ศึกชิงศาสนิกชน จากอินเดีย...สู่ อินโดฯ ถึง...บ้านน้ำเค็ม

การเผยแผ่ศาสนาคือ การทำให้ผู้อื่นรู้และ เข้าใจหลักคำสอนของศาสนาให้ ขณะนี้มีกลุ่มคริสเตียน ทั้งไทยและต่างชาติเข้ามา เปิดศูนย์ลักษณะคล้าย โบสถ์ใหม่ ๒๕ แห่ง บางกลุ่มคนอ้างเป็นตัวแทนศาสนาคริสต์ หรืออ้างเป็นคริสเตียน เข้ามาแจกเงิน และสร้างบ้าน ให้ผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมให้ ชาวบ้านเปลี่ยนศาสนา หากยินยอมก็จะ สร้างบ้านใหม่ให้ และให้เงินช่วยเหลือ ตลอดจนช่วยด้านอุปกรณ์ทำมาหากิน ซึ่งชาวบ้านหลาย คนยอมทำตาม เพราะ อยากได้บ้านใหม่ ชาวบ้านบางคนที่ยอมไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ จะได้รับ แจกเงิน คนละประมาณ ๓,๐๐๐ บาท

ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบริเวณ เขาหลัก จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่ ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิอย่างรุนแรงความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ ชาวมอแกนเกิดแตกแยกอย่างหนัก แบ่งพวก นับถือผี กับนับถือ พระเจ้า

กรณีที่ศาสนาอื่นพยายาม เข้ามาแย่งศาสนิกชน โดยมีวัตถุธรรมเป็นเครื่องล่อ เช่น สร้างบ้านให้ ให้การศึกษา ให้งานทำ ให้ชีวิตที่ดีขึ้นนั้น ภิกษุณีธัมมนันทา หรือ ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ เจ้าอาวาสวัตรทรงธรรมกัลยานี จ.นครปฐม บอกว่า เป็นสิ่งที่เราได้พบเห็น มาแล้ว ใน ประวัติศาสตร์ของศรีลังกา ที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส ฮอลันดา และอังกฤษ ถึง ๔๐๐ ปี ศาสนาคริสต์ที่ปกครอง ศรีลังกาทั้งโปรเตสแตนต์ และคาทอลิกก็ล้วนใช้วิธีการบีบบังคับ ในทางวัตถุธรรม แต่ในท้ายที่สุด เมื่อต่างชาติออกไป แล้ว ชาวศรีลังกาก็ยังนับถือพระพุทธศาสนา เหมือนเดิม



สำหรับชาวไทยที่ยากไร้ ถ้าศาสนาอื่นเขายื่นมือมาช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ให้ เราหันไปเข้าโบสถ์ ของเขา ก็รับความช่วยเหลือไว้เถิด เพราะถ้าจะรอให้ชาวพุทธ รวมตัวไปช่วยก็คงต้องรอนาน แต่...ความศรัทธาในใจของเรา เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ นอกจากตัวของเราเองเท่านั้น "ปัญหานี้เป็นปัญหาเดียวกับช่วงเวลาของการหาเสียง ถ้าใครเขาเอาเงินมาให้ เราก็อ่อนน้อม ถ่อมตนรับไปเถิด เพราะถ้าไม่รับจะกลายเป็นภัยแก่ตนเองเสียเปล่าๆ แต่เราจะลงคะแนนเสียง ให้ใครเป็นเรื่องของเรา ถ้าพลเมืองไทยทุกคนถือปฏิบัติ เช่นนี้ ในระยะยาว การซื้อเสียง ก็จะ หมดไปเอง" ภิกษุณีธัมมนันทากล่าว พร้อมกับ บอกด้วยว่า ศึกชิงศาสนิกชน เกิดขึ้นมาแล้วนับพันปี และเกิดขึ้นกับทุกศาสนา โดยเฉพาะ พุทธศาสนา อย่างเช่นในอินเดีย ซึ่งเป็นแผ่นดินเกิดของพระพุทธศาสนา แต่กลับ ไม่มีพุทธศาสนิกชน เหลืออยู่เลยในอินเดีย




ในทางตรงกันข้าม ศาสนาพุทธกลับไปเจริญในประเทศอื่น และยังคงความเป็น ศาสนาโลกไว้ได้ ส่วนประวัติศาสตร์ของประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ ๗๐๐ ปี ที่แล้ว พระพุทธศาสนา และศาสนาฮินดู เป็นศาสนาที่มีอิทธิพลมากที่สุดในดินแดนแถบนี้ กษัตริย์ที่นับถือ พุทธกับฮินดู ผลัดกันมีอำนาจ และแข่งขันกันเอง พระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรือง ในเกาะหลายแห่งของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาะชวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาเจดีย์โบโรโบดัวร์ อันมีชื่อเสียง แต่ปัจจุบันนี้ศาสนาอิสลามกลับมีผู้นับถือมาก ในที่สุดประเทศอินโดนีเซียก็เป็น ดินแดน ที่มี ประชากรมุสลิมหนาแน่นที่สุดของโลก

ภิกษุณีธัมมนันทา บอกด้วยว่า เมื่อเราศึกษาถึงประวัติศาสตร์พุทธศาสนาใน อินเดียก็พบว่า ความเสื่อมนั้นเกิดขึ้นในพุทธบริษัทนั่นเอง ดังที่สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์ ไว้ล่วงหน้าว่า "ต่อไปในอนาคต พระศาสนาจะเสื่อม หากพุทธบริษัททั้งสี่ กล่าวคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่เคารพยำเกรงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สมาธิ และสิกขา" นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังทรงพยากรณ์ไว้ด้วยว่า "พระศาสนาจะเสื่อม เมื่อ พุทธบริษัทสี่ ไม่เคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน"

<TABLE borderColor=#ff9900 width="100%" bgColor=#ffffcc border=2><TBODY><TR><TD>
ศาสนากับแผนการตลาด


กรณีที่เกิดขึ้นนี้ พระดร.มโน (เมตฺตานนฺโท ภิกฺขุ) ที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายกิจการ พระพุทธศาสนา ในเลขาธิการใหญ่ สมัชชาศาสนาเพื่อสันติแห่งโลก (WCRP) และอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ ได้วิเคราะห์ไว้ว่า
"เป็นการเผยแพร่ศาสนาในเชิงรุก ด้วยการนำกลยุทธ์ทางการตลาดสมัยใหม่มา ใช้ในการเรียก ศรัทธาทางศาสนา"
การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีรูปแบบ ๓ อย่าง คือ การให้ การรักษา พยาบาล การศึกษา และสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเป็นเครื่องช่วยให้มีโอกาสเข้า ไปพูดคุยกับ กลุ่มเป้าหมายสะดวกขึ้น โดยมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ มีแผนการ อย่าง ชัดเจน


อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของมิชชันนารี ถือว่ามี คุณูปการ ต่อสังคม ไทยอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดก็มีส่วนช่วย ยกระดับการศึกษาและ การรักษาพยาบาล ในเมือง ไทย เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนเซนต์โยเซฟ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โรงพยาบาล มิชชั่น เป็นต้น พระดร.มโน บอกด้วยว่า การใช้ แผนการตลาดสมัยใหม่ เพื่อ เผยแผ่ศาสนานั้น ในต่างประเทศมีการทำในลักษณะนี้ มาก่อนแล้ว ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด คือ การทุ่ม งบโฆษณานับร้อยล้านบาท เพื่อแจกฟรีหนังสืพลังแห่งชีวิต และในประเทศไทยเอง เมื่อหลายปีก่อน วัดพระธรรมกาย ก็เคยมีการโฆษณาทางสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ เพื่อเผยแพร่ และเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม ของวัด แต่ที่คนไทยไม่ได้เห็นว่าเป็นการเชิญชวน แบบ คาทอลิก ไม่มีมิติทางด้านสังคม สงเคราะห์ การแพทย์ เข้ามาเกี่ยวด้วย เป็นเรื่องการปฏิบัติ ทางจิตมากกว่า

วิธีการเผยแผ่ลักษณะดังกล่าวนี้ จะใช้ได้ดีในประเทศกำลังพัฒนา หรือโลกที่ ๓ เช่น ในแอฟริกา (ยูกันดา ไนจีเรีย และแทนซัลเนีย)



ส่วนในประเทศที่เจริญแล้ว กลับหันหน้ามาสนใจศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก ที่ยิ่งกว่านั้น คือ ผู้ที่มานับถือพุทธกลับตรงกันข้ามกับผู้นับถือคริสต์ คือ มีการศึกษาสูง มีฐานะดี ซึ่งอาจะ สรุปได้ว่า ชาวตะวันตกหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว มานับถือพุทธศาสนาด้วยปัญญาล้วนๆ ไม่ได้ มานับถือเพราะสิ่งล่อ อย่างกรณีบ้านน้ำเค็ม "ปัจจุบันชาวยุโรปยุคใหม่จึงหันมาสนใจ ศาสนาของเอเชียเพิ่มมากขึ้น ในประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และประเทศในยุโรปตะวันตก มักจะมองเห็นคนที่เคร่งศาสนาเข้าโบสถ์ ทุกวันอาทิตย์ว่าเป็นพวกคร่ำครึ เคร่งจารีต ในขณะเดียวกัน พวกที่ประกาศตนเองว่า เป็น ชาวพุทธกลับถูกมองว่าเป็นพวกก้าวหน้า มีจิตใจสูง รักเสรี ใฝ่สันติ เป็นผู้มีวิจารณญาณสูง เป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม" พระ ดร.มโน กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา : http://www.komchadluek.net

 

ศาสนาทุกศาสนา ก็สอนให้เราเป็นคนดี เพียงแต่แตกต่างกันตรงวิธีการและแบบแผนการปฎิบัติ... ถ้าเราอยากรับ ก็รับไป ถ้าไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ แต่เรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา การนับถือ อันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราแต่เพียงผู้เดียว...

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็มีส่วนจริงอยู่ การเผยแพร่ศาสนาแบบการตลาดไม่ทราบศาสนาอื่นจะบัญญัติไว้อย่างไร แต่สำหรับศาสนาพุทธแล้วถือว่าไม่ได้เด็ดขาดเพราะนอกแนวคำสั่งสอนและถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิประเภทร้ายแรง
ขอให้สาธุชนโปรดรอดูในระยะไม่เกิน 15 ปี ข้างหน้า ท่านจะเห็นชาวโลกหันกลับมานับถือศาสนาพุทธกันมากมาย ไม่ใช่เพราะศรัทธาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะกลัวตาย กลัวพินาศจากภัยธรรมชาติที่มนุษย์ก่อขึ้นมาเอง พลังการปฏิบัติธรรมและการทำความดีเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย ศาสนาอื่นไม่สามารถตอบคำถามนี้ในอนาคตได้

"นรชนผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่พินาศด้วยสารพัดภัยพิบัติ"

 

-------------------------------------------------------------------------