เมื่อฝึกอาณาปนสติแล้วรู้สึกแปลก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บดินทร์จ้า, 1 มิถุนายน 2008.

  1. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ฝึกลมหายใจเข้าออกจนรู้ถึงลมหายใจว่าหยาบเป็นอย่างไรละเอียดเป็นเช่นไร
    แต่เวลาผมออกจากสมาธิแล้วหากนั่งทำงานในวันต่อไปความรู้สึกเหมือนกับตอนนั่งสมาธินานเป็นชั่วโมงเลยแก้ไม่หายเสียที (เหมือนมีก้อนบางอย่างอยู่บริเวณหน้าผาก):'( ใครรู้วิธีฝึกต่อช่วยบอกทีครับ
     
  2. ดอนฮวนแห่งตะวันออกฯ

    ดอนฮวนแห่งตะวันออกฯ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +13


    เป็นเรื่องปกติ อาการปกติอีกนั่นแหละจ๊ะ อย่าไปสนใจ จดจ่ออยู่กับลมหายใจก็พอ เมื่อจิตรวมแล้วอาการคล้ายๆกะเป็นตะคริว ชาๆ ที่หน้าผากจะหายไปเองจ๊ะ ทำไปเรื่อยๆนั่งอย่างไรแล้วมีสมาธิจิตรวมก็นั่งแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆนะจ๊ะ หุ หุ หุ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    สมาธิมากไป ลดสมาธิลงด้วยการเดินจงกรมครับ
     
  4. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ขอขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำผมจะฝึกต่อไปตามคำแนะนำครับBy...
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าไม่มีเหตุผลใดๆเป็นกรณีพิเศษ อย่างเช่น
    จะใช้เป็นพื้นฐานในการฝึกทิพย์จักษุญาณ อภิญญา หรือฝึกทรงฌานนานๆ
    ไม่ต้องเข้าสมาธิลึกหรอกครับ

    เวลาตัดเข้าฌานก็ ถอยออกมาพิจารณาเรื่องดีๆงามๆได้เลย สบายตัวดี
    เข้าออกฌานเร็วๆ เอาแบบพริ้วๆ วอบแว๊บๆ ก็ดีนะครับ
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
  7. nopkondee

    nopkondee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +126
    อยุดเพ่ง อย่าตั้งใจที่จะฝึก
    ให้รู้สบายๆ สติจะเกิดเอง
     
  8. Plankton78

    Plankton78 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +120
    อาจจะเผลอไปเพ่งมากไปคับ แก้โดยผ่อนคลายๆขณะทำสมาธิและเดินจงกรมให้มากขึ้นคับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2008
  9. karnasia

    karnasia สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ปล่อยวาง ผ่อนคลาย ไม่ถือ ไม่หนัก จะเบาไปเอง
     
  10. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำเมื่อคืนรองปฎิบัติตาม แต่เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด
    จึงกำเนิดสมาธิได้แค่นั่งอย่างเดียวครับ ทดลองดึงจิตมาไว้เหนือสะดือ 2 นิ้วค่อยยังชั่วหน่อย เรื่องทิพย์อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องการครับต้องการเพียงอริยสัจ 4 คือการรู้แจ้งเห็นจริงภายในตัวเองเท่านั้นครับ ความมืด ถ้ามืดไปก็มองไม่เห็นทาง ความสว่างถ้ามากไปก็ร้อน ผมขอเลือกอยู่ใต้ต้นโพธิใหญ่ดีกว่าครับ
    by...เข้าห้องพระดีกว่า
     
  11. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  12. nopkondee

    nopkondee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +126
    อย่ากำหนด อย่าเพ่ง อย่าบังคับ อย่าตั้งใจปฏิบัติ เพราะมันจะเป็นแค่สมถะ เกิดนิมิต
    แต่วิปัสนา เป็นเพียงการรู้ รู้เฉยๆ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องหลับตา ไม่ต้องนั่งสมาธิก็ได้ ทำได้ในชีวิตประจำวัน ทุกลมหายใจ
     
  13. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    คุณ"บดินทร์จ้า" คงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการนั่งเจริญอาณาปนสติมากไป และใจจดเพื่อให้เกิดภาวะนิ่งลึก เพื่อให้เข้าสู่ฌานค่ะ ลองหายใจเข้ายาวลึกๆ ช้าๆ จนรู้สึกอากาศเต็มปอดและพุงพอง แล้วกลั้นหายใจนับในใจสัก 1-5 วินาที แล้วค่อยๆ ผ่อนหายใจออกช้าๆ ทำยังงี้สักพักเพื่อเป็นการวอร์มตัวเอง ก็จะรู้สึกสดชื่นสบายตัว แล้วจึงเข้าสู่สภาวะเจริญอาณาปนสติอย่างต่อเนื่อง พยายามให้สมาธิเกิดจากการกำหนดรู้ภาวะหายใจเข้า-ออกทุกขณะจิต..เมื่อเกิดความรู้สึกสงบ เบาสบาย และยังคงมีสติรู้ทุกเมื่อ..ไม่ว่าคุณจะเข้าสู่ฌานระดับใดก็ตาม..เมื่อจะออกจากกรรมฐาน คุณก็กลับมาพิจารณาที่การหายใจเข้า-ออกอีกที แล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบไล้บริเวณใบหน้า และลำแขนทั้งสองข้าง ก็จะรู้สึกเบาสบาย ไม่ติดอยู่กับฌานหรืออารมณ์กรรมฐานนั้น ..ลองดูค่ะ
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  14. ครูอ้วน

    ครูอ้วน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +11

    ถ้าทำสมาธิถูกวิธีจะเบาสบายหายเครียดนะคะ
    ถ้าฝึกหายใจกำหนดสติ ก็ให้หายใจหยาบและลึก
    ก่อน ไล่ลมหายใจหยาบออก จนร่างกายเบาสบาย
    หายตึงเครียดค่ะ แล้วจากนั้น ค่อยหายใจละเอียด
    พอหายใจละเอียดไปเรื่อยๆ ก็ละจากลมหายใจ
    กำหนดจิตเอาแต่ความว่างเบาสบาย ก็พอค่ะ


    แล้วประคองภาวะว่างเบาสบายสุขสงัดนั้น ต่อเรื่อยๆ
    ให้ได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะทำอะไร ใครจะมาทำอะไร
    ก็ไม่ให้หลุดจากอารมณ์นี้นะคะ เท่านี้เองค่ะ


    ...
     
  15. ครูอ้วน

    ครูอ้วน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +11
    ทำไมทำสมาธิแล้วตึงเครียด หรือไม่เบาสบายกายใจ (หนักกายหนักใจ)


    1. เพราะเพ่งมากไป ใช้กำลังจิตลงไปในอารมณ์กรรมฐานมากไป ทำให้หนักได้ค่ะ
    2. เพราะกำหนดมากไป ปกติ เรากำหนดเพื่อตั้งจิตเป็น "วิตก" ขององค์ฌานหนึ่ง
    แต่เมื่อกำหนดได้ชำนาญแล้วให้ละการกำหนด เพื่อละวิตก วิจาร ก็จะเข้าฌานสอง
    จะสบายขึ้น กำหนดมากไป ก็ล้าค่ะ
     
  16. ป.วิเศษ

    ป.วิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +411
    ขออนุโมทนา

    "ก้อนบางอย่างอยู่บริเวณหน้าผาก"

    คือ "พลัง" ถ้ากำหนดแผ่เมตตาด้วยสมาธิจิต (ผ่านหน้าผาก) เวลาแผ่เมตตาจะมีแสงพุ่งออกมาก (แสงเหล่านี้วิญญาณเท่านั้นี่เห็นนะ...หรือผู้ปฎิบัติที่มีเมตตามาก ๆ ค่ะ) และสามารถจะเห็นล่วงหน้าได้ แค่นึก ...

    ขอแนะนำให้นั่งสมาธิ ๕ ชั่วโมง ไม่ขยับก้นนะ (อาจารย์บอกว่าห้ามยกตูด) ตายก็ตาย ตายในกรรมฐานเลย จะเห็นอะไรที่ดี ยากเห็นก็ได้เห็น

    ถ้าไม่ไหว

    ยืน ๑ ชั่วโมง
    เดิน ๑ ชั่วโมง
    นั่ง ๑ ชั่วโมง
    นอน (สีหไสยาสน์) ๑ ชั่วโมง
    ทำไปเรื่อย ๆ

    สาธุ สาธุ
    ขอขอบพระคุณอาจารย์เสริมศิลป์ ขอนวงค์
     
  17. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    อะไรคือ เหตุ แห่งคำถาม อะไรคือ ผลของคำถาม อะไรคือผลแห่งการปฏิบัติ อะไรคือเหตุแห่งการปฏิบัติ
    อะไรคือเหตุ แห่งคำถาม คือ ความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้นจากผู้ปฏิบัติสมาธิ
    อะไรคือผล แห่งคำถาม คือ นั่งทำงานหรือกระทำกิจประจำวัน ในวันต่อไป ไม่ใช่นั่งสมาธิ ในเวลาขณะนั้นๆ
    อะไรคือผลแห่งการปฏิบัติ คือก้อนอะไรบางอย่างที่หน้าผาก
    อะไรคือเหตุแห่งการปฏิบัติ คือ เกิดจากการออกจากสมาธิไม่เป็นตามลำดับ ซึ่งผิดวิธี ทำให้สมาธิจิตยังทรงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เวลาทำกิจกรรมในแต่ละวัน หากเพ็งเล็งอย่างใช้สมาธิต่องานที่จะทำ อาการของจิตที่ทรงค้างอยู่จะปรากฏขึ้นมาเอง
    ขออนุโมทนาบุญ ทุกท่านด้วยนะครับที่พยายามชี้ช่องทางผู้ปฏิบัติธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2008
  18. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  19. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    ลองพิจารณาข้อความดังต่อไปนี้ดู .......
    และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย อาจจะพอมีประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย

    ลมหายใจหยาบ คือจะหายใจถี่..ไม่ลึก ยาว ฯ เช่นเหมือนตอนเหนื่อย ตื่นเต้น ตกใจ
    จะหายใจเร็ว อย่างนี้เป็นต้น ส่วนลมหายใจละเอียด จะช้า นุ่มลึก แผ่วเบา
    รู้สึกว่าเบาสบาย ฯ เช่นตอนเรารู้สึกสงบ มีความสุข คลายอารมณ์ หรือตอนที่
    เรานั่งสมาธิ ก็จะหายใจแผ่วเบาไปเรื่อยๆ ส่วนจะหยาบจะละเอียดแบบไหน
    อย่างไร....ก็เป็นของเฉพาะตัวเฉพาะตนไป วกกลับมากล่าวถึงเฉพาะเรื่อง
    คือเรื่องของการทำสมาธิ.....ลมหายใจหยาบหรือละเอียด เราก็ต้องสังเกตุ
    สังการตัวของเราเอง เพราะใช้เช็ค...ปรับระดับสมาธิหรือตรวจสอบสภาวะ
    จิตแลสมาธิของเราได้อีกด้วย เช่น สมาธิจิตเราไม่ค่อยดี ฟุ้งหรือมีอารมณ์
    กระทบ ขึ้น ลง กับปัจจัยภายนอกมาก ทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ลมฯก็จะหยาบ
    ไปตามนั้น แต่ถ้าเราเจริญ กำหนดสมาธิได้ดี ทั้งลืมตาหรือหลับตา ลมหายใจ
    ของเราจะเบาสบาย หรือแผ่วเบาไปเรื่อยๆ แม้นจนกระทั้งเหมือนไม่มีลมหายใจ
    (อันนี้ก็ต้องหมั่นเจริญสมาธิและสังเกตุ พฤติแห่งจิตให้ดี..และต้องรู้จักการ
    วางจิตแลใจหรือฐานแห่งจิตไว้....ไม่เช่นนั้นแล้วจะตกอกตกใจ ฉงนงกงวย แล้ว
    เจริญสมาธิ ภาวนาต่อไปไม่ได้.....อีก)

    ส่วนจะหยาบหรือละเอียดแค่ไหน ก็ต้องปรับของใครของมัน เพราะบางคน หายใจ
    เข้า-ออก ช้าหรือเร็ว ไม่เท่ากัน ก็ตามถนัดหรือให้เดิน....ทางสายกลาง มัฌชิมาปฏิปทา

    กรณีที่ว่า "ออกจากสมาธิแล้วหากนั่งทำงานในวันต่อไปความรู้สึกเหมือนกับตอนนั่งสมาธิ
    นานเป็นชั่วโมงเลยแก้ไม่หายเสียที " ซึ่งก็เปรียบเหมือนเราเราหุ่งข้าว(หม้อไฟฟ้า) เมื่อข้าว
    สุกแล้วก็เลื่อนปรับไปเป็นอุ่นหรือถ้าถอดปลั๊กไฟออก ข้าวนั้นก็ยังอุ่นยังร้อนอยู่ สมาธิก็เหมือนกัน
    เป็นแบบนั้น ถ้าเราเสียบปลั๊กไฟฟ้าทิ้งไว้ข้าวก็ยังอุ่นยังร้อนได้ต่อไป แต่เมื่อใดเราถอดปลั๊กไฟออก
    ข้าวนั้นก็ค่อยๆหมดความร้อนไป.....จิตที่เราไปประคับประคอง สภาวะจิตตรงนั้นก็เปรียบดังที่
    กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งก็แล้วแต่เรา..ว่าอุ่นต่อหรือจะดึงปลั๊กออกดี !

    ส่วนที่ว่าเหมือนมีก้อนบางอย่างอยู่บริเวณหน้าผาก...คาดว่าคงจะจดจ่อ จดจ้อง..ทำให้
    เคร่งเครียดไปและอาจไม่รู้ตัวหรือเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆเกิดขึ้นได้เหมือนกัน..ซึ่งก็ต้อง
    ผ่อนคลาย ปล่อยวาง ถึงเรื่องต่างๆ ที่ทำให้วิตกกังวลนั้น ( อิทธิบาทสี่.....วิมังสาก็เป็นเรื่องที่ดี
    ที่ต้องนำมาใช้)...ก็ควรปรับ ควรลองจูนตัวของเราเอง ในหนทางของการเจริญสมาธิภาวนา
    บางอย่างใช้ได้ดีกับคนนี้ อาจไม่เหมาะกับคนโน้น ก็ต้อง ปฏิเวธ หาที่พอเหมาะพอดีกับตัว
    ของเราเอง (บางอย่างมันเป็นปัจจัตตัง...ต้องคอยสังเกตุ รับรู้ถึงสภาวะจิตของตัวเราเอง)

    ที่ว่าจะฝึกต่อไปอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ในการฝึกฝน ก็ต้องมีทั้ง ปฏิยัติ ปฏิบัติ
    ปฏิเวธ....ถึงจะบังเกิดผลได้ดี ซึ่งสมาธิก็มีทั้งแบบลืมตา หลับตา ถ้าเอาแต่คอยจะหาที่สงบหรือ
    จะต้องหลับตา ถึงจะเป็นสมาธิอันนี้ก็ขอติ...เพราะจะไม่ทันกินทันใช้ ข้าศึกหรือกิเลสมันมาทุกที่
    ทุกทิศ ทุกทาง...หรือจะลองเจริญสติฯ กำหนดดูผู้รู้ สิ่งที่ไปรับรู้ โดยให้อยู่กับผู้รู้ อย่าไปอยู่กับ
    สิ่งที่รู้.......ใช้ฐานหรือกำลังจากสมาธิ(ทั้งที่เจริญเฉพาะเจาะจงกับหรือที่ได้อุ่นไว้...ตามที่กล่าวมา
    แล้วข้างต้น) เวลาลืมตา เดิน หรือเคลื่อนไหวอิริยาบทฯ ก็ให้วางจิตกำหนดจิต เหมือนกับตอนเรา
    นั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น (รู้สึก รับรู้ถึง จำอารมณ์สภาวะจิตตอนนั้นให้ดีให้ได้) ที่กล่าวมานี้
    รวมถึงการใช้สภาวะจิต...ในเรื่องต่างๆด้วย (ถ้าทำได้....! พึงสังวรณ์ในการกำหนดจิตใช้งาน
    ในเรื่องของกุศลกรรม มิเช่นนั้นแล้วท่านจะเสื่อมหรือถูกมารแทรก..หรือไม่คลายจากการยึดมั่น
    ถือมั่น...ก็จะเป็นโทษเป็นกรรม ซึ่งก็ควรระมัดระวังถึงความไม่ประมาท)

    ส่วนการฝึกต่อไปในรูปแบบใดนั้น ก็ต้องตามแต่ถนัด การปฏิเวธของแต่ละคนไป ซึ่งก็ควรพลิก
    กลับไปกลับมาหรือสลับไปสลับมา...ของ ภูมิสมถะแลภูมิของวิปัสสนา ก็จะเกิดประโยชน์มาก
    อันจะนำพาไปสู่อายตนะของพระนิพพาน ไม่ว่าจะพิจารณาขันธ์ ๕ , อายตนะ ๖ - ๑๒
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ไปสัมผัส กระทบ รับรู้ถึง ฯลฯ เป็นต้น

    อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
    ชนะตนนั้นแหละ เป็นดี

    (ขุ. ธ. ๒๕/๒๙.)
     
  20. THANAKIM

    THANAKIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +1,740
    ขออนุโมทนาบุญทั้งท่านที่ตั้งกระทู้ถามและท่านที่ตอบคำถามด้วย มีประโยชน์มากๆจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...