เจ้าอาวาสวัดสามแยก ยันอยู่วัดต่อ และพร้อมให้ปากคำ

ขออนุโมทนา กับ ทุกท่านที่ช่วยเป็นหูเป็นตาและประณาม การกระทำของมารในครั้งนี้ครับ
หลายคนอาจจะบอกว่า พระมีศีลเยอะกว่าเรา เราไม่ควรกล่าวว่าท่าน เพราะบาป ข้อนี้ท่านพิพากษาจาก อำนาจสีลพตรปรามาสในตัวท่านเอง เราต้องรู้จักเอาธรรมไว้บนหัวและ เชื่อมั่นธรรม มากกว่าสิ่งอื่นใด พระเกษมบอกว่า ไม่ต้องไปกราบพระพุทธรูป แต่ให้เชื่อพระเกษม แบบนี้มันคนบ้าแล้วครับท่าน เราก็เอาธรรมไว้บนหัวเราบ้าง ไม่ต้องยึดติดตามที่เกษมมันสอนมานั่นแหละ แล้วก็เชื่อมั่นว่า การกระทำของเกษม เป็นการกระทำที่ น่าเกลียด และเราจะไม่ยึดติดในผ้าเหลือง ขอด่าและประนามว่า คนดื้อและ สุดโต่งนั้น เป็นภัยอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา

ผมขออนุญาต อุปมาดังนี้ว่า โจรแต่งเครื่องแบบตำรวจ เราจะบอกว่าเป็นตำรวจได้ไหม แล้วถ้าตำรวจมองแต่เครื่องแบบตำรวจ มันก็ไม่กล้าจับนะสิ

ขอให้ดูที่ธรรม อย่าดูที่ผ้าเหลือง

 

ท่านไม่ได้ถ่าย ให้ใครเคารพกราบไหว้ค่ะคุณ ท่านมีคำสั่งออกมาตั้งนมนานแล้วให้ลูกศิษย์ที่มีไว้ครอบครอง หรืแม้แต่บนปกหนังสือก็ตาม ให้ทำลายทิ้งเสีย เพราะท่านกลัวว่าจะมีคนเอาไปกราบไหว้ ไม่ได้เอาไปอ่านหรือพิจรณา

 

ยังไม่จบกันอีกหรือเรื่องนี้...คนเชื่อก็เถียงคอเป็นเอ็น...คนไม่เชื่อก็เถียงจนไฟแลบ...เถียงกันไปเถียงกันมา...กลายเป็นว่าเราปรามาสพระกันไปแล้ว...ยังไงก็เห็นแก่ผ้าเหลืองท่านเถอะ...คุณกราบพระพุทธรูป ก็กราบไป (เพราะผมเองก็กราบ)...ใครที่ไม่กราบก็ไม่ต้องกราบ...แต่จะมาเถียงกันแบบนี้มันก็มีแต่ผลเสียด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย...ใครทำสิ่งใดแล้วมีความสุข ก็ทำไปเถอะ...ขอแค่ไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อนเป็นพอ

ปล.ขอเชิญเที่ยวงานแข่งเรือยาวประจำปี ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ จ.พิจิตร (วันที่ จะนำมาโพสในภายหลัง เพราะยังไม่ทราบแน่นอน แต่รู้มาว่าเดือน สิงหา นี้แหละ) ณ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร มีสินค้าราคาถูกมากมาย สินค้าโอท็อปจากทั่วประเทศ มหรสพบังเทิงหลากชนิด (ลิเก คอนเสริต เครื่องเล่น และอื่นๆ) นอกจากนี้ทางวัดยังจัดงานบุญ นมัสการหลวงพ่อเพชร หลวงพ่อเงิน(วัดบางคลาน) อื่มท้องกับอาหารอร่อยหลากหลายจากทั่วฟ้าเมืองไทย และอิ่มบุญภายในงาน เดินกันให้เมื่อยแข้งเมื่อยขา เพราะงานเขาใหญ่จริงๆ! (รายละเอียดจะนำมาโพสภายหลัง)

 

เยี่ยมมากครับคุณขันธ์ ชัดเจนและตรงไปตรงมา
ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่พร้อมที่จะปกป้อง"พ่อในทางธรรม"ของกระผมครับ

อนุโมทนาครับ

 

มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย จะเหมือนกะที่มีศาสนาพุธหลายๆ นิกายหรือป่าวนาา

 

;aa31ดีใจด้วยนะคะ พระเกษมดังใหญ่แล้ว
555555555555555555555555

 

ถ้าเป็นอย่างนี้จริง มันแย่กว่าที่คิดไว้ทีแรกเยอะนะ... อืม...

 

.....

>>>>> พระเครื่อง <<<<<

>>>>> เครื่องรางของขลัง <<<<<

>>>>> พระขุนแผน <<<<<

 

แต่เดิมก็ไม่ศรัทธาท่านอยู่แล้ว พอมาอ่านอันนี้ ตอนนี้หมดศรัทธายิ่งกว่าเดิมอีก นี่หรือพระสงฆ์...

 

ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมีชีวิตอยู่พระราชาองค์หนึ่งระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เลยสร้างพระแก่นจันทร์เป็นที่ระลึกเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาเมืองนั้นพระแก่นจันทร์ก็ลุกขึ้นจะเสด็จถวายบังคมพระศาสดาแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามไว้แล้วตรัสว่าท่านเสมอด้วยเราจงเป็นตัวแทนแห่งเรานับแต่นั้นมาก็มีการสร้างพระพุทธรูปจนถึงปัจจุบันและตรัสอานิสงการสร้างพระพุทธรูปไว้ว่ามีอานิสงค์มากมายนัก

 

ผมว่าพวกเราอย่าพึ่งไปปรามาสท่านจนกว่าเราจะรับรู้ความจริงหรือสัมผัสด้วยตัวเองดีกว่านะ คุณเชื่อสื่อกันเกินไปหรือเปล่าครับ เคยกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือกับข่าวบางข่าวที่สื่อออกมาแล้วมันไม่เป็นความจริงกลับเป็นอีกด้านหนึ่งที่เราไม่คิดถึง ถึงภาพมันจะฟ้องชัดแจ้งที่เราก็ควรดูที่เจตนานะครับ

..ปล. ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนครับ อยู่ตรงกลาง

 

โอ้ กรรมหนักนะหนะ อืม มีใครบ้างไหมเอารูปพระเกษม มาเหยียบเล่นหน้าวัดสามแยก ติดประกาศ รูปนี้ไม่ใช่พระเกษมไม่ต้องไหว้มัน 5555+ เอ่อ พุทธหัวรุนแรงครับ

 

เอ้าไปดูกันเร๊ว.....
เปิดนรกขุมผู้ทำลายพระพุทธรูป
http://palungjit.org/showthread.php?t=142453

 

เรื่องขำๆ ที่มาจากในเว็บนี้แระ คุณ Slamb และเพื่อนๆพี่ๆสมาชิก อ่านและน่าจะคิดได้กับตัวอย่างที่คุณ Slamb ยกมาอ้าง


ในอนัตตลักขณสูตรพระพุทธเจ้าตรัสสอนพระภิกษุปัญจวัคคีย์ เรื่องอนัตตามีใจความโดยสรุปว่า


ขันธ์๕คือรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ....เป็นอนัตตา

ถ้าขันธ์ทั้ง ๕ นี้ เป็นอัตตาแล้วไซร้ ก็จะไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ (ความทุกข์ยากลำบาก)

และใครๆก็จะพึงหวังได้ในขันธ์ ๕ ว่า

ขันธ์ ๕ ของเราจงเป็นอย่างนี้ ๆ เถิด อย่าได้เป็นอย่างนี้ ๆ เลย

แต่เพราะเหตุที่ขันธ์ ๕ เป็นอนัตตา ขันธ์ ๕ จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ

และใครๆก็ไม่พึงหวังได้ในขันธ์ ๕ ว่า

ขันธ์ ๕ ของเรา จงเป็นอย่างนี้ ๆ เถิด อย่าได้เป็นอย่างนี้ ๆ เลย


และพระพุทธเจ้าได้ตรัสถามว่า


พวกเธอจะมีความเห็นเป็นอย่างไร ว่าขันธ์ ๕ เป็นของเที่ยง หรือไม่เที่ยง ?

พระภิกษุทูลตอบว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า


จึงตรัสสรุปว่า ก็สิ่งใดที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา

ควรหรือที่จะตามเห็นว่า นี่เป็นของเรา เราเป็นนี่ นี่เป็นตัวตนของเรา

เมื่อพระภิกษุทูลตอบว่า ไม่ควรเห็นดังนั้น พระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนต่อไปว่า


ขันธ์ ๕ ทั้งหมด ทุกขันธ์นี้

ไม่ใช่ของเรา
เราไม่ได้เป็นนี่
นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา


บุคคลควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงด้วยประการดังนี้


พระอริยสาวกผู้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์ทั้ง๕

เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้วย่อมเกิดญาณรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
ย่อมรู้ชัดว่าชาติคือความเกิดสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจอื่นอันพึงกระทำเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกมิได้มีแล้ว ดังนี้ ฯ


เมื่อฟังพระสูตรนี้จบลง จิตของพระปัญจวัคคีย์ ก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย ฯ


การแสดงธรรมเรื่อง "อนัตตา" นี้ มีผู้กล่าวสรรเสริญว่า
เปรียบเหมือนกับหงายของที่คว่ำอยู่
เปรียบเหมือนกับเปิดเผยสิ่งของ ที่มีสิ่งของอื่นกำบังไว้อยู่
เปรียบเหมือนกับชี้ทางที่ถูกต้อง ให้กับคนหลงทาง
เปรียบเหมือนส่องไฟให้แสงสว่างในที่มืด แก่คนผู้มีตาดี


ครั้งหนึ่ง ในประเทศไทยเรานี้เอง


มีหลวงพ่อองค์หนึ่งเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงเทศน์เก่งท่านมักชอบเทศน์เกี่ยวกับเรื่องอนัตตาว่า...นี่ไม่ใช่ตัวเรานี่ไม่ใช่ของเราเราไม่มีในขันธ์๕ขันธ์๕ไม่มีในเรา เป็นต้น


คราวหนึ่งเมื่อท่านเทศน์จบและลงมานั่งพักอยู่ข้างธรรมาสน์มีอุบาสกผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งเข้ามาหาท่านโดยในมือถือบุหรี่ที่ยังมีไฟติดอยู่แล้วถามด้วยเสียงดังว่า


"หลวงพ่อครับเมื่อกี้หลวงพ่อเทศน์เกี่ยวกับเรื่องอนัตตาว่าตัวเราไม่ใช่ของเราใช่ไหมครับ ?"
"ใช่เจริญพร"
"ผมขอถามว่า แล้วตัวของหลวงพ่อนี้ใช่ของหลวงพ่อหรือเปล่าครับ ?"
"ไม่ใช่เจริญพร"
"ถ้างั้นขาของหลวงพ่อนี้ก็ไม่ใช่ของหลวงพ่อซิใช่ไหมครับ ?"
"ถูกแล้ว เจริญพร"

แกจึงเอาบุหรี่จี้มาใกล้ขาของหลวงพ่อแล้วถามว่า

"ถ้างั้นผมเอาบุหรี่จี้ไปที่ขาของหลวงพ่อนี้ หลวงพ่อจะเจ็บมั้ยครับ ?"
"เจ็บสิอุบาสก"

แกทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องแบบผู้มีชัยชนะ และพูดสำทับว่า

"อ้าว....ก็ถ้าไม่ใช่ขาของหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อทำไมจึงเจ็บล่ะครับ ?"

ผมจึงขอวานท่านสมาชิกช่วยตอบคำถามนี้แทนหลวงพ่อด้วยเถิดครับ
ขอบคุณมากครับ
<!-- / message -->

 

คุณมารพรหมตอบตอนหนึ่งว่า

แต่ถ้าหากท่านยังละตัวตนไม่ได้จริง ท่านก็จะโกรธ และอาจใช้วาจาดาตอบ หรือไม่อาจจะ กระโดดเตะ ชายคนนั้นไปเลยก็ได้
ตรงนั้นนั่นแหละ ที่ทำให้คนที่ไม่ยึดมั่นในตัวตน กับคนที่ยึดมั่นตัวตน แตกต่างกันอย่างมากมาย

แหม...จะไม่ดุเดือดไปหน่อยรึครับ เค้าถามแค่นี้ ถึงกับจะกระโดดเตะกันเลยเชียวหรือครับ อิ อิ

คุณเดินผ่านมา เขียนตอบตอนหนึ่งว่า

หลวงพ่อก็อยากให้โยมได้พิจารณา และพิสูจน์ ธรรมะข้อนี้ และจะได้เห็นด้วยตัวเอง เป็น ปัจจัตตัง "

แล้วหลวงพ่อก็หยิบไม้ หวดไปที่หัวโยม 1 ที
และบอกว่า
" อีกไม่นานอาการเจ็บของโยมก็จะหายเอง ตาม ไตรลักษณ์ "
เอวัง

ผมอ่านแล้ว นั่งหัวเราะคิก ๆ อยู่ตั้งหลายนาที
ก็ขำดีน่ะซีครับ....

แหม หลวงพ่อนี่มือไวมิใช่เล่นเลยนะครับ

แล้วทำไมต้องสั่งสอนกันแบบเจ็บ ๆ หยั่งงี้ด้วยล่ะครับ

หรือกลัวว่า ถ้าไม่เจ็บก็จะไม่จำ อิ อิ

คุณเปลือกไม้เขียนขอไว้ว่า

ขอรอฟังคำตอบของหลวงพ่อจากคุณรักเสมอครับ ว่าจะแยบคายกว่าที่เพื่อนๆตอบหรือไม่

ขอขอบคุณมากครับ

ได้ครับ คำตอบของผม ตอบเพียงสั้น ๆ กระทัดรัด แต่ได้ใจความสมบูรณ์

แต่ขอฟังคำตอบของเพื่อน ๆ อีกซักวันนึงนะครับ

 

ขออนุโมทนาคำตอบของ คุณน้ำใสไหลเย็น และ คุณเด็กอนุบาล ด้วยครับ
คุณเด็กอนุบาลกล่าวอุปมาได้น่าฟังมากครับ
ร่างกายของเรา ก็ขอยืมธรรมชาติเขามาใช้ชั่วคราวเช่นกัน
ในที่สุด เราก็ต้องส่งคืนให้ธรรมชาติเขาไปตามเดิม
จะยึดไว้ตลอดไปหาได้ไม่ เพราะเป็นของขอยืมเขามานั่นเอง

เฉลยคำตอบของหลวงพ่อ

แกจึงเอาบุหรี่จี้มาใกล้ขาของหลวงพ่อแล้วถามว่า

"ถ้างั้นผมเอาบุหรี่จี้ไปที่ขาของหลวงพ่อนี้ หลวงพ่อจะเจ็บมั้ยครับ ?"
"เจ็บสิอุบาสก"

แกทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องแบบผู้มีชัยชนะ และพูดสำทับว่า

"อ้าว....ก็ถ้าไม่ใช่ขาของหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อทำไมจึงเจ็บล่ะครับ ?"

หลวงพ่อจึงตอบช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

"ก็เพราะว่า ขานี้มันไม่ใช่ของอาตมาน่ะซี เมื่อถูกไฟจี้ มันจึงเจ็บ

ถ้าหากว่า ขานี้เป็นของอาตมาจริง ๆ อาตมาก็จะบังคับมันได้ว่า

แกจงอย่าเจ็บนะ ! !

เข้าใจไหม"

แล้วท่านก็พูดสัพยอกกลับไปบ้างว่า

"และก็เพราะขาของอาตมานี้ มันไม่ใช่ของอาตมา ๆ จริง ๆ

เพราะฉะนั้น ถ้ามันจะไปเตะตูดใครเข้าล่ะก้อ อาตมาก็บังคับมันไม่ได้เหมือนกันนะ อุบาสก..."

ว่าแล้วทั้งคู่ ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันนั่นเอง

คุณผู้หญิงกรุณาดูแล มือ และ เล็บ ให้ดีนะครับ

อย่าเผลอไปหยิกไปข่วนใครเข้า

คุณผู้ชายกรุณาดูแล ขา และ เท้า ให้ดีนะครับ

อย่าเผลอไปเตะไปถีบใครเข้า

เพราะในส่วนนี้ เราบังคับมันได้ครับ

ใครยังสงสัยในเรื่องใด โพสต์มาคุยกันได้นะครับ

ขอบคุณมากครับ

 

และก็ขอเรียนเชิญ ผู้เคารพ พ่อในธรรม และผู้ต้องการปกป้องพระศาสนา ทุกๆท่านครับ


ยินดีครับ.........

จัดเดินทางไป "วัดสามแยก"


ทริปนี้ตาามคำเรียกร้อง (คุณขอมา)นะค่ะ ท่านที่โทรมาสอบถามทีมงานจนท.แวป และผู้ที่กำลังคิดไปต่างๆนานาว่า อะไร คือความจริงที่เกิดขึ้นตามสื่อต่างๆ เรื่องราวความเป็นจริงคืออะไร ... หลวงปู่เกษมทำไมถึงต้องทำแบบนั้น ด้วยเหตุผลอะไร ? ... ท่านที่ยังสงสัย และยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า สิ่งที่พระวัดสามแยกตอบคำถามบนแวปกล่าวอ้างพุทธพจน์ต่างๆ( คำสอนของพุทธองค์ ) เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามสื่อต่างๆนั้น มันใช่หรือป่าว

ก็ขอเรียนเชิญพิสูจน์ค้นหาความจริง ทวนกระแสความเชื่อต่างๆของสังคมที่ยังหลง ... ด้วยพระธรรมคำสอนของพุทธองค์ โดยหลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ด้วยกันนะค่ะ ... แจ้งความประสงค์ก่อน วันที่12 สค. 2551 นี้นะค่ะ


วันเดินทาง วันเสาร์ 16 - อาทิตย์ 17 สิงหาคม 2551
ค่าใช้จ่ายเดินทาง 1,300 บาท (รวมอาหารกลางวันและวันเดินทางกลับ ค่ะ )

แจ้งความประสงค์ได้ที่ :-

1 - ในกระทู้นี้เลย (แจ้งเบอร์โทรกลับด้วยนะค่ะ)
2 - คุณ หนิง 081-8423610
3 - คุณ โอ๋ 081-6331567

เราจะออกเดินทางประมาณ 7.45น.วันเสาร์ ที่ 16 สค.2551 ซอยข้างโรงเรียนหอวัง (เซ็นทรัลลาดพร้าว ) นะค่ะ ...เดินทางกลับวันอาทิตย์ที่ 17สค..2551 หลังจากถวายอาหารเช้าแล้วก็ประมาณ 10 -11โมงเช้าค่ะ ... เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ราวๆ 2-3 ทุ่ม ค่ะ

สำหรับท่านที่ประสงค์จะไปกับคณะเรา แต่ขาดปัจจัย และมีปัญหาส่วนตัวหรือข้อธรรมที่สงสัยจริงๆ อยากกราบเรียนถามข้อธรรมที่ยังติดขัด ก็สามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาได้ค่ะ เรามีกองทุนสนับสนุนส่วนนี้อยู่ ( ถึงแม้มันจะไม่มาก ) แต่ทางคณะทีมงานแวป ยินดีที่จะช่วยแบ่งเบาปัญหาจากท่านค่ะ โดยแจ้งความประสงค์มาได้ที่ >> หนิง 081-8423610 หรือ โอ๋ 081-6331567 ก็ได้ค่ะ

ก้อเรียนเชิญไปพิสูจน์ในข้อธรรมกัน ดีกว่าโทรมาสอบถามทีมงาน ....เมื่อวานก้อมีคนโทรมาก้อได้คุยกะระดับมีองค์พรหมรักษา ( เห็นเค้าว่ายังงั้นนะค่ะ ) แต่เป็นพรหมที่แปลก ไม่รู้พรหมไทปิง หรือป่าว แช่งด่าทอทีมงานกะหลวงปู่ซะจนหู อื้อเลย ... ไม่ประสงค์จะไปกับคณะเรา ก้อขับรถตามกันมาได้ค่ะ หรือจะนัดเจอ
กันระหว่าทางแล้วตามๆ กันไปก้อได้ค่ะ ยินดีค่ะ




(ทางทีมงานจะจัดเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราร่วมทำและถวายพระพร้อมๆกัน ค่ะ...ท่านใดจะนำไปเพิ่มเติมอีกก็ได้ค่ะ)

 

ลืมบอกที่มาเรื่องขำๆ........แต่มีสาระมาก

http://palungjit.org/showthread.php?t=125160

 

ลากไปได้เรื่อยๆ ....