ถ้าสวดมนต์แผ่เมตตาในใจ เขาทั้งหลายจะได้รับไหมคะ

แล้วจะได้ยินรึปล่าวคะ หรือว่าต้องเปล่งเสียงเขาถึงจะได้รับ ใครรู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ

 

ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ อยากทราบจริงๆ

 

ถ้าสวดมนต์แผ่เมตตาในใจ เขาทั้งหลายจะได้รับไหมคะ

เชื่อว่าเป็นคำถามที่น้อง(ที่นี่วุ่นวายหนอ)จะได้รับคำตอบอีกมากมายหลายท่านต่อไป สำหรับพี่เชื่อมั่นในบุญบารมีที่เราสร้างสมมา และการปฏิบัติดีอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก็จะเป็นฐานบุญของเราที่จะส่งพลังออกไปยังเขาทั้งหลายที่เราระลึกนึกถึงได้ด้วยความตั้งจิตตั้งใจแน่วแน่ของเราแล้ว ไม่ว่าจะเบ่งเป็นวาจา หรือแผ่เมตตาในใจ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในนรกภูมิยังรับทราบได้ด้วยบุญของเราที่ผ่านไปยังนายนิริยบาล เมื่อเขาได้รับรู้และโมทนาบุญจากทุกขเวทนาหนัก ก็จะเบาบางลง เมื่อเขาได้รับทุกเช้า-ค่ำก็เป็นอนิสงส์อันต่อเนื่องไปยิ่งๆ ขึ้น ส่วนผู้ที่เราระลึกถึงและท่านอาจไปอยู่ภพภูมิที่ดีอยู่แล้ว ท่านเหล่านั้นก็จะร่วมกันโมทนามายังเราต่อไปอีก ก็เป็นอนิสงส์แก่เราอีก.. ขออนุโมทนาในความตั้งใจของน้องด้วยค่ะ..

เดี๋ยวจะมีผู้รู้ ที่ลึกซึ้งกว่าพี่ คงมาช่วยกันตอบกระทู้นะคะ..

 

ขอยกคำของหลวงปู่ชา แต่จำได้คร่าว ๆ นะคะ

การเปล่งเสียง สวดมนต์และการแผ่เมตตา
๑. สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย ได้ยิน
๒. วิญญาณทั้งหลาย ได้ยิน
๓. มนุษย์ทั้งหลาย ได้ยิน
- ถ้ามนุษย์ที่ฟังสวดมนต์ หรือแผ่เมตตา
แล้ว "บ่น" "ว่า" กรรมจักตกถึงบุคคลนั้น ๆ
- ถ้ามนุษย์อนุโมทนากับุคคลที่เปล่งสวดมนต์
หรือแผ่เมตตา แล้วอนุโมทนา ท่านย่อมได้รับ อนุโมทนามัย ค่ะ
๔. เทพเทวดา ได้ยิน

จริง ๆ การแมตตาทางจิตทำได้ค่ะ แต่จิตต้องใสค่ะ ต้องเป็นผู้ที่สามารถทำศีลให้ครบโดยไม่ต้องระวัง "อธิกศีล" และขึ้นกับ "กำลังสมาธิ" ด้วยค่ะ

ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้รักษาศีล หรือฝึกปฏิบัติ ทำได้ค่ะ แต่ไม่มีกำลังเหมือนแบตถ่านไฟฉายน่ะค่ะ ถ้ากำลังไฟไม่มี ก็ไม่สามารถเปิดไฟได้ค่ะ แต่ในตัวไฟฉายยังมีก้อนแบตเตอรี่อยู่

ดังนั้น ทุกท่านสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรีได้ค่ะ ทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม แล้วก็ "วาง" เรื่องที่ท่านกังวลให้ได้ ทีละเรื่อง จนหมดความกังวลอันก่อให้เกิดทุกข์ค่ะ กำลังจิตที่ไม่มีอะไรมาถ่วง หน่วงเหนียวจิตไว้ในวงเวียนแห่งทุกข์โลภ โกรธ หลง จิตท่านก็จะใส กำลังการแผ่เมตตาก็มากค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

 

อาจารย์บอกว่าให้ลองดูค่ะ ว่า ให้ลองแผ่เมตตาในใจ เมื่อแผ่เมตตาเรียบร้อยแล้ว ให้กล่าวว่า

"ถ้าพวกท่านทั้งหลาย รับทราบ ผลบุญที่ข้าพเจ้าแผ่เมตตา ก็ขอให้มีลมเย็น ๆ พัดมาด้วยเถิด"

อีกวันหนึ่ง แผ่เมตตาแบบเปล่งเสียง ก็พูดว่า

"ถ้าพวกท่านทั้งหลาย รับทราบ ผลบุญที่ข้าพเจ้าแผ่เมตตา ก็ขอให้มีลมเย็น ๆ พัดมาด้วยเถิด"

สิ่งที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ตั้งใจทำดีแล้วได้ทำตามเจตนา อนุโมทนาค่ะ

 

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุกับทุกความเห็น ความช่วยเหลือที่นี่มีให้แก่กันอย่างเหลือล้นแก่ผู้ที่ถาม หรือผู้ที่ไม่รู้ พระอาจารย์ที่เก่งด้านกรรมฐานผมก็เห็นท่านแผ่เมตตาในใจทั้งนั้นครับ แต่ถ้าเราแผ่เมตตาออกเสียงคนที่ได้ยินเราแผ่เมตตาเขาอาจจะอนุโมทนาบุญด้วย ก็ทำให้กองบุญกองกุศลของเรายิ่งใหญ่ขึ้น คิดเอาเองนะครับ อาจารย์ที่สอนกรรมฐานให้ผมบางคนท่านพูดว่านั่งกรรมฐานจะใช้อะไรก็ได้ พุทโธ ยุบหนอพองหนอสัมมาอะระหัง แผ่เมตตาจะกรวดน้ำก็ได้ ไม่ใช้น้ำก็ได้

 

ถ้าจิตถึง แน่วแน่ กำลังส่งของจิตแรง.....ไปได้ถึง ครับ

แต่ใหม่ๆ กรวดน้ำ ออกเสียงไปก่อนดีกว่า ไว้พละ อินทรีย์แก่กล้า แล้วลองทำดู น่ะ

 

ใจท่องแต่ไม่ได้ออกปาก มีอานิสงส์กว่า ปากท่องไม่ได้ออกจากใจ
ใจต้องอยู่กับบทสวด ไม่ใช่ปากท่องขึ้นใจ
แต่ใจไปคิดเรื่องต่างๆ
ตั้งสติพิจารณาอักษร หรือคำ หรือความหมาย
หรือตั้งสติรู้ที่ ลมหายใจ หรือ ปากที่กำลังสวด

สวดมนต์ควรจะรู้คำแปล เพื่อจะได้ปัญญา

แม้ยังแปลไม่ออก ใจควรเลื่อมใส ศรัทธา นำ
น้อมจิตใจ สวดบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

สวดรู้คำแปลได้ปัญญา
สวดไม่รู้คำแปลได้ศรัทธา

อานิสงส์จากการสวดมีจริง

 

แผ่เมตตาในใจก็ดี แผ่เมตตาจากปากก็ดี อันไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าครั้งไหนแผ่เมตตาด้วยความศรัทธาอันแรงกล้ามากกว่ากัน

 

ตั้งจิตให้นิ่ง ดำรงสติให้มั่น แล้วแผ่ออกไประลึกถึงกระแสแห่งบุญที่แผ่ออกไปให้ก็ได้ค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ