5 คือ ตา, หู, ลิ้น, กลิ่น, กาย

แต่สัมผัสที่หก = ความคิด เราจะเห็นได้ก็ กึ่งหลับกึ่งตื่นหรือ ในฝันเท่านั้น

ความคิด หรือ จิตวิญญาณ ปรโลก สอนเเล้วว่า โดน จิตหลอก

จิตมันหลอก ต้องตะโกนเมื่อวานว่า จิตมันหลอกจริงๆโว้ยยยยยยยยยยยยยยย!!! พวกมันไม่ใช่เรา

ตัวเราไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงเเค่ ความว่างเปล่า

จุดที่เทพ มาร และ มนุษย์ กลัวที่สุดคือ ความว่างเปล่า หรือ เรียกว่า ก่อนเกิด มหจักรวาล

ไอ้ที่เปิดตาที่สามให้ เรียกว่า ปุ่ม ไม่คิดอะไร เราไม่คิดอะไร

คิดก็ไม่คิดว่า แปลว่าอะไร? อะไรคือ อะไรก็ไม่รู้ว่า มันอะไร? เพราะเรา ดูอย่างเดียว เจงๆ

นั้นล่ะ ตัวเรา คือ ตัวกลวง โบ๋ๆ ดังนั้นเมื่ออะไรเข้ามา เราก็รู้ ง่า

เเต่ก็ รู้ ไม่ได้คิดอีกว่า มันคือ อะไร เพื่อที่จะเข้าใจ

ลอง คิดถึง คนที่ตาลอย แล้ว รถเมลล์วิ่งผ่าน คนจิตลอย ก็เหม่อไม่มองรถนั้นละคะ

อาการที่สันโดษเป็น ส่วนที่พิมพ์เนี๊ยอ่ะ จิต เพราะ สันโดษไม่ได้คิด จริงๆ

 

visnu<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1538512", true); </SCRIPT>

ก่อนอื่น ผมก็ได้ออกตัวแล้วว่า จะติเพื่อก่อ
หากคุณจะเก็บค่าลงทะเบียน 5000 ต่อคนจำนวนสัก 100 คน ผมว่าไม่มีใครหรอกนะ
ที่จะมางานนี้ หรือว่าคุณจะคิดค่ากำไรเกินควร

ผมคิดว่าหากจัดที่โรงแรม ก็น่าจะดี โดยทางโรงแรมหรือที่อื่นๆ ที่เหมาะสม เขาจะจัดให้หัวละประมาณ 250 บาทต่อคน (หากเป็นโรงแรม แล้วแต่ตกลงราคา) รับได้ประมาณ 60 - 80 ท่าน (แล้วแต่ขนาดห้อง) ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของงานดูดีด้วย ปัญหาต่างๆ ก็จะหมดไปได้ ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ซึ่งราคาค่าลงทะเบียนสามร้อยต่อคน ก็เป็นราคาที่น่ายินดีให้ได้อยู่แล้ว

ในเมื่อสมาชิกเรียกร้อง คุณก็น่าจะรับไว้พิจารณา ไม่ใช่มาเบี่ยงเบนประเด็น หรือแสดงความหวือหวาไปตามจิตที่กระทบ เราเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องรู้จักความใจกว้างสักหน่อย

อะไรก็ตามที่สามารถสร้างความสงสัยหรือข้อกังขาให้กับผู้ร่วมงานได้ ก็ควรจะแจ้งไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่ปล่อยให้เขาต้องควานถามว่า รายการนี้มีค่าใช้จ่ายไหม รายการนี้ละมีไหม เป็นต้น
ให้ข้อมูลหรือประชาสัมพันธ์ให้เสียแต่ทีแรก ก็น่าจะดีนะครับ

ก็หวังว่าคงเข้าใจด้วยกันดี

 

ตาเนื้อเห็นได้แค่เพียงธาตุที่มีบนโลก
ตาในหรือจิตสามารถเห็นนอกเหนือจากธาตุที่เห็นด้วยตาเนื้อ รับรู้คลื่นมากมายที่ตาเนื้อมองไม่เห็น เห็นสิ่งต่างๆได้ในสิ่งที่ตาเนื้อไม่เห็น แต่บางคนตาเนื้อก็สามารถเห็นในสิ่งที่บางคนไม่เห็น

 

สติ คือ ตัวขี้เกียจ ดู อย่างเดียว โดยที่ก็สันโดษไม่ได้อยากรู้อยากเห็นด้วยอ่ะ

เเต่ ซวยง่ะ เกิด มาเป็น ตัวรู้ ..กรำ -*-



ไอ้จิต ตัว ป่วน ยุ่งกับสันโดษ เบื่อ พวกมานนนนนนมั๊กมัก เทพ มาร ก็ พอๆ กัน เอาของมาล่อสันโดษอยู่นั้น

รู้ก็ รู้ว่า ขี้เกียจ คิดก็ จะให้ คิดอยู่นั้น ง่า............ มีตั้งหลายจิต ก็ ผลัดกันทำงานไปดิ ไม่ต้องมาตีกันให้ ดู

สันโดษ ไม่คิดดดดดดดดดดดดดดดดดด........................ ขี้เกียจจจจ

คนบอกว่า สันโดษเก่ง แต่ ไม่ใช่หรอก เดินก็ เท้า เขาเดินเองง่า กินก็ ปากกินเองง่า ทำงาน จิตก็ แบ่งกันออกมา

แต่ สุดท้าย สันโดษอยู่นู่น นนนนนนนนนน ดูอย่างเดียว ไม่ได้ทำไร สักอย่าง




ที่ชอบอยู่ด้วย นี้ ต้อง อรหันต์ อ่ะ ดับ ๆ นิ่งๆ ไม่คิดไร เลย สบายใจ ....นะเอย นะเอย

 

มันเริ่มจากการอยู่คนเดียว

สันโดษ เป็น เจ้าของโลก ของสันโดษ รักตัวเอง เล่นกับตัวเอง

โดยที่ไม่รุ้ว่า ไอ้ที่เล่นๆ คนเดียว มันกลับเป็นเรื่องจริง

เเล้วรู้ความลับของจักรวาลว่า ตัวเรานั้นเองคือ จักรวาล

เเละมนุษย์ ทุกคนก็ คือ จักรวาล คือ จิตภายในจริงๆๆๆๆๆๆ เเบบ รีคอนเฟร์ม ภาษา จริงใจ

ดังนั้น ที่ๆ นึง มนุษย์ เกิด ภัยพิบัติและอีกที่อยู่สบาย

เพราะ จักรวาลไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ความคิดภายในตัวเราเอง นะเอย นะเอย

คำเฉลย ของ จักรวาล

 

แต่เมื่อสรุป จงจบที่รู้

จงรู้ ไม่ใช่ จงเชื่อ อย่าให้ เชื่อ เป็น ศรัทธา และ เชื่อ ต่อๆ เพื่อเล่าให้ลูกหลานฟัง

เเต่จงนำสิ่งที่รู้ เดินทางไปให้เห็นกับตา แล้ว จงเชื่อ สิ่งที่ตนเองเห็นว่า เราเห็น ด้วยสติ

และ ใช้ปัญญาในการพิจารณา ธรรมชาติของตนเองต่อไป ค่อยๆ ฝึกอย่ารีบร้อน

ตาที่สามไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่คุณมานานเเล้ว เขารอวันที่คุณพร้อม

ที่จะค้นพบตัวเอง และ คุยกับ ตัวคุณในร่างของคุณเอง

มีสักกี่ครั้งที่คุณ ให้ความสำคัญ กับจิตของตนเอง? ถ้ายังไม่พร้อมก็จงรอจนกว่าจะพร้อมนะคะ