เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ถือว่าเป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เหตุที่ต้องกล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าเพิ่งจะเป็นเวลาตี ๒ เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพต้องกรำงานหนักมาก ก็คือเริ่มเดินทางไปงานหล่อพระที่วัดท่ามะขาม (วัดราษฎณ์ประชุมชนาราม) ออกจากวัดท่าขนุนตั้งแต่ตี ๔ หลังจากนั้นก็มีงานต่อเนื่องมาตลอด จนกระทั่งเสร็จงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อพระครูปัญญากาญจนาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยตะเคียน อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา แล้วเดินทางต่อมาที่วัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี
โดยที่รถยนต์ซึ่งอาศัยเดินทางนั้นก็เสียมาตลอดทาง กว่าจะประคับประคองมาถึงวัดอุทยานได้ก็หมดสภาพทั้งคนและรถ ไม่สามารถที่จะบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนได้ จึงต้องมาบันทึกในเวลานี้ หลังจากที่ได้พักผ่อนมาระยะหนึ่งแล้ว

โดยเฉพาะโบราณนั้นจะนับวันใหม่ก็ต่อเมื่อได้อรุณเท่านั้น คำว่า "ได้อรุณ" ในที่นี้ก็คือแสงเงินจับขอบฟ้า โดยปกติแล้วถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตท้องฟ้าก็จะเห็นว่าค่อย ๆ สว่างขึ้น แต่ว่าเมฆจะเป็นสีเหลือง สีแดงหรือสีทองก่อน หลังจากนั้นเมื่อได้อรุณเต็มที่ ท้องฟ้าก็จะกลายเป็นสีเงิน ดังนั้น..ที่กล่าวกันว่า "แสงเงินแสงทอง" จึงไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวกันจริง ๆ ต้องเป็น "แสงทองแสงเงิน" ในเมื่อยังไม่ปรากฏอรุณขึ้น กระผม/อาตมภาพจึงยังนับเวลาในการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้เป็นวันอาทิตย์

สำหรับการหล่อพระที่วัดท่ามะขามนั้น ก็ได้ท่านอาจารย์มหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม) เป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพขอให้ท่านช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ามะขาม ตั้งแต่ส่งพระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น แล้วท่านก็ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ซึ่งในขณะนี้ก็คือกำลังสร้างอาคารศรีสง่า ซึ่งจะเป็นอาคารปฏิบัติธรรมของทางวัดท่ามะขาม โดยที่จำเป็นจะต้องมีพระประธานประจำอาคารด้วย

ท่านอาจารย์มหาเอจึงไปขอร้องให้ท่านอาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา ซึ่งเป็นปฏิมากรผู้ปั้นพระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน ให้กับทางวัดท่าขนุนมาโดยตลอด เป็นผู้ที่ทำการปั้นพระพุทธรูปซึ่งหล่อกันในวันนี้ แม้ว่าท่านอาจารย์สุชาตินั้นจะมีภารกิจมาก มีงานมาก แต่ท่านก็เมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ ปั้นแบบให้ตามที่ต้องการ ซึ่งกระผม/อาตมภาพต้องขอเจริญพรขอบคุณเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

 

เมื่อมาถึงวัดอุทยาน เข้าที่พักแล้ว ก็ได้ติดต่อขอไปทางทิดเฟิร์สให้ส่งรูปถ่ายสตูดิโอของพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ทุกเนื้อ ทุกพิมพ์ มาให้แก่กระผม/อาตมภาพ เพื่อจะได้นำเข้าทำเนียบวัตถุมงคลของวัดท่าขนุน

พระยอดขุนพลกาญจนบุรีนั้น สร้างขึ้นเพื่อรับสภาวะสงครามในปัจจุบัน ซึ่งเท่าที่ท่านทั้งหลายเห็นอยู่ ก็เรียกง่าย ๆ ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวว่าเป็นสงครามข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวสารปลอมที่เรียกว่า "เฟคนิวส์" โดยที่ทางด้านตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ นาโต้ หรือว่าอียูก็ตาม ได้ออกข่าวในลักษณะที่ว่าทำลายกองทัพรัสเซียไปเท่านั้นเท่านี้ เข่นฆ่าทหารรัสเซียไปเท่านั้นเท่านี้ ฆ่านายพลผู้บัญชาการของรัสเซียไปเท่านั้นเท่านี้

แต่เราจะเห็นว่ารัสเซียใช้กลยุทธ์ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ประมาณว่า "พูดน้อยต่อยหนัก" จะออกข่าวอย่างไร ไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่าค่อย ๆ รุกคืบหน้าไปตามแผนการรบของตัวเอง ก็คือเปิดทางให้ประชาชนทั่วไปอพยพออกจากเมืองต่าง ๆ ที่ตนเองบุกเข้าไปถึง ถ้าหากว่ากำหนดระยะเวลาที่พอสมควรแล้ว บุคคลที่ยังอยู่ก็คือทหารหรือว่าหน่วยต่อต้านทั้งหมด ก็จะทำการกวาดล้างกันแบบไม่ปราณี ซึ่งการรบแบบรัสเซียนี้ บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่เจอเข้าล้วนแล้วแต่เข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ารบก็คือรบ จะไม่มีการมาเมตตาปราณีกัน

ตรงจุดนี้เราทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ทหารรัสเซียนั้นโด่งดังมาตั้งแต่อดีต ซึ่งทหารรัสเซียที่เรารู้จักดีที่สุดคือ ทหารม้าคอสแซค ในอดีตนั้นทหารม้าคอสแซคบดขยี้กองทัพคู่ต่อสู้แบบไม่ปราณี สร้างชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเอเซียและยุโรป ความดุเดือดโหดร้ายนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่ากองทัพมองโกลอันยิ่งใหญ่ของเจงกีสข่านเลย
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะที่สังกัดในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งต้องบอกว่าไปแหย่รังแตนด้วยการตั้งขีปนาวุธจ่อคอหอยรัสเซียอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัสเซียยอมไม่ได้ ตรงจุดนี้ทำให้ประเทศในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือทั้งหมดต้องร้อนตัว กลัวว่ารัสเซียจะบุกต่อมายังประเทศของตน ก็พยายามที่จะช่วยเหลือยูเครนในด้านต่าง ๆ

เราต้องเข้าใจว่าการช่วยเหลือแบบนี้ ก็คือช่วยให้ตีกันในบ้านของคนอื่น สิ่งที่ฉิบหายวายป่วงก็คือบ้านของคนอื่น ก็คือประเทศยูเครน ซึ่งกระผม/อาตมภาพเคยเรียกการรบในลักษณะนี้ว่า สงครามตัวแทน ความเสียหายเกิดแก่ประเทศที่เป็นคู่ศึก ไม่ใช่ประเทศของตน จะว่าไปแล้วก็เป็นการรบที่ไม่ได้มีความเป็นลูกผู้ชายนัก

 

ในเมื่อพระยอดขุนพลกาญจนบุรีสร้างขึ้นมาเพื่อรับภาวะศึกสงครามก็ต้องมีอะไรพิเศษ ซึ่งพิเศษตั้งแต่แรกแล้วก็คือ สร้างขึ้นจากผงวิเศษที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง สั่งให้กระผม/อาตมภาพลบผงพุทธคุณ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ในผงวิเศษทั้ง ๕ อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงพุทธคุณนั้น ผงพุทธคุณจะเป็นผงที่ทำยากที่สุด ต้องทำผงทั้ง ๔ ชนิดแรกเสร็จเรียบร้อยไปตามลำดับ ๆ แล้วก็นำมาเพื่อที่จะลบเป็นผงพุทธคุณ

แต่เนื่องจากว่าสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี เมื่อสืบทอดมาถึงสายกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ตาม เราอาศัยบารมีของพระพุทธเจ้าในการอนุเคราะห์สงเคราะห์มาตลอด ดังนั้น...ผงที่ลบมาใช้งานจึงสามารถข้ามขั้นตอนไปเป็นผงพุทธคุณได้เลย นี่เป็นประการที่หนึ่ง

ประการที่สองก็คือ กระผม/อาตมภาพนั้นสร้างพระด้วยผงน้อยมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าหากว่าทำก็อยากจะให้ดีไปเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผงวิเศษต่าง ๆ ที่สะสมมาตั้งแต่สมัยครูบาอาจารย์ หรือว่าที่ได้รับการถวายมาจากที่ต่าง ๆ ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ มีแม้กระทั่งผงวัดระฆังซึ่งเป็นผงก้นกรุ ได้มาจากญาติโยมที่เมตตาถวายและแท่งผงวัดระฆัง ซึ่งเป็นแท่งที่หลงเหลือมา ได้รับการพิสูจน์ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นเนื้อที่เหลือจากการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังอย่างแท้จริง

หรือว่าผงจิตรลดาที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้สร้างพระสมเด็จจิตรลดา ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้บูชาพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นและบรรจุผงสมเด็จจิตรลดานี้เอาไว้ ตลอดจนกระทั่งผงจากกรุวัดร้างสัมฤทธิ์

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อได้มา ก็นำลงในการสร้างพระผงในวาระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่น ๑ ก็ดี พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่น ๒ ก็ตาม ตลอดจนกระทั่งพระขุนแผนเกราะเพชร ไม่ว่าจะฝังตะกรุดทองคำ ตะกรุดเงิน ตะกรุดนาก หรือว่าไม่ได้ตะกรุด ก็ทำให้ผงวิเศษต่าง ๆ นั้น ร่อยหลอเหลือน้อยลงไปมาก

เมื่ออยู่ในระหว่างที่สะสมอยู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็สั่งให้ทำผงสมเด็จคำข้าว แต่เนื่องจากว่าเหตุผลที่ได้เรียนถวายหลวงพ่อท่านไปก็คือ ถ้าหากว่าทำออกมาแล้ว พระสมเด็จคำข้าวของวัดท่าซุงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเอง ราคาก็จะไปต่อไม่ได้ เพราะว่าญาติโยมก็มักจะมาเอาของใหม่ ซึ่งจะว่าราคาถูกกว่าก็ไม่ใช่

แต่เนื่องจากว่าเป็นของที่ทันยุคสมัยของตนเอง ก็จะได้รับความเชื่อถือมากกว่า ในเมื่อทำให้ราคาของสมเด็จคำข้าววัดท่าซุงไปต่อไม่ได้ กระผม/อาตมภาพจึงกราบขอความเมตตา ขอชะลอการสร้างสมเด็จคำข้าวเอาไว้ก่อน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ จึงได้สั่งให้สร้างพระยอดขุนพลกาญจนบุรีขึ้นมาแทน

 

ในการสร้างพระยอดขุนพลนั้น สร้างตามขนาดพิมพ์มาตรฐานที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือ คนโบราณนั้นร่างกายใหญ่โตกว่ายุคของเรามาก พระที่เราเห็นว่าใหญ่เท่าฝ่ามือ จึงเป็นพระที่พอเหมาะพอดีกับยุคนั้น และกระผม/อาตมภาพก็ได้ขออนุญาตสร้างพิมพ์เล็กขึ้นมาด้วย ซึ่งได้รับอนุญาตให้สร้างแค่เนื้อเดียวคือเนื้อผงสีดำแก่ดินกากยายักษ์ เนื้อผงสีขาวแก่ผงวิเศษนั้น ไม่สามารถที่จะสร้างได้ เพราะว่าผงวิเศษได้เทลงไปในพิมพ์ใหญ่จนหมดแล้ว

เมื่อญาติโยมทั้งหลายบูชาพระยอดขุนพลกาญจนบุรีไป ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้น จะพยายามออกมาให้ทันรับภาวะสงครามที่เกิดขึ้น ซึ่งได้แต่ภาวนาเอาใจช่วยทั้ง ๒ ฝ่ายที่เป็นคู่ศึกต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอเมริกา ยุโรป นาโตหรือยูเครน กับฝ่ายรัสเซีย ซึ่งบัดนี้โดนผนวกจีนและอินเดียเข้าไปด้วย เพราะว่าทั้ง ๒ ประเทศก็ไม่ยอมลงให้กับทางชาติตะวันตกเช่นกัน

ขอให้ทั้ง ๒ ฝ่ายมีสติสัมปชัญญะ อย่าได้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการรบกันเลย เพราะว่าอันดับแรกนั้น จะมีความเสียหายและคนตายจำนวนมากมายมหาศาล ประการที่สองก็คือ สารกัมมันตภาพรังสีนั้นจะตกค้างเป็นเวลานาน

การพุทธาภิเษกพระยอดขุนพลกาญจนบุรีในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่จะต้องขอโดยที่ไม่เคยขอมาก่อนเลยก็คือ ขอให้ป้องกันรังสีนิวเคลียร์ได้ ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ถ้าหากว่าไม่ได้รับอนุญาตจากพระท่านแล้ว ต่อให้เราทำเองขนาดไหน ก็จะมีข้อจำกัดด้วยกฎของกรรม

ญาติโยมทั้งหลายจึงควรที่จะพิจารณา และในการออกพระยอดขุนพลกาญจนบุรี พิมพ์เล็กก็ดี พิมพ์พิเศษฝังตะกรุดทองคำซึ่งมีไม่กี่องค์ก็ตาม จะออกสำหรับงานกฐินวัดท่าขนุน ซึ่งจะมีขึ้นต่อเมื่อเข้าพรรษาแล้วทุกปี แปลว่าจะเว้นระยะห่างจากการบูชาพระยอดขุนพลกาญจนบุรีสำหรับกฐินปลดหนี้นี้หลายเดือน ท่านทั้งหลายไม่จำเป็นที่จะต้องรอ เหตุเพราะว่าถ้าหากว่าสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็จะได้รับไปเลย เพื่อที่จะใช้ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะสงครามได้

ตอนนี้ก็เลยระยะเวลาที่เคยบันทึกเสียงมาแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมในเบื้องต้นแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)