เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 มีนาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ความที่อากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมารุนแรงมาก โดยที่ระยะนี้มีพายุฤดูร้อนเข้าสู่ประเทศไทยหลายวันติดกัน จึงทำให้กระผม/อาตมภาพเกิดอาการมาลาเรียลงกระเพาะ วิ่งถ่ายเสีย ๔ - ๕ รอบ หมดสภาพไปเลยทีเดียว..!

    ช่วงสายประมาณ ๘ โมงเช้า ก็ได้ออกไปทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย เพื่อขออนุญาตยกฉัตรถวายพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม บริเวณท่าน้ำวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน แล้วขออนุญาตในการจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบในวันนี้ด้วย

    ระหว่างที่ทำบวงสรวง เห็นสัตว์น้ำหน้าตาประหลาด ๆ ตัวหนึ่งอยู่กลางคลองบางกอกน้อย ถึงได้ถามว่า "จิ้งจกน้อย เจ้าเป็นตัวอะไร ?" เขาบอกว่า "ผมคือเหราครับ วันก่อนท่านเอ่ยถึงเหรา กระผมก็เลยโผล่มาให้เห็นว่าหน้าตาเป็นแบบนี้" ทำเอากระผม/อาตมภาพรู้สึกขำ เพราะว่าหน้าตาออกไปทางจิ้งจกน้ำ (ซาลามานเดอร์) มากกว่า แต่ว่าในเรื่องของรูปร่างหน้าตา ของบรรดาสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์แบบนี้ ไม่สามารถที่จะเอาเป็นประมาณได้ เนื่องเพราะว่าเขาจะแสดงร่างกายแบบไหนให้เราเห็นก็ได้

    ครั้นบวงสรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นำญาติโยมทั้งหลายขึ้นสู่ศาลาการเปรียญ เพื่อเริ่มการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ แต่เนื่องจากว่าวันนี้ทางคณะรวมใจภักดิ์ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ต้องยกพหลพลโยธา ไปอำนวยความสะดวกในงานทำบุญประจำปีที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ทางด้านวัดอุทยานนี้จึงต้องอาศัยคณะของบริษัทมุลเลอร์กรุ๊ป นำโดยคุณต๋อง (ณัฐพล สุขวัฒนศิริ) นำลูกน้องมาช่วยอำนวยความสะดวกให้

    แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำงานลักษณะนี้อย่างเต็มที่ ก็คือไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือ คนเราก็มักจะเอาความสบายของตนเองเป็นหลัก จึงใช้วิธีนั่งเว้นที่ห่างจากผู้อื่น ทำให้บุคคลที่จองที่เอาไว้แล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าไปนั่งยังที่ของตนเองได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ความจริงแล้วการไปวัดนั้น สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือไปวัดดูว่าเรามีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง สักเท่าไร แล้วก็พยายามที่จะลด จะละ จะเลิกให้ได้ แต่ว่าหลายท่านก็น่าสงสารตรงที่ว่า "แบกกิเลสเต็มตัว แต่ไม่มีความรู้สึกว่าตนเองแบกกิเลสไปเลย..!" ทำอะไรก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง กูต้องสบายไว้ก่อน ส่วนคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ในเมื่อผู้อำนวยความสะดวกในการดูแลสถานที่ก็มือใหม่ บุคคลที่มาส่วนใหญ่ก็แบกกิเลสมาด้วย จึงเกิดอาการอย่างที่เห็นขึ้นมา

    เมื่อกระผม/อาตมภาพภาวนาขอบารมีพระในการปลุกเสกวัตถุมงคล ครบถ้วนตามที่ท่านบอกแล้ว ก็ลุกไปพรมน้ำมนต์บริเวณมณฑลพิธี และเลยไปพรมให้กับญาติโยมทุกท่านที่มาร่วมพิธีอยู่ทางด้านบน จากนั้นก็มาภาวนาพระคาถาเงินล้านต่อจนครบ ๑๐๘ จบ

    เมื่อยกมือจบเหนือหัวพร้อมกับเสียงระฆัง ก็ทำเอาดร.พระครูโรจน์ของเรายิ้มกว้างเลยทีเดียว กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นึกว่า "เอ็งอย่ามาลองครูบาอาจารย์เสียให้ยาก ถ้าไม่มีอะไรดี ก็คงไม่มาเป็นครูของเอ็งหรอก" แล้วก็จับไมโครโฟนขึ้นมา นำญาติโยมทุกท่านอุทิศส่วนกุศล และรับการทำบุญจากทุกท่าน เป็นเงินสดเจ็ดหมื่นกว่าบาท เป็นทองคำอีกบาทกว่า ๆ

    ก็แปลว่าพวกเราได้ร่วมบุญในการเทพื้นคอนกรีต อาคารตั้งพระพุทธรูป ข้างศาลาอเนกประสงค์ของวัดอุทยานแห่งนี้ ประมาณ ๑๒๕,๐๐๐ บาท ขอให้ญาติโยมทุกท่านที่ร่วมบุญมา ได้อนุโมทนาร่วมกัน

    หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ฉันเพลด้วยภัตตาหารที่ญาติโยมทั้งหลายถวายมาจนเหลือเฟือ ทั้ง ๆ ที่ต้องการแค่จานเดียวเท่านั้น อิ่มแล้วก็นอนภาวนาไปช่วงหนึ่ง แล้วก็ออกเดินทางไปยังวัดถ้ำสิงห์โตทอง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตามอาราธนาของหลวงพ่อดำ - พระครูภาวนาโชติคุณ (กุ้ยไฮ้ ชุตินฺธโร), ดร. เจ้าอาวาสวัดถ้ำสิงห์โตทอง

    แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง ทางวัดไม่ได้มีงานมีการอะไรเลย กระผม/อาตมภาพก็เข้าใจทันทีว่าจะต้องไปผิดวัดแน่นอน หลวงพ่อดำน่าจะไม่ได้บอกว่าเป็นวัดไหน จึงสอบถามญาติโยมในวัดแล้ว ทราบว่าท่านไปยังวัดเขาทะลุ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดถ้ำมงกุฎ หมู่ที่ ๗ ตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากวัดถ้ำสิงห์โตทอง ประมาณ ๑๔ กิโลเมตร
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เมื่อไปถึงทันเวลา ก็ได้พบพระเดชพระคุณพระราชสมุทรวชิรโสภณ, ดร. (โสภณ ธมฺมโสภโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดหลวงพ่อบ้านแหลม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน กับหลวงพ่อดำ (พระครูภาวนาโชติคุณ, ดร.) ก็เลยทำเอาเพื่อนร่วมรุ่นที่นาน ๆ จะได้เจอหน้าเจอตา มีเวลานั่งคุยกันวันนี้เอง

    จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เขามานิมนต์ไปยังมณฑลพิธี แล้วก็พบกับงานที่ยืดเยื้อยาวนานมาก ก็คือมีการถวายสังฆทาน มีการถวายผ้าป่า ถวายข้าวสาร กว่าที่จะเข้าสู่การเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ควรที่จะเริ่มตั้งแต่หลังเพลไปแล้ว เพื่อที่ถึงเวลาตามฤกษ์ ก็จะได้เริ่มลงมือหล่อรูปท้าวเวสสุวรรณไปเลย แต่ที่นี่มาเริ่มเอาตอนนิมนต์พระขึ้นสู่อาสนะตอนบ่าย ๓ โมง จึงทำให้ยืดเยื้อมาก

    โดยที่หัวแถวก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณโสภณ (พระราชสมุทรวชิรโสภณ, ดร.) ถัดมาก็คือก็หลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์ - พระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ. (สุรศักดิ์ อติสกฺโข ป.ธ.๕) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม ตามมาด้วยกระผม/อาตมภาพ ต่อด้วยพระครูภาวนาโชติคุณ, ดร. ถัดไปเป็นหลวงพ่อแถม (พระครูมนูญสีลสังวร) วัดช้างแทงกระจาด โดยมีท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) และหลวงพ่อใจ (พระครูสมุทรพิทยาคม) วัดพระยาญาติห้อยท้ายอยู่

    ไม่ทราบเหมือนกันว่าพระอธิการศรีสวัสดิ์ อภิวัฒฑโน หรือหลวงปู่ศรี เจ้าอาวาสวัดถ้ำมงกุฎนี้ ท่านเอาอะไรมาจัดเรียงการนั่งของพระเกจิอาจารย์นั่งปรกในงานหล่อพระครั้งนี้ก็ไม่ทราบ เนื่องเพราะว่าเอาอาวุโสขนาดหลวงพ่อใจไปห้อยท้าย แต่ก็ต้องแล้วแต่ศรัทธาของญาติโยมเขา จากนั้นก็มีการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งประธานในการจุดธูปเทียนก็น่าจะรู้สึกว่าอากาศร้อนมาก จึงใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาเท่านั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    กระผม/อาตมภาพได้บ่นเรื่องนี้ไปจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ญาติโยมในยุคปัจจุบันนี้มักจะไม่ค่อยรู้กาลเทศะ เข้าวัดก็ยังแต่งกายตามใจตนเอง โดยเฉพาะบรรดาท่านทั้งหลายที่เป็น "มเหสักโข" ไปในลักษณะผู้ยิ่งใหญ่ เป็นประธานในพิธีบ้าง เป็นเจ้าภาพอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง มักจะไม่ค่อยคำนึงถึงความถูกต้อง หรือว่าความเคารพในพระรัตนตรัย แล้วก็ยังมีการถวายไทยธรรมเสียสองชุด โดยที่หลวงปู่ศรี ท่านยัง "ขิง" ใส่กระผม/อาตมภาพตามศัพท์วัยรุ่น ว่าท่านอายุ ๘๘ ปีแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้แต่บอกว่า "ห่างกันแค่ ๒๐ กว่าปีเท่านั้นครับ..!"

    หลังจากนั้นก็เป็นพิธีการหล่อพระ ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่รอให้จบพิธี หลังจากที่ว่าไปจนเต็มที่แล้ว ก็จัดการทำน้ำมนต์ เข้าไปพรมรอบบริเวณพิธีและวัตถุมงคลในครั้งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งหลวงปู่ศรีท่านก็คงจะอาศัยบารมีท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณในการดึงคนเข้าวัด

    แต่แรกก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น หุ่นไม่เป็นที่ประทับใจญาติโยม อ้วนก็ไม่อ้วน หัวก็ไม่หงอก แถมยังประเภทผอมชะลูดอีกต่างหาก แต่พอสะบัดน้ำมนต์ผ่านรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณไป มีเสียงดังพรึ่บ แล้วไฟลุกเป็นลำใหญ่สูงเกือบเมตร ก็ทำเอาทุกคนตะลึงไปหมด แล้วคราวนี้จึงแห่กันเข้ามาเพื่อที่จะขอน้ำมนต์..!

    แต่กระผม/อาตมภาพเมื่อพรมบรรดารูปหล่อเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นรถเดินทางกลับเลย ถ้าขืนอยู่คงไม่ได้กลับอย่างแน่นอน และจะต้องฝ่าฟันกับรถติดอีกมาก เนื่องเพราะว่าวันนี้เป็นเย็นวันอาทิตย์ ที่ใคร ๆ ก็แห่กันกลับเข้าที่พักของตนเอง จึงต้องอาศัยการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนบนรถอีกตามเคย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...