วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    หลวงปู่ดู่ท่านเคยปรารถไว้ว่า

    การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มาก ๆโดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า
    ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อแล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว
    หลวงปู่ได้ยกอุทาหรณ์ สอนต่อว่า
    เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วย คนที่หนึ่งมีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่สองมีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกลงเหวอีก คนที่สามมีมุทิตามาช่วยดึงอีกก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน คนที่สี่สุดท้ายเป็นผู้มีอุเบกขาธรรมเห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้ง ๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรมที่จะช่วยเหลืออยู่
    คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตามเพราะ อุเบกขาธรรมนี้แล
     
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สวัสดีค่ะทุกๆ คน...

    ธรไม่ได้เข้ากระทู้มาจริงๆ จังได้ 3 - 4 วันแล้วค่ะ ทุกคนยังทรงภาพพระกันได้ดีอยู่หรือเปล่าคะ...

    ธรมีเรื่องจะเล่าให้ฟังกันหน่อยค่ะ...

    คือ หลังจากที่ไม่ได้เข้าเว็บมาหลายวัน เมื่อวาน (วันอาทิตย์) ตั้งใจจะเข้า... พอเข้าพลังจิตดอทคอมได้ปั๊บ... ธรยังไม่ทันได้แตะอะไรเลยค่ะ หน้าอภิญญาของหลวงพ่อฤาษี ก็เปิดปั๊บขึ้นมาทันทีเลย...

    จิตเขาบอกว่าท่านอยากจะบอกอะไรบางอย่างค่ะ...

    เลยอ่านทวนไปเรื่อยๆ มาสะดุดกึกตรง...

    อภิญญา มี (อาจไม่เรียงลำดับนะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
    ๑. แสดงฤทธิ์ได้
    ๒. อ่านใจคนอื่นได้
    ๓. มีหูทิพย์
    ๔. รู้อดีตชาติของตัวเองได้
    ๕. รู้ว่าคนและสัตว์ ตายแล้วไปไหน ก่อนเกิดมาจากไหน


    นั่นแสดงว่าคนส่วนใหญ่ที่ตามอ่านกระทู้วิชชาฯ และฝึกตามไปด้วยนั้นได้อภิญญากันแล้วค่ะ...

    เพียงแต่ว่า พวกเราส่วนใหญ่จะติดตรงที่อยากแต่จะแสดงฤทธิ์กันเท่านั้น โดนลืมไปว่า การที่เราได้ ๑ ถึง ๔ ใน ๕ ข้อนั่นน่ะ... ก็เท่ากับเราได้อภิญญากันแล้ว...

    เมื่อเราฝึกปฏิบัติอย่างที่เรากำลังทำกันอยู่นี้... เราเห็นผลแล้ว ได้อภิญญากันแล้ว... แสดงว่าเรามากันถูกทางแล้วค่ะ...

    ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำ คือ อย่าใจร้อน อย่าอยากได้ ทรงภาพพระใสไว้เป็นปกติ... เป็นสัมมาทิฐิ เคารพในองค์พระรัตนตรัยไว้เป็นที่พึ่งสูงสุด พิจารณาวิปัสสนาญาณเป็นปกติ จิตจับพระนิพพานไว้เรื่อยๆ...

    ทำอย่างที่เราทำกันอยู่นี่แหละค่ะ... อีกเพียงแค่ข้อเดียว ทำไมเราจะทำกันไม่ได้ล่ะ ในเมื่อข้ออื่นๆ เราก็ได้กันเป็นเรื่องปกติแล้ว (สำหรับหลายๆ ท่าน)...

    หลวงพ่อท่านเกรงเราจะไม่เห็นค่าในสิ่งที่เราได้แล้วค่ะ... พยายามทรงอารมณ์ต่างๆ เอาไว้ อย่าให้สิ่งเลอค่าที่มีอยู่แล้วเสื่อมหายไป เพียงเพราะความโลภ อยากได้ในสิ่งที่วาระของเรายังมาไม่ถึงนะคะ...

    นำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นกำลังใจค่ะ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ธรรมมะอันเป็นเครื่องคุมใจในการปฏิบัติ ที่ต้องทรงเอาไว้เป็นปกติก็คือ

    -ลมสบาย (อานาปานสติ อันเป็นธรรมเครื่องอยู่หรือวิหารธรรม) เมื่อทรงลมสบายที่ละเอียดจนลมหายใจหายไป ก็คือเราทรงจิตอยู่ในฌาน

    -พรหมวิหารสี่อัปปันนาณฌาน (มีจิตใจที่มีเมตตาจิตมิตรไมตรี ชุ่มเย็นอยู่เป็นปกติ) เมื่อทรงไว้ได้เป็นปกติ ศีลย่อมบริบูรณ์ สมบูรณ์ ส่งเสริมให้จิตแนบในความสงบเย็น ระงับ กิเลสและอุปกิเลสเบาบาง

    -ทรงภาพพระที่ใสเป็นเพชรอยู่เป็นปกติ (จิตย่อมทรงอยู่ในฌานอันมีพุทธานุสติกรรมฐานเป็นที่ตั้ง) เมื่อนั้นย่อมไม่คลาดจากไตรสรณะคมม์ มีพุทธาบารมีช่วยคุ้มจิตจากวิปัสนูปกิเลสและนิวรณ์ห้าประการ อกุศลห่างไกลจากหัวจิตหัวใจของเรา กำหนดจิตและกำลังใจของเราว่า เมื่อเราทรงภาพพระพุทธเจ้าสว่างแพรวพราวอยู่นั้น จิตเราจับกำกับอยู่บนพระนิพพานเป็นปกติอยู่

    -วิปัสนาญาณคุม อายตนะ ทั้งห้าเอาไว้ เห็นในไตรลักษณะญาณเป็นปกติ จนจิตเห็นใน"ธรรมดา" ของทุกสรรพสิ่ง จิตจะปล่อยวาง เบา สงบ ยิ่งสะอาด ปราศจากกิเลสยิ่งขึ้นไปอีก ทรงเป็นอารมณ์พระนิพพานเอาไว้


    เมื่อทรงจิตให้ได้ใน ธรรมทั้งสี่ประการแล้ว กิเลส ย่อมเบาบางลง ความเป็นทิพย์ก็ค่อยๆปรากฏขึ้น เราก็เอา"ธรรมดา " และอุเบกขา มาจับ

    รู้เพื่อละ รู้เพื่อปล่อยวาง ยิ่งปล่อยวางจิตก็ยิ่งยกระดับสู่ภูมิจิตภูมิธรรมที่สูงยิ่งขึ้นไป

    ก็พึงกำหนดว่า ธรรมอันละเอียดปราณีตกว่านี้ยังมีอีก เพื่อจิตอันพิสุทธ์ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือพระนิพพาน

    ขอให้ทุกท่านได้เข้าถึงความดีและผลแห่งการปฏิบัติอันรู้ได้ด้วยตนเอง กระจ่างแก่ใจในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าอันประเสริฐ โดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การปรารถนาพุทธภูมิก็ดี การปรารถนาพระโพธิญาณก็ดี

    พระพุทธเจ้าท่านสอน สรุปรวมสั้นแต่โดยย่อว่า


    "เพื่อปรารถนาให้ท่านผู้อื่นได้เข้าถึงซึ่งความดี"

    ข้อนี้ท่านทรงมีอัตถาธิบาย โดยพิศดารว่า

    เราพึงปรารถนาให้ผู้อื่นได้ถึงซึ่งความดี ในทุกๆระดับ

    ไม่ว่า เป็นมนุษย์สมบัติก็ดี
    สวรรค์สมบัติก็ดี
    พรหมสมบัติก็ดี
    มีนิพพานสมบัติเป็นที่สุด

    ด้วยเหตุนี้ ความดีทั้งปวงก็ดี กุศลทั้งปวงก็ดี การบุญทั้งหลาย ธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้น เราจึงต้องเป็นผู้นำให้ เขาทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งความดี ให้มากที่สุด อานิสงค์ใดที่เกิดผลสูงสุด เราต้องยังให้ยิ่งขึ้นไปอีก

    เมื่อจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายมีแต่กุศล ก็ย่อมยังจิตให้บังเกิดปิติสุข ความชุ่มเย็นในทุกดวงจิตดวงใจจนไม่มีที่ว่างสำหรับ บาปอกุศลกรรมในที่สุด

    การหนุนบุญ หนุนกุศลโดยใช้บารมีหรือกำลังใจของตน เป็นบาทฐานให้ผู้อื่นเข้าถึงธรรมเข้าถึงความดีได้โดยง่าย โดยเราเองต้องมีความเสียสละ ความสุขของตนเพื่อส่วนรวมเป็นสำคัญ

    มิได้ปรารถนาเพื่อความสุข ความดีของตนเอง แต่ปรารถนาเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าถึงซึ่งความดีในระดับที่สูงขึ้นไปยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

    กำลังใจที่ทำที่ใช้ จึงต้องเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารสี่อย่างที่หาประมาณมิได้
     
  5. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    สวัสดี อ.คนานันท์และชาวพลังจิตทุกท่านครับ
    พึ่งได้รับเอกสารวิชชาที่ทำให้อยู่รอดฯ เมื่อไม่กี่วันมานี้ครับ ก็ลองๆฝึกดู มีคำถามดังนี้ครับ
    1. ผมก็ปฏิบัติธรรมมานานพอดูครับ แต่เหมือนไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะการจับภาพพระ มักจะจับไม่ค่อยได้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ
    2. ประมาณ 2 ปีก่อน ฝันเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขยับได้พูดได้ ท่านได้ก้มมาใกล้ๆศีรษะผมและพูดว่า "เตรียมตัวไปจากโลกนี้ได้แล้ว ไปอยู่กับฉัน" ท่านพูดแค่นี้ ผมดีใจจนร้องไห้ในฝันเลยครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นความจริงดั่งท่านว่าหรือไม่อย่างไร
    3. ผมก็พยายามสร้างบารมีเกือบทุกอย่าง ส่วนใหญ่มักจะได้ให้ความรู้(ธรรมมะ)กับผู้อื่น แต่ในเรื่องของญาณทัศนะกลับไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควรครับ
    4. การทรงอารมณ์ในแต่ละวันส่วนใหญ่อารมณ์ผมจะไปอยู่ที่เฉยๆและหนักไปทางเบื่อครับ เห็นอะไรก็จะพิจารณาให้ดูน่าเบื่อและไม่อยากมาเกิดอีก การปฏิบัติที่ว่าอารมณ์ใจสบายไม่ค่อยประสบเลย มีแต่ธรรมดา เฉยๆ ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรครับ
    สิ่งใดที่ อ.คณานันท์เห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับผมก็แนะนำได้เต็มที่ครับ ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยทุกสิ่งทุกประการครับผม
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณดั่งจันทรา ครับ

    สำหรับปัญหาที่ปรากฏก้คือ คุณวางอารมณ์ใจหนักไปนิดหนึ่งครับ

    กรรมฐานต้องวางจิตให้เบาๆสบายๆ สักหน่อยครับ

    การทำจิตให้เบาก็คือ จับลมสบาย(ลมหายใจสงบระงับ และอารมณ์จิตสบาย)ให้ได้ก่อน

    จากนั้น ฝึกการทรงพรหมวิหารสี่ให้จิตมีความชุ่มเย็น เมื่อ นั้นใจเราก็จะเป็นสมาธิความเป็นทิพย์จึงจะปรากฏ ทรงภาพพระได้ละเอียดชัดเจนใสสว่างเป็นเพชร

    ส่วนข้อการพิจารณาแล้วเกิดอารมณ์ที่เบื่อนั้น ต้องพิจารณาต่อไปจนถึงจุดที่รู้เท่าทันสภาวะในไตรลักษณ์ และปล่อยวางครับ เหมือนเราเบื่อแต่ก็ยังแบกไปเรื่อยๆ

    ไม่เช่นนั้นก็จะไม่พบสภาวะจิตที่เบา และคราวนี้ตัว"ปล่อยวาง" จะปรากฏแก่จิตเป็น "ธรรมมานุปัสสนาสติปัฐฐาน" เป็นปกติ ทุกข์ปั๊ป ปล่อยวางปุ๊ป กลายเป็นเห็น"ธรรมดา" รู้เท่าทันสภาวะที่แปรเปลี่ยนทั้งหลาย เห็นทุกข์ สัมผัสทุกข์ แต่จิตเราไม่ทุกข์ (หรือทุกข์น้อยกว่าปกติ)

    สำหรับที่ฝันนั้น เป็นวิสัยที่สามารถ เข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้ได้ครับ

    ขอโมทนาและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้ครับ หากมีโอกาสมาฝึกสมาธิด้วยกันครับ
     
  7. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    ขอบคุณ อ.คณานันท์มากครับ จะลองปฏิบัติดู สู้มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ถอยหลังกลับแน่ครับ

    อยากไปฝึกด้วยเหมือนกันครับ อยากเรียนวิชาครูให้เต็มที่เพราะไปอยู่ที่ไหนผมก็ได้บอกได้สอนธรรมะให้คนอื่นอยู่ตลอด ถ้าอาจารย์มีอะไรพิเศษๆก็อย่าลืมแนะนำกันบ้างครับ

    มีความปรารถนาอยู่หลายประการที่ผมอยากจะทำ เช่น ทำบ้านตัวเองเป็นบ้านปฏิบัติธรรม (ตอนนี้ก็เริ่มเป็นนิดๆแล้ว) หรือไม่ก็บวชเข้าป่าเข้าถ้ำให้สุดๆไปเลย ได้ดีแล้วจึงจะมาสอนคนอื่น แต่ข้อนี้ดูเหมือนยากครับเพราะปัจจัยหลายอย่างยังไม่อำนวย

    แต่ยังงัยก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆครับ กำลังรวบรวมวิชาต่างๆที่เป็นประโยชน์และถ่ายทอดต่อๆกันไป

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  8. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนาครับ ผมเห็นด้วยครับกับพี่คนานัน หลังจากทรงศีลห้า ไม่สงสัยพระรัตนตรัย มีอารมณ์วิปัสนาเบี้ยงต้นคนเราตายเช้า สาย บ่ายคำ่อยู่เสมอ และพิิจารณาต่อถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ท่ามกลาง สลายไปอยู่เสมอและ สรพพสิ่งล้วนเป็นทุกข์สุดประมาณเรากระทบอารมรณ์ไม่พอใจอยู่เสมอ ต้องพลัดพรากจากของรักอยู่เสมอ อยากได้อะไรก็ไม่ได้ล้วนทุกข์กันทุกลมหายใจ ปล่อยวางทุกสิ่งไม่ห่วง ไม่ยึดอะไรทั้งหมดไม่ี ญาติพี่น้องเพื่อนพ้อง ทรัพย์สินอะไรทั้งหมด ตายขอไปนิพพาน ใช้เจโต(ดูใจตัวเอง)ว่าใสเป็นประกายพฤตทั้งดวง สว่างจ้า เมื่อนั้นถามพระ,สมเด็จเราจะพบแต่ความเป็นจริงทุกประการครับ อย่างที่หลวงพ่อว่าผู้ที่ได้มโนมยิทธิจริงๆ100%คือพระอรหัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2008
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    โมทนาสาธุด้วยค่ะ... อย่าเพิ่งเข้าป่าเลยค่ะ มาช่วยกันแนะนำธรรมะให้คนอื่นได้เข้าถึงธรรมด้วยกันดีกว่าค่ะ...

    ทำไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ สบายๆ นึกได้เมื่อไหร่ก็ทำ ขอขมาพระบ้าง แผ่เมตตาบ้าง ขออโหสิบ้าง ให้อภัยทานบ้าง... เดี๋ยวของเก่าก็รวมตัวเองค่ะ

    โมทนาด้วยค่ะ
     
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...เพลินชมดมกลิ่นลิ้นรสสา
    เพลินใจไขว่คว้าไล้สัมผัส
    เพลินฟังร้องเล่นโสมนัส
    เพลินพิศเพลินพลัดกามคุณ
    .................ธรรมดา(ฯ)
     
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...ศิษย์มีครูควรรู้คาราวะ
    โตแล้วจะเทียบชั้นนั้นควรไม่
    หากขาดครูตัวกูเป็นอย่างไร
    ถึงวันนี้มีมั๊ยหนอตัวกู
    ...ใครเทียบชั้นเหยียบหัวแล้วชูหาง
    เบ่งยิ่งใหญ่อวดอ้างน่าอดสู
    มองไม่เห็นหัวหูบุญคุณครู
    ดิ่งลงสู่ขุมนรกตกลำเค็ญ
    ...ครูพ่อแม่ครูอาชีพครูธรรมชาติ
    ล้วนปูลาดสร้างสอนป้อนให้เห็น
    ครูทุกข์ทนครูศัตรูครูกรรมเวร
    ล้วนเคี่ยวเข็ญใจคนพ้นธารกรรม
    ...มองให้เป็นเห็นให้รู้กู่ให้ก้อง
    จิตใจตรองกรองกลั่นยืนยันค้ำ
    หน้าก็ครูหลังก็ครูจารึกจำ
    เหนือบนล่างตอกย้ำคำว่าครู
    ..................ธรรมดา(ฯ)
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เหนือความไม่เที่ยง ****

    พิจารณา...สิ่งเหนือความไม่เที่ยง
    คือ ความเที่ยง

    เพราะ.... สัจจะธรรม คือ ธรรมเที่ยง
    เป็น หลักเดียวสูงสุด

    " ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน "

    ตัวกระทำ จึงเป็นสิ่งยิ่งใหญ่
    คอย จัดสรรทุกอย่าง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอเสริมการปฎิบัตินิดนึงนะครับ

    จากการปฎิบัติโดยตรงของตนเองนะครับ
    การฝึกอาณาปานสติ คือ การฝึกปราณ เพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณครับ
    จากเปลือกนอกคือกายและค่อยๆยกระดับความละเอียดเข้ามาเรื่อยๆครับ
    ความละเอียดของลมหายใจ คือ ปราณ
    ปราณก็มีตั้งแต่หยาบ เข้ามาจนถึงละเอียด
    ซึ่งความละเอียดในแต่ละขั้นจะสัมพันธ์กันกับอารมณ์ของเรา คือ ปิติ สุข และเอกัคคตา ครับ
    การจะฝึกให้ได้ผลนั้นเราต้องเข้าใจก่อนว่า จิตวิญญาณ ควบคุมปราณครับ
    เมื่อเข้าถึงจิตวิญญาณได้ ก็จะควบคุมปราณได้
    เมื่อควบคุมปราณได้ ก็จะควบคุมธาตุทั้งสี่ที่ประกอบเป็นกายได้ครับ
    ก่อนอื่นเราต้องทราบแหล่งกำเนิดปราณในกายว่าอยู่ที่ไหนก่อนครับ
    แหล่งกำเนิดปราณจะอยู่ในโพรงกระดูกของเราครับ
    และกระดูกสันหลังคือท่อในการส่งพลังงานครับ
    นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องจัดระเบียบกายเราให้ตรง เพื่อที่เราจะสามารถรับพลังงานได้อย่างเต็มที่ครับ
    คุณประโยชน์ของการฝึกอานาปานสติ ก็คือ เป็นการฝึกสติ และเป็นการปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 ไปในตัวครับ
    เป็นการใช้ปราณในการชำระไขกระดูกด้านในครับ กระดูกก็จะค่อยๆใสขึ้นครับ
    ในการโคจรลมปราณนั้นก่อนอื่นหากยังไม่รู้สึกถึงปราณ
    เทคนิคในการหายใจท่านเจ้าของกระทู้ได้อธิบายได้อย่างละเอียดชัดเจนแล้วครับ
    ส่วนเทคนิคลัดในการให้เข้าถึงขั้นปราณชำระไขกระดูกได้นั้น
    ให้เราหายใจเข้า-ออกช้าๆจะโคจรจากจมูก-หน้าอก-ท้องน้อย-ฝีเย็บ-กระดูกสั้นหลัง-ศีรษะ-อ้อมกลับมาออกที่จมูก
    หรือจะโคจรในทิศทางกลับกันก็ได้ครับ
    ที่สำคัญไม่ใช่รูปแบบการโคจร แต่สำคัญที่จิตภายในเป็นสำคัญครับ
    ที่ผมกล่าวเป็นเพียงประสบการณ์อันน้อยนิดของผมครับ ขอให้ท่านทั้งหลายลองปฎิบัติดู
    แล้วลองสังเกตดูผลที่ได้ว่าเป็นเช่นไรครับ ;)
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไม่หลงทาง ****

    หาก...มุ่งหลุดพ้นทุกข์
    ทางตรง....คือ ขจัดกิเลสนิสัย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    การที่จะได้ผลเร็ว ต้องกระทำอย่างจริงจัง แต่ระวังอย่าให้ความอยากเป็นตัวนำทางครับ มิฉะนั้นจะหลงไปกับอัตตาตัวตนครับ
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปราณเป็นเพียงอุบายเท่านั้น เป็นวิธีการหนึ่งในการให้เข้าไปดูจริงแท้ๆที่ไร้การปรุงแต่ง ดังนั้นเมื่อเข้าถึงปราณต้องละวางซึ่งปราณ เป็นการละวางตัวตนค่อยๆลอกออกทีละชั้นๆ
    สำคัญที่สุด คือ การปรับจิตให้ใสบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติ
    วิธีการที่สำคัญที่สุดคือ สติ เป็นวิธีการในการให้เรารู้จักตัวเราเองแท้ๆ ว่าแท้จริงแล้วเราไม่ใช่กายนี้ ไม่ใช่ความอยาก ความไม่อยาก ไม่ใช่อารมณ์โกรธ อารมณ์โลภ อารมณ์หลง ไม่ใช่ความคิดนี้
    เป็นการค้นหาตัวตนแท้ๆของตนว่าเป็นเช่นไร
    การฝึกสติปัฐฐาน 4 คือ การตามดู กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม
    คือกระบวนการในการใช้สติพิจารณาตามกฎของไตรลักษณ์
    สิ่งใดที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงสิ่งสมมติทั้งสิ้น
    ความแปรปรวนของกาย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วเราใช่สิ่งนี้หรือไม่
    ความแปรปรวนของอารมณ์ เมื่อกระทบสิ่งเร้า แล้วเราสั่นสะเทือนอารมณ์โต้ตอบ ย่อมมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด ใช่อารมณ์ที่จริงแท้หรือไม่
    ธรรมที่เรายึดมั่น ถือมั่น เป็นธรรมที่ทำให้พ้นทุกข์จริงหรือไม่ หรือเป็นการยึดติดเพียงความคิดที่เราเห็นว่าดี เชื่อว่าจะทำให้พ้นทุกข์ได้จริง เราต้องข้ามพ้นความเชื่อ หรือไม่เชื่อ เพื่อที่จะเปิดทางให้ปัญญาญาณที่แท้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกจำกัด
    เคยสังเกตบ้างไม๊ว่า เวลาคุณเข้าใจสิ่งใดอย่างแท้จริง เป็นการกดปุ่มใช้ปัญญาญาณอย่างแท้จริง ในขณะที่คุณใช้นั้น จิตคุณมีสภาพอย่างไร ปราศจากการปรุงแต่งของอารมณ์หยาบๆ หรือไม่ ปราณในขณะนั้นเป็นเช่นไร ปราศจากความคิดจากความทรงจำ หรือสัญญาเก่าหรือไม่ ปราศจากจิตอดีต และจิตอนาคตหรือไม่
    แล้วจิตแท้ๆเป็นเช่นไร
     
  16. ปุณกะ

    ปุณกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +5,058
    "ของใช้จำเป็นที่ต้องเตรียมได้แล้ว ไม่ต้องรอภัยพิบัติครับ เกิดปุ๊บไปปั๊บทันที"

    -ไฟฉายแบบปั๊ม ไม่ต้องใช้ถ่าน
    - มาม่า อาหารแห้ง
    - หมอนลม
    - เต้นส์
    - ผ้าห่มสนาม
    - ไม้ขีด
    - มีดตัดฟืน ในการหุงหาอาหาร
    - กาแฟ
    - ยาสามัญ วิตามิน
    - เสื้อผ้า พอประมาณ หมวกไหมพรหมกันเย็น
    - หม้อต้มน้ำ
    - เสื้อกันฝน
     
  17. อดีตโก

    อดีตโก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบพระคุณอีกครั้งครับท่านเจ้าของกระทู้ผมไม่รอดแน่ครับอาหรับเอมิเรตเองแต่ผมตายมาหลายครั้งแล้วครับเลยกำหนดตายเมื่อไรก็ได้ไม่กลัวตายมานานแล้วครับน่าห่วงเรื่องศาสนานะครับแต่ธรรมมะชนะทุกอย่างครับขอทุกท่านจงถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทนะครับ
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...แค้นก็หนักเครียดก็หนักอาฆาตหนัก
    ต้องหยุดพักหยุดใจจิตหยุดคิดบ้าง
    เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจต้องปล่อยวาง
    ใจเบาบางสว่างใสในห้วงใจ
    ...ทั้งความรักทั้งความโลภทั้งโกรธหลง
    ต้องปลดปลงละลงบ้างกระจ่างใส
    ต้องรู้ตัวต้องรู้กายต้องรู้ใจ
    สิ่งยิ่งใหญ่สุขสุกใสนัยแห่งตน
    ...................ธรรมดา(ฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2008
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...อโหสิอภัยยกโทษให้
    ละเจ็บใจเคียดแค้นพยาบาท
    ตัดมุ่งร้ายทำลายคิดอาฆาต
    ทิ้งใจบาดเจ็บปวดรวดร้าวไป
    ...ให้ความรักเมตตามาห่อหุ้ม
    มอบโอบอุ้มจิตใจกระจ่างใส
    ส่งการุณย์เกื้อหนุนกำลังใจ
    ใส่อภัยให้กันสรรค์งดงาม
    ...............ธรรมดา(ฯ)
     
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...พุทธธรรมนำพาสงบเสงี่ยม
    จิตใจเตรียมตั้งรับมาฉับมาเฉือน
    ตัดกิเลสปลงใจตั้งตาตั้งเตือน
    ไม่แชเชือนเมตตาขจรขจาย
    ...บุญกุศลศีลทานประดิษฐ์ประดอย
    นำเรียงร้อยด้วยจิตคงสืบคงสาย
    สานบุญงามความดีเพิ่มมากเพิ่มมาย
    โลกคงสวยสดในสุขอิ่มสุขเอม
    ...มอบความรักด้วยธรรมนำทางนำที่
    มอบเมตตาใจมีกสานติ์เกษม
    มอบธรรมรักษาใจให้ปรีดิ์ให้เปรม
    มอบจิตเต็มสว่างกระจ่างกระจาย
    ...ธรรมส่องโลกให้เห็นของเทียมของแท้
    ธรรมส่องให้ทางแก้ทุกข์เหือดทุกข์หาย
    ธรรมสว่างนำทางดวงจิตดวงใจ
    ธรรมสว่างสดใสรุ่งโรจน์รุ่งเรือง
    ....................ธรรมดา(ฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...