ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (Democratic Karen Buddhist Army,DKBA.) ห่วงชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ประกาศ 2 ฉบับรวด ผลักดันจีนเทา ออกจากพื้น อ.พญาตองซู ก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจะเร่งให้สถานการณ์ในพื้นที่ กลับมาเหมือนเดิมโดยเร็ว
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 9 ก.พ.) รายงานว่า กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (Democratic Karen Buddhist Army,DKBA.)คำสั่งที่ 1/2025 ลง 9 กุมภาพันธ์ 2568 ประกาศแจ้งให้ประชาชนใน อ.พญาตองซู ทราบโดยทั่วกัน 1.เพื่อเป็นการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวธุรกิจการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางการเงินออนไลน์ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าและห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเมืองชายแดน ซึ่งรวมถึง อ.พญาตองซู ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น
    .
    2.เป็นเหตุให้ประชาชนใน อ.พญาตองซู ต้องประสบกับปัญหาไฟฟ้าดับและได้รับผลกระทบทางด้านสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่ เนื่องมาจากการตัดกระแสไฟฟ้าและห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลไทย
    .
    3.เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับ อ.พญาตองซู ได้อีกครั้ง เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบทางด้านสังคมและเศรษฐกิจต่อประชาชนใน อ.พญาตองซู นั้น จะต้องได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลไทยว่า ในพื้นที่จะต้องไม่มีการดำเนินธุรกิจการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางการเงินออนไลน์ที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ อ.พญาตองซู
    .
    4.ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจการฉ้อโกงทางการเงินออนไลน์และธุรกิจการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายเข้ามาตั้งฐานในพื้นที่ อ.พญาตองซู และเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าและอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเร็วที่สุด โดยทางกองบังคับการทางยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (Democratic Karen Buddhist Army,DKBA.)จะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และขอแจ้งให้ประชาชนใน อ.พญาตองซู ทราบด้วยความเคารพ ลงชื่อ พันเอกซอเอวัน ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA.)
    .
    ฉบับที่ 2 คำสั่งที่ 2/2568 ลง 9 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่า
    .
    1.เนื่องจากประเทศไทยได้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าและห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยัง อ.พญาตองซู ทำให้ประชาชนใน อ.พญาตองซู ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
    .
    2.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และให้ประเทศไทยกลับมาส่งกระแสไฟฟ้าและอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้ง 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (Democratic Karen Buddhist Army,DKBA.)จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
    .
    3. ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนในพื้นที่ อ.พญาตองซ จึงขอประกาศให้ชาวจีน ที่เข้ามาทำธุรกิจเปิดร้านอาหาร,ค้าขาย, เปิดบ่อนคาสิโน และเกมส์ออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย จะต้องดินทางออกจาก อ.พญาตองซู ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
    .
    และ 4.นอกจากนี้จะเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบและเพิ่มความเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวจีนลักลอบเข้ามาอยู่ใน อ.พญาตองซู อีกต่อไป ลงชื่อ พันเอกซอเอวัน ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA.)
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/local/detail/9680000013107
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1A14VX5FQX/

    FB_IMG_1739198474720.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนเดินทางผ่านด่านฯแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขาออกโล่งชัด..หลังไทยตัดไฟฟ้า-ระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จนคาสิโนออนไลน์เริ่มปิดระนาว จนปริมาณจ้างงานลดวูบ หนุ่มสาวที่เคยข้ามแดนแม่สายไปท่าขี้เหล็กแบบไปเช้าเย็นกลับ วันละเป็นพันๆคน หายวับ แต่สามเหลี่ยมทองคำยังคึกคัก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013419

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/165tV4Kbw4/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013433

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/18iLqDftaU/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ แสดงจุดยืนสนับสนุนข้อตกลงตอบแทนทางทรัพยากรกับสหรัฐฯ แลกกับการรับประกันความมั่นคง ส่วนหนึ่งในทางออกแห่งสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น พร้อมยอมรับเคียฟไม่อาจพึ่งพายุโรปแต่เพียงอย่างเดียวได้ หากปราศจากแรงสนับสนุนของอเมริกา ในการต้านทานการรุกรานของรัสเซีย
    .
    "ถ้าเรากำลังพูดถึงข้อตกลง เมื่อนั้นก็ทำข้อตกลงกันเลย" เซเลนสกีบอกกับรอยเตอร์ "เราจำเป็นต้องหยุดปูติน และปกป้องสิ่งที่เรามี ภูมิภาคดนิโปรที่ร่ำรวยมากๆ ในภาคกลางของยูเครน"
    .
    ยูเครน เป็นที่ตั้งของแหล่งทรัพยากรแร่คิดเป็นสัดส่วน 5% ของโลก อุดมไปด้วยไทเทเนียม ยูเรเนียม เหล็ก แมงกานีส และลิเธียม เช่นเดียวกับแร่แร์เอิร์ธ ซึ่งถูกมองว่ามีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
    .
    ความเห็นของยูเครนมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ว่า ยูเครนจำเป็นต้องยินยอมมอบแร่แร์เอิร์ธมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าตอบแทนความช่วยเหลือทางทหารที่มอบแก่เคียฟ
    .
    "พวกเขามีดินแดนที่มีมูลค่ามหาศาลในแง่ของแร่แร์เอิร์ธ ในแง่ของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในแง่ของสื่งอื่นๆ ผมต้องการคำรับประกันเงินของเรา เพราะว่าเราใช้จ่ายเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ในยูเครน" ทรัมป์บอกกับฟ็อกซ์นิวส์
    .
    ระหว่างการสัมภาษณ์ ทรัมป์ ยืนยันว่าสหรัฐฯ ควรเข้าถึงทรัพยากรทางธรรมชาติของยูเครน โดยไม่พิจารณาว่าข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนประสบความสำเร็จหรือไม่ อ้างว่าเงินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐฯ มอบให้แก่เคียฟ ถือว่ามหาศาลมากๆ เมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ที่ให้เงินเพียงเล็กน้อยสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย
    .
    "พวกเขาอาจทำข้อตกลง พวกเขาอาจไม่ทำข้อตกลง บางทีวันใดวันหนึ่งพวกเขาอาจตกเป็นของรัสเซีย หรือวันใดวันหนึ่งอาจไม่ตกเป็นของรัสเซีย แต่เราใส่เงินทั้งหมดทั้งมวลนี้ไปในยูเครน และผมอยากได้กลับมา" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ
    .
    ทรัมป์ บอกต่อว่ามันคงจะเป็นเรื่อง "โง่มาก" หากยังคงเดินหน้าป้อนความช่วยเหลือแก่ยูเครน ดินแดนที่ถูกสงครามฉีกขาดเป็นชิ้นๆ โดยไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว "ผมบอกกับพวกเขาไปว่า เราจำเป็น เราจำเป็นต้องได้รับอะไรบางอย่าง เราไม่อาจเดินหน้าจ่ายเงินนี้ ผมบอกกับพวกเขาว่า ผมอยากได้แร่ธาตุหายากที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับ 500,000 ล้านดอลลาร์ และพวกเขาจำเป็นต้องตอบตกลง"
    .
    เซเลนสกี เตือนว่าถ้า ทรัมป์ ถอนแรงสนับสนุนที่สหรัฐฯ มอบแก่ยูเครน ยุโรปเพียงลำพังคงไม่อาจรองรับความต้องการความช่วยเหลือจากเคียฟได้ "มีสุ้มเสียงบอกว่ายุโรปสามารถรับประกันความปลอดภัยโดยปราศจากสหรัฐฯ และผมพูดมาตลอดว่า ไม่" เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ในกรุงเคียฟ "การรับประกันความมั่นคงโดยปราศจากสหรัฐฯ ไม่ใช่การรับประกันความมั่นคงที่แท้จริง"
    .
    ประธานาธิบดีเซเลนสกี บอกว่าเขาพร้อมเจรจา แต่ต้องการให้ยูเครนทำมันในลักษณะของการเป็นคู่หู โดยเขาระบุว่าจะเสนอมอบสัญญาการฟื้นฟูที่น่าดึงดูดใจและสัมปทานการลงทุนแก่บรรดาบริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ
    .
    "คนที่ช่วยเหลือเราปกป้องยูเครน จะได้โอกาสฟื้นฟูมัน ผ่านการจับมือกันทำธุรกิจกับภาคธุรกิจของยูเครน เราพร้อมพูดคุยเจรจาลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้" เขากล่าว
    .
    เซเลนสกี มีกำหนดเดินทางไปร่วมประชุมด้านความมั่นคงในมิวนิกในสัปดาห์นี้ และ ณ ที่ประชุมดังกล่าว คาดหมายว่าเขาจะได้พบปะกับ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ในที่ประชุมความมั่นคงที่เมืองมิวนิก เมื่อปีที่แล้ว แวนซ์ ณ ขณะนั้นเข้าร่วมประชุมในฐานะวุฒิสมาชิก ปฏิเสธพบปะกับ เซเลนสกี และก่อนหน้านี้เคยบอกว่าเขาไม่แคร์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครนแม้แต่น้อย
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/around/detail/9680000013974
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1AtPmj2LEd/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์ปรับโครงสร้างคณะที่ปรึกษาโรงเรียนนายร้อย – ย้ำกองทัพต้องแข็งแกร่งกว่าความหลากหลาย แล้วนักการเมืองไทยล่ะ?
    .
    ข่าวนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์กำลังทำคือการ รีเซ็ต โครงสร้างหน่วยงานความมั่นคง โดยเลือกใช้คนที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าการแต่งตั้งเพื่อความหลากหลาย สิ่งนี้สะท้อนถึงแนวคิดพื้นฐานที่ว่า การนำประเทศหรือบริหารองค์กรด้านความมั่นคงต้องอาศัย "คนที่มีความสามารถจริง" ไม่ใช่เพียงแค่การกระจายโอกาสตามโควต้า
    .
    ลองย้อนกลับมามองประเทศไทย…
    ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังทบทวนหลักเกณฑ์และกำจัดแนวคิด Woke ออกจากกองทัพ นักการเมืองไทยและคณะกรรมการต่างๆ ยังคงดำเนินนโยบายแบบไหน? ตำแหน่งสำคัญในประเทศได้รับการแต่งตั้งจากความสามารถจริงหรือจากการแบ่งโควต้าให้พรรคพวก?
    .
    "ประชาธิปไตยที่ดี" ต้องเกิดจาก "ความเป็นมืออาชีพ"
    การเลือก ส.ส. หรือคณะกรรมการที่กำหนดทิศทางประเทศ ควรขึ้นอยู่กับ "ความเหมาะสมในสายวิชาชีพ" ไม่ใช่แค่การจัดสรรตามระบบแบ่งเค้ก นักการเมืองที่เข้าสภาควรเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ตนเองดูแล ไม่ใช่แค่เป็นตัวแทนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยไม่มีความรู้ในเชิงนโยบาย
    ถามจริง… เราจะกล้าตั้งรัฐมนตรีคลังที่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจหรือไม่?
    หรือรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความมั่นคงเลย?
    .
    กรณีศึกษา: ทรัมป์ vs. แนวคิด Woke
    อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรับโครงสร้างคณะที่ปรึกษาของโรงเรียนนายร้อยทุกเหล่าทัพ เช่น West Point, Annapolis, Colorado Springs และ Coast Guard เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่มาดำรงตำแหน่งนั้น "มีความสามารถ" และ "พร้อมนำพากองทัพให้แข็งแกร่ง" ไม่ใช่ได้รับตำแหน่งเพราะโควต้าหรือแนวคิดด้านความหลากหลายที่อาจลดทอนขีดความสามารถขององค์กร
    .
    การปรับโครงสร้างครั้งนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่กำลังยุตินโยบาย Diversity, Equity, Inclusion (DEI) ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือกระจายโอกาสในกองทัพ แต่นำไปสู่การแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีความสามารถมากพอ
    .
    รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ ชี้ว่า "ความแข็งแกร่งของกองทัพไม่ได้เกิดจากความแตกต่าง แต่เกิดจากความเป็นหนึ่งเดียว" ซึ่งเป็นการย้ำจุดยืนของทรัมป์ว่า การบริหารประเทศหรือองค์กรความมั่นคงไม่ควรปล่อยให้แนวคิด Woke มาเป็นตัวกำหนดโครงสร้าง
    แล้วประเทศไทยล่ะ?
    .
    ในขณะที่ทรัมป์และพรรครีพับลิกันปรับแนวทางการบริหารประเทศโดยคำนึงถึง "ความเป็นมืออาชีพ" มากขึ้น นักการเมืองไทยและข้าราชการไทยยังคงแต่งตั้งกันแบบ "ระบบพวกพ้อง" หรือไม่?
    รัฐมนตรี กระทรวงต่างๆ คัดเลือกจากความสามารถจริงหรือจากการต่อรองผลประโยชน์ในพรรคการเมือง?
    หากประเทศไทยต้องการให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงและมีเสถียรภาพ คำถามที่ควรคิดให้หนักคือ "คนที่เราส่งเข้าไปบริหารประเทศมีความสามารถจริงหรือไม่?" หรือเรายังปล่อยให้ตำแหน่งสำคัญถูกแบ่งเค้กกันไป โดยไม่สนใจว่าใครจะนำประเทศไปสู่หายนะ?
    #ปราชญ์สามสี
    ....
    อ้างอิง ข่าว
    https://www.msn.com/.../trump-says-he.../ar-AA1yLiQK...

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

    https://www.facebook.com/share/p/15kcDDFhEC/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 12 ก.พ. 2568 สำนักข่าวแนวหน้า อ้างอิงสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวว่า USAID watchdog fired after critical report on the bid to dismantle the agency โดยระบุว่า พอล มาร์ติน (Paul Martin) ผู้ตรวจสอบประจำหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) ถูกปลดออกเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2568 หลังจากที่เขาเผยแพร่รายงานที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่พยายามจะยุบหน่วยงานดังกล่าว
    .
    มาร์ติน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจสอบของ USAID ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 กระทั่งได้รับอีเมล ระบุผู้ส่งคือ เทรนต์ มอร์ส (Trent Morse) รองผู้อำนวยการสำนักงานบุคลากรประธานาธิบดี แจ้งว่าตำแหน่งผู้ตรวจสอบของ USAID ถูกยกเลิกโดยมีผลทันที ไม่มีการให้เหตุผลใดๆ และทำเนียบขาวไม่มีความคิดเห็นใดๆ
    .
    ในวันที่ 10 ก.พ. 2568 สำนักงานผู้ตรวจสอบของ USAID ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ในการยุบ USAID ทำให้ความสามารถในการกำกับดูแลงบประมาณช่วยเหลือที่ยังไม่ได้ถูกเบิกจ่าย ซึ่งมีมูลค่า 8.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.8 แสนล้านบาท) ของ USAID ลดลง โดยการลดจำนวนพนักงานและการสั่งให้หยุดงาน ทำให้ยากที่จะรับประกันได้ว่างบประมาณของ USAID ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน จะถูกส่งต่อไปยังถึงมือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
    .
    โครงการ USAID หลายร้อยโครงการทั่วโลกซึ่งคิดเป็นเงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ มูลค่าหลายพันล้านเหรียญต้องหยุดชะงักลงหลังจากที่ทรัมป์สั่งระงับการช่วยเหลือต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าต้องการทำให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
    .
    ในวันที่ 11 ก.พ. 2568 ทรัมป์ กล่าวถึง USAID ว่าเป็นองค์กรที่ไร้ความสามารถและทุจริต ซึ่งก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้สั่งให้มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มิตรสหายใกล้ชิดที่ได้รับมอบหมายภารกิจลดขนาดของภาครัฐในรัฐบาลกลาง ดำเนินการลดขนาดหน่วยงาน USAID ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รวมกันมากกว่า 10,000 คนในประเทศและต่างประเทศ นำมาซึ่งการที่บุคลากรเกือบ 600 คนจะถูกพักงานหรือไล่ออก อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินการเพื่อให้พนักงานส่วนใหญ่ของ USAID ลาออกจากงาน แต่ถูกระงับโดยคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568
    .
    ในปีงบประมาณ 2566 สหรัฐฯ ได้เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ 72,000 ล้านเหรียญ (ราว 2.52 ล้านบาท) กระจายไปทั่วโลกในโครงการต่างๆ รวมถึงสุขภาพสตรีในเขตพื้นที่ขัดแย้ง การเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษาเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงด้านพลังงาน และปราบปรามการทุจริต โดยสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ร้อยละ 42 ของโครงการทั้งหมดที่องค์การสหประชาชาติติดตามในปี 2567
    .
    เงินทุนดังกล่าว ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยกว่าร้อยละ 1 ของงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในความพยายามของสหรัฐฯ ในการสร้างพันธมิตรทั่วโลก เสริมสร้างการทูต และต่อต้านมหาอำนาจขั้วตรงข้าม เช่น จีนและรัสเซีย ที่แผ่อิทธิพลในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.naewna.com/inter/860946
    - https://www.reuters.com/world/us/head-usaid-watchdog-removed-position-official-says-2025-02-12/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1ACmD4sQWC/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มมาตรการ “ไล่ออก” เจ้าหน้าที่รัฐหลายพันคนในหลายหน่วยงานเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ตามแผนปรับโครงสร้างและลดขนาดองค์กรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ผู้คุมกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE)
    .
    กระทรวงกิจการทหารผ่านศึกซึ่งให้บริการด้านสุขภาพแก่อดีตทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ยืนยันว่าได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในช่วงของการทดลองงานไปแล้วมากกว่า 1,000 คน ขณะที่สำนักงานบริการป่าไม้แห่งสหรัฐฯ ก็เตรียมจะปลดคนออกอีกมากกว่า 3,000 คน
    .
    อีเมล “เลิกจ้าง” ถูกส่งไปไปถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหลายแห่งในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในช่วงทดลองงานของกระทรวงการศึกษา สำนักงานธุรกิจขนาดย่อม และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน และองค์การบริหารงานทั่วไปแห่งสหรัฐฯ (GSA) ซึ่งทำหน้าที่ดูแลอาคารสำนักงานของรัฐบาล
    .
    ทั้งนี้ แผนปฏิรูปโครงสร้างของ ทรัมป์ และ มัสก์ ดูเหมือนกำลังจะขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ หลังจากที่พวกผู้ช่วยของ มัสก์ เดินทางไปที่กรมสรรพากรสหรัฐฯ (Internal Revenue Service - IRS) เป็นครั้งแรก ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกก็ได้รับคำสั่งให้ลดจำนวนพนักงานด้วยเช่นกัน
    .
    ทรัมป์ ออกมาปกป้องมาตรการเหล่านี้ โดยให้เหตุผลว่าหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ จ้างคนมากเกินความจำเป็น และมีงบประมาณรั่วไหลไปกับความสิ้นเปลืองและการทุจริตฉ้อโกงเป็นจำนวนมาก
    .
    ปัจจุบันรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เป็นหนี้สูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ และขาดดุลงบประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งทำให้สมาชิกสภาคองเกรสจากทั้ง 2 พรรคเห็นพ้องถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างกันเสียใหม่
    .
    อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์หลายคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการ “ใช้ยาแรง” ในแบบของ มัสก์ ซึ่งเวลานี้กลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงมากต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาล ทรัมป์
    .
    จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า มีเจ้าหน้าที่พลเรือนประมาณ 280,000 คนที่เพิ่งได้รับการว่าจ้างไม่ถึง 2 ปี และส่วนใหญ่อยู่ในช่วงทดลองงาน ซึ่งทำให้คนกลุ่มนี้เสี่ยงต่อการถูกไล่ออกมากเป็นพิเศษ
    .
    มาตรการรีดไขมันครั้งนี้ยังส่อแววว่าจะไปไกลกว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ทดลองงาน เนื่องจากมีการส่งหนังสือไล่ออกไปถึงลูกจ้างชั่วคราว (term employees) และพนักงานเต็มเวลาที่มีสัญญาระบุเวลาสิ้นสุดการว่าจ้างด้วย ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม
    .
    สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงินสหรัฐฯ ได้ยุติสัญญาจ้างพนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงาน 70 คนเมื่อวันอังคาร (11) ขณะที่สำนักงานบริการป่าไม้ก็เตรียมไล่ออกพนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงาน 3,400 คนในทุกระดับ ตามรายงานของสื่อ Politico
    .
    ด้านกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกระบุว่า การปลดคนออกครั้งนี้ “จะช่วยให้กระทรวงประหยัดงบประมาณได้มากกว่า 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งทรัพยากรส่วนนี้จะถูกนำไปสนับสนุนการดูแลสุขภาพ สวัสดิการ และบริการต่างๆ ของผู้รับสิทธิประโยชน์”
    .
    พนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงานทั้งหมดของสำนักงานบริหารงานบุคคลแห่งสหรัฐฯ (OPM) ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้ง “ไล่ออกหมู่” เมื่อวานนี้ (13) และถูกขอให้เดินทางออกจากสำนักงานใหญ่ของ OPM ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 2 คน
    .
    ขณะเดียวกัน 14 รัฐในสหรัฐฯ ได้รวมตัวกันยื่นฟ้องต่อศาลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยกล่าวหา ทรัมป์ ว่าแต่งตั้ง มัสก์ อย่างผิดกฎหมาย และ “ให้อำนาจทางกฎหมายแก่เขาโดยปราศจากการควบคุมตรวจสอบ” และไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
    .
    ทั้งนี้ หน่วยงานสหรัฐฯ มีสิทธิไล่ออกเจ้าหน้าที่พลเรือนได้อย่างถูกกฎหมายหากทำผลงานไม่ดีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการยุติธรรม หากคิดว่าคำสั่งไล่ออกเป็นไปโดยมิชอบ
    .
    มาตรการปลดคนออกของ ทรัมป์ พุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกจ้างทดลองงานเป็นหลัก เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายน้อยกว่า
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 75,000 คนยอมเข้าร่วมโครงการ “ลาออกโดยสมัครใจ” หรือคิดเป็นราว 3% ของจำนวนเจ้าหน้าที่พลเรือนทั้งหมดตามข้อมูลจาก แคโรไลน์ เลียวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว โดย ทรัมป์ ให้สัญญากับเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ว่าจะจ่ายเงินเดือนให้จนถึงเดือน ต.ค. โดยที่พวกเขาไม่ต้องกลับเข้ามาทำงานอีก
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/around/detail/9680000014837
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1XLf2pDshS/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ระงับการให้งบประมาณทั้งหมดแก่ National Endowment for Democracy (NED) หลังจากที่ได้สั่งปิดUS Agency for International Development (USAID)ไปแล้ว
    .
    สื่อหลายแห่งรายงานเมื่อวันพุธว่า การปิดก๊อกดังกล่าวก่อให้เกิด “การนองเลือด” ภายในองค์กร ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินพนักงานหรือปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินได้
    .
    NED ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1983 เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรอย่างเป็นทางการที่มอบเงินสนับสนุนโครงการริเริ่มด้านประชาธิปไตยทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานนี้เผชิญกับข้อกล่าวหาว่ามีอิทธิพลอย่างซ่อนเร้นต่อผลลัพธ์ทางการเมืองในประเทศต่างๆ โดยเข้ารับหน้าที่ลับที่ก่อนหน้านี้เคยดำเนินการโดย CIA โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ที่มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลต่างประเทศ
    .
    เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Elon Musk ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ชุดใหม่ของทรัมป์ และรับผิดชอบในการหาวิธีลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง กล่าวถึง NED โดยเรียกมันว่า "หลอกลวง" และ "องค์กรชั่วร้าย" ที่ต้องถูกยุบ ตั้งแต่นั้นมา มีรายงานว่าองค์กรถูก "ถูกโจมตี" จาก DOGE ของ Musk ตามรายงานของ Free Press
    .
    “มันช่างนองเลือด” พนักงานของ NED คนหนึ่งบอกกับทางสื่อ โดยอธิบายว่าองค์กรไม่สามารถจ่ายค่าจ้างและค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้
    .
    NED เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับบทบาทของตนในการสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อบ่อนทำลายรัฐบาลอธิปไตย The Center for Renewal America ซึ่งเป็นกลุ่มนักคิดที่ก่อตั้งโดยรัสเซลล์ วอท ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดการและงบประมาณของทรัมป์ เผยแพร่เอกสารนโยบายเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาว่า NED ทำหน้าที่เป็น "ปลายหอกที่สำหรับความพยายามของ CIA และกระทรวงการต่างประเทศในการส่งเสริมการปฏิวัติทางการเมืองในยูเครน”
    .
    รายงานดังกล่าวอ้างว่า NED ได้จัดสรรเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานทางการเมืองของยูเครนและผลประโยชน์ต่อต้านรัสเซียจำนวนมากมาย และ ได้ดำเนินการปฏิวัติสีส้ม' และ 'การปฏิวัติไมดาน' ซึ่งปูทางไปสู่สงครามยูเครน-รัสเซียในปัจจุบัน"
    .
    NED ยังเผชิญข้อกล่าวหาว่าสนับสนุน "การปฏิวัติสี" ในจอร์เจียและคีร์กีซสถาน และให้ทุนสนับสนุนกลุ่มต่อต้านในเบลารุส เซอร์เบีย และอียิปต์
    .
    “เหตุผลในการยกเลิกงบประมาณให้NED นั้นมีมากมายพอๆ กับความจำเป็นของหน่วยงานนี้” กลุ่มนักคิดของวอทเขียน โดยระบุสิ่งต่างๆ เช่น “การก่อสงครามในยูเครน” และ “การแทรกแซงในตะวันออกกลาง” ว่าเป็นเหตุผลที่ชัดเจนและเร่งด่วนที่สุดในการรื้อหน่วยงานนี้
    .
    การระงับการระดมทุนของ NED เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่กว้างขึ้นโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์เพื่อลดการใช้จ่ายจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการปราบปรามหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของวอชิงตันในการให้ทุนสนับสนุนโครงการทางการเมืองในต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าวปิดตัวลง โดยอ้างว่าหน่วยงานนี้ดำเนินการโดย “คนวิกลจริตหัวรุนแรง”
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://www.imctnews.com/news_details-news-6728.html
    https://www.politico.com/news/2025/02/13/national-endowment-democracy-musk-funding-017146
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/129jYtkboeM/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คู่เดือด ระห่ำโลก
    1.) ยังไม่สาแก่ใจป๋า! ล่าสุด จะล่อกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้า เจอกันแน่ 2 เม.ย. นี้
    2.) สรุปยอดล่าสุด เฉียดหมื่นแล้ว ข้าราชการที่กลายสถานะเป็น "ว่างงาน" ในทันใด หลังจอมพญา อีลอน มัสก์ "ดีดนิ้ว" เป๊าะงานก็อันตรธานไปต่อหน้าต่อตา ด้วยฤทธานุภาพแห่งเจ้ากระทรวงพัฒนาประสิทธิภาพรัฐบาล ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อเขาโดยเฉพาะ

    ตัวเลขผู้ประสบภัยจากพายุ "เลย์ออฟ" ล่าสุด นับได้ 9,500 คน
    และยังมีทีท่าจะพุ่งต่อไม่ยั้งหยุด

    เมื่อคืนโพสต์ไปหลายตำแหน่งหน้าที่การงานพื้นฐานอาชีพ
    เช้านี้เพิ่มเติม ได้แก่
    ข้าราชการจากกระทรวงมหาดไทย / พลังงาน / เกษตร / สาธารณสุข

    และระลอกใหญ่กำลังมา!!!
    หน่วยงานสรรพากร (จัดเก็บภาษีอากร) กำลังจะโดนเล่นอีกหลายพันคน
    ยอดรวม ได้ทะลุหมื่นไปไกลแน่ ไม่ต้องห่วง!

    (*นี่ยังไม่นับอีก 75,000 คน ที่ยินดีรับ "แพ็กเกจ" แจกโชคไปแล้ว : สมัครใจออกจากงานเอง โดยไม่ต้องรอให้ถูกไล่ แล้วจะได้เงินเดือนชดเชยถึงเดือน ต.ค. --- เอาไม่เอา?)

    คนปลด ก็บอกว่าเพื่อตัดงานที่ไม่จำเป็น ตัดงบที่ถูกผลาญมานาน
    คนโดนปลด ก็บอกว่าตัดแบบนี้โหดร้าย เหมือนถูกชาติทรยศ อุตส่าห์เสียสละ "รับใช้ชาติ" ด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย
    คนที่ยังไม่รู้ชะตา (ว่าจะโดนไม่โดนปลด) ตอนนี้ก็ไม่ต้องเป็นอันกินอันนอน กระสับกระส่าย กระวนกระวายทุกขณะจิต

    คนไม่โดนปลด ก็แล้วแต่จะมีความเห็นกันไป ... แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องมามีความรู้สึกเสียว

    มองแบบหยาบๆ ในมุมกลับกัน
    "อัตราว่างงาน" ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
    แล้วถามว่าหางานใหม่ในยุคนี้ง่ายไหมล่ะ???
    ยิ่งถ้าสมมติ ย้ำว่าสมมตินะสมมติ สมมติว่างานราชการเป็นงาน "เช้าชามเย็นชาม" อย่างที่อีลอน มัสก์ว่าจริง เป็นงานที่ต่อให้ตัดทิ้งไปก็ไม่มีใครเดือดร้อนจริง แล้วคนที่จมจ่อมทำงานอย่างนั้นจนรากงอก คิดว่าจะไปหางานใหม่ได้ง่ายๆ นักหรือ?????

    รัฐบาลก็จะไปช่วยในส่วนของ "สวัสดิการว่างงาน" แทนไง (ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้ว ก็ประหยัดกว่าจ่ายเงินเดือนเลี้ยงข้าราชการยาวๆ แน่ๆ)

    อ้าว ร่ายซะยาว ยังไม่ได้ตบเข้าข้อ 1.) เลย

    ถามหน่อย ตั้งแต่รับตำแหน่ง ทรัมป์ได้หยุดพักบ้างไหมเนี่ย
    ถามอีกหน่อย เอ้อ แล้วที่ผ่านมา ไบเดนมาทำงาน มาทำอะไรบ้างเนี่ย

    "ทรัมป์รายวัน" จริงๆ
    มีมาไม่รู้จบ

    ติดตามกันไป

    https://www.reuters.com/business/tr...at-going-with-autos-targeted-next-2025-02-14/
    https://www.reuters.com/world/us/th...usk-take-ax-us-government-offices-2025-02-14/

    https://www.facebook.com/share/p/1ET6Sj2ZKM/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กล่าวแบบไม่สุภาพ คือ "วาเลนไทน์มั้ยล่ะมึง"
    ปุ๊บปั๊บรับโชคจากอีลอน มัสก์เลยครับ
    เป็นข้าราชการในกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก (ดูแลสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาล) 1 พันคน
    ข้าราชการป่าไม้ โดนไป 3 พันคน
    และอื่นๆ ที่ยังไม่ทราบจำนวน ได้แก่ ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ / ข้าราชการสำนักคุ้มครองผู้บริโภคภาคการเงิน / ข้าราชการที่ดูแลธุรกิจขนาดย่อม / ข้าราชการที่รับผิดชอบอาคารราชการ เป็นต้น
    ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่ยังไม่ทันจะพ้นช่วงทดลองงาน (โปรเบชั่น) --- ก็คือยังไม่บรรจุนั่นเอง
    แบบนี้ง่ายสุดครับ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าตกใจ อะไรพวกนั้น
    นี่แค่เริ่มต้นครับ น่าจะตามมาอีกเยอะะะะะะะะะ
    https://www.reuters.com/world/us/ma...in-trump-musk-purge-us-government-2025-02-13/
    https://www.facebook.com/share/p/15tbeMc4C8/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    America: ”ทรัมป์" ลงนามบันทึกสั่งการทีมเศรษฐกิจไปวางแผน "ภาษีศุลกากรตอบโต้" เพื่อเก็บภาษีทุกประเทศไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ที่เก็บภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ นับเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการเตรียมใช้มาตรการนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามบันทึกคำสั่งประธานาธิบดีวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) สั่งการและมอบหมายภารกิจให้แก่ทีมเศรษฐกิจของเขา ไปจัดทำแผนเก็บ "ภาษีศุลากากรตอบโต้" (reciprocal tariffs) คือการเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศไม่ว่ามิตรหรือศัตรูของสหรัฐฯ ที่เก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าของสหรัฐฯ ให้เริ่มคำนวณอัตราภาษีที่จะเก็บจากประเทศเหล่านั้น ให้เท่าเทียมกับอัตราภาษีที่ประเทศเหล่านั้นเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และให้วางแผนโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปภาษีด้วย คำสั่งล่าสุดของทรัมป์นี้ ยิ่งเพิ่มความหวั่นกลัวและโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าไปทั่วโลก

    อย่างไรก็ตาม บันทึกคำสั่งประธานาธิบดีดังกล่าว ยังไม่ถึงขั้นคำสั่งให้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) อย่างที่ทรัมป์ได้เกริ่นนำขู่มานานหลายวันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่นับเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการเตรียมการที่จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เท่านั้น

    คาดว่า ทีมเศรษฐกิจของทรัมป์ต้องใช้เวลาจัดทำแผนอีกนานหลายสัปดาห์หรืออาจจะนานหลายเดือน เนื่องจากจะต้องตรวจสอบอัตราภาษีที่ประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศคู่ค้าและประเทศศัตรู ได้จัดเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เสียก่อน จึงจะสามารถคำนวณอัตราภาษีที่เท่าเทียมกันเพื่อตอบโต้ได้

    การที่ทรัมป์เพียงสั่งให้เริ่มจัดทำแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ยังไม่ถึงขั้นเริ่มเก็บภาษีนั้น ได้สร้างความโล่งอกให้แก่วอลล์สตรีท หรือตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ วอลล์สตรีทกังวลว่า การเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ จะดันให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น และจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก

    ทรัมป์เองก็ยอมรับว่า ราคาสินค้าในสหรัฐฯ อาจสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของเขา แต่ทรัมป์ระบุว่า ราคาจะสูงขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

    ทรัมป์กล่าวหลังการลงนามบันทึกคำสั่งวานนี้ด้วยว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขา คือการปรับ "สนามแข่ง" ให้มีความยุติธรรม อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขานั้นจะต้องสมน้ำสมเนื้อกับอัตราภาษีที่สูง ที่ประเทศอื่น ๆ เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และภาษีศุลากรเพื่อตอบโต้ของเขานั้น ยังมีจุดประสงค์เพื่อโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปของภาษีด้วย อย่างเช่นกฎระเบียบที่ยุ่งยาก , ภาษีมูลค่าเพิ่ม , การอุดหนุนจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ที่กลายเป็นอุปสรรคทางการค้าต่อการไหลเข้าของสินค้าจากสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ

    —————
    ภาพ: Reuters
    #TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #สหรัฐฯ #ทรัมป์ #ภาษี #ภาษีศุลกากรตอบโต้
    —————
    ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNN
    ได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originals
    ที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals.

    https://www.facebook.com/share/p/1BPB4MLkKt/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    South Korea: รีสอร์ทที่กำลังก่อสร้างของเกาหลีใต้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาผู้ที่ติดอยู่ด้านในท่ามกลางความกังวลว่ายอดความสูญเสียอาจเพิ่มมากกว่านี้

    เกิดเพลิงไหม้รุนแรงบนอาคารสูงของรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่เมือง “ปูซาน” เมืองท่าตากอากาศชื่อดังของเกาหลีใต้เมื่อเวลาประมาณ 10 นาฬิกาวันตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง เป็นเหตุให้คนงานในไซต์ก่อสร้างเสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน และได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็น 24 คนแล้ว ขณะที่พบคนงานอีกประมาณ 14 คน ติดอยู่บนดาดฟ้าของอาคารและยังรอคอยการช่วยเหลือ

    สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เพลิงไหม้ได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งอพยพคนงานและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงมากกว่า 100 คน ออกจากจุดที่เกิดเหตุและได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบร้อยนายและเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์พร้อมทั้งประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ยอนฮับเผยด้วยว่าในตอนนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเข้าสู่ด้านในอาคารได้แล้วและจะเริ่มการช่วยเหลือผู้คนด้านในต่อไป

    แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แน่ชัด แต่สำนักงานใหญ่ดับเพลิงของปูซานสันนิฐานว่าเพลิงไหม้อาจเริ่มลุกลามมาจากบริเวณชั้น 1 ของอาคารใกล้กับสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสถานที่เก็บวัสดุฉนวนสำหรับก่อสร้างที่อาจเกิดติดไฟขึ้นมา โดยรีสอร์ทที่กำลังก่อสร้างแห่งนี้เป็นธุรกิจย่อยในเครือของ Banyan Tree กลุ่มธุรกิจในสิงคโปร์

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยกระดับเหตุฉุกเฉินเป็นระดับที่ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับ เนื่องจากความกังวลว่าจำนวนผู้สูญเสียจากเหตุเพลิงไหม้นี้อาจเพิ่มขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าตรวจสอบไซต์ก่อสร้างอย่างละเอียด ด้าน ชเว ซัง-ม๊ก ประธานาธิบดีรักษาการของเกาหลีใต้ สั่งการหหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือและระงับเหตุอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ พร้อมย้ำว่าการรักษาชีวิตของนักดับเพลิงก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน

    —————
    ภาพ: Reuters
    #TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #เกาหลีใต้ #ปูซาน #ไฟไหม้ #รีสอร์ท #เที่ยวเกาหลี #เที่ยวปูซาน #เอเชีย #เตือนภัย
    —————
    ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNN
    ได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originals
    ที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals.
    https://www.facebook.com/share/p/15uYZxwsrw/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    America: สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวสามรายว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเตรียมการที่จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในสถานทูตของสหรัฐฯ ที่อยู่ในต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งสถานทูตสหรัฐฯ บางแห่งได้รับการแจ้งให้พิจารณาลดจำนวนเจ้าหน้าที่ลงแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล ด้วยการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความจำเป็นออกไป

    เจ้าหน้าที่สถานทูตที่จะถูกปลด มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนอเมริกัน และเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนท้องถิ่นในประเทศนั้นอย่างละ 10% โดยในรายงานระบุว่าทางสถานทูตจะต้องส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่จะถูกเลิกจ้างไปที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายในวันนี้ เพื่อให้ทางกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไปว่ามีใครบ้างที่จะถูกเลิกจ้าง และขั้นตอนการเลิกจ้างจะเป็นอย่างไรต่อไป

    สำนักข่าวในสหรัฐฯ พยายามที่จะติดต่อไปที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาได้เดินหน้าเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานของรัฐให้มีความคล่องตัวและประหยัดงบประมาณมากขึ้น เนื่องจากเขามองว่าหลายหน่วยงานปฎิบัติหน้าที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่คุ้มค่ากับภาษีของชาวอเมริกัน และมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ไม่มีความจำเป็น ซึ่งมีแต่จะทำให้รัฐบาลมีภาระมากขึ้น
    —————
    ภาพ: Reuters
    #TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #สหรัฐฯ #ปลดคน #เลิกจ้าง #ทรัมป์ #ตกงาน #สถานทูต
    —————
    ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNN
    ได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originals
    ที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals

    https://www.facebook.com/share/p/1B1XibFyWo/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 14, 2025 ปลดเหี้ยนเต้! ธุรกิจสตาร์ทอัพดังแต่สุดอื้อฉาวปลดพนักงานมากถึง 90% ตกงานมากกว่า 1,000 คนในอินโดนีเซีย ตบตาและหลอกลวงยอดขายยันกำไรเกินจริงกว่า 70% นักลงทุนชื่อดังกดดันบังคับขายสินทรัพย์และปิดกิจการ

    อีฟิชเชอร์รี่ (EFishery) ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมการเกษตรและการประมงชื่อดังของประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 1 ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมการเกษตรและการประมงชื่อดังของประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่มาก โดยถูกปลดออกมากกว่า 1,000 คน หรือคิดเป็น 90% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 1,600 คนในบริษัทดังกล่าว

    สาเหตุที่สำคัญ และเป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลให้อีฟิชเชอรี่ส์ ซึ่งมีนักลงทุนประเภทสถาบันชื่อดังระดับโลกให้การสนับสนุนด้านเงินทุน ได้แก่ กลุ่มเทมาเส็กจากประเทศสิงคโปร์ และกลุ่มซอฟต์แบงค์ กรุ๊ป อินคอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น คือ คณะกรรมการบริษัทตรวจพบและสอบสวนปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวจงใจรายงานตัวเลขผลประกอบการเป็นเท็จไม่ว่าจะเป็นทั้งรายได้ และกำไรที่สูงมากเกินความเป็นจริงในช่วงหลายปีติดต่อกันผ่านมา ด้านรายได้ที่สตาร์ทอัพรายนี้แสดงตัวเลขสูงเกินความเป็นจริง หรือหลอกลวงไว้มีสูงถึงเกือบ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20,400 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนผ่านมาจนกระทั่งถึงเดือนกันยายนในปี 2024 จากการตรวจสอบและสอบสวนพบว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นเป็นตัวเลขที่หลอกลวงเกินความเป็นจริงถึง 75%

    ธุรกิจสตาร์ทอัพชื่ออีฟิชเชอรี่ส์ ได้ระดมทุนจำนวนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบรรดากลุ่มบริษัทที่มีธุรกิจหลากหลายชั้นนำในเอเชียและอาเซียน อย่างไรก็ตาม เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือที่มีต่อวงการธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศอินโดนีเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะความ พยายามที่จะดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนชั้นนำของโลก

    ที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนจากหลายบริษัทล้วนมีความเห็นตรงกันว่านักลงทุนที่ปล่อยกู้ให้กับอีฟิเชอรี่ควรจะตัดสินใจ ยกเลิกการปล่อยกู้สินเชื่อด้วยการบังคับถ่ายทอดทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดหรือการปรับโครงสร้างของธุรกิจดังกล่าว ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ทั้งนี้ มูลค่าของบริษัทอีฟิชเชอรี่ส์ถูกประเมินไว้ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 47,600 ล้านบาท ด้วยการให้บริการกัยเกษตกร และชาวประมงด้วยอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นเครื่องมือไฮเทคในการเลี้ยงปลาทำการเกษตร หรือเลี้ยงปลาในระบบปิด นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายอาหารสัตว์ของบริษัทอีฟิชเชอรี่ส์ด้วย

    #สตาร์ทอัพ #โกง #หลอกลวง #อินโดนีเซีย #ประมง #เกษตร #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/163AaEE83n/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 14, 2025 ต้องตั้งรับ! วิจัยกรุงไทย มองสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า เหล็ก-อะลูมิเนียม ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม กดดันกำลังการผลิตธุรกิจเหล็กไทย
    .
    Krungthai COMPASS ประเมินว่า เบื้องต้นการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ของสหรัฐฯ จะส่ง "ผลกระทบทางตรง" ทั้งต่อผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียม โดย "สินค้าเหล็ก" อาจได้รับผลกระทบมากกว่า นอกจากนี้ ยังต้องจับตา "ผลกระทบทางอ้อม" จากแนวโน้มการทะลักเข้ามาของเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน ไต้หวัน เวียดนาม ที่อาจดัมพ์ราคา เพื่อระบายสินค้าในตลาด Non-US กดดันให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (CAP-U) ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็ก ให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
    .
    ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการทางภาษีดังกล่าว จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4 มี.ค.68 เป็นต้นไป โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับประเทศใดๆ ทั้งสิ้นนั้น
    .
    Krungthai COMPASS ระบุว่า การส่งออกเหล็กของไทยมีแนวโน้มได้รับ "ผลกระทบทางตรง" (ความเสี่ยงที่จะส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ลดลง) มากกว่าอะลูมิเนียม ในรอบปี 2565-67 สหรัฐฯ มีการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก แคนาดา จีน และเม็กซิโกสูงสุดเป็น 3 อันดับแรก ซึ่งมีมูลค่ารวมปีละ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 48.1% ของการนำเข้าทั้งหมด แบ่งเป็น แคนาดา 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (20.9%) จีน 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (15.9%) และเม็กซิโก 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (11.2%) ตามลำดับ
    .
    ส่วนการนำเข้าจากไทยอยู่ในอันดับที่ 11 โดยมีมูลค่าปีละ 2.3 พันดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 2% จากมูลค่านำเข้าทั้งหมด ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่อาจไม่ได้สูงนักหากเทียบกับประเทศอื่น แต่อย่างไรก็ดี เป็นข้อสังเกตว่าการส่งออกเหล็กของไทย มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูงถึง 33.3% หรือราว 1 ใน 3 สูงกว่าการในกรณีของอะลูมิเนียมที่ 13.8% อย่างเห็นได้ชัด
    .
    "ดังนั้นจึงอาจสรุปเบื้องต้นได้ว่า การส่งออกเหล็กของไทย มีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางตรง จากมาตรการขึ้นภาษีในครั้งนี้ มากกว่ากลุ่มอะลูมิเนียม"
    .
    Krungthai COMPASS มองว่า หากการขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวของสหรัฯ ส่งผลให้ประเทศผู้ส่งออกต่างๆ ต้องเร่งหาตลาดอื่นเพื่อทดแทนสหรัฐฯ (Trade Diversion) ในกรณีนี้ คาดว่าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน ไต้หวัน และเวียดนาม มีโอกาสจะทะลักเข้าไทยมากที่สุด เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศนี้ อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากไทย อีกทั้งยังมีประสบการณ์การทำตลาดในไทยอยู่ก่อนแล้ว สะท้อนจากสัดส่วนการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมมายังไทย ที่อยู่ในสัดส่วนราว 3.3% (เวียดนาม) 3.6% (ไต้หวัน) และ 4.1% (จีน)เราจึงมองว่า ไทยมีโอกาสเป็น 1 ในตลาดส่งออกที่ทั้ง 3 ประเทศ อาจเลือกเข้ามาดัมพ์สินค้าเพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ ก็เป็นได้
    .
    นอกจากสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในไทยแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องระวังการแข่งขันในตลาดส่งออกอื่นๆ ที่อาจรุนแรงขึ้นจากการดัมพ์ราคาเพื่อระบายสินค้าของประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดส่งออกหลักของผู้ประกอบการไทย อย่างกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งไทยมีสัดส่วนการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียม อยู่ที่ราว 10%
    .
    ทั้งนี้อัตราการใช้กำลังการผลิต (CAP-U) โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็ก จะถูกกดดันให้อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จากการผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ที่มีโอกาสทำได้ยากขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงที่อาจถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดทั้งในไทย และตลาดส่งออกอื่นๆ จากเหล็กนำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะจากจีนที่มีโอกาสหันมาตีตลาด Non-US เพื่อระบายสินค้ากันมากขึ้น
    .
    โดยในปัจจุบัน CAP-U ของผู้ผลิตเหล็กไทยนั้น ถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่ราว 40-45% ต่อปี ลดลงจากในอดีตที่เคยอยู่ในกรอบ 50-60% อย่างเห็นได้ชัด
    .
    Krungthai COMPASS มองว่า ความเสี่ยงด้านการขาดทุนจากราคา (Stock Loss) อาจสูงขึ้น จากราคาเหล็กในปี 2568 ที่คาดว่าจะอยู่ในขาลง ตามแรงกดดันหลักจาก 1) แนวโน้มการดัมพ์ราคาเพื่อระบายสินค้าของผู้ส่งออกจากประเทศต่างๆ ที่จำเป็นต้องหาตลาดส่งออกอื่น เพื่อทดแทนสหรัฐฯ 2) ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งมีการใช้เหล็กถึง 1 ใน 3 ของทั้งประเทศยังมีแนวโน้มดำเนินต่อไป
    .
    สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจเหล็กไทย ทั้งด้านรายได้ ความสามารถในการทำกำไร รวมถึงสภาพคล่อง อาจถูกซ้ำเติมให้แย่ลง จากใน 9M/67 ที่พบว่าเกิน 1 ใน 2 ของธุรกิจเหล็กไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กำลังเผชิญหน้ากับรายได้ที่หดตัวลง การมีผลประกอบการที่ขาดทุนสุทธิ ตลอดจนการส่งสัญญาณว่าอาจมีปัญหาด้านสภาพคล่องจากการมีวงจรเงินสดที่นานขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://shorturl.asia/KmjIT
    .
    Website: https://btimes.biz
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ภาษีนำเข้าสหรัฐ #ธุรกิจเหล็ก #ธุรกิจอลูมิเนียม #KrungthaiCOMPASS #ส่งออก #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/18hwFKUHT6/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 14, 2025 หั่นปลดลด! ธนาคารใหญ่สุดในยุโรป เอชเอสบีซีเดินหน้าปลดพนักงานทุกระดับในเอเชีย ผู้บริหารระดับสูงถูกปลด 40% ยุบรวมสายงานธุรกิจที่ได้เปรียบในการแข่งขันชัด

    นายจอร์จ เอลเดรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่สุดในทวีปยุโรป เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงใช้นโยบายตัดลดค่าใช้จ่ายเพื่อควบคุมต้นทุนในการดำเนินกิจการต่อเนื่อง โดยยังคงมาตรการปลดพนักงานของธนาคารเอชเอสบีซีออกต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

    ซีอีโอ ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า การปลดพนักงานจะมีขึ้นในทวีปเอเชีย อย่างไรก็ตาม จะมีผลกระทบต่อพนักงานของธนาคารทั่วโลก และพนักงานทุกระดับชั้น อย่างไรก็ตาม จำนวนพนักงาน และพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดในรอบนี้ จะมีการเปิดเผยในรายละเอียดภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้

    ในปัจจุบัน ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของธนาคารได้ดำเนินการปลดพนักงานในบางแผนก เช่น แผนกการตลาดที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง แต่แผนการปลดพนักงานในภาพใหญ่ และกระจายครอบคลุมหลายฝ่ายมากขึ้นนั้น จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้เวลาไม่น้อยกว่าหลายสัปดาห์ หรืออาจกินเวลายาวนานหลายเดือน สำหรับพนักงานที่เข้าข่ายจะถูกปลดออกนั้น จะอยู่บนกฎเกณฑ์หลัก คือพิจารณาเกี่ยวกับผลงานเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานออกธนาคาร นอกจากนี้ พนักงานใดที่มีหน้าที่งานซ้ำซ้อน หรือได้กำหนดเป้าหมายในการลดขั้นตอน หรือตัดลดและกระชับระดับการสั่งงานให้คล่องตัวสูงมากขึ้นนั้น ก็จะเข้าข่ายการปลดออกด้วย

    ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า ตามที่ได้ประกาศแจ้งไปเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ผ่านมานั้น ธนาคารเอชเอสบีซีได้เน้นความสำคัญไปในเรื่องการเพิ่มความเป็นผู้นำ และส่วนแบ่งตลาดในพื้นที่ที่ธนาคารมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ชัดเจน และในพื้นที่ที่มีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเติบโตทางธุรกิจ ในช่วงผ่านมา ธนาคารเอชเอสบีซีได้ยกเลิกสายงานต่างๆ ได้แก่ ธุรกิจการเป็นนายหน้าจัดจำหน่ายหุ้น หรือตราสารทุน ธุรกิจบริการที่ปรึกษาในทวีปยุโรป และอเมริกา รวมถึงการควบรวมธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้ารายย่อยเข้ากับธุรกิจและตลาดของธนาคารในระดับสากล

    ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารของซีอีโอคนใหม่มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 มาถึงทุกวันนี้ ได้ปลดพนักงานระดับบริหารโดยเฉพาะที่อยู่คณะกรรมการบริหารออกไปถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด การปลดพนักงานในระดับบริหารอาวุโสมีผลกระทบต่อจำนวนพนักงานในระดับสูงมากกว่า 40% ของทั้งหมด 175 คน ซึ่งจะดำเนินการปลดพนักงานในกลุ่มนี้ให้เสร็จสิ้นภายในมิถุนายนนี้

    #เอชเอสบีซี #ธนาคาร #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/163DMhKsGU/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 14, 2025 หมดใจให้! พนักงานธนาคารเกือบ 4,000 คนไปไม่รอด คอมเมิร์ซแบงก์สั่งปลดกว่า 10% ในเยอรมนี หวังลดต้นทุนมีกำไรสูง ปรับโครงสร้างให้คล่องตัวสูงเพื่อทำธุรกิจด้วยตัวเอง

    คอมเมิร์ซแบงก์ (CommerceBank) ซึ่งเป็นธนาคารกึ่งรัฐวิสาหกิจที่มีขนาดของธนาคารใหญ่อันดับ 2 ในประเทศเยอรมนี และเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงในระดับทวีปยุโรป เปิดเผยว่าเตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่คิดเป็นกว่า 10% หรือมากกว่า 3,900 คนที่จะถูกปลดออกจากงานในประเทศเยอรมนี

    การประกาศแผนปลดพนักงานในครั้งนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ทั้งหมดเรา 36,700 คน จะดำเนินงานให้เสร็จสิ้นภายในปี 2028 ในขณะเดียวกัน ธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์จะมีการเปิดรับรับงานใหม่ในตำแหน่งใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนพนักงานสุทธิอยู่ในอัตราใกล้เคียงกัน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปลดพนักงานจำนวนมากในครั้งนี้เปิดเผยว่าจะมีสูงถึง 700 ล้านยูโร หรือ 730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24,820 ล้านบาท

    สาเหตุการปลดพนักงานจำนวนมากเป็นผลมาจากฝ่ายบริหารของธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และวิสัยทัศน์ในการที่จะดำเนินกิจการธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ในอนาคตด้วยความเป็นตัวของตัวเอง และมีความแข็งแกร่งรวมถึงคล่องตัวสูง หลังจากได้รับข้อเสนอซื้อควบรวมกิจการจากสถาบันการเงินคู่แข่งสำคัญที่มีชื่อว่า ยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดขนาดใหญ่อันดับ 2 จากประเทศอิตาลี ที่สำคัญสหภาพแรงงานในธนาคารคอมเมิร์ซแบงค์มีความวิตกกังวลอย่างมาก ถ้าหากธนาคารยูนิเครดิตเข้าซื้อกิจการของธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์เป็นผลสำเร็จ โดยจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออกจากงานจะมีมากกว่าแผนการลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานในรอบนี้

    ทั้งนี้ ในปีผ่านมา ธนาคารยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดขนาดใหญ่อันดับ 2 จากประเทศอิตาลี ได้ซื้อหุ้นสามัญของธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ในตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารยูนิเครดิตในธนาคารคอมเมิร์ซแบงค์ เพิ่มสูงขึ้นมาใกล้เคียงกันมาก

    #ธนาคาร #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เศรษฐกิจ #BTimes #คอมเมิร์ซแบงค์ #เยอรมนี #อิตาลี

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอ้อ มันเล่นถ้วนทั่วทุกตัวคนจริงๆ วุ้ย --- ไม่มีเว้น
    แม้แต่ศาลมันก็เอา จะไปไล่ที่เขาอีก แน่จริงๆ!
    ทรัมป์ใช้หน่วยงาน General Services Administration (รับผิดชอบอาคารราชการ) ร่อนสาสน์ไปถึง Administrative Office of the U.S. Courts (รับผิดชอบศาล)
    *หมายเหตุแทรก แล้วตลกร้าย ตรงที่ว่าไอ้หน่วยงาน General Services Administration นี่คือทรัมป์กับอีลอน มัสก์กำลังไล่ปลดข้าราชการออกอยู่
    ล่าสุด ส่งสาสน์เพื่อให้ทางหน่วยงานศาลตอบเหตุผลถึงความชอบธรรมที่ทางรัฐบาลจะสมควรให้สัมปทานเช่าที่ได้ต่อไป
    จู่ๆ มีงี้ส่งมาถึงบ้าน ก็ตกใจสิครับ มันหมายความว่าอะไร??? จะไล่กูไปไหน???
    มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องย้ายนิวาสถานในเร็วๆ นี้ ...
    https://www.reuters.com/world/us/tr...leases-space-used-by-us-judiciary-2025-02-14/
    https://www.facebook.com/share/1FgMYtQVy1/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,939
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วอชิงตันคาดหมายว่าเคียฟจะจ่ายคืนสหรัฐฯ สำหรับสิ่งต่างๆ ที่อเมริกาได้ลงทุนไปในความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากคำกล่าวของ ไมเคล วอลท์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) เขาอ้างว่าการชดใช้คืนประชาชนชาวอเมริกา เป็นหนทางที่ดีที่สุดสหรับยูเครน สำหรับรับประกันว่าจะยังคงได้รับความช่วยเหลือต่อไปในอนาคต
    .
    ความเห็นของวอล์ทซ มีขึ้นหลังจากมีข่าวว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปฏิเสธลงนามในเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ให้สิทธิอเมริกาเข้าถึงแหล่งแร่ในอนาคตของยูเครน 50% และพยายามหาข้อตกลงที่ดีกว่านั้น ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ เรียกร้องแร่แรร์เอิร์ทในมูลค่าเทียบเท่ากับ 500,000 ล้านดอลลาร์ จากยูเครน แลกกับเงินที่วอชิงตันมอบให้แก่เคียฟไปแล้วกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของความช่วยเหลือต่างๆ ท่ามกลางความขัดแย้งกับมอสโก
    .
    "ประชาชนชาวอเมริกาควรได้รับการหักลบกลบหนี้ ควรได้รับการจ่ายคืนในรูปแบบหนึ่งรูปแบบใด สำหรับเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ที่พวกเขาลงทุนไปในสงครามนี้" วอลท์ซกล่าวในวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) "ผมคิดว่า คงไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้ประชาชนชาวอเมริกามีความสบายใจกับการลงทุนในอนาคตได้ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถเป็นหุ้นส่วนและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนอเมริกา"
    .
    ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติบอกด้วยว่า "เซเลนสกีจะฉลาดมาก หากเข้าสู่ข้อตกลงนี้กับสหรัฐฯ"
    .
    ก่อนหน้านี้ เซเลนสกี เคยเน้นย้ำว่าเขาต้องการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่เพียงส่งมอบทรัพยากรทางธรรมชาติของยูเครนให้สหรัฐไปเฉยๆ ขณะเดียวกัน เดนิส ชมีกัล นายกรัฐมนตรียูเครน เสนออนุมัติให้อียูเข้าถึงทรัพยากรของยูเครนเช่นกัน แลกกับความร่วมมือกับเคียฟและการลงทุนในการบูรณะฟื้นฟูประเทศ
    .
    วอลท์ซ อ้างว่าสหรัฐฯ แบกรับภาระหนักในความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินที่ตะวันตกมอบให้แก่เคียฟ โดยอย่างเป็นทางการแล้ว สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2022 ในนั้นส่วนหนึ่งในเงินดังกล่าว ได้ส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาและความเคลื่อนไหวต่างๆของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก พบว่าจนถึงเดือนตุลาคม 2024 สหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือทั้งด้านการทหารและทางการเงินแก่ยูเครนไปแล้วราว 92,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนบรรดาชาติอียูและสหราชอาณาจักร จัดสรรงบประมาณรวมกัน 131,000 ล้านดอลลาร์
    .
    รายงานของเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรัม ในปี 2024 เน้นว่ายูเครนมีศักยภาพล้นเหลือในฐานะผู้จัดหารายใหญ่ของโลก สำหรับป้อนวัตถุดิบสำคัญๆ ที่จำเป็นในด้านกลาโหม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสีเขียว นอกจากนี้ ประเทศแห่งนี้ยังมีแหล่งสำรองลิเธียมและไทเทเนียมใหญ่ที่สุดในยุโรป แม้ทั้ง 2 ชนิด ไม่ถูกจัดว่าเป็นองค์ประกอบของแร่แรร์เอิร์ธ
    .
    อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี เคยยอมรับว่าดินแดนที่อุดมไปด้วยแร่นั้น เวลานี้ส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียและอ้างอิงข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ พบว่าความมั่นคงด้านแร่ธาตุในอดีตของยูเครน มูลค่าราว 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่้งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2022
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/around/detail/9680000015534
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1BEVTtGfjf/
     

แชร์หน้านี้

Loading...