เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไอ้ตัวเล็กได้มารับวัตถุมงคลจากกระผม/อาตมภาพ เพื่อนำไปส่งให้กับผู้ที่จองบูชาตามงวดที่จะตัดยอดในวันที่ ๑๕ นี้

วัตถุมงคลชุดนี้ โดยเฉพาะพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดในปากทะเล หรือว่าหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ในภายหลังนั้น ทั้งหมดไม่ใช่ที่ท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ ส่งมาให้ หากแต่ว่าเป็นของส่วนตัวที่กระผม/อาตมภาพสะสมเอาไว้เอง เนื่องเพราะว่ายังมีภารกิจหลายวันอยู่ทางด้านนอก ยังไม่ได้กลับวัดไปดูว่าที่ท่านอาจารย์วิสุทธิ์ส่งมาให้นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อส่งวัตถุมงคลให้กับไอ้ตัวเล็กแล้ว ก็ชวนกันไปเดินตรวจดูงานบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ามะขาม ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นประธานอุปถัมภ์โครงการ งานนี้เดินยาวลงไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีการพัฒนาไปมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่พระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรียังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หรือแม้กระทั่งสมัยของท่านอาจารย์พระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ.๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามดำรงตำแหน่งอยู่ เนื่องเพราะว่าในสมัยของทั้ง ๒ ท่านนั้น เรื่องงานการอื่นมีมาก ท่านทั้งหลายต้องวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขปัญหาด้านการปกครอง เรื่องของการพัฒนาวัดจึงค่อนข้างที่จะซบเซา

เมื่อกระผม/อาตมภาพจะมาพัฒนาวัดให้ เพิ่งจะถมที่ทางฝั่งตรงข้าม ซึ่งตั้งใจทำเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี (วัดราษฎร์ประชุมชนาราม) ก็ปรากฏว่าเมื่อถมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระเดชพระคุณพระเทพเมธากร ท่านสั่งให้หยุดเอาไว้ก่อน เพราะว่าต้องการให้ทีมงานของเสธ.นิด (พลตรีศรชัย มนตริวัต) ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาออกแบบให้ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยมาพัฒนาไปตามแบบนั้น แต่ปรากฏว่าทางด้านของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพเมธากร มรณภาพไปเสียก่อน มาถึงรุ่นของท่านอาจารย์พระมหาสันติ ก็ไม่ได้มีการบูรณะใหญ่อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

เมื่อกระผม/อาตมภาพส่งพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) มาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ จึงได้มอบหมายให้หลวงพ่อเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของกระผม/อาตมภาพ ที่สามารถเป็นหลักเป็นฐานเบาแรงครูบาอาจารย์ได้ ซึ่งตั้งใจให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ตามที่ท่านอาจารย์พระมหาสันติได้ฝากฝังเอาไว้ แต่ว่าหลวงพ่อเอท่านติดด้วยเรื่องสุขภาพชำรุด จึงขอให้กระผม/อาตมภาพหาพระพี่พระน้องรูปอื่นมาทำหน้าที่เจ้าอาวาสที่นี่ แล้วท่านจะมาเป็นกำลังหลักในการหาปัจจัยมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามให้

 

กระผม/อาตมภาพเล็งดูแล้วก็มีแต่พระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) ซึ่งความจริงท่านควรที่จะได้เรียนมากกว่านี้ แต่เนื่องจากว่าพอจบประโยค ๓ แล้ว ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัทว่างลงพอดี กระผม/อาตมภาพจึงได้ขอให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาส พร้อมกับขอสมณศักดิ์พระครูวินัยธรจากพระเดชพระคุณพระเทพเมธากรมาให้ ท่านจึงกลายเป็นมหาเปรียญที่ไม่เคยใช้คำว่า "พระมหา" นำหน้าชื่อเลย เนื่องเพราะว่าเปรียญธรรม ๓ ประโยคนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะนั่งหน้าตำแหน่งของฐานานุกรมที่พระครูวินัยธรได้

ประกอบกับท่านเองนั้นมีพรสวรรค์พิเศษ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก ดังนั้น..เมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จว่างลง กระผม/อาตมภาพ ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ต้องการพระไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จ ซึ่งมีพื้นที่ในการดูแลอยู่ถึง ๕๐๐ ไร่ จึงนึกถึงพระครูกาญจนปริยัติคุณ ซึ่งตอนนั้นคือพระครูวินัยธรชุมพร ปิยธมฺโม ได้ขอให้ท่านโยกย้ายออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท แล้วส่งไปเป็นเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จ

เมื่อกระผม/อาตมภาพลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ด้วยเหตุว่าสุขภาพชำรุด ท่านเองก็พลอยลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จไปด้วย จนกระทั่งมีตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ซึ่งหลวงพ่อมณฑล พระครูสุชาตกาญจนโกศล (มณฑล ชยวฑฺโฒ) เจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ท่านลาออกจากตำแหน่ง เพราะอายุถึง ๗๒ ปีแล้ว มาขอเจ้าอาวาสจากกระผม/อาตมภาพ จึงได้มอบหมายให้ท่านซึ่งตอนนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูกาญจนปริยัติคุณ เจ้าอาวาสชั้นเอก ไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส

เมื่อเห็นว่าวัดท่ามะขามต้องการพระมาเป็นเจ้าอาวาส แล้วหลวงพ่อเอท่านไม่ได้รับเอาไว้ กระผม/อาตมภาพก็เล็งเห็นแต่พระครูกาญจนปริยัติคุณรูปเดียว ที่ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน ก็เป็นที่ยินดีต้อนรับของชาวบ้านทุกแห่ง เพราะว่ามีความอ่อนน้อมถ่อมตน เอางานเอาการทุกอย่าง โดยเฉพาะมีความสามารถในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างวัด บ้าน และหน่วยราชการได้เป็นอย่างดี จึงได้ขอให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส มาเป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (ท่ามะขาม) แห่งนี้

เมื่อถึงเวลาแล้วหลวงพ่อเอก็ผนึกกำลังกับพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) ทำให้พัฒนาวัดวาอารามก้าวหน้าไปมากมายมหาศาล โดยเฉพาะในส่วนของริมน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในลักษณะที่รกเรื้อมาก ปัจจุบันนี้ได้เปิดกว้างออกมา มีท่าเทียบเรือ มีแนวเขื่อนให้ลอยกระทงได้ เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้ก็ยังไม่ถือว่าการพัฒนานั้นสำเร็จลง เพราะว่ายังคงต้องมีการพัฒนาในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกมาก

 

เนื่องเพราะว่าในสมัยพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) นั้น มีญาติโยมถวายที่ดินเอาไว้มากมาย ท่านก็โอนเป็นชื่อวัดทั้งหมด แล้วที่ดินทั้งหมดก็อยู่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ปัจจุบันมีผู้ขอเช่าเพื่อทำประโยชน์บ้าง เป็นผืนเดียวกับวัด แต่ว่าเลี้ยวซ้ายวกขวาจนเวียนหัวบ้าง ยังจำเป็นที่จะต้องพัฒนากันอยู่อีกมาก ในที่นี้ก็แปลว่าหลวงพ่อเอท่านยังต้องเหนื่อยไปอีกนาน แล้วพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า "พระครูบ่าว" ท่านก็คงจะต้องเหนื่อยยากไปอีกหลายปี กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จลงด้วยดี

ปัจจุบันนี้ท่านก็ยังเปิดสำนักเรียนบาลีวัดราษฎร์ประชุมชนาราม เท่านั้นยังไม่พอ ยังอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้กับพระพี่พระน้อง ไม่ว่าจะมาจากวัดท่าขนุนก็ดี วัดพุทธบริษัทก็ดี วัดวังปะโท่ก็ดี วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาสก็ดี ตลอดจนกระทั่งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีก็ตาม ที่มาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในเมือง ได้มาพักอาศัยในช่วงที่ศึกษาอยู่ โดยให้การดูแลพระพี่พระน้องให้เป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าท่านเองไม่ได้ต้องการที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ทั้งหลายเหล่านี้ แต่เมื่อรับไปแล้วก็สามารถที่จะรับผิดชอบได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารจัดการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบริหารคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน หรือว่างานเชื่อมสัมพันธ์วัด บ้าน โรงเรียน และส่วนราชการ ตลอดจนกระทั่งการช่วยเหลือแบ่งเบาหน้าที่การงานของพี่น้องจากวัดวาอารามอื่น ๆ ท่านสามารถทำได้อย่างชนิดไม่มีที่ติ

ทั้งที่ท่านเองอยากที่จะเรียนต่อให้มากกว่านี้ แต่กระผม/อาตมภาพก็ส่งท่านเรียนบาลีได้แค่เปรียญธรรม ๓ ประโยค เรียนนักธรรมได้แค่นักธรรมชั้นเอก ส่วนวิชาสามัญก็เรียนแค่ปริญญาโทเท่านั้น ไม่มีเวลาที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาเอก โดยเฉพาะไม่มีเวลาที่จะเรียนบาลีประโยคสูงกว่านี้ขึ้นไป ต้องบอกว่าท่านยอมเสียสละ เพื่อที่จะมาบริหารวัดวาอารามตามคำสั่งของครูบาอาจารย์

ต้องบอกว่าท่านเป็นบุคคลที่ประกอบไปด้วยหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือความกตัญญู รู้คุณของผู้อื่น และกตเวทิตา รู้จักการตอบแทนอย่างเต็มที่เต็มสติกำลัง นับว่าเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ควรจะเลียนแบบทำตาม

ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเอ หรือว่าพระครูบ่าวก็ตาม ท่านทั้งสองนี้ได้กระทำในสิ่งที่เป็นบุคคลหาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นกตัญญูบุคคล หรือว่ากตเวทิตาบุคคลก็ตาม ท่านทั้งหลายที่กระทำในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เพราะว่าคุณงามความดีรักษาตัวของท่าน และหนุนเสริมให้สูงเด่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดเห็นเข้าก็ตาม ก็จะมีแต่ความรักใคร่นับถือ และยอมยกให้เป็นผู้นำไปโดยปริยาย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)