เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ งานสำคัญก็คือ กระผม/อาตมภาพนำเอากฐินปลดหนี้ไปทอดถวายให้พระครูวัชรชลธรรม (ปัญญา เขมปญฺโญ) ซึ่งกระผมเรียกสั้น ๆ ว่าหลวงพ่อญา ที่วัดชลธราราม หรือภาษาชาวบ้านเรียกสั้น ๆ ว่าวัดท่าซิก ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี แปลว่าจัดอยู่ในพวกเดียวกับกระผม/อาตมภาพ คือเป็นพวก "ท่ามาก" เหมือนกัน..!

ในเรื่องกฐินปลดหนี้นั้น กระผม/อาตมภาพจัดขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่า เมื่อเรายืนหยัดได้แล้ว ก็ควรที่จะช่วยเหลือพยุงคนที่ยังไม่แข็งแรงพอให้ยืนหยัดตามไปได้ด้วย โดยเฉพาะวัดวาอารามต่าง ๆ ที่เจ้าอาวาสมีกำลังใจในการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา แต่ว่ามีกำลังน้อย มีเอกลาภน้อย ทำให้ต้องมีหนี้มีสินอยู่ ถ้าหากว่าเราไปช่วยเหลือให้ท่านทั้งหลายหมดหนี้ นอกจากจะสร้างความคล่องตัวให้ทั้งกับตัวท่าน และอานิสงส์ความคล่องตัวตกมาถึงตัวเราแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับพระพุทธศาสนาด้วย ก็คือ "เราจะไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง"

การเดินขึ้นหน้าไปคนเดียวโดยไม่มีใครเลย คุณอาจจะเก่ง ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ว่าเป็นการเอาตัวรอดคนเดียว หากว่าเราช่วยกันพยุง ช่วยกันชัก ช่วยกันจูง ช่วยกันผลัก ช่วยกันดัน ทำให้ทุกคนสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็จะทำให้พระพุทธศาสนาของเราเข้มแข็งขึ้นอีกมาก

โดยเฉพาะในเรื่องของกฐินนั้น ในระยะแรกก็มีญาติโยมทักท้วงว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่ทอดกฐิน ๙ วัด ?" "ทำไมหลวงพ่อไม่ทอดกฐิน ๗ วัด ?" เพื่อที่จะได้อานิสงส์มาก ๆ

กระผม/อาตมภาพตอบว่า "กฐินทอดหลายวัด ได้อานิสงส์มากก็จริง แต่ว่าบริวารกฐิน โดยเฉพาะในส่วนของเงินนั้นจะได้น้อย ถ้าแบ่งเฉลี่ยเป็นกฐิน ๙ วัด ได้วัดหนึ่งสองแสนบาทสามแสนบาท สร้างส้วมยังไม่เสร็จเลย..! แต่ถ้าเราเทลงไปให้วัดเดียว ก็จะเห็นหน้าเห็นหลังไปเลย"

 

ในเมื่อทุกคนเข้าใจจุดมุ่งหมายดังนี้ กฐินปลดหนี้โดยทางวัดท่าขนุนจะไปขอเป็นเจ้าภาพให้แก่วัดวาอาราม ที่ตั้งใจทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จึงได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ โดยนำไปทอดที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ จังหวัดลำพูน ได้บริวารกฐินเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๘๐๕,๐๐๐ บาท

ปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ไปทอดถวายที่วัดหนองหญ้าปล้อง จังหวัดกาญจนบุรี ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ไปทอดที่วัดรัตนานุภาพ จังหวัดนราธิวาส ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ไปทอดถวายที่สำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง จังหวัดเชียงราย ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน

ปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ ไปทอดถวายที่ศูนย์ศึกษาและสาธยายพระไตรปิฎก อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ กลับไปทอดให้วัดรัตนานุภาพ จังหวัดนราธิวาส เพื่อช่วยสร้างโบสถ์ให้เสร็จเรียบร้อย ได้ปัจจัยรวมทั้งสิ้น ๑,๗๖๕,๐๐๐ บาท
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๘ เราคิดการใหญ่ ไปทอดกฐินปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน คือไปทอดที่วัดมุนิวิหาร เมืองภักตรปุระ ประเทศเนปาล ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน

ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ไปทอดถวายที่วัดตะเคียนงาม จังหวัดกาญจนบุรี ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๑,๘๕๐,๐๐๐ บาท
ปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ ไปทอดถวายที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท

 

มาปีพุทธศักราช ๒๕๖๑ มีความผิดพลาดเกิดขึ้น เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพจองกฐินไว้ที่วัดสระแก้ว อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้ถึง ๒,๗๐๐ กว่าคน โดยที่หลวงปู่พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ, ดร. หรือว่าหลวงปู่มหาไพเราะ ฐิตสีโล ป.ธ.๔ "อาจารย์ปู่" ของบรรดานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นั่น และเป็นเจ้าคณะอำเภอป่าโมกด้วย

แต่ด้วยความชราภาพ อายุถึง ๗๘ ปีแล้ว หลวงปู่มหาไพเราะจึงลืมไปว่ากระผม/อาตมภาพได้จองกฐินเอาไว้ ทำให้ไปรับกฐินจากเจ้าภาพอีกรายหนึ่งจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้น..เมื่อเจ้าภาพท่านนั้นไม่สามารถที่จะเลื่อนกฐินมาให้เป็นวันเดียวกันได้ กระผม/อาตมภาพจึงไม่สามารถที่จะไปทอดให้ได้ จึงนำปัจจัยไปถวายหลวงปู่มหาไพเราะเพื่อร่วมงานกฐิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไปทอดถวายให้ที่วัดทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ปัจจัยไปทั้งสิ้น ๓,๓๐๐,๐๐๐ บาท

หลวงปู่มหาไพเราะท่านก็บ่นว่า "ดูสิ..กระผมอุตส่าห์รับปากหลวงพ่อพระครูเอาไว้แล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะทำตามที่รับปากเอาไว้ได้ เจ้าภาพทางด้านกรุงเทพฯ ก็ไม่ยอมเลื่อนวันมาให้ตรงกัน จึงทำให้ท่านประธานไม่สามารถที่จะมาทอดถวายให้ได้ กระผมก็ได้ปัจจัยจากทางด้านกรุงเทพฯ แค่ ๗๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ไม่พอค่าข้าวสารให้กับเด็ก ๆ แม้แต่เดือนเดียว เนื่องเพราะว่าค่าข้าวสารสำหรับเด็กนั้น ใช้เดือนหนึ่งประมาณล้านกว่าบาท..!"

ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ กระผม/อาตมภาพได้นำไปทอดถวายให้กับทางที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนครอีกวาระหนึ่ง ได้ปัจจัยทั้งสิ้น ๕,๓๓๕,๐๐๐ บาท

ปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ ไปทอดถวายที่วัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเพื่อนกันคือท่านเจ้าคุณชรัช พระสิริจริยาลังการ, ดร. (ชรัช อุชุจาโร ป.ธ.๖) ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ที่นั่น ปัจจุบันนี้ ท่านเป็นรองเจ้าคณะภาค ๑๘ แล้ว ได้ปัจจัยทั้งสิ้น ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน

มาปีที่แล้ว พุทธศักราช ๒๕๖๔ ไปทอดถวายที่วัดท่าโขลง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ได้ปัจจัยบริวารกฐินทั้งสิ้น ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท

 

แล้วมาปีนี้ ปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ นำไปทอดถวายที่วัดชลธราราม (ท่าซิก) อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ได้ปัจจัยทั้งสิ้น ๗,๔๖๕,๐๐๐ บาท ซึ่งทางด้านเจ้าของพื้นที่บอกว่า เป็นยอดกฐินสูงสุดในรอบ ๒๐ ปีของจังหวัดเพชรบุรีเลยทีเดียว ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างนั้น

แต่เนื่องจากว่าความสัมพันธ์หลายชั้นหลายเชิงด้วยกัน อันดับแรก ลูกศิษย์ของหลวงพ่อญา คือ พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอกของกระผม/อาตมภาพ แล้วยังมาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ของกระผม/อาตมภาพอีกด้วย เมื่อกระผม/อาตมภาพขึ้นทำหน้าที่ประธานรุ่น ท่านก็ช่วยเป็นเลขานุการรุ่นให้มา ๒ สมัยเลือกตั้งและ ๑ สมัยรักษาการมาแล้ว

ท่านมาบอกว่า "หลวงพ่อญาสร้างศาลาหลังนี้เพื่อที่จะฝากชื่อเอาไว้ในแผ่นดิน ใช้เวลา ๒๐ ปีแล้ว ยังทำไม่เสร็จเสียที ขอฝากหลวงพ่อประธานรุ่นเอาไว้ในกฐินปลดหนี้ด้วย" แต่ถ้านับตามคิวแล้วก็คืออีก ๒๓ ปีข้างหน้า..! เพราะว่ากระผม/อาตมภาพทอดกฐินปลดหนี้ปีละวัดเดียวเท่านั้น

แต่เมื่อได้เดินทางไปยังวัดชลธราราม หรือวัดท่าซิก เห็นงานของหลวงพ่อญา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ที่กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่ประธานรุ่นอยู่นั้น ได้เห็นงานแกะสลักไม้ และงานปูนปั้นฝีมือตระกูลช่างเพชรบุรีที่สุดยอดมาก

เมื่อเห็นแล้วก็เกิดความเสียดาย เพราะว่าถ้าต้องรอเวลาอีกเป็น ๑๐ ปี ของเก่าที่ทำไว้ก็เริ่มเก่า ใกล้จะผุจะเปื่อยแล้ว เพราะว่าไม้เวลาโดนแดดโดนฝนนาน ๆ ไป ก็มีการผุเปื่อยเป็นธรรมดา แล้วถ้าหากว่าไม่รีบทำเอาไว้ ส่วนที่เก่าก็เสียไป ส่วนที่ใหม่ก็ทำยังไม่เสร็จ ก็จะกลายเป็นเข้าตำราที่กล่าวกันว่า "วัดกับวังสร้างเท่าไรไม่รู้จบ" กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจใช้อำนาจของตนเอง ด้วยการลัดคิวมาทอดกฐินให้กับหลวงพ่อญาที่วัดท่าซิกนี้ก่อน จนทำให้งานวันนี้สำเร็จลงด้วยดี

 

ในส่วนของการต้อนรับของบรรดาญาติโยมทางด้านนี้เป็นที่ซึ้งใจมาก การที่พวกเราลงไปยังวัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ญาติโยมทางด้านนั้นตัดลองกองใส่ลังถวายมาเป็นตัน ๆ เพื่อที่ให้บรรดาเจ้าภาพกฐินไปแบ่งสันปันส่วนกัน

ทางด้านนี้ก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก อบต. ต่างก็สรรหาของดีเมืองเพชรบุรีมาถวาย โดยเฉพาะในส่วนของขนมหวานอย่างขนมหม้อแกง และผลไม้ขึ้นชื่อของพื้นที่อย่างเช่น ฝรั่งเวียดนาม มะนาว ตลอดจนกระทั่งกล้วยหอม ที่น่าเสียดายก็คือว่าช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูกาลของชมพู่เพชร ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายอาจจะได้ชิมชมพู่เพชรที่แสนอร่อยไปด้วย

แต่ขนาดนั้นก็ตาม สิ่งที่ถวายมายังต้องใช้รถยนต์หลายคันถึงจะขนกลับมาได้หมด เพราะว่ามากมายมหาศาล ถ้าหากใช้รถกระบะ ๑ คัน ถ้ามีแค็บ มั่นใจว่าขนไม่หมดแน่นอน ต้องเป็นรถกระบะตอนเดียวช่วงยาวเท่านั้น

จึงขออาศัยโอกาสนี้เจริญพรขอบคุณขอบใจ บรรดาญาติโยมชาวท่าซิกทั้งหลาย ซึ่งนำโดยท่านนายก อบต. ท่านกำนัน ท่านผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนกระทั่งคณะครูอาจารย์ของโรงเรียนการกุศลวัดมหาธาตุวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ที่ไปร่วมงานกันและมาถวายการต้อนรับอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะบรรดาเจ้าภาพร้านอาหารโรงทานทั้ง ๘๓ ราย ท่านทั้งหลายนอกจากจะเป็นเจ้าภาพกฐินแล้ว ยังนำอาหารมาเลี้ยงแก่ผู้อื่นอย่างเหลือเฟืออีกด้วย

กุศลทั้งหลายที่ท่านได้ทำนี้ก็จักได้เป็นปฏิพรย้อนสนองกลับไป ให้ท่านทั้งหลาย ตราบใดถ้ายังไม่เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใดก็ดี ถ้าไม่เกินวิสัย ไม่เกินบุญกฐินที่ท่านได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพแล้วไซร้ ความปรารถนาของท่านทั้งหลายก็จักสำเร็จ สัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถทุกประการ

และขออนุโมทนากับทุกท่านทุกคนที่ได้บูชาพระยอดขุนพลกาญจนบุรีจากเว็บไซต์วัดท่าขนุน เงินส่วนนั้นคือเงินที่เรานำมาร่วมในกองกฐินครั้งนี้ เป็นปัจจัยบริวารกฐิน รวมแล้วทั้งสิ้น ๗,๔๖๕,๐๐๐ บาทถ้วน ขอทุกท่านจงอนุโมทนา และมีส่วนในกุศลครั้งนี้โดยทั่วหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

***** ยอดปัจจัยบริวารกฐินวัดท่าซิก เมื่อนับครบถ้วนทุกรายแล้ว ได้ทั้งสิ้น ๘,๑๓๔,๖๔๐ บาทถ้วน *****​