วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    เพื่อนๆ คะ... ตอนนี้ธรเปิดกระทู้ขึ้นมาอีกกระทู้นะคะ ชื่อ "ธรรมะชิลล์ๆจาก MSN จ้า" ค่ะ เพราะ...

    ตั้งแต่เริ่มคุยทาง M เป็น และได้คุยกับหลายๆ ท่าน...

    ธรรู้สึกว่า แต่ละท่านมีภูมิรู้ภูมิธรรมกันไม่น้อยเลยค่ะ... บางท่านเก่งเรื่องนี้ บางท่านเก่งเรื่องนั้น... พอมาคุยกันแล้ว เราก็สามารถเติมเต็มในส่วนที่เราพร่องได้ค่ะ...

    แต่น่าเสียดายที่ในช่วงแรกๆ ธรเซฟเก็บไว้ไม่เป็น... พอคุยกันเสร็จ ทุกอย่างก็เหมือนจบลงตรงนั้นไปด้วย... น่าเสียดายจริงๆ ค่ะ... ตอนนี้พอรู้วิธีเซฟไว้แล้ว และมีหลายๆ ท่าน ช่วยกันเซฟในส่วนที่ตัวเองคุยด้วย...

    ธรเลยขอนำการสนทนาที่มีประโยชน์เหล่านั้นมาเผยแพร่เพื่อให้ท่านอื่นๆ ได้ร่วมอนุโมทนา ร่วมศึกษา และปฏิบัติตามไปด้วยนะคะ...

    ถ้าเพื่อนๆ ท่านใดที่มีธรรมะที่เป็นสัมมาทิฐิ แล้วสนใจจะมาร่วมกันนำเสนอ เพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก... ก็เชิญไปร่วมกันได้เลยนะคะ...

    ...............................ง

    ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระศรีรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่บังเกิดขึ้นนี้... ขอได้โปรดมารวมตัวกันและส่งผลให้ทุกๆ ท่านมีดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัยทาน มีความสุขทั้งทางโลก ทางธรรม เป็นสัมมาทิฐิ... มีดวงตาเห็นธรรม... เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยโดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2008
  2. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    คำตอบจากอาจารย์คนเมืองบัว

    มีท่านผู้รู้ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า ปลายปี พ.ศ.2548 นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ..........ก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ 2 ) จะมีลางบอกเหตุดังนี้
    1. ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ

    2. ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงายแลดูหดหู่
    3. สัตว์ทั้งหลายจะไม่ออกมาปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะแลเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งมีน้ำตาซึม

    จากคุณ ผู้ไม่รู้ เมื่อวันที่ 21/4/2548 11:58:47

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>../...ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ไม่หนักหนาเท่าคำทำนายหรอก ไม่ต้องตกใจถึงขนาดนั้นเพราะว่าภัยพิบัติขนาดนั้นจะเกิดเมื่อหลังพุทธกาลแล้วเมื่ออายุมนุษย์สูงสุดที่ ๑๐ ปีต้องตาย ถึงตอนนั้น พวกเราคงไม่ประมาทกันแล้ว ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กันหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเวียนตายเวียนเกิดก็คือมนุษย์ที่ประมาทในช่วงกึ่งพุทธกาล นี้ ไม่ได้มาพบกับศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและได้ปฏิบัติต่อ ส่วนภัยที่น่าจะสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่


    ๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีก เป็นล้านคน


    ๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้วขอบเขตเท่านั้น คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง ที่เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรือง ถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้นได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการ ต่อการตัดสินใจ เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ ท่านเหล่านั้นปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง ส่วนลัทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ อ้างถึงพระศรีอาริยเมตไตรยเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะถึงทางตันที่ไม่สามารถแก้ไขให้พ้นทุกข์ไปได้ ทุกคนก็จะหันมาฝึกมโนมยิทธิสายวัดท่าซุงจนหมดสิ้น เพราะเห็น เข้าใจ ในเหตุ และผล ตลอดสายตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ส่วนการวางแนวทาง ในการปฏิบัตินั้นต้องอาศัยศิษย์วัดท่าซุงในประเทศไทยเป็นหลักในการเผยแพร่ส่วนความเพ้อฝันของบางคนที่ว่าจะเป็นคนมีเชื้อสายชาวต่างประเทศที่เป็นคนยุโรปนั้นอย่าได้หวังว่าจะมีปัญญาได้ถึงขนาดนั้น เพราะขาดการฝึกปรือ




    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625


    ก็เป็นงานที่พวกเราทีมธรรมทานช่วยกันอยู่ครับ ^^
     
  4. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    การที่เราได้อ่าน หรือ โพสข่าวสารภัยพิบัติ แล้วหวนระลึกถึงความไม่เที่ยงของชีวิต ความแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่ง นึกถึงความตายเป็นอารมณ์

    ก็จะเป็นการฝึกมรณานุสติกรรมฐานทุกครั้งที่เราได้ทำ เป็นการทำความดีง่ายๆ ที่ไม่ต้องเสียสตางค์ และเป็นกรรมฐานกองสำคัญ

    ถ้ามีภาพการตายที่น่ากลัวก็จะเป็นการเจริญอสุภกรรมฐาน

    ถ้าเีราได้เจริญเมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลไปให้กับผู้ตายเหล่านั้น ก็จะเป็นการฝึกพรหมวิหารกรรมฐานไปในตัว

    พวกเราสามารถเจริญกรรมฐานได้ตลอดทั้งวันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกกองไหนในแต่ละสถานการณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2008
  5. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    เมื่อคืนตอนทำสมาธิอยู่จิตใจได้ใคร่ควรถึงการเปลี่ยนมิจฉาทิฐิใ้ห้กลายเป็นสัมมาทิฐิ

    พระท่านได้เมตตาบอกคาถามาว่า
    "สัมมาสิทธิ ธรรมาสิทธิ"

    พอภาวนาได้ไปสักพักก็เกิดอาการปิติขนลุกไปทั้งตัว
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนนี้ ได้ทราบมาว่า ได้ปรากฏมีเพื่อนๆหลายๆคน ทั้งในเวบพลังจิตและนอกเวบ เริ่ม ถอดกายทิพย์ กันได้มากในเวลา ไล่เลี่ยกัน อย่างน่าสังเกตุครับ

    ซึ่งพระท่านได้บอกว่า เป็นเวลาวาระที่ อภิญญาใหญ่ใกล้เข้ามามากๆ แล้ว

    แต่ในช่วงนี้ท่านอยากให้ยั้งๆรอๆเพื่อนๆท่านอื่นกันเอาไว้ด้วยครับ ดังนั้น ขอให้ช่วยกันดึงๆกันขึ้นให้กาวหน้าในการปฏิบัติครับ

    โอบอุ้มกันช่วยเหลือกันให้ก้าวหน้าในทางปฏิบัติธรรมครับ

    ท่านที่ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยก้าวหน้า ก็อย่าได้ท้อถอยครับ มีกัลยาณมิตรคอยช่วยเหลือกันอยู่ครับ
     
  7. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ทำได้ด้วยครับ
    ผมเองนั้นยังถูๆ ไถๆ อยู่ จะถึงไหนกับเขาบ้างป่าวเนี่ย...

    มีเรื่องสนุกๆเล่าให้ฟังครับ

    ประมาณคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปนอนที่วัดกับพระน้องชาย ฝันไปว่าตนเองเหาะได้ ความรู้สึกเหมือนพลังปีติแผ่ซ่านไปทั่วตัว (สมจริงมากครับ) ผมก็พยายามทำใจเป็นกลาง(ไม่ดีใจเกินไป)และควบคุมการเหาะขึ้นลงอยู่พักนึงจิตก็ตกและฝันไปเรื่อยเลยทีนี้ ความฝันคล้ายกับจะบอกว่าถ้าปีติแผ่ซ่านไปทั่วกาย+ใจก็จะทำให้ใจเราเบาสบาย ถ้าจิตตกมารับอารมณ์ปกติก็จะฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อย ไม่ทราบว่าเข้าใจได้ถูกต้องหรือเปล่า รบกวน อ.คณานันท์ช่วยตรวจการบ้านช่วงนี้และชี้ข้อผิดพลาดด้วยครับ
    ถ้ามีอะไรสนุกๆจะมาเล่าให้ฟังอีกครับผม
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เริ่มไปฝึกในฝันแล้วครับ

    บางครั้งตอนหลับฝัน จิตข้างใน อาทิสมานกายก็ออกไป โดยที่บางทีเราก็บังคับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

    หากด้วยแรงบารมีที่พระท่านมาสงเคราะห์จะยิ่งแน่นอนครับ

    ดังนั้นก่อนนอนเราพยายามทำจิตให้เป็นสมาธิเอาไว้ วางใจให้เป็นกุศล จับภาพพระแล้วหลับไป

    คนที่ถอดกายทิพย์ออกไปได้เล่าให้ฟังกันในกลุ่มว่า มีอารมณ์จิตเปี่ยมไปด้วยเมตตาเต็มที่ (จนเกิดปิติอิ่มใจ) แล้วจึงถอดไปได้ (เป็นเคสเดียวกับคุณดั่งจันทรา)

    และถอดออกไป โดยกายใน อาทิสมานกาย เหาะออกไปเช่นกัน

    อย่าลืมจดจำอารมณ์ใจก่อนนอน และระหว่างนั้น ขณะจิตนั้นด้วยครับ

    ตรงนั้นเป็นเหมือนประตูที่เราต้องจดจำและทรงอารมณ์จิตนั้นให้ได้
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบพระคุณมากค่ะคุณอินที่นำเพลงเพราะๆ มีความหมายดีๆ มาให้ได้ฟังกัน...
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอสอนเพิ่มเติมในเรื่องการแผ่เมตตาจิตและการปรับภพภูมิ

    เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดภัยพิบัติ ตามภูมิภาคต่างๆทั่วโลกเป็นอันมาก ตายกันเยอะ ทั้งคน ก็ดี สัตว์ก็ดี ถึงเวลาที่จิตวิญญานต่างๆสะสมตัว ในรูปของสัมภเวสี บ้าง พลังงานด้านลบ ต่างๆบ้าง เมื่อสะสมมากจนเกินไป ก็เป็นลูกโซ่ ย้อนกลับมา ส่งผลเร่ง ให้เกิดภัยพิบัติอื่นติดตามมาเป็นลูกโซ่

    พลังงานจิตของดวงวิญญาณทั้งหลายส่วนใหญ่ตายอย่างไม่รู้ตัวบ้าง ตายแล้วเกิดความกลัวบ้าง ตายแล้วเกิดความอาฆาตแค้นบ้าง เป็นพลังงานด้านลบ ทั้งสิ้น

    วิธีแก้ไขก็คือ เราทุกๆคนต้องช่วยกัน แผ่เมตตาจิตอุทิศบุญไปให้พวกเขาทั้งหลาย ให้ได้รับผลบุญ และไปเกิด ไปจุติยังภพภูมิที่เป้นสุขคติภูมิมีสวรรค์ พรหม และมีพระนิพพานเป็นที่สุด

    โดยมีลำดับ กำลัง วิธีการดังนี้

    1. การแผ่เมตตาจิตของผู้ที่ไม่ได้ทิพยจักษุญาณ

    พึงตั้งจิตอธิฐานระลึกถึงบุญกุศลของตัวเราเอง ตั้งเจตนาอุทิศบุญกุศลความดีทั้งหลายให้กับทุกดวงจิต ที่ประสบทุกข์กรรม เวียนว่ายตกค้างอยู่ผิดภพ ผิดภูมิ ให้ได้รับส่วนบุญส่วนกุศล และ เราปรารถนาให้เขาทั้งหลายได้เกิดในภพภูมิที่ดีกว่า

    แบบนี้ได้ผลบ้างตามกำลังบุญ กำลังสมาธิของผู้อุทิศ หากร่วมใจอุทิศกันมากๆหลายๆคนร่วมใจกันก็เกิดผลที่ดีได้ไม่น้อย

    ขอให้ร่วมใจกันทำอย่าได้ท้อถอย

    ตั้งแต่ข้อสองไปเป็นการแผ่เมตตาจิตปรับภพภูมิด้วยอำนาจของมโนมยิทธิ อภิญญา

    2. การอุทิศบุญของผู้ที่ได้ทิพย์จักษุญาณ และมโนมยิทธิ

    ลำดับที่หนึ่ง ก็คือการอธิฐานนำอาทิสมานกายไปยังสถานที่แห่งนั้น จากนั้นก็ตั้งจิตแผ่บุญกุศล เป็นรัศมีจากกายทิพย์ของตนเอง แผ่ไปยังดวงจิตและสัมภเวสีทั้งหลายที่ปรากฏเห็นในจิตของเรา

    เมื่อเราแผ่เมตตาไปแล้วจะปรากฏเห็น กายของสัมภเวสี ที่มาขอส่วนบุญเปลี่ยนเป็นกายที่สว่างและเปลี่ยนสภาวะกายเป็นกายทิพย์ของภพภูมิของเทวดาบ้าง พรหมบ้าง

    ตรงนี้มีผลในการช่วยได้มาก มีประโยชน์สูง แต่ยังช่วยไม่ได้ทั้งหมด หรือมากพอ

    มีวิธีการอื่นที่มีผลสูงขึ้นไปกว่านี้อีก

    3.การตั้งจิตอธิฐาน รวมบุญบารมีของตัวเราเองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ให้มารวมตัวกันก่อนแล้วจึงแผ่อุทิศส่วนกุศลออกไปยังดวงจิตทั้งหลาย

    อุปมาดังที่เรากำลังจะยกของหนัก ต้องมีการรวบรวมแรง ก่อน

    การแผ่เมตตาจิตแบบนี้ เราจะเห็น(ในจิต) ได้ว่า มีผลสูงกว่าขึ้นไปอีก ช่วยให้ดวงจิตดวงวิญญาณปรับภพภูมิที่สูงขึ้นไปได้จำนวนมากขึ้น

    การที่ดวงจิตต่างๆ ปรับภพภูมิไปเกิดยังที่ที่ดีกว่าได้นั้นเป็นผลจากโมทนามัยบุญ คือการเสวยผลจากการยินดีในบุญที่เราตั้งจิตอุทิศให้ ดังนั้นก็จะมีจิตที่โมทนา และไม่โมทนา ท่านที่โมทนาก็ไปได้ ที่ไม่โมทนาก็ไปไม่ได้เป็นธรรมดา

    แต่ยังมีการแผ่เมตตาจิตที่มีผลสูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก

    4. การแผ่เมตตาจิต โดยอาศัยการขอบารมีของพระพุทธเจ้า พระรัตนไตร คุณครูบาอาจารย์ท่านให้เมตตามาสงเคราะห์

    วิธีการก็คือการตั้งจิตระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดพร้อมกับตั้งจิตระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆท่านทุกๆพระองค์ให้ท่านเมตตา แผ่ฉัพพรรณรังสี ไปยัง ทุกดวงจิตให้เขาได้รับบุญกุศลและโมทนาบุญ

    สำหรับวิธีนี้ เป็นวิธีที่ปลอดภัย เกิดผล อานิสงค์สูงมากๆ
    หากเราสัมผัสในจิตจะพบว่ามีดวงจิตที่ปรับภพภูมิขึ้นสู่สุขคติภูมิแบบนี้เป็นจำนวนมากมาย เร็ว รวมทั้งกายที่เปลี่ยนไปนั้นมีแสงสว่างมากกว่า วิธีต้นๆมากมายนัก

    ที่แนะนำให้ใช้ก็คือวิธีการที่สี่นี้ครับ

    ขอให้จำกันเอาไว้จงอย่าได้ใช้กำลังของตนเอง ขอบารมีพระท่านในการทำการทุกอย่าง ก่อน แผ่เมตตาปรับภพภูมิก็จง ตั้งกำลังใจให้ถูกก่อนว่า เราทำไปก็เพื่อปรารถนาให้ดวงจิตแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไปจุติยังภพภูมิอันเป็นสุขคติมีสวรรค์เป็นต้นมี พระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่วนวิธีการนอกเหนือไปจากนั้น มีวิธีการโดยจำแนกพิศดารได้ดังนี้

    -การใช้บทสวดพระจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ในการปลดปล่อยภพภูมิต่างๆ เวลาสวดให้อธิฐานจิตและอาราธนาบารมีพระท่านให้มาสงเคราะห์เช่นกัน

    -การอธิฐานจิตของบารมีพระพุทธเจ้าเปิดโลก (สำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมิ) ขอย้ำว่าจงขอบารมีพระท่านและต้องขออนุญาตพระท่านก่อนทุกครั้ง

    วิธีการนี้เหมาะสำหรับ เราได้เดินทางไปในสถานที่ที่มีผู้เสียชีวิตมาก มีวิญญานปรากฏชัดจนสัผัสได้ทางกายหยาบ

    เราก็ขออนุญาตพระท่านขอบารมีพระพุทธเจ้า เปิดโลกสามไตรภูมิให้ปรากกในส่วนทิพย์ เปิดขึ้นจนเห็นพระนิพพาน จากนั้นขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ แผ่รัศมีธรรมฉัพพรรณรังสี โดยตรงจากพระนิพพาน ไปยังทุกดวงจิตจนอาณาบริเวณนั้นสว่างไสว

    ดวงจิตที่ตกค้าง เปลี่ยนภพภูมิ เปลี่ยนกายเป็นกายที่สว่างไสวลอยขึ้นสู่สุขคติภูมิในที่สุด

    วิธีนี้ให้ผลและมีพลังสูงมาก มีอานิสงค์สูงในการช่วยปลดปล่อยพลังงานที่ตกค้าง ผิดภพภูมิ

    -การแยกอาทิสมานกายออกไปแผ่เมตตาจิต ทั่วอนันต์จักรวาล

    เป็นการเร่งบารมีของพระโพธิสัตว์ ซึ่งท่านจะแยกอาทิสมานกายออกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนประมาณมิได้ กระจายออกไปทั่วอนันตจักรวาลด้วยความเป็นทิพย์ และแผ่เมตตาจิตออกไปช่วยอกไปสงเคราะห์จิตวิญญาณทั่วอนันตจักรวาล ไม่มีขอบเขต แผ่รัศมีกายให้สว่างไสว ครอบคลุมดวงจิตที่อยู่ในวิสัยให้ พลอยสว่างไสว และจุติยังภพภูมิอันเป็นสุขคติที่ดี

    จะเห็นว่า มีการแผ่เมตตาจิตปรับภพภูมิเพื่อช่วยเหลือสรรพวิญญานหมู่มาก

    นอกเหนือจากการ แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศล โดยตรง แบบเฉพาะเจาะจงบ้าง
    แบบเพื่อให้ญาติพี่น้องพ่อแม่บ้าง
    แบบเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรบ้าง

    การแผ่เมตตาปรับภพภูมินี้ เป็นงานที่เราต้องทำด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาเพราะ เป็นงานที่ทำไม่จบ บางคนที่เป็นมิจฉาทิษฐิมากก็โมทนาบุญไม่ได้ โมทนาบุญไม่เป็น บางกลุ่มบางจำพวกก็มีอวิชชามาก ไม่รับบุญก็มี

    ส่วนที่ร้อนวิชชาจะไปช่วยในนรกนั้น ต้องขอเตือนว่า อย่าได้ไปละเมิดกฏของกรรม เพราะเขาต้องรับผลกรรมของเขาเองตรงจุดนั้น ไปช่วยได้เฉพาะคน เฉพาะที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งให้ไปช่วยเท่านั้น

    มีอีกกรณีหนึ่งอย่างเช่น กรณีแผ่นดินไหวที่จีน เรามีความเป็นทิพย์เห็นคนที่เขาติดอยู่ใต้อาคารจำนวนมาก แต่ยังไม่ตาย เรา ก็ตั้งจิตแผ่เมตตาให้กับเทวดา เทพรักษาตัวเขา ให้ได้โมทนาบุญที่เราขอจากพระพุทธเจ้าท่าน ให้เทวดาเหล่านั้นโมทนา แล้วจึงขอให้ท่านไปช่วยดลจิตให้คนมาช่วยคนที่ติดอยู่อีกที

    ซึ่งหาก คนผู้นั้นยังไม่สิ้นอายุขัยก็จะรอดมีคนมาช่วยโดยบังเอิญบ้าง มีความอดทนอยู่ได้นานจนมีคนมาช่วยทันบ้าง

    เมตตาแล้วต้องมีอุเบกขาด้วยเสมอ

    ขอให้จิตที่เมตตา รู้ตื่นจากภายในจิตของทุกๆท่านยังประโยชน์ต่อส่วนรวม รู้หน้าที่ ที่พึงกระทำต่อสรรพวิญญานที่เสวยทุกข์อยู่นี้ ปรานาและช่วยให้พวกเขาประสพแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์พ้นภัยจากวัฏฏสงสาร สัมผัสพระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเทอญ
     
  12. อิน

    อิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +36
    โมทนาค่ะ คุณคณานันท์
    ขอให้ทุกๆท่าน ทั้งที่ได้มโน และไม่ได้ ช่วยกัน แผ่เมตตาจิต อุทิศบุญ
    เขาเหล่านั้นน่าสงสารมากค่ะ ช่วยกันนะคะ
    อินไม่ได้ก็จะทำแบบคนยังไม่ได้นี่ล่ะค่ะ
     
  13. ปรสุ

    ปรสุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +838
    เพลง อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก
    เนื้อร้อง และ ทำนอง โดย นพ.สัญญา ภัทราชัย

    เป็นเพลงเพื่อชีวิตเก่า ตั้งแต่ยุค14ตุลาแล้วครับ
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...เมื่อปัญหาเข้ามาถลาโถม
    ใจก็จมตามปัญหาที่พุ่งใส่<O:p
    เมื่อความทุกข์กุมเกาะเลาะดวงใจ<O:p</O:p
    ใจก็พ่ายแพ้ทุกข์ให้เกาะกิน<O:p</O:p
    ...เมื่อเอาใจไปใส่ไว้ในทุกข์<O:p</O:p
    เราก็ทุกข์ทวีทับไม่จบสิ้น<O:p</O:p
    เมื่อเอาใจเกลือกกลั้วมั่วราคิน<O:p</O:p
    เราก็สิ้นแสงสว่างส่องทางใจ
    ...เมื่อปัญหาเข้ามาถลาแทรก<O:p</O:p
    ใจจำแนกพินิจดูให้รู้ได้<O:p</O:p
    เมื่อความทุกข์เลาะกำแพงแห่งจิตใจ<O:p</O:p
    ใจปล่อยไปไม่ยึดเกาะให้ทุกข์กิน<O:p</O:p
    ............................ธรรมดา(ฯ)
     
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...รักหรือคือความสุขในความคิด
    รักหรือคือยาพิษยามพลาดเสีย<O:p</O:p
    รักหรือคือกำลังใจยามอ่อนเพลีย<O:p</O:p
    รักหรือคือม่านบาเรียคอยบังตา<O:p</O:p
    ...เมื่อยามสุขรักช่างส่งสวยสดใส<O:p</O:p
    เมื่อยามไกลรักช่างให้ทุกข์หนักหนา<O:p</O:p
    เมื่อยามใกล้รักช่างนำชื่นอุรา<O:p</O:p
    เมื่อยามทุกข์รักช่างพาให้ตรอมตรม<O:p</O:p
    ...รักคือสุขรักคือทุกข์มีคละเคล้า<O:p</O:p
    รักคือเหงาคือโศกเศร้าที่ทับถม<O:p</O:p
    รักคือเพื่อนคือมวลมิตรที่ชวนชม<O:p</O:p
    รักคือวงเวียนกลมวิ่งวนทาง<O:p</O:p
    ...เมื่อรักมีความคาดหวังใจหวังวาด<O:p</O:p
    เมื่อรักมีความผิดพลาดใจเคว้งคว้าง<O:p</O:p
    เมื่อรักมีต้องการรักตอบรับบ้าง<O:p</O:p
    เมื่อรักมีความผิดหวังช่างทุกข์จริง<O:p</O:p
    ...ใครบ้างไหมเข้าใจในรักแท้<O:p</O:p
    รักนั่นแน่สูงส่งกว่าทุกสิ่ง<O:p</O:p
    รักนั่นคือการให้อย่างแท้จริง<O:p</O:p
    รักไม่หวังสิ่งใดให้กลับคืน<O:p</O:p
    ...ด้วยเมตตากรุณามุทิตา<O:p</O:p
    อุเบกขาพาจิตให้ลุกฟื้น<O:p</O:p
    รักคือพรหมวิหารสี่มุ่งหยัดยืน<O:p</O:p
    ใจกลับฟื้นคืนด้วยรักตะหนักจำ<O:p</O:p
    ...อันเมตตาปรารถนาให้เป็นสุข<O:p</O:p
    ให้พ้นทุกข์กรุณามาช่วยย้ำ<O:p</O:p
    มุทิตายินดีด้วยช่วยกระทำ<O:p</O:p
    อุเขกขาช่วยชูค้ำให้เข้าแนว<O:p</O:p
    ......................ธรรมดา(ฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...กามฉันทะความพอใจในรูปเสียง
    ตามลำเลียงกลิ่นรสเร้าสัมผัส<O:p</O:p
    พยาบาทผูกความโกรธสารพัด<O:p</O:p
    จองล้างจัดจองผลาญให้บรรลัย<O:p</O:p
    ...ถีนมิทธะง่วงเหงาหาวจะนอน<O:p</O:p
    จิตใจอ่อนดึงให้อยากหลับใหล<O:p</O:p
    อุทธัจจะกุกกุจจะฟุ้งซ่านใน<O:p</O:p
    รำคาญใจหงุดหงิดคิดงอแง<O:p</O:p
    ...อีกวิจิกิจฉาน่าสงสัย<O:p</O:p
    ดึงให้ใจเกเรลังเลแถ<O:p</O:p
    คือนิวรณ์ทั้งห้าต้องดูแล<O:p</O:p
    อย่าให้ใจติดต้องแก้ให้หลุดลวง<O:p</O:p
     
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...อิฏฐารมณ์ความชื่นชมของมนุษย์<O:p</O:p
    ยินดีสุดลาภยศสุขสรรเสริญ<O:p</O:p
    แม้นเสื่อมลาภเสื่อมยศสุขไม่เพลิน<O:p</O:p
    ไร้สรรเสริญก็ทุกข์อนิฏฐารมณ์<O:p</O:p
    ...ความสุขทุกข์ไม่มีสิ่งใดแน่<O:p</O:p
    ความจริงแท้ลดละอย่าหมักหมม<O:p</O:p
    วางทุกข์สิ่งทิ้งสุขอย่างห่างปลักจม<O:p</O:p
    จึงได้ชมพบสุขแท้แน่นิพพาน<O:p</O:p
    ........................ธรรมดา(ฯ)
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เห็นพี่ๆ เพื่อนๆ มีเพลงมาฝาก เมื่อวานก็ไปได้ยินมาเพลงหนึ่ง เลยเอาเนื้อเพลงมาฝากกันค่ะ หลายท่านคงร้องได้แล้ว ความหมายดีมากๆ

    กำแพงบุญ

    เราต่างมีชีวิต เราต่างมีหัวใจ
    เราต่างก็อยากได้สิ่งอันมากมาย<O:p
    อยากได้ความรักอยากได้ความสนใจ<O:p
    เสาะหาไม่เคยเว้นวาย<O:p
    เพราะเราต่างไม่เคยพอ
    <O:p
    เราต่างก็ร้องขอ ขอเป็นคนสมหวัง<O:p
    เราต่างก็ชิงชังที่จะเสียใจ<O:p
    คิดเห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเป็นใหญ่<O:p</O:p
    กอบโกยเก็บไว้ จนตาย<O:p</O:p
    เอาไปไม่ได้สักอย่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สร้างกำแพงบุญ ทำบุญเถิดหนา<O:p</O:p
    ด้วยศรัทธาปัญญาจะเกิดแก่เรา<O:p</O:p
    หมั่นทำความดี ความดีจะอยู่คู่เรา<O:p</O:p
    หลุดพ้นจากความหมองเศร้า<O:p</O:p
    ที่ทำให้เรามืดมน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เราต่างก็ร้องขอ ขอเป็นคนสมหวัง<O:p</O:p
    เราต่างก็ชิงชังที่จะเสียใจ<O:p</O:p
    คิดเห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเป็นใหญ่<O:p</O:p
    กอบโกยเก็บไว้ จนตาย<O:p</O:p
    เอาไปไม่ได้สักอย่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สร้างกำแพงบุญ ทำบุญเถิดหนา<O:p</O:p
    ด้วยศรัทธาปัญญาจะเกิดแก่เรา<O:p</O:p
    หมั่นทำความดี ความดีจะอยู่คู่เรา<O:p</O:p
    หลุดพ้นจากความหมองเศร้า<O:p</O:p
    ที่พาให้เรามืดมน<O:p</O:p
     
  19. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    ที่ อ.คณานันท์กล่าวมาก็พิสดารดีครับ

    ส่วนใหญ่ผมจะแผ่เมตตาโดยวิธีที่ 3+4 คืออธิษฐานรวบรวมบุญบารมีก่อนจนเกิดปีติขนลุกซู่ซ่าก็จะขออำนาจพระบรมบิดาและพระรัตนตรัยนำบุญเราไปกับแสงทิพย์+ฉัพพรรณรังสี ให้ถึงแก่...

    วิธีนี้ผมใช้รักษาโรคให้คนอื่นหายมาหลายคนพอควรครับ ตอนนี้กำลังลองรักษาโรคเบาหวานดู (คนแก่ที่เคยสงเคราะห์ตอนที่ผมยังบวชอยู่) ถ้ารักษาหายก็จะเป็นการดึงคนเข้าสู่ทางธรรมได้อีกวิธีหนึ่งครับ (ผมมีวิธีครับ)

    สร้างบารมีกันต่อไปครับ ผมเองคิดจะย่ำเมตตาให้ฉ่ำไปเลย เพราะรู้สึกว่าเมตตาฌานผมยังไม่แน่นพอ ด้วยเหตุที่ใจไปติดในอารมรณ์เบื่อ + เฉย มากเกินไปหรือเป่าก็ไม่รู้ครับ

    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับผม
     
  20. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    เมื่อวานมีโอกาสได้ไปร่วมพิธีต่อชะตาของหลวงพ่อจรัญ ที่วัดอัมพวันค่ะ
    ขอนำบุญมาให้พี่ๆน้องๆทุกท่านได้อนุโมทนากันค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...