เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตื่นเช้าขึ้นมากระผม/อาตมภาพก็ต้องทำแผลของตนเอง เพิ่งจะรู้ว่าเลือดคน เมื่อถึงเวลาแข็งตัวแล้ว เหนียวขนาดกรรไกรตัดผ้าก๊อซไม่เข้า ต้องเอาหัวแม่เท้าแช่น้ำเกลือจนกระทั่งละลาย จึงสามารถที่จะตัดออก และทำความสะอาดบาดแผลก่อนที่จะปิดเข้าไปใหม่ได้

    ในส่วนนี้เป็นเรื่องปกติของกระผม/อาตมภาพที่ค่อนข้างไม่เหมือนชาวบ้านเขา ก็คือไม่ค่อยที่จะใส่ใจกับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทางร่างกาย ดังนั้น...จึงได้เดินทางไปร่วมงานประชุมอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอด่านมะขามเตี้ยต่อเลย

    เมื่อขึ้นไปบรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะ ก็ได้ย้ำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้ทราบว่า เรื่องของการบวชพระนั้น ไม่ว่าจะบวชเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เมื่อบวชเข้ามาแล้ว เราต้องเล่นให้สมบทบาท หน้าที่อะไรที่เป็นของพระภิกษุ เราจำเป็นที่จะต้องทำให้ครบถ้วน โดยเฉพาะการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญพระกรรมฐาน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถ้าหากว่าเป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านจะใช้คำว่า "ศึกษาเล่าเรียน พากเพียรปฏิบัติ ทำวัตรสวดมนต์
    ท่องบ่นภาวนา"

    ส่วนที่กระผม/อาตมภาพได้รับบาดเจ็บ แต่ว่ายังมาบรรยาย ก็เพราะว่าเป็นห่วงพระใหม่ทั้งหลาย ในส่วนที่อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ในการบวชให้ท่านได้ทราบ จะได้เป็นประสบการณ์เรียนลัด ที่อาจจะช่วยให้ท่านทั้งหลายอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ได้อย่างมีความสุขขึ้นมาบ้าง

    โดยเฉพาะในเรื่องของวัตรปฏิบัติ เราจำเป็นที่จะต้องทำจนชิน เมื่อเราเคยชินแล้วก็จะไม่รู้สึกว่าหนัก อะไรที่มีความเคยชิน มีความคล่องตัว ก็จะเป็นการสั่งสมคุณงามความดีของเราให้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วท้ายที่สุด ก็จะสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้เกิดแก่ญาติโยมที่พบเห็น เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ กว่าที่จะไปถึงจุดนั้นได้ เราต้องอดทน อดกลั้น ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้ดี ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เราจะอยู่เป็นพระ จึงเหมือนกับเป็นทาง ๒ แพร่ง ถ้าเราจะตรงไปในด้านของพระพุทธศาสนา ก็ต้องเร่งสั่งสมความดีให้มากเข้าไว้ แต่ถ้าเราจะสึกหาลาเพศไป อย่างน้อยเราก็ต้องร่ำเรียนในสิ่งที่จำเป็นที่จะนำไปใช้ในชีวิตฆราวาส อย่างเช่นว่าหลักธรรมในคิหิปฏิบัติ เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้ครองเรือนแบบไม่ลำบากมากนัก เพราะว่าอย่างน้อยก็มีหลักธรรมเป็นเครื่องดำเนินชีวิต

    โดยที่ขอให้ท่านทั้งหลายระลึกเสมอว่า ถ้าเราไม่สามารถที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็อย่าทำให้พระพุทธศาสนานั้นต้องพังลงไปเพราะน้ำมือของเรา..!

    หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางต่อไปยังวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อถวายมุทิตาสักการะแด่ พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) ในงานฉลองเจ้าอาวาสพระอารามหลวงของท่าน แต่ว่าพอไปถึง ขณะเดินขึ้นที่พักพระเถระก็ประสบอุบัติเหตุ เนื่องเพราะว่าที่พักนั้นเป็นการก่อสร้างแบบเก่า ซึ่งมีธรณีประตูค่อนข้างสูง น่าจะประมาณ ๖ - ๘ นิ้วฟุตทีเดียว

    เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูไป มีผ้าเช็ดเท้าที่วางอยู่ เมื่อเหยียบลงบนผ้าเช็ดเท้าก็ไถลพรวดไปด้านหน้า กระผม/อาตมภาพรีบพลิกเท้าตัวเองนั่งพับเพียบลงทันที เพราะว่าถ้าลงในท่าอื่น จังหวะอื่น เท้าขวาที่เล็บหัวแม่เท้าหลุดไปแล้ว ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพิ่มขึ้นไปอีก โดยที่ผู้ซึ่งตามหลังมาห่าง ๆ ก็คือน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ตกอกตกใจไปพักใหญ่ เพราะคิดว่ากระผม/อาตมภาพได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมไปแล้ว..!

    จากตรงนี้ก็ทำให้ได้มีผู้เห็นและเป็นพยานอย่างชัดเจนว่า กระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนที่ล้มยากมาก เพราะว่านอกจากที่จะฝึกวิชาการต่อสู้ต่าง ๆ มา ทำให้สามารถทรงตัวได้ดีกว่าคนทั่วไปแล้ว ความที่มีสติ ทำให้เราสามารถแก้ไขเหตุร้ายที่เกิดขึ้น ให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงไม่ได้มีอันตรายอะไร นอกจากที่จะนั่งพับเพียบวางเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น แล้วก็ยันตัวลุกขึ้น เข้าไปยังที่พักตามปกติ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เมื่อได้ถวายมุทิตาสักการะแด่พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. ซึ่งนอกจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก เป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์แล้ว ก็ยังเป็นเลขานุการองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพทำหน้าที่ประธานรุ่นมา ๒ สมัยแล้ว

    ท่านพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. นั้นต้องรับโรงเรียนการกุศลภายในวัดไว้บริหารจัดการอีก ๑ อย่าง ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสเต็มตัว จึงได้พากระผม/อาตมภาพไปดูสถานที่ โดยที่ฝากเอาไว้ว่า "ถ้าหากท่านประธานมีเวลาและคิดถึงวัดมหาธาตุวรวิหารของจังหวัดเพชรบุรีขึ้นมา ขอให้คิดถึงโรงเรียนไว้ก่อนนะครับ เพราะว่ากระผมจะปรับปรุงโรงเรียนซึ่งค่อนข้างจะทรุดโทรมแล้ว ให้ดีขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง"

    เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินดูแล้วก็เห็นว่า การที่ท่านจะปรับปรุงห้องเรียนให้มีเครื่องปรับอากาศ หรือว่าปรับปรุงห้องน้ำให้ดูหรูหราเหมือนโรงแรม ๕ ดาวนั้น เป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่านักเรียนสามารถเรียนในห้องที่มีพัดลมได้ แล้วในขณะเดียวกัน ห้องน้ำแค่พอใช้งานได้ แต่ให้สะอาดเรียบร้อยก็เพียงพอแล้ว

    ส่วนที่ควรจะทำก็คือ อันดับแรก ให้สนับสนุนในเรื่องของอาหารสำหรับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นนมกล่อง หรือว่าอาหารที่เพิ่มเติมให้ครบ ๕ หมู่ในทุกมื้อ อีกส่วนหนึ่งก็คือ ให้ดูว่าครูบาอาจารย์ท่านใดมีความขยันขันแข็งและมีใจให้กับโรงเรียน ก็สนับสนุนให้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป อย่างเช่นว่า ปริญญาโทหรือว่าปริญญาเอก จะได้มาช่วยกันพัฒนาโรงเรียนการกุศลของวัดให้เจริญไปมากกว่านี้

    ส่วนการที่จะปรับปรุงตัวอาคารต่าง ๆ นั้น การปรับปรุงตามที่กระผม/อาตมภาพเห็น น่าจะเป็นการปรับปรุงที่ต้องบอกว่า "เสียดายงบประมาณ" เพราะว่าในส่วนของอาคารเก่าที่เป็นครึ่งตึกครึ่งไม้จวนจะหมดสภาพแล้ว ถ้าเราปรับปรุงห้องน้ำให้ดี ติดเครื่องปรับอากาศในห้องเรียน ก็คาดว่าตัวอาคารจะอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น..ควรที่จะสะสมงบประมาณเอาไว้ แล้วทำตัวอาคารใหม่ทีเดียว สิ่งต่าง ๆ ที่จะปรับปรุงก็เท่ากับเป็นส่วนควบของตัวอาคาร เท่ากับว่าจ่ายงบประมาณทีเดียวจบทุกเรื่อง เหล่านี้เป็นต้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าไม่มีประสบการณ์ในการทำงานก็จะมองไม่ออก คิดอยู่แต่ว่าจะแก้ไขในส่วนที่เห็นเฉพาะหน้า ซึ่งอาจจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

    ในขณะที่เดินทางเพื่อเข้าสู่ที่พักในคืนนี้นั้น ก็มีข่าวว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้พระราชาคณะรูปหนึ่ง ที่มีคดีความเรื่องเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกกับสีกา ซึ่งคดียือเยื้อมาหลายปีเต็มทีแล้ว ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว อาศัยกฎนิคหกรรมสั่งให้ปรับอาบัติปาราชิก คือขาดความเป็นพระแก่หลวงพ่อเจ้าคุณรูปนั้น เนื่องจากว่าหลักฐานต่าง ๆ เป็นที่เชื่อถือได้ว่า ท่านมีการเสพเมถุนกับโยมผู้หญิงจริง ๆ

    ตรงจุดนี้อยากจะบอกกล่าวว่า คนฟ้องศาลหลงประเด็นก่อน
    แล้วศาลก็หลงประเด็นตามไปด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องอาบัติ คือการล่วงละเมิดศีลของพระนั้น ทันทีที่ล่วงละเมิดศีลก็ขาดแล้ว ไม่ใช่ต้องรอให้ฟ้องศาล ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วก็ยังอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วก็ยังฎีกา ศาลฎีกาตัดสินแล้วก็ยังฟ้องศาลปกครองต่อไป เหล่านี้เป็นต้น

    เรื่องของพระภิกษุสามเณรต้องตัดสินกันโดยพระธรรมวินัย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ว่าคณะผู้ตัดสินนั้น ต้องเป็นบุคคลที่ทรงธรรม ปราศจากอคติ ไม่เห็นแก่พวกแก่พ้อง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ใช้หลักการอะไรก็ตาม จะเป็นพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง หรือว่าจารีตประเพณี บุคคลที่หน้าด้านใจด้านก็ยังคงไม่ยอมรับอยู่ดี

    ดังนั้น...พระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมที่ฟังอยู่ ขอให้เข้าใจว่า ในเรื่องอาบัติ คือการที่ทำให้ศีลขาดของพระนั้น ทันทีที่กระทำสำเร็จก็ขาดแล้ว ไม่ต้องรอการตัดสินใด ๆ ทั้งสิ้น จึงต้องยึดหลักนี้ไว้ให้แม่น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะหลงประเด็นตามกันไปจนกระทั่งเสียความยุติธรรมโดยใช่เหตุ

    สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...