เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 สิงหาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ หลายท่านที่ออกบิณฑบาตสายตลาดเทศบาลด้วยกัน ก็คงจะเห็นแล้วว่า สภาพของทองผาภูมิซึ่งปกติแล้วผู้คนในท้องที่ขวักไขว่ นักท่องเที่ยวหนาแน่น ปัจจุบันนี้ก็คือเมืองร้างดี ๆ นี่เอง

    กระผม/อาตมภาพดูแล้ว รู้สึกเหมือนอย่างกับบ้านเมืองยามศึกยามสงคราม คนที่บาดเจ็บก็เข้าโรงพยาบาลรักษาตัว คนที่ยังไม่เป็นอะไรก็พยายามหลบหนีเข้าไปในป่าในเขา ในสถานที่ซึ่งคิดว่าตนเองจะปลอดภัย

    ตรงจุดนี้จะว่าไปแล้ว เราจะหวังพึ่งคนอื่นไม่ได้ ลักษณะเหมือนกับชาวบ้านบางระจัน จะไปหวังพึ่งจากส่วนกลางก็คือเมืองหลวงไม่ได้ สาเหตุเพราะว่าบางทีส่วนกลางก็ไม่เห็นความสำคัญของที่อื่น ไม่เห็นความรีบด่วนของที่อื่น มีอย่างเดียวคือเราต้องพึ่งพากันเอง ผู้ที่มีมากต้องจุนเจือผู้ที่มีน้อยหรือขาดแคลน ไม่ว่าจะในด้านข้าวปลาอาหาร เวชภัณฑ์ ตลอดจนกระทั่งสถานที่อยู่ต่าง ๆ


    อย่างวันนี้พวกท่านส่วนหนึ่งก็เห็นว่า ทางคณะอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลท่าขนุน มาขอพวกขนม น้ำดื่ม แล้วก็น้ำหวานสำหรับเด็ก ๆ ซึ่งตรงนี้กระผม/อาตมภาพลืมไป มัวไปช่วยเหลือแต่ผู้ป่วย จนลืมครอบครัวของเขา ก็เลยทำให้บรรดาเด็ก ๆ ทั้งหลาย ที่เท่ากับโดนกักตัวไปโดยปริยาย เพราะว่าออกจากบ้านช่องไม่ได้ พ่อแม่ไม่อยู่ ซึ่งขาดแคลนข้าวปลาอาหารก็ยังพอทน เพราะว่าทางเทศบาลนำไปมอบให้ แต่เด็กขาดขนม..! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลยต้องมอบให้เขาไป

    อีกส่วนใหญ่ก็คือผู้ใหญ่ที่ขอมา ขอสิ่งที่ทางเราคิดไม่ถึงอีกเหมือนกัน คือขอผงชูรส..! กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงสมัยที่นำเอาข้าวของไปแจกบรรดาพี่น้องชาวกะเหรี่ยง ปรากฏว่าหลังจากแจกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่า "ครั้งหน้าถ้าหลวงพ่อมา ช่วยหากาแฟกับชูรสมาให้ด้วย" นั่นคือสิ่งจำเป็นของเขา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    แบบเดียวกับที่ผลงานวิจัยปี ๒๕๕๘ ระบุไว้ชัดเจนว่าบ้านทุ่งเสือโทนที่เป็นบ้านกะเหรี่ยง รายจ่ายครัวเรือน ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นค่ากาแฟ ก็คือชาวบ้านติดกาแฟถึงระดับที่ว่า ถ้าไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วไม่มีแรงจะทำงาน เรามาลองนึกถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ว่า หาเงินได้ ๑๐๐ บาท ต้องซื้อกาแฟไป ๓๐ บาท จะน่ากลัวขนาดไหน ?

    แล้วที่ญาติโยมที่เป็นผู้ใหญ่ที่ศูนย์อพยพ ซึ่งโดนกักตัวอยู่ขอมาก็คือขอผงชูรส ลักษณะเดียวกับที่พี่น้องกะเหรี่ยงขอเหมือนกัน ผมไม่ได้เห็นกับตาว่าเขากินผงชูรสดุเดือดขนาดไหน แต่ก็ต้องจัดสรรให้ไป

    แต่จากประสบการณ์ตอนสมัยที่ออกไปรับราชการ ที่กองพลทหารราบที่ ๙ สมัยนั้นยังเป็นค่ายกาญจนบุรี มาเปลี่ยนชื่อเป็นค่ายสุรสีห์ภายหลังหลายปีจากนั้นมาก มีพลทหารอยู่ ๑ นาย ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังจำชื่อได้แม่นยำทุกคน พลทหารสมควร สมอาจ คือชื่อ สมควร นามสกุล สมอาจ

    พลทหารสมควรไม่ได้ง้อข้าวปลาอาหารของโรงเลี้ยง ไปถึงโรงเลี้ยงก็ตักข้าวมา ๑ ถาดพูน ๆ คือเป็นถาดหลุม ปริมาตรก็ประมาณข้าวแกงที่เขาทำขายสัก ๕ จาน ล้วงเอาซองผงชูรสซองเล็กออกจากกระเป๋าตัวเองมาฉีก โรยลงบนข้าว แล้วก็เอาน้ำปลาพริกที่ทางโรงเลี้ยงมีไว้ให้ราดทับ แล้วตักกินอย่างนั้นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปสุขภาพร่างกายจะเป็นอย่างไร เพราะว่าตอนนั้นทหารเกณฑ์ก็อายุ ๒๑ - ๒๒ ปี ต้องบอกว่ากินกันได้น่ากลัวขนาดนั้น..!

    อีกส่วนหนึ่งที่เรานึกไม่ถึง อย่างช่วงที่ดำเนินการร่วมกับคณะอินทราพงษ์ เอาข้าวของไปแจกพี่น้องม้งทางด้านภาคเหนือ ก็ส่งคณะทำงานไปสืบก่อนว่าเขาขาดแคลนอะไร ในความรู้สึกของพวกเราก็คือ ต้องหาพวกเสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ไปให้เขามากหน่อย เพราะว่าพื้นที่บางแห่งนี่หนาวทั้งปีเลย ปรากฏว่าสิ่งที่เขาขอมาไม่ใช่เสื้อกันหนาว ไม่ใช่ผ้าห่ม แต่เป็นเกลือทะเล งานนั้นก็เลยต้องซื้อเกลือจากสมุทรปราการ สมุทรสาคร ขึ้นไป ๑๐ ตัน

    เฉพาะเกลืออย่างเดียว ใช้รถยีเอ็มซีของทางด้านศูนย์ปฏิบัติการพิเศษค่ายอานันทมหิดลที่ลพบุรี รถยีเอ็มซี ๑ คันขนเกลืออย่างเดียวเลย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เราจะเห็นว่า บางสิ่งที่เราคิดว่าใช่ กลับไม่ใช่ บางสิ่งที่เราไม่คิดว่าใช่ กลับเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นที่ต้องการของเขามาก ก็ยังบอกกับพวกเขาเอาไว้ว่า ถ้าหากเป็นเรื่องเกลือนี่สบายมาก จะเอาเท่าไรก็ได้ เพราะว่าภาคกลางเราทำนาเกลือ พี่น้องม้งบอกว่า "เฮาบ่เจื้อ..เกลือปลูกบ่ขึ้น..!" ก็จริงของเขา เกลือปลูกไม่ขึ้น แล้วจะทำนาเกลือได้อย่างไร ? ก็คงจะต้องปล่อยให้เขาทำความเข้าใจกันต่อไป

    ในส่วนนี้เราไม่สามารถที่จะรอรัฐบาลได้ เพราะว่าจนป่านนี้ก็ยังมีแค่ข่าวว่า ตอนนี้เซ็นสัญญาซื้อไฟเซอร์ ๓๐ ล้านโดส ปีหน้าจะเซ็นสัญญาซื้อ ๕๐ ล้านโดส ฟังดูแล้วเหมือนเรามีวัคซีนเยอะมาก แต่ไม่มีอะไรเลย..! เขาบอกว่ากำลังเซ็น และปีหน้าจะเซ็น พวกท่านเองอาจจะไม่ได้มีสติขนาดผม หรือไม่ก็ไม่ได้ช่างจับผิดขนาดผม ก็เลยไม่รู้ว่าสันดานนักการเมืองที่ตอแหลไปวัน ๆ พูดเอาคะแนนเสียงใส่ตัว เขาพูดกันแบบนี้ กำลังเซ็น...ปีหน้าจะเซ็น แต่ชาวบ้านตรงหน้าเราล้มตายลงทุกวัน แม้กระทั่งอีกสักครู่ที่จะออกไปงานศพท่านอาจารย์ลี ปญฺญาวชิโร นั่นก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านมรณภาพเพราะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หรือเปล่า ?

    ในเมื่อเราพึ่งพาส่วนกลางไม่ได้ มีอย่างเดียวคือพึ่งกันเอง ก็ทำตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือทาน แบ่งปันกัน ปิยวาจา ปลอบโยนกันไป อัตถจริยา ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขาได้ก็ต้องทำ ท้ายสุดก็คือสมานัตตตา อย่าให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้หายไปหลังจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หายไปแล้ว แต่ต้องทำให้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อที่ให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้กลายเป็นคุณงามความดีประจำสถานที่ หรือว่าประจำหมู่บ้านของเรา ประจำชุมชนของเรา

    ถ้าเรามีการยื่นโยนแบ่งปันกัน ในลักษณะของครอบครัวเดียวกัน มีความรักใคร่สามัคคีกัน ชุมชนของเราจะดี ถ้าชุมชนอื่นเห็นแล้วทำตาม หลายชุมชนรวมกัน ตำบลนั้นก็จะดี ถ้าตำบลอื่นเห็นดีเห็นงามทำตามหลาย ๆ ตำบล อำเภอนั้นก็จะดี และท้ายที่สุดจังหวัดก็จะดี ประเทศชาติก็จะดี

    แต่ถึงแม้จะไม่มีใครทำตาม เราก็ควรที่จะทำเช่นนี้ อันดับแรกก็คือ รักษาคุณงามความดีที่เราได้ทำเอาไว้ อันดับต่อไปก็คือ ลูกหลานญาติพี่น้องที่เป็นคนรุ่นหลัง ๆ ต่อไปก็จะได้นำสืบความดีเหล่านี้ต่อไป เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้รักษาหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางส่วน ให้อยู่คู่กับสังคมของเราเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

    สำหรับตอนนี้ก็คงต้องออกไปงานศพที่วัดปรังกาสีต่อ ก็ขอรบกวนเวลาทุกท่านแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...