เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคล ให้กับทางหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เนื่องด้วยไปก่อนเวลา หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์จึงพาไปพักที่กุฏิของท่านก่อน เมื่อเข้าไปก็ต้องกราบพระประธาน ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาในทุกที่ ก็สะดุดตากับพระประธานที่สีแดงอร่าม คล้าย ๆ กับนาก แต่ดูแล้วก็ไม่ใช่นาก จึงได้เรียนถามหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ว่า "ใช่เนื้อเหล็กไหลสุริยันราชาหรือไม่ ?" หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์บอกว่า "ใช่ครับ ผมใช้เวลาค่อย ๆ สะสมอยู่ถึง ๒ เดือนกว่า จึงสร้างได้ ๑ องค์ ก็เลยเก็บเอาไว้บูชาเอง ถือว่าเป็นการสร้างพระประจำตัวไปด้วย"

    คำว่า เหล็กไหลสุริยันราชานั้น เป็นโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ร่ำเรียนวิชาเกี่ยวกับการเรียกเหล็กไหล จะต้องไปทำการเรียกจากสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งสามารถดูออกได้ตามตำราว่า สถานที่นั้นมีเหล็กไหลชนิดนี้หรือไม่ ?

    บรรดาเนื้อโลหะเมฆสิทธิ์ เมฆพัตร ชินนพรัตน์ ซึ่งเกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ ตลอดถึงเหล็กไหลสุริยันราชา จะเป็นโลหะธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว สามารถที่จะแผ่พลังงานออกไปรอบด้านมากน้อยตามแต่ขนาด สามารถที่จะช่วยในการตัดเคราะห์ ตัดกรรม โดยเฉพาะใช้ในการทำน้ำมนต์เพื่อเสริมดวง หรือว่าอธิษฐานรักษาโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดียิ่ง

    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าวิชาการเหล่านี้ คนรุ่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยได้ศึกษากัน ที่เห็นมีทางด้านหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ก็ดี หลวงพ่อพระครูสมุห์ อภิสิทธิ์ อภิญาโณก็ดี ได้พากเพียรพยายามศึกษาและปริวรรตตำราเก่า ๆ ออกมาเป็นของใหม่ให้คนรุ่นหลังอ่านรู้เรื่อง

    แต่คำว่า อ่านรู้เรื่อง ในที่นี้ก็คือต้องอ่านอักขระขอมได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถที่จะอ่านได้เหมือนเดิม ซึ่งหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ท่านได้นำเอาตำราเก่ามาให้ดูว่า ท่านปริวรรตสำเร็จไปแล้วกี่ส่วน ถ้าหากว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจว่าจะทำถวายกระผม/อาตมภาพด้วยหนึ่งชุด
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ก็ได้เวลาตามฤกษ์ที่ได้กำหนดไว้ กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปทำการบวงสรวงบอกกล่าว เพื่อขออนุญาตในการปลุกเสกวัตถุมงคลในวันนี้ ซึ่งของหลักเลยก็คือโคอุสุภราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า วัวธนู

    เมื่อเห็นว่าฤกษ์เป็นวันเสาร์ยังไม่พอ เครื่องบวงสรวงทั้งหมดยังประกอบไปด้วยสีแดงเป็นหลัก ก็รู้ว่าหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ท่านเอาแน่งานนี้ เพราะท่านบอกว่า คราวที่แล้วเมื่อสร้างวัวธนูไป ได้เงินมาก้อนหนึ่ง สามารถถมที่ในบริเวณวัดได้อย่างที่ต้องการ

    "สำหรับวัวธนูรุ่นนี้ ขออนุญาตหลวงพ่อช่วยให้ผมได้สร้างกำแพงวัดหน่อยครับ"
    เพราะว่าวัดโพธิ์ผักไห่นั้น ตลอดระยะเวลาสองสามร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีรั้ววัด ทำให้พื้นที่บางส่วนมีชาวบ้านบุกรุกเข้ามาใช้ประโยชน์อยู่ ถ้าหากว่าจะขับไล่กันก็จะเสียน้ำใจ แต่ถ้าหากว่าสร้างรั้วเมื่อไร เขารู้ตัวว่าอยู่ในเขตวัด ถ้าไม่ย้ายออกไปเอง ก็จะต้องมาจ่ายค่าเช่าให้กับวัด ถือว่าเป็นการจัดการที่นุ่มนวลกว่า

    กระผม/อาตมภาพรับฟังแล้ว เมื่อเข้าวิหารไปเพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคล นอกจากระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมดแล้ว ก็ยังสงสัยว่าโคอุสุภราช หรือว่าวัวธนูนั้นมีที่มาอย่างไร ?

    กระผม/อาตมภาพทราบแค่ว่า หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองสร้างวัวธนูจนกระทั่งติดอันดับ ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน ส่วนทางด้านภาคเหนือ ก็มีหลวงปู่ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ท่านได้สร้างวัวธนูเอาไว้และมีชื่อเสียงมาก เป็นตำราคล้ายคลึงกับตำราของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง

    ส่วนครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพทันอย่างแน่นอน ก็คือหลวงปู่คำแสน วัดดอนมูล ซึ่งท่านได้สร้างวัวธนูเอาไว้ และมีชื่อเสียงมาก ๆ เพราะว่าหลายคนที่อาราธนาวัวธนูของท่านไป สามารถที่จะเห็นวัวนั้นออกมาเดินป้องกันรอบบ้านให้ด้วย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เมื่อระลึกมาจนถึงตรงนี้ ก็เห็นพญาโคอุสุภราชขยายจนกระทั่งใหญ่เต็มวิหารที่ทำพิธี ลืมบอกกล่าวกับทุกท่านไปว่า หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์เห็นว่าวัตถุมงคลในวันนี้ ไม่ใช่วัตถุมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงไม่ทำในโบสถ์ แต่ย้ายมาทำที่วิหารข้างโบสถ์แทน ก็ต้องบอกว่าเป็นการจัดลำดับได้ถูกต้อง และเป็นการเคารพในคุณพระรัตนตรัยที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

    พญาโคอุสุภราชที่ขยายโตเต็มวิหารนั้นมีท่านปู่พระอินทร์นั่งบนหลังมาด้วย จึงได้กราบเรียนถามท่านปู่พระอินทร์ว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร ?

    ท่านบอกว่าวิชาการนี้มาจากทางสายพราหมณ์ ซึ่งนับถือพระอิศวร และพระอิศวรนั้นทรงโคนนทิหรือที่เรียกว่าโคอุสุภราช ทำให้เมื่อบรรดาพราหมณาจารย์ทั้งหลาย ศึกษาวิชาการเพิ่มเติมขึ้นมาจากไตรเพท หรือว่าไตรเวท ซึ่งประกอบไปด้วยตำรา ๓ เล่มก็คือยชุรเวท ฤคเวท และสามเวทแล้ว ก็ยังได้สร้างตำราเล่มที่ ๔ ขึ้นมา เรียกว่าอาถรรพเวท ประกอบไปด้วยเรื่องของไสยศาสตร์เวทมนตร์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ เห็นว่าเป็นเครื่องถ่วงให้เนิ่นช้า

    แต่ครูบาอาจารย์รุ่นหลังเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถสงเคราะห์ญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหาได้ดี จึงได้บันทึกวิชาการเหล่านี้เอาไว้ มาตอนหลังก็ขยายกลายเป็นวิชาการพุทธตันตระ ซึ่งไปโด่งดังทางด้านทิเบต จนกระทั่งมาภายหลัง พราหมณ์ส่วนหนึ่งที่ศึกษาแล้ว ได้เดินทางมายังสุวรรณภูมิของเรา และนำเอาวิชาการเหล่านี้เข้ามาด้วย ดังนั้น...จึงได้มีการปรับจนกระทั่งกลายเป็นวิชาการสร้างวัวธนูตามแบบที่ทุกคนเห็นอยู่


    แล้วพระอิศวรนั้นก็เป็นตำแหน่งหนึ่งของท่านปู่พระอินทร์ เนื่องจากว่าท่านเป็นเทวดาที่มีศักดานุภาพ และตำแหน่งหน้าที่ใกล้เคียงกับพระอิศวรของทางฮินดูมากที่สุด จึงต้องรับหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ท่านปู่พระอินทร์แนะนำว่า ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายจะบูชาวัวธนูนั้น ให้รำลึกถึงพระโพธิสัตว์สมัยที่เสวยชาติเป็นวัว อย่างเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เสวยพระชาติเป็นโคอุสุภราช ชื่อว่าโคนันทวิศาล เป็นต้น กำลังใจของเราจะได้เกาะว่า สิ่งนี้ในอดีตเป็นชาติหนึ่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เป็นการดึงให้ทุกอย่างใกล้เคียงเข้ามากับพุทธศาสตร์ แทนที่จะเป็นไสยศาสตร์ล้วน ๆ

    หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ต้องใช้ระยะเวลานานมาก ในการที่จะตั้งธาตุ ปลุกธาตุ หนุนธาตุ ลงอาการ ๓๒ แล้วท้ายที่สุด เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็ยังต้องมีการเจิมอีกต่างหาก แล้วหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ ได้ประกาศต่อหน้าพระประธานเป็นภาษาบาลีว่า "สุณาตุ เม ภันเตฯ" เป็นต้น ซึ่งแปลเป็นไทยใจความประมาณว่า ทางวัดได้สร้างวัวธนูนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชนหมู่มาก บัดนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยลงมาตามตำราแล้ว ท่านใดก็ตาม ถ้าหากว่านำไปใช้ ไม่อยากภาวนาคาถายาว ๆ ก็ให้ใช้คาถาว่า โคโน มหาโคโน สิทธิสวาหะ เอาแค่สั้น ๆ นี้ก็ได้

    อย่าลืมคำแนะนำของท่านปู่พระอินทร์ก็คือ ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสวยพระชาติเป็นโคอุสุภราช แล้วอธิษฐานให้ป้องกันสถานที่หรือว่าตัวเราตามอัธยาศัย

    หลังจากที่กระผม/อาตมภาพฉันเพลแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เพื่อกราบสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเคารพนับถือกันมานาน ไปอยู่ ไปคุย เป็นกำลังใจให้แก่ผู้ชรา จนกระทั่งใกล้เวลา ก็เดินทางไปยังศาลหลักเมืองสุพรรณบุรี เพื่อที่จะร่วมปลุกเสกรูปเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี

    เมื่อไปถึง บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งพระที่จะเจริญชัยมงคลคาถามากันเกือบจะพร้อมแล้ว แต่ว่าของกระผม/อาตมภาพนั้น ทางเจ้าภาพนิมนต์เป็นพิเศษ ก็คือเห็นว่ากระผม/อาตมภาพมีเวลาน้อย จึงให้เข้าไปเจริญจิตภาวนา อธิษฐาน ปลุกเสกให้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้ขอตัวกับเพื่อนสหธรรมิก หลวงปู่ หลวงพ่อ บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ เข้าไปทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกก่อน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ทันทีที่หลับตาลง ก็เห็นท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณยืนประจำการอยู่ทางด้านทิศเหนือ ท่านปู่ท้าววิรุฬหกบอกว่า "เจ้าพ่อหลักเมืองที่นี่เป็นลูกน้องของผมเองครับ" แล้วท่านเจ้าพ่อหลักเมืองก็ปรากฏตัวออกมาในชุดเทวดา ล่ำสัน ทะมัดทะแมง บอกว่า "กระผมชื่อว่ากีรติเทพครับ แต่ว่าคนส่วนใหญ่เรียกว่าเจ้าพ่อหลักเมือง กระผมก็ต้อง "เจ้าพ่อหลักเมือง" ตามเขาไปด้วย"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกกับท่านว่า "ในเมื่อท่านมาเองแล้ว ก็ช่วยเสกรูปของท่านเองด้วย" ท่านก็บอกว่า "ถ้าให้เสกนั้น กำลังของผมน้อย ต้องขอท่านท้าววิรุฬหก ผู้เป็นเจ้านายโดยตรง และท่านท้าวเวสสุวรรณ ผู้เป็นเจ้านายใหญ่ให้ช่วยเมตตาสงเคราะห์ด้วย" ทั้งสองท่านก็ได้เรียนให้กระผม/อาตมภาพว่า ขอให้กระผม/อาตมภาพช่วยกราบขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยให้ก่อน แล้วทั้งสองท่านก็จะอาศัยกำลังตรงนี้ในการปลุกเสกต่อไป

    เมื่อเสร็จพิธี พรมน้ำมนต์ยังไม่ทันจะครบรอบ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
    ท่านเจ้าคุณสมชาย หรือพระราชพัฒนากร (สมชาย ฉนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม ก็เข้ามาถึงพอดี ได้ทักทายกันด้วยความคุ้นเคยจาก ที่ออกงานพุทธาภิเษกกันมาแทบจะนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    ท่านยังได้ถามว่า "งานปฏิบัติธรรมของคณะพระวิปัสสนาจารย์ ๖๔ นั้น มีเจ้าภาพถวายภัตตาหารแล้วหรือยัง ?" กระผม/อาตมภาพได้กราบเรียนถวายท่านว่า "มีครบถ้วนสมบูรณ์แล้วครับ" ท่านก็ยังทำหน้าเสียดาย ประมาณว่าเสียโอกาสที่จะได้ร่วมบุญไป

    เมื่อกระผม/อาตมภาพออกมารับปัจจัยไทยธรรมเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ได้เดินทางออกมา ขณะที่มีข่าวว่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ท่านกำลังจะเดินทางเข้าไปเป็นประธาน แต่ว่ากระผม/อาตมภาพในฐานะผู้ที่มากด้วยภารกิจ ไม่มีโอกาสที่จะได้กราบท่านเป็นทางการ เพราะว่าเดินทางออกมาก่อนเสียแล้ว

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวประสบการณ์ที่ได้พบเห็นในวันนี้ให้ทราบแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...