เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 มิถุนายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ถ้าหากว่าอยู่วัด แล้วไม่ได้มีกิจกรรมงานประชุม กระผม/อาตมภาพก็ต้องมานั่งรับสังฆทาน ความจริงก็เป็นคำสั่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งแต่ตอนเริ่มสร้างศาลาหลังนี้แล้วว่า "ถ้าหากว่าสร้างศาลาเสร็จ ให้รับสังฆทานสงเคราะห์ญาติโยมด้วย"

    แต่กระผม/อาตมภาพก็บิด ๆ เบี้ยว ๆ มาเรื่อย เพราะว่าเบื่อคน เนื่องจากว่าคนจำนวนมากมาแล้วจะเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน เป็นที่น่าเบื่อหน่ายมาก ก็เบี้ยวยาวมาจนกระทั่งเบี้ยวไม่ได้ จึงต้องมานั่งรับ โดยเฉพาะมีบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นเก่า ๆ ซึ่งตอนหลังนี้มากันมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ตรงจุดนี้สำหรับหลายท่านอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่
    กระผม/อาตมภาพเป็นคนคิดมากมาตั้งแต่แรก ถ้าจะว่าไปแล้ว บรรดาลูกศิษย์ที่ไปวัดท่าซุงกันเป็นประจำ มีอยู่ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คน กระผม/อาตมภาพรู้จักใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ต่ำกว่า ๖๐,๐๐๐ คน..! เพราะว่าเฝ้าหน้าห้องให้พระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่หลายปี ใครจะไป ใครจะมา ใครจะเข้า ใครจะออก ถ้าหากว่าเป็นเวร ต้องรับรู้อยู่แล้ว เวรเฝ้าหน้าห้องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีแค่วันละ ๒ ผลัด ก็คือ ผลัดเช้า ๖ ชั่วโมง ผลัดบ่าย ๖ ชั่วโมง

    หลายท่านที่มาก็มักจะต่อว่า ว่ากระผม/อาตมภาพไปที่อื่นแล้วก็ไม่เห็นจะบอกกล่าวกันบ้างเลย ตรงนี้ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายอย่างชัดเจนเลยว่า ถ้าหากว่าบอกกล่าวไป ก็จะมีบุคคลจำพวกหนึ่งที่จะครหานินทาว่า กระผม/อาตมภาพไปดึงลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมา คือคนประเภท "ปากหอยปากปู" มีเยอะ ไม่ยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นยังไม่พอ ยังคอยที่จะกัด จะแทะอีกต่างหาก

    ดังที่กระผม/อาตมภาพบอกกับทุกคนแล้วว่า นักปฏิบัติธรรมที่ดี ต้องไม่ทำให้ กาย วาจา ใจ ของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น ในเมื่อคนส่วนหนึ่งจะคิดแบบนั้น เราก็อย่าให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเลยจะดีกว่า
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    ลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อหลายต่อหลายท่านที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ถ้าหากว่าบอกกล่าวไป ชื่อเสียงก็เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งวัดท่าซุง ต่อว่ามาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะตอนที่กระผม/อาตมภาพไปงานที่วัดประตูด่าน ซึ่งให้ท่านอาจารย์ติงลี่ (พระอธิการสมมาศ คุณาธิโก) ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ การที่ท่านอาจารย์ติงลี่ไปหาคนเก่า ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่ใช่นิสัยของตัวเองที่จะทำแบบนั้น

    ถ้าหากว่านิสัยของกระผม/อาตมภาพเป็นแบบนั้นก็คงจะไม่ออกระเบียบวัด "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร" เพราะว่าเรื่องพวกนี้ คนโบราณเขาบอกว่า "ทิฏฐิพระ มานะกษัตริย์" ซึ่งหลวงลุงสุนทร สุธมฺมสุนฺทโร รุ่นน้องที่อยู่วัดท่าซุงเคยทักท้วงกระผม/อาตมภาพว่า "หลวงพี่..พระยังมีทิฏฐิ เรียกว่าพระไม่ได้" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ต้องมี ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิต่างหากที่เป็นพระไม่ได้..!"

    ตรงจุดนี้ก็คือว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่พระภิกษุสงฆ์ หรือว่าพระมหากษัตริย์ทำ มักจะเป็นเรื่องที่เกินกว่ากำลังใจของคนทั่ว ๆ ไปจะทำ เหตุที่เป็นเช่นนั้น ต้องใช้คำว่า "ศักดิ์ศรี" ซึ่งตรงนี้ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระวัง จะกลายเป็นสักกายทิฎฐิและมานะ

    ศักดิ์ศรี อย่างเช่นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ให้พระภิกษุของเราประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์ เราจะเห็นว่าถ้าพระภิกษุสามเณรไปประจบคฤหัสถ์ ยอมตัวให้คฤหัสถ์เขาใช้ จะเสียหายหมดทั้งคณะสงฆ์ ทุกคนจะตีราคาพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาต่ำต้อยด้อยค่า ต่ำเตี้ยติดดินทันที

    ดังนั้น...เราจะเห็นว่าแม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังบัญญัติศีลเอาไว้เพื่อป้องกันตรงนี้ แต่เราต้องระมัดระวังให้ดี เพราะว่าความพอเหมาะ ความพอดีนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ใกล้ชิดเกินไปก็ไม่ได้ ห่างเหินเกินไปก็ไม่ได้ จนกระทั่งมีโยมหลายท่านโกรธไปแล้วว่า มาวัดทั้งที
    กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจที่จะพูดคุยอะไรมากมายเลย

    แล้วจะคุยไปทำอะไร ? เสียเวลารักษาอารมณ์ใจของเรา ประมาทเมื่อไร โดนกิเลสกินใจได้ต่างหาก ถึงเป็นเรื่องที่เสียหายใหญ่หลวง

     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แม้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะรู้จักมักคุ้นขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็จะไม่โทรหา จะไม่ไปหา ยกเว้นขอร้องทั้งน้ำตาอย่างพี่อรรณพ (พ.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนา) จะว่าไปแล้ว พี่เขาก็แก่ชราจนกระทั่งเคลื่อนไหวลำบากแล้ว ยิ่งไปผ่าตัดสันหลังมา ก็ยิ่งเคลื่อนไหวยาก ขอร้องให้กระผม/อาตมภาพไปถึงบ้าน ๒ รอบ รอบที่ ๒ ถวายพระเครื่องหลวงปู่ปาน ที่ท่านสะสมมาทั้งชีวิตมา ๒๐๐ กว่าองค์ ถ้าหากว่าคิดเป็นมูลค่าในท้องตลาดก็หลายสิบล้านบาท แล้วหลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ไปอีกเลย..!

    บางคนอาจจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพขึ้นจากเรือแล้วถีบหัวส่ง แต่ไม่ใช่ แม้กระทั่งพี่ณพก็เข้าใจว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนอย่างไร ก็คือถ้าขอร้องให้ไปก็ไป แต่ไม่ได้ขอร้องให้คุณถวายอะไรมา ในเมื่อถวายแล้วก็เป็นของกระผม/อาตมภาพ ไม่ต้องมาอ้างสิทธิ์อีก ฟังดูแล้วเหมือนใจจืดใจดำ

    ท่านทั้งหลายต้องแยกให้ออกนะครับ เพราะว่ากิเลสเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ยึดเกาะอะไรแม้แต่นิดเดียว เราก็จะไปไม่รอดทันที แล้วท่านทั้งหลายเห็นหรือเปล่าว่า
    กระผม/อาตมภาพรับพระมา ๒๐๐ กว่าองค์แล้วอยู่ที่ไหน ? จนป่านนี้กระผม/อาตมภาพยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเอาไปซุกไว้ที่ไหน เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่กระผม/อาตมภาพต้องการ

    ญาติโยมจำนวนมากที่คุ้นเคยแล้วเอาของไปถวายถึงกุฏิ บางที ๘ วัน ๑๐ วันก็อยู่ตรงนั้นแหละ บางอย่างที่เป็นอาหาร ก็กองเน่าอยู่ตรงนั้นแหละ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนประเภทที่ว่า ถ้าไม่ได้หาของมาเองจะไม่จำว่ามีสิ่งนั้น

    อย่างที่เคยเล่าให้ทุกคนฟังมาหลายรอบแล้วว่า กระผม/อาตมภาพเก็บห้องทีไรก็รวยเมื่อนั้น ได้เงินทุกที เพราะว่าออกกิจนิมนต์ได้มา ก็โยนกอง ๆ รวม ๆ กันเอาไว้ นึกขึ้นมาได้ก็ลงบัญชีสักทีหนึ่ง นึกไม่ได้ก็โดนทับไปทับมา บางทีก็หาไม่เจอ เก็บทำความสะอาดห้องทีหนึ่ง ก็ได้เงินหลายหมื่น รู้สึกดีเหมือนกัน ดีใจว่า เออ...ทำความสะอาดห้องแล้วได้เงินใช้

    ตัวอย่างทั้งหลายเหล่านี้ที่เล่ามา เพราะอยากให้พวกท่านทั้งหลายแยกแยะให้ออกว่า สักกายทิฎฐิและมานะ กับศักดิ์ศรีของพระภิกษุสามเณรนั้นเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ที่ผิดมุมเมื่อไร กลายเป็นกิเลสใหญ่ทันที แล้วจุดที่พอเหมาะพอดีก็หายากมาก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    กระผม/อาตมภาพเคยตักเตือนญาติโยมหลายท่านที่มีฐานะดี มาถึงแล้วก็ทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ ขอแอดไลน์ไป ว่าไปวัดอื่นอย่าทำอย่างนี้เป็นอันขาด เขาตามยันบ้านจริง ๆ ประเภทไม่ได้ไม่เลิกอีกด้วย เรื่องพวกนี้ป้าสุรีย์ (นางสุรีย์ เสียมสกุล) เจอมาแล้วกระมัง ? ขนาดไม่ให้เบอร์โทรยังตามไปยันบ้านเลย..!

    ต้องถามเถ้าแก่ประเสริฐ (นายประเสริฐ แก้วบัวดี) กับคุณบุหงา (นางบุหงา แก้วบัวดี) ร้านวัสดุก่อสร้างเป็นเป้าหมายหลักอย่างหนึ่งของบรรดาเจ้าอาวาส มีกฐิน มีผ้าป่า ต้องไปบอกบุญถึงที่ แต่ว่าตั้งแต่อยู่ทองผาภูมิมา ๓๐ กว่าปี กระผม/อาตมภาพไม่เคยบอกอะไรเลย มีมาปวารณาถวายประตูไม้บานใหญ่มา ๒ ชุดของศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย แล้วกระผม/อาตมภาพก็ยืนยันด้วยว่าจะไม่ติดป้ายให้ กระผม/อาตมภาพเบื่ออะไรที่รก ๆ ซึ่งทางด้านเถ้าแก่ประเสริฐกับคุณบุหงาก็บอกแล้วว่า "ไม่ติดก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้ทำบุญ เพราะว่าทำบุญกับท่านอาจารย์ยากมาก ต้องง้อถึงจะรับ" แสดงว่ารู้จริง..!

    ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องค่อย ๆ ปรับตัวเองไป พยายามดูว่าตรงไหนคือเรารักศีล ตรงไหนคือการที่เราแบกกิเลสไว้ ขอยืนยันว่าจุดพอดีลงตัวยากมาก ใกล้ชิดใครเกินไปก็อาจจะยึดติด แล้วอย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะไปพระนิพพานได้..!

    ดังนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ต้องเล็งเป้าหมายอย่างเดียวคือพระนิพพานเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าอยากจะมีชื่อเสียง ดารามากี่คน กูต้องถ่ายรูปโชว์ ลองถามบรรดาดาราที่มาวัดท่าขนุนดูสิ พระอาจารย์เล็กไม่รู้จักสักคน รู้จักแต่รุ่นเก่า ๆ อย่างคุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ หรือคุณปิยะมาศ โมนยะกุลที่มา

    กระผม/อาตมภาพก็ต้อนรับตามปกติ ถ้ามาเวลางานก็บอกชัด ๆ ด้วยว่าไม่มีเวลาคุยด้วย มีอะไรก็ไปทำเอา คุณปิยะมาศยังบอกเลยว่า "เวลางาน..หนูก็ไม่สนใจหลวงพี่เหมือนกัน" ก็คือมีหน้าที่เปิดโรงทานก็เปิดไป

    เรื่องพวกนี้เราทั้งหลายต้องระมัดระวัง เพราะว่าความเสียหายเกิดขึ้นได้ง่าย ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่า พอคุ้นเคยกับคนมีเงินแล้ว ก็ไปยืมเงินเขา ไอ้ที่มีเรื่องมีราวกันอยู่นั่นแหละ อีกรายหนึ่งที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพิ่งจะออกข่าวไป ขอให้โยมขายที่ดินเอาเงินมาสร้างวัด แล้วโยมก็บ้าพอที่จะขายที่ดินแล้วเอาเงินมาให้พระสร้างวัด ตัวเองไม่มีที่จะอยู่ พอจะไปอาศัยอยู่วัด พระไม่ให้อยู่อีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คำว่ากตัญญูกตเวทิตาหน้าตาเป็นอย่างไร ?

    เรื่องพวกนี้มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนาของเรา เหมือนกับสนิมเหล็กที่เกิดจากเนื้อในของเหล็ก แล้วก็ทำลายเหล็กนั้นลงไปเอง จึงเป็นเรื่องพวกเราพึงสังวรระวังเอาไว้ ใกล้เกินไปก็ไม่ได้ ห่างเกินไปก็ไม่ดี ลองไปแสวงหาดูว่าจุดพอดีอยู่ที่ตรงไหน ?

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...