การเจริญสติให้ได้ตลอดเวลาคือ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 3 กันยายน 2021.

  1. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ถ้าคุณแนนจะบอกว่า...
    ใช้ท้องพองยุบ...มาเป็นวิหารธรรม...
    อย่างนั้นใช่เลย

    ....จะลมหายใจ
    ....จะท้องพองยุบ
    ....จะการเคลื่อนไหวกาย

    เอาเลยครับ....
    ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องอยู่ให้จิต
    แล้วคอยเห็นความคิด...
    เห็นอารมณ์ของจิต
    เมื่อรู้แล้ว....
    กลับมาที่วิหารธรรม

    นี่คือมรรคที่ถูก
    วิหารธรรมนั้น....แล้วแต่จริตเลยครับ
    ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน
    ....ยังแตกต่างกันเยอะแยะ

    "แต่ของมันต้องมี"

    เมื่อไม่มีวิหารธรรม...
    มันจะปล่อยรู้ไหลไปเรื่อยๆ
    เพราะไม่มีหลัก...
    จิตจะตั้งขึ้นยังไงครับ
     
  2. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ลุงแมวไม่เน่าหรอกคับ เพราะยังไหวตัวทัน เอางี้ ไอ้ที่ไม่รู้จริง อมขี้ปากเขามาพูดแต่ไม่เข้าใจลึกซึ้งหรือปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม อย่าเอามาพูดเลย นอกจากตนเองเน่า คนอื่นเขาไม่เน่าด้วย ขานั้น เน่าจวนจะหมดแล้ว ถ้าเป็นมะเร็งก็ระยะสุดท้าย ที่กุศลไม่พอผ่อนหนัก เน่าแล้วกำลังจะสนิท อย่าไปเที่ยวหาทำตามเขาเลยลุง จริงๆ หรือ จริงไม่จริงก็พิจารณาด้วยตนเองเถอะ แล้วจะรู้ว่า มันน่า ตะเตือนไต อย่าเครียด 555
     
  3. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68

    พี่เก่งอย่าเข้าใจผิด

    เจตสิก ก็จัดอยู่ในส่วนนามธรรม เป็นส่วนประกอบที่มีอยู่ในนามขันธ์

    เจตสิกมันมาจาก สัญญาเวทนาตกแต่ง จึงเรียกว่าเป็นเจตสิก บางทีก้เรียก รูปอารมณ์ บ้างเรียกสังขารละเอียด เพราะเกิดการปรุงแต่ง ซึ่งย่อมมีอยู่ตามธรรมชาติ
    ตามกฎอิทัปปัจจยตา

    เจตสิกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต ดับไปพร้อมกับจิต

    สติก็เป็นเจตสิก ปัญญาก้เป้นเจตสิก

    เจตสิก จัดได้เป็น 52 ประเภท มีทั้งเจตสิก ฝ่ายกุศล ฝ่ายอกุศล ฝ่ายที่เป็นกลางๆ

    ซึ่ง เจตสิกทั้ง 52ประเภท
    ไม่ได้หมายความว่าต้องเกิดขึ้นพร้อมกันกับจิตจนครบทั้ง 52ประเภท

    จิต+เจตสิกฝ่ายกุศล
    จะไม่เกิดพร้อมกันกับ เจตสิกฝ่ายอกุศล เป็นต้น
     
  4. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    พี่ทราบดีคับแต่มันคนละเรื่องเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ พี่ให้ลุงเขาลองไตร่ตรองดู จะว่าสัญญาเจตสิก กับ เวทนาเจตสิก น้องณุ แปลให้พี่ฟังหน่อย สังขารเจตสิกไม่ต้องแปล เผื่อบางที เราเองก็ต้องจับมันแยกออกจากกันเหมือนกัน หมายถึงพี่นะ แปลให้พี่กับลุงฟังหน่อย ขอภาษาธรรมนะครับ ที่พี่กับลุงรู้ตามได้
     
  5. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    เหมือนคนแบบ โครตดันทุรังอ่ะ

    เขาก็บอกว่าเอาสติแนบกายการเคลื่อนไหว หรือรู้ที่อายตนะก็ได้มาก่อนตลอด เพื่อเข้าไปจับความไหวของจิต จะเข้าไปเห็นความคิดในจิตได้ เขาไม่ได้บอกเข้าไปรู้จิตตรงๆ ก็ไม่เข้าใจ .. พอเขาบอกแบบนี้ ก็วิเคราะห์รู้เฉยๆ ไปโน่นเลย ...ไปโดดงับรู้มั่ง บิ้วอารมณ์ รอดับมั่ง คือมโนเก่งมาก

    พอบอกเขามีกรรมฐานหลายรูปแบบ หลายทางให้ฝึก ประมาณ มาเรือแล้วต่อรถก็ไม่ผิด มันก้อถึงจุดหมายเหมือนกัน แต่นางบอก ต้องอานาปานสติ

    อานาปานสติของนางก้อสมถะจ๋าเบอร์นี้ แต่มโนว่ามีอุเบกขา

    ก้อบอกเขาไปเร้ย ต้องฝึกนั่งแข็งมาก่อน เท่านั้นแหล่ะจบ ..เอามาเป็นวิหารธรรม

    อีพายุความคิด เขาไม่ได้ไปสนใจความคิด เขาโฟกัสรู้เฉยๆ เร็วๆ เพื่อหนีอุปทานในจิต เครื่องมือเข้าไปหามัน คือกายคตาสติ (ผสมกรรมฐานหลายกอง) มีสติวิปัสสนาผสมสมถะ ไม่แยกออกไปคนละทาง ก็เข้าใจไม่ได้

    ถ้าจิตเห็นความคิด ค่อนข้างดีแล้ว เขาจะอยู่กับผู้รู้ตรงนี้ อยู่กับจิตตรงๆ เลย ไม่อยู่กับเงาจิตตามอายตนะแล้ว (ถ้ามีครูบอก) นี่ก็คือวิหารธรรมของเขานั่นแหล่ะ


    Me // เบ้ปากมองบน
     
  6. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    ซึ่งดูนามธรรมน่ะไม่ยาก
    เด็กเล่นเกมส์ก็ดูได้....ฝึกสติได้

    ถ้าใจมันขึ้นลงไปด้วยกิเลส
    แล้วเจริญมรรคองค์เดียว...
    ...เข้าไปดูเข้าไปรู้...
    ...พระศาสดา...จะบัญญัติธรรมอื่นทำไม
    มรรคแปด...คงไม่ตรัส
    คงตรัส....แค่สติ....ไปแล้ว
    .....แต่นี่ไม่ใช่

    อ่านทีไรก็ฮาหมูเอ้ย
    ถามจริงๆ ไม่รุ้หรือแกล้งโง่

    สติปัฏฐานนั่นละคือ มรรคข้อเดียว

    เมื่อใดคุณบอกว่า คุณกำลังเจริญสติ นั่นแหล่ะคุณกำลังเจริญมรรค 8ครบ

    ทีนี้ ในวิธี มหาสติปัฏฐาน ท่านก็แจง วิธีออกไปเป็น 21 วิธี

    คุณจะเจริญอานาปานะสติ วิธีเดียว คุณก็เรียกว่าเจริญมรรค 8ครบ
    แต่ปัญหามันไม่ได้ เจริญอานาปานสติอย่างที่พระศาสดาสอน
    ท่านสอนให้กำหนดรู้ลม เข้าออก สั้น ยาว หยาบละเอียดให้รู้ให้ชัด

    ยังมี ระงับสังขารอีกไปเป้นลำดับ

    ไม่ได้ไปเพ่งแค่ลมเข้า ลมออก หรือ ตามลมไปเป็นฐานๆ
    อันนี้มันไปทำเป็นสมถะแบบฤษี ซึ่งมันก้ไม่แปลก ร้อยละ 99 แฉลบไปทางนั้นทั้งนั้น





    เมื่อไหร่ตีความมรรคผิด
    มันจะกระโดดเข้าไปดูเข้าไปรู้....

    นามธรรม....คุณก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ
    ว่ามันหลวงหลอก....

    พระศาสดา...จึงให้ทิ้ง...3ขันธ์นั้นก่อน
    เกาะกับรูปไว้ก่อน
    ถ้าพระศาสดา บอกให้เกาะรูปไว้ก่อน
    แล้วทำไม ต้องไปแจกแจง เพิ่มอีก 20 วิธี ทำไมคุณไม่เคยตอบ
    อ้าว ว่าไง ไม่เคยจะตอบ ไม่รู้เรื่องนะซิเลยตอบไม่ได้





    อย่างที่คุณทำ..
    กระโดดลงทะเลอารมณ์..ทะเลนามธรรม
    นามธรรมมันลากไป...ยังไม่รู้ตัว
    ฉันรู้นั้น....ฉันเห็นนี่....
    ....สำคัญกับการรู้นั้นนี่
    ฉันรู้ยุบยิบไปหมด....

    ....รู้.....ไปทำไมหรอ....
    เห็นสาระของมรรคหรือยัง
    ...คุณแนนรู้ไหม....
    รู้นามธรรมไปเพื่ออะไร
    ....ยิ่งคุณพูดมาว่า
    เห็นยุบยั๊บ...แบบนั้น
    ...ยิ่งแสดงให้เห็นอุปทานในรู้

    ธรรมนี้เพื่อวิจัย....ให้ลึก...หรือเปล่า
    ธรรมนี้เพื่อสะสม...หรือเปล่า
    หรือจริงๆ
    ธรรมนี้เป็นไปเพื่อ...การสละออก

    นี่ต้องกราบจริงๆไหม....
    ไปดูพระพุทธองค์ซักหน่อยเถอะครับ
    ...ขอเถอะ
    ดูสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัส....
    ธรรมโน้มไปทางไหน....

    วางเรื่องที่คุยกับผมไปก่อน...
    ...และไม่ต้องพากันคิด...
    ว่าผมเอาพระศาสดามาบังหน้า

    เพราะประโยชน์ถ้ามันเกิด...
    ...มันเกิดกับคุณเองทั้งนั้น

    วันนี้คุณแนนยังเข้าใจไม่ได้
    กลับไปศึกษา...และพิจารณา...ลงมือทำ
    วันนึงจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดครับ

    ปะๆ กราบ กราบ กราบ ไปยกคำพระศาสดามา
    พอไปยกมา พระพุทธเจ้าไม่เคยกล่าว ว่าไปนั่น
     
  7. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    เพราะสติปัฎฐานที่ทำอยู่มันผิดไงครับ

    ใน...ความรักและมรรคมีองค์8
    ผมก็แจกแจงแล้วนี่ครับ...
    มรรคแปดบริบูรณ์ได้ด้วยแบบไหน

    อ่านหรือเปล่าล่ะครับ
    ผมอธิบาย...
    ....แค่มรรคองค์ที่7 คือสติ
    อย่างเดียวหรือเปล่า

    คุณป.ปราบก็เอาพระสูตร
    ...อานาปานสติ...มาสิครับ

    ทุกครั้งที่รู้รูป...หรือนาม
    กลับมาที่ลมกายใจทั้งสิ้น

    คุณคิดว่า..แค่คำสร้อยของพระองค์หรือครับ
    ....ทุกคำล้วนมีความหมาย

    และการกลับมาที่ลมหายใจ....
    นั่นล่ะคือ....วิหารธรรม

    ไม่ใช่ปล่อยรู้ไปเรื่อยๆยุบยั๊บไปหมด
    ....มองให้ออกครับ....
    ว่าพวกคุณขาดอะไร....ให้จิตไหลไปไหน

    คิดว่าผมตั้งคำถามมาเล่นๆหรือครับ
    ที่ว่า....
    ตอนที่ไม่รู้อารมณ์....จิตอยู่ไหน?
     
  8. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    สัญญาเจตสิก ก็คือ ตัวเดียวกัน
    ที่เขามาเรียก ว่าสัญญาเจตสิก เพราะการสอนอภิธรรม เขาไปสอนเรียกแบบนั้น

    สัญญาเจตสิก
    สติเจตสิก
    ปัญญาเจตสิก

    ซึ่ง
    สัญญา
    สติ
    ปัญญา

    ที่ยกตัวอย่างมานี้ ก็เป็นเจตสิกทั้งหมด
    เพราะ
    พวกนี้จะเกิดขึ้นกับจิตดับไปพร้อมกับจิต
    ตามเหตุปัจจัย ตามกฎอิทัปปัจจยตา

    คือ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

    อย่าง สติ สมาธิ ปัญญา จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีเหตุ

    เหตุก็คือการประกอบ
    การประกอบก็คือการกระทำกรรมดี
    การกระทำกรรมดีที่อยู่ในส่วน การทำให้จิตบริสุทธิ์
    ซึ่งก็คือ การเจริญสติปัฏฐานนั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้
    สติ สมาธิ ปัญญา มันจึงมีมาด้วยการประกอบ ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ
    ถ้านั่งอยู่เฉยๆ ไม่มีการประกอบ
    หรือเรียกว่า
    ไม่มีการ กำหนดรู้ สติ สมาธิ ปัญญาจะเกิดมีขึ้นไม่ได้
    ฉะนั้น พวกคำสอน ที่ไม่ต้องไปทำอะไร พวกนี้พวกคำสอนมิจฉาทิฐิทั้งหมด

    พุทธวจนะ จึงกล่าวว่า
    " โยคาเวชายเตภูริ "
    แปลว่า
    ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติ หรือ บางเล่มจะแปลว่า ปัญญาเกิดจากการประกอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2021
  9. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    คุณก็ยังวนเวียนแต่เดิมๆ

    ใน 21 วิธี
    วิธีไหนก้ได้ คุณจะเดินอานาปานสติ อย่างเดียว ถ้าทำตามพระสูตร
    นั่นเรียกว่า เจริญมรรค 8ครบ

    วิธี ฝึก กำหนดรู้ อิริยาบท หากทำตามพระสูตร ก้เรียกว่า เจริญมรรค 8ครบ

    วิธี กำหนดรู้เวทนา หากทำตามพระสูตร ก้เรียกว่า เจริญมรรค8 ครบ

    แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือ

    พูดอย่างเดียว คนอื่นทำผิด
    ในพระสูตร วิธี กำหนดรู้ อิริยาบท
    ไม่เห็นพระพุทธองค์จะไปบอกให้กำหนดรู้ ลมหายใจ
    มีแต่กำหนดรู้อิริยาบท แถมยังไม่บอกให้ไปกำหนดรู้จิตเสียด้วยซ้ำ ก็บรรลุธรรมได้

    เหมือน อีก 20วิธีที่เหลือ นี่ต่างหาก คุณหมู มิเคยรู้ และมิเคยรู้เรื่อง
     
  10. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,820
    … หากเป็นไปได้ผมอยากให้พี่ @หมูไม้ละ5 โพสต์แสดงความคิดเห็น ซอฟท์ ลงกว่านี้อีกสักนิดนึงจะได้ไหมครับพี่ [^_^] อันนี้ผมขอพี่จริงๆนะพี่… ไม่ใช่ “มุก” ตลกนะครับพี่ _/\_ ผมอยากเห็นพี่ @หมูไม้ละ5 โพสต์แสดงความคิดเห็นแบบที่พี่โพสต์คุยกับผมที่ห้องจักรวาลคู่ขนานนะครับ… อ่านแล้วรู้สึกดีนะครับ… ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับพี่

    บางครั้งภาษาหรือคำพูดนี่มัน ไม่ใช่คำหยาบอะไร แต่มัน แรงส์ นะครับ… ตัวอย่างเช่นในโพสต์ #3518 #3521 #3523 นี้นะครับ… อยากให้พี่ @หมูไม้ละ5 ลองพิจารณาดูโดยละม่อมนิดนึงนะครับ _/|\_ ผมไม่อยากเห็นพี่ถูกแบนครับ


    … ส่วนประเด็นอื่นๆที่พี่ @หมูไม้ละ5 โพสต์เห็นแย้งกับคุณแนน ดอนเมืองหรือท่านอื่นๆ… ผมขอสงวนท่าที ไม่ขอก้าวล่วงวิจารณ์และออกความเห็นใดๆทั้งสิ้นครับ

    ปล. ขอเรื่องส้มตำนิดเดียว... เย็นนี้พี่ @หมูไม้ละ5 ลองไปสั่งส้มตำที่แถวๆบ้านพี่… แล้วสั่ง Order แม่ค้าอย่างสุภาพว่า … สวัสดีครับ… ผมขอสั่งส้มตำไทย กับ ส้มตำปลาร้าที่ปรุงสุกถูกหลักอนามัยอย่างละครกครับ… พริก 2 เม็ดครับ… รบกวนช่วยล้างครกให้ผมด้วยนะครับ… ผมแพ้ ปูเค็ม ครับ… รบกวนช่วยล้างครกให้สะอาดก่อนตำให้ผมด้วยนะครับ… อย่า มารยา นะครับ และคงไม่ต้องให้ผมอธิบายเพิ่มนะครับ” พี่ @หมูไม้ละ5 ว่าพี่จะได้ทานส้มตำไหมครับ? ผมอยากให้พี่ลองพิจารณา...ลงมือทำ วันนึงจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดครับ

     
  11. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    เอาหมู
    นี่ยกมาแล้ว

    1ใน 21 วิธี หมวด กายานุปัสนา
    .......................................................

    [๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์
    ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า

    เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว
    เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น
    เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น

    ย่อมสำเหนียก ว่า
    เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ ตลอด กองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักระงับกายสังขารหายใจออก

    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน
    เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาว
    เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น

    แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน

    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว
    เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น
    เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักระงับกายสังขารหายใจออก

    ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้



    ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายใน
    กายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้ง
    ภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็น
    ธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อม
    ในกายบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียง
    สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัย
    อยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า
    พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ

    ...............................................
     
  12. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    อันนี้ หมวด เวทนามาเลย

    ................................

    -----------------------------------------------------
    [๒๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่อย่างไรเล่า
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    เสวย สุขเวทนาอยู่ ก็รู้ชัดว่า เราเสวย สุขเวทนา
    หรือ
    เสวย ทุกขเวทนา ก็รู้ชัดว่า เราเสวย ทุกขเวทนา
    หรือ
    เสวย อทุกขมสุขเวทนาก็รู้ชัดว่า เราเสวย อทุกขมสุขเวทนา
    หรือ
    เสวย สุขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย สุขเวทนามีอามิส
    หรือ
    เสวย สุขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย สุขเวทนาไม่มีอามิส
    หรือ
    เสวย ทุกขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย ทุกขเวทนามีอามิส
    หรือ
    เสวย ทุกขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย ทุกขเวทนาไม่มีอามิส
    หรือ
    เสวย อทุกขมสุขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย อทุกขมสุขเวทนามีอามิส
    หรือ
    เสวย อทุกขมสุขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวย อทุกขมสุขเวทนาไม่มีอามิส

    ดังพรรณนามาฉะนี้

    ภิกษุ
    ย่อม
    พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในบ้าง
    พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกบ้าง
    พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในเวทนาบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในเวทนาบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในเวทนาบ้าง

    อีกอย่างหนึ่ง

    สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า เวทนามีอยู่
    ก็เพียง
    สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น

    เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า
    พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯ

    ................................................


    ส่วน
    ใครฝึก จนรู้ จัก สุขที่มีอามีส และสุขที่ไม่มีอามิส
    ก็จะแยก สมาธิ 2ประเภทได้ชัด

    คนฝึกได้จริงเท่านั้น จึงจะพูดได้เต็มปากเต็มคำ
     
  13. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    หมวดกายานุปัสนา ในส่วน อิริยาบท
    ................................

    [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อีกข้อหนึ่ง

    ภิกษุ
    เมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่าเราเดิน
    เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่าเรายืน
    เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่าเรานั่ง
    เมื่อนอนก็รู้ชัดว่าเรานอน
    หรือ
    เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ
    ดังพรรณนามาฉะนี้
    ภิกษุย่อม
    พิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง
    พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง
    พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้นในกายบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรม คือ ทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความเสื่อมในกายบ้าง

    ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า
    กายมีอยู่
    ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น

    เธอเป็นผู้อัน
    ตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว
    และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ

    .................................................
     
  14. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    นี่ยกมาแค่ 3 วิธี ใน 21 วิธีของ มหาสติปัฏฐาน

    ใครจะบอกว่า บ้าตำรา อย่าไปเมาตำรา แบกตำรา

    ประทานโทษ

    พระธรรมมีทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์


    พระอภิธรรมปิฎก 42,000 พระธรรมขันธ์
    พระสุตตันตปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์
    พระวินัยปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์


    ที่เอา มาพูด ยังไม่ถึง 10พระธรรมขันธ์ ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง
    ว่า สมควรอย่างยิ่ง ว่า ต้องเรียนต้องศึกษาไหม

    เรื่อง สมาธิ
    เรื่อง สติ
    เรื่องปัญญา
    เรื่อง มรรค 8

    แผนที่ไม่เรียนรู้ เดินทางก็จะผิดตั้งแต่ต้น
    หลงไปเป็นพระยาธรรมไปเป็นพระศรีฯ จะแก้ไขตัวเองได้ยาก
     
  15. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    ก็หลวงปู่ที่ท่านที่เป็นพระอาจารย์สายดูลม
    อานาปานสตินี่ล่ะค่ะ
    ที่มาสอนให้แนนดูจิต ท่านสอนให้แนนดูขณะ
    ดูความคิดดูความเกิดดับ…
    แนนก็ไปส่งการบ้านกับท่านเรื่อยๆ…
    ใช่ว่าจะทำเรื่อยเปื่อยที่ไหน

    ถ้าแนนจะเลือกฟัง
    แนนฟังหลวงปู่ท่าน
    ดีกว่ามาฟังคุณหมูซีโร่ค่ะ

    เพราะคุณ สภาวะไปไม่ถึงท่านเลยจริงๆ
     
  16. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ไปว่าเขาหมูซีโร่ ไม่กลัวเขาโกรธเหรอแนน นี่อันนี้ดีกว่า หมูเน่าเหม็นไหม้ เขาไม่โกรธเลยเห็นไหม (เพราะมันเลยคำว่าโกรธไปแล้ว 555) เลยไม่เรียกโกรธ 555 แซวเล่นนะคับผมคุณแนน
     
  17. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แต่ก่อนเขาใช้ยูส zero2zero ค่ะ
    แนนเลยเรียกรวม
    คุณหมูเขาไม่โกรธคนอื่นหรอก

    มีแต่แนนทำต่อมเขาแตกไปหลายหนละ
     
  18. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    เรื่องนี้ พี่ช่วยตอบ ท่านแห่งภัทรกัปล์องค์สุดท้าย ไม่ได้มีตัวตนจริง เป็นมนุษเสโส ท่านไม่เล่นตลก ท่านไม่ผิดพลาด และท่านไม่ได้ตกกรรม เป็นแต่ความมโนของคนที่ไม่ใช่แล้วบอกว่าเป็น ถึงบอกว่า มีทั้งนิยตะและอนิยตะ ดังนั้นเบื้องต้นคือ ความไม่พลาดคือความไม่พลาด แม้ไม่รู้ก็จะไม่พลาด ที่สำคัญถ้าจริง ก็จะไม่ปรากฏว่าคือใคร และใครพยากรณ์ไว้ มีแต่แบบเดียวกันเท่านั้นที่รู้ เช่นกัน อนิยตะไม่เที่ยง จึงไม่กังวลว่าถ้าผิดพลาดจะเป็นยังไง ส่วนนิยตะ ผิดไม่ได้อีกแล้ว นี่ก็นานแล้ว แต่ยังไม่ใช่ในภัทรกัปล์นี้เช่นกัน อีกนานๆๆๆๆๆๆ หลายพันล้านปีข้างหน้า เห็นจะได้ และถึงตอนนั้น ก็คงมีอีกหลายชื่อ ที่เขาเรียกกัน เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามที่เห็นได้ ทั้งในและนอกพระไตรปิฏก แต่ว่า ไม่รู้รอบหน้า พระศาสดาพระองค์ก่อน เขาจะเรียกอะไร
     
  19. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    เรื่องพระโพธิสัตว์ ผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่า

    ใครจะเป็น ตามคำพยากรณ์ แต่เห็น ใครทำความดีเพื่อปวงประชา
    มีความเสียสละ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป้นใหญ่

    เจริญไปด้วยทางกายวาจาใจ ด้วยความจริงจังจริงใจซื่อตรงมีความองอาจ

    ซึ่งในแต่ละพื้นที่

    เริ่มจากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาค จนมาถึงระดับประเทศ
    ก็จะมี เหล่าผู้เสียสละ อยู่ในทุกชั้น ตามชั้น ตามภูมิ ตามบารมี

    บุคคลเหล่านั้น
    จึงจะได้ ขึ้นชื่อว่า
    เป็นพระโพธิสัตว์ ตามระดับชั้น ตามภูมิ ตามบารมีที่สร้างสมกันไป

    ประเทศเรามีบุญวาสนา
    ที่มี พระราชา ทรงเป็นศาสนูปถัมภก ในพุทธศาสนา มาทุกยุคทุกสมัย

    ทำให้บ้านเรา ไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริ์
     
  20. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ถูกต้องเห็นด้วยครับ พี่ก็เห็นแบบนั้นมาแต่แรก หลวงปู่สิมก็เคยพูดว่า ไม่รู้แต่อย่ารอ ถ้าทำได้ให้รีบทำ พระโพธิสัตว์ต้องยืนข้างพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เพราะต้องขอความรู้และปรับตัวเสมอ ในทุกช่วงชีวิต แต่ความจริงคือ ไม่มีและไม่เคยเห็นว่า จะดึงความจริงมาไว้ที่ตนเอง มีแต่เห็นพระอริยะเจ้าเมื่อไหร่ เห็นพระโพธิสัตว์ทรงบารมีเมื่อไหร่ยินดี อนุโมทนา เท่าที่รู้พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นโพธิสัตว์ เอาเป็นว่า คนไทยโชคดีกว่าใครในโลก น้องณุก็คงมีที่ไปที่ดี ขอให้มีความเจริญยิ่งขึ้นไป และบรรลุในธรรมอันสมควร ที่สำคัญจะต้องไม่ประมาทแต่เรื่องนั้นคงไม่สำคัญ เพราะว่าคงมีตาที่เหนือกว่าตาอยู่แล้ว ยินดีที่ได้รู้จักคับผม สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...