นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (นิมิตรอัศจรรย์...รุ่นครอบจักรวาล)

สรุปยอดร่วมบุญพระสมเด็จมหาโภคทรัพย์

พิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดทองคำ 12 องค์ ๆ ละ 2,000 บาท = 24,000 บาท

พิมพ์ใหญ่ ฝังตะกรุดเงิน 15 องค์ ๆ ละ 1,000 บาท = 15,000 บาท

พิมพ์ใหญ่ ไม่ฝังตะกรุด 12 องค์ ๆ ละ 700 บาท = 8,400 บาท

พิมพ์เล็ก 34 องค์ ๆ ละ 500 บาท = 17,000 บาท

รวม 64,400 บาท มีผู้ร่วมทำบุญเพิ่ม 15,599 บาท

รวมยอดโอนให้โรงเรียน 79,999 บาท

กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาจะครบ 5 ปีแล้วในเดือนหน้านี้ แรกเริ่มก็เล่าเรื่องประสบการณ์ต่าง ๆที่ผมพบมา และการพยายามสร้างเครื่องราง ต่าง ๆ เพื่อใช้เอง (ใช้เองต้องเด็ดสุด)

โดยผมยึดถือแนวทางว่า “ไม่ได้มาขายของ ถ้าเราเป็นของจริง ยังไงก็คือของจริง” ซึ่งก็ไม่ได้อิงตามกระแสตลาดเพราะไม่ได้มาเพื่อขาย จนลากยาวมาหลายปี ...

ซึ่งแนวทางก็ถือว่าถูกต้อง เพราะมีแฟนพันธ์แท้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่มาได้เกือบ 5 ปีแล้ว

การสร้างเครื่องรางหรือพระเครื่องต่างๆ ก็ไม่ได้กะรวย เพราะของดีมีคุณภาพมักมีน้อย จนบางท่านว่าตะกรุดสายนี้แพง ก็แพงนั่นล่ะครับเพื่อเอาส่วนต่างกำไรไปทำการกุศล และของดีต้นทุนก็ย่อมแพง เหมือนตีมีดหมอใช้เองนั่นล่ะครับ เราอยากได้ของดีต้องลงทุน... และหมดทุกรุ่น ถ้าแพงแล้วขายไม่ออกนี่ค่อยน่าคิด...55

แต่สิ่งสำคัญผมพยายามสอดแทรกหลักธรรม ความจริงที่ครูบาอาจารย์สอนมา และพยายามสร้างบุญกุศลเสมอ ...

ผมประกาศชัดไปแล้วไม่ใช่นักบุญ เป็นคนเทา ๆ ด้วย ถ้าโมโหก็ด่า บล็อกไลน์ บล็อคเฟสไปหลายตัวแล้ว ในเฟสผม เพื่อนเฟสคงเห็น มีแต่รูปพระเครื่อง ของขลังกับรูปแมว55 เรื่องทำบุญประกาศหน้าเฟสไม่ค่อยลงหรอกครับ ที่ลงบ้างเพราะเพื่อนมันขอให้ลงบ้างจะได้อนุโมทนา

พระ วัตถุมงคล ตะกรุดผมถือหลักว่า จะสำเร็จด้วยคนเอาไปอาราธนา เลี่ยมทอง เลี่ยมเงินหรือเลี่ยมติดกายจนเกิดผล นั่นล่ะคือสำเร็จแล้วทุกท่านจะติดตามกันเอง ไม่ใช่เอาไปเก็บใส่ถุง คนกดพระคนสร้างน้อยใจแย่จริงไหม ??

ท้ายที่สุดการที่ผมได้ไปเห็นโรงเรียนกับตา ผมคิดในใจ “ดีกว่าทำบุญกับวัดอีกวุ่ย....” (ไม่ใช่ว่าทำกับวัดไม่เด็ดดวงนะครับแต่ที่เห็น ๆ วัดต่าง ๆ หลายที่มีเกินพอดีแล้ว จะทำบุญกับพระอริยเจ้าท่านก็ไม่ค่อยจะเอาอะไร ใส่ซองให้ท่านก็ไม่รับ... ) ซึ่งเจ้าของผงหลวงปู่โตก็เห็นด้วยเลยได้ผงวิเศษมา ซึ่งผมมั่นใจว่าใส่มวลสารมากกว่าหลาย ๆ ที่แน่เพราะเราไม่ได้สร้างมากแบบกะขายให้รวย...

งานบุญทุกอย่างยึดตามแนวทางครูบาอาจารย์ซึ่งจะสำเร็จได้ด้วยแรงบุญของทุกท่าน ผมแค่ลงแรงไปนิดหน่อยเท่านั้น

รุ่นนี้ก็พยายามตั้งค่าบูชาไม่สูงมาก (กระทู้นี้ของแพงเขาร่ำลือกันอยู่ 55) เพื่อให้พระกระจายไปหาหลาย ๆ ท่านจนผมก็เหลือองค์เดียว ยอดทำบุญไม่ได้คาดหวังมาก เพราะการทำบุญวัดกันด้วยใจไม่ใช่จำนวนเงิน ทำด้วยศรัทธาแม้ยอดเงินน้อยก็ได้บุญมาก (อันนี้หลวงปู่เหิรสอนมาเอง)

ท้ายที่สุดได้ยอดบุญขนาดนี้ผมก็ดีใจแล้วเพราะใช้เวลาแค่วันสองวันเท่านั้น พระก็หมดเกลี้ยง

ผมปลาบปลื้มใจมาก ผมไม่มีบารมีพอที่จะให้พรใคร ก็ขอบารมีหลวงปู่โต บารมีหลวงปู่เหิร หลวงปู่โนและครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ช่วยเหลือมาตลอด อวยพรให้แก่ผู้ร่วมบุญนี้ประสบความสำเร็จดังหวังทุกประการ หมู่มารพินาศแพ้ภัยไป มีแต่ความสุขทุกประการด้วยนะครับ...

 

สมเป็นพระมหาลาภโคตร ๆ และป้องกันภัยพิบัติ

ต่อบุญกุศลไปได้ไม่หยุดยั้งครับ...ให้โรงเรียน

 

ดังครูบาอาจารย์ที่อธิษฐานจิตได้กล่าวไว้ "สร้างได้ถูกที่ถูกเวลามาก...ฯ"

ผมเองที่ชอบเรื่องนี้เพราะงี้ล่ะครับ ใช้ได้ผลไม่ใช่มโน และได้ผลยาวนาน เรียกว่าติดคอเลย...

หลายท่านได้รับก็แจ้งว่าสวยงาม เข้มขลังถูกใจ

เราสร้างเพื่อแบบนี้ล่ะครับ ให้ไปยกดวงชะตา ... ให้ผู้ร่วมกุศลได้รับแต่สิ่งดี ๆ

ผู้ใจบุญสร้างบุญกุศลทานเป็นกิจวัตรจะได้ไม่เสียกำลังใจ...


ให้อะไรใครไปก็จะได้รับแบบนั้น จึงเน้นคุณภาพ ไม่ได้ทำมากเป็นพัน ๆ องค์.. เพราะมวลสารมีจำกัด...

ย้ำ พระหมดแล้วเด้อ ผมเหลือองค์เดียว องค์ละหมื่นก็ไม่มีให้ครับ...

 

หลวงปู่ท่านบอกผมเองนะครับ...

ขอให้มีศรัทธา แบบเราเรียนโรงเรียนไหนแล้วถ้าเราไม่เชื่อมั่นในการเรียนการสอน เราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ท่านชี้มาที่คอผม...

"ถ้า..(ชื่อผม)...เอาติดตัว เทพเทวดาจะตามคุ้มครองทุกหนทุกแห่ง ลาภสักการะไม่ต้องห่วงเลยจะมีแต่คนเอามาให้...."

 

แฟนพันธ์แท้ท่านนึงส่งมาให้ชม....

 

แฟนพันธ์แท้อีกท่านส่งมาให้ชมครับ

 

พระสมเด็จนับว่าเป็นที่สุดไปแล้ว แต่ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป....

โครงการถัดไป ก็หลังปลุกเสกท้าวเวสสุวรรณไปแล้วนะครับ อาจเป็นเครื่องรางในตำนาน เพื่อเปลี่ยนรสชาติ ก็ต้องรอลุ้น... รับรองถูกใจและมีน้อยตามสไตล์เครื่องราง...

ทีนี้ ผงหลวงปู่โตยังมีเยอะอยู่ครับ ก็ใช้ไปประมาณครึ่งกระปุกที่ได้มา ได้นำเข้าเสกพร้อมพระสมเด็จด้วย (กรี๊ด ๆ ๆ ๆ )

ทีนี้ ตามสไตล์ผม หากจะมีรุ่นต่อไปต้องให้เกิดความแตกต่างและท้าทายอย่างยิ่ง ก็อีกนานก่อนครับ เพื่อให้หายเหนื่อย และวางแนวทางการปลุกเสกใหม่ให้ฉีกแนวทางเดิม ๆ เพราะของเดิมก็ดีมากแล้ว แน่นอน ต้องเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ไม่ใช่ มหาโภคทรัพย์...

จะได้ มี 2 รุ่นที่ไม่ซ้ำแบบใคร แบบใช้คู่กันยิ่งดี...

ต่อจากนี้ไปจะพักยาว รอหลังปลุกเสกท้าวเวสสุวรรณก่อนนะครับ ข่าววงในว่า เต็มไปหลายเนื้อแล้ว...

แม้เกิดสถานการณ์อย่างไรอย่างมากก็ปลุกเสกกันเงียบ ๆ ครับ...

มวลสารที่เหลือผมฝากพระอาจารย์เข้าปลุกเสกพิธีท้าวเวสสุวรรณแล้ว...ให้ขลังขึ้นไปอีกชั้น...

 

ตามตำนาน คชสีห์นี้ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์มากที่สุดในกระบวนพญาราชสีห์ทั้งหมดเพราะเป็นที่รวมของพญาสัตว์ที่เป็นเจ้าป่า สองชนิดคือ พญาช้างคชสาร ที่เป็นช้างเผือก ร่างหนึ่งของช้างเอราวัณ ช้างทรงของพระอินทร์ กับ พญาราชสีห์หรือพญาสิงห์ ผู้เป็นเจ้าแห่งมหาอำนาจเหนือหมู่สัตว์ทั้งหลายในป่า พญาคชสีห์ สิงหเดชะ จึงรวมทั้งพละกำลัง อิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช น่าเกรงขามของช้างเอราวัณไว้ ผนวกกับความเป็นมหาอำนาจ ตบะ มหาบารมี ของพญาราชสีห์ไว้ด้วยกัน พญาคชสีห์ สิงหะเดชะ ตนนี้จึงอุดมไปด้วยพลัง เข้มแข็ง คงทน มีมหาอำนาจดุจเจ้าป่า มีกำลังดุจช้างสาร มีงวงที่ชูช่อกำชัยชนะ ยกสองขาบันลือสีหนาทเหนือชั้นกว่าอำนาจใดๆ ทั้งปวง
วิภาคตามหิมพานต์ลักษณะของพญาคชสีห์สิงหเดชะ 9 ประการดังนี้ครับ
1. ชูงวงกวักลาภ ม้วนเงินทองให้ไหลเข้ามา
2. งาแก้วชูช่อคอยกำหลาบศัตรู
3. คอตั้งยกสูงข่มภูตผีปีศาจ
4. ยกขาหน้าลักษณะตะปบเหยื่อแสดงถึงการกินที่กุมชัยชนะไว้ได้
5. ขวัญ สามขวัญ แทนกำแพงแก้วเพชรเกราะกำบังเชิญมหาเทพตรีมูลติ (พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์)
6. ขาหลังเหยียบพื้นหนึ่งข้าง แสดงถึง พื้นฐานที่คงมีหลักชัยไม่เอนเอียง
7. ขาหลังอีกข้างแสดงอาการก้าวเดิน เจริญก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง
8. หางยาวคลุมตัวปัดไล่อุปสรรคขวากหนาม
9. ท้องมี 8 ปล้องแทนความหมายมงคลที่โบราณเรียงกันดังนี้ --> แก้ว, แหวน, เงิน, ทอง, เจริญ, สุข, สด, ชื่น

ที่มา

 

คชสีห์ เป็นสิงห์ผสม คือ สัตว์ประสมที่มีลักษณะของราชสีห์กับช้าง โดยมีกายเป็นสิงห์และมีหัวเป็นช้าง มีพละกำลังเทียบเท่าช้างกับสิงห์รวมกันและมีความน่าเกรงขาม อดีตในราชสำนักตั้งแต่สมัยอยุธยาได้นำตรารูปสัตว์หิมพานต์มาใช้เป็นสัญลักษณ์ตราประจำตำแหน่งของเสนาบดีและหมวดงานตกทอดมาถึงยุครัตนโกสินทร์ ในคติไทยนั้นถือว่าช้างเป็นสัตว์ประจำชาติใช้ในราชสงคราม ดังนั้นตราคชสีห์จึงสอดคล้องกับข้าราชการที่ออกสงคราม ซึ่งหมายถึงทหารนั่นเอง ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ตราคชสีห์ เป็นตราสัญลักษณ์ของสมุหกลาโหม บังคับหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งปวงเป็นสัญลักษณ์ของทหารหาญผู้รักษาราชบัลลังก์ และผู้ปกป้องผืนแผ่นดิน

ที่มา
http://phramerumas.finearts.go.th/item.php?itemID=54

 

ในภาพแกะจากงาช้างตายพรายครับ....สร้าง 30 ตัวให้บูชา 24 ตัว

จะปลุกเสกให้มากที่สุดให้สมกับเป็นพญาคชสีห์ที่ทรงอำนาจที่สุด....แช่น้ำมันวิเศษด้วย

 

ด้วยเดชะ 9 ประการของพญาคชสีห์ จึง plan ว่าจะปลุกเสก 9 ครั้ง..!!!

และจะจัดเป็นชุด อยู่ระหว่างเจรจาของแถมอย่างนึงครับที่ทรงคุณค่ามากๆๆ...

 

ของแถมที่จะจัดชุดพร้อมพญาคชสีห์สยบไพรี เสกมาหลายแต่ครั้งพญาเขาคำแล้วจะเสกซ้ำอีกที...ขนาด 3 ml ประมาณขวดรักยม...

 

มาแล้วครับ พญาคชสีห์สยบไพรี
ตัวใหญ่ดี

 

จะเริ่มต้นเสกแล้ว จนกว่าจะครบ 9 ครั้งปิดท้าย 5 มิถุนายน

 

ยกแรก เสกนานถึง 3 ชม.

 

ยกที่ 2

 

ยกที่ 3

สัมภาษณ์มาแล้วครับ

ยกแรก...ใช้เวลา 3 ชม.ท่านลงตามสูตร ท่านกล่าวว่า "คุณอำนาจในตัวมีอะไรใส่ให้หมด ไปนอนที่ไหนไม่ต้องกังวลเลย " ที่ปรึกษาว่าท่านเน้นคุ้มครองป้องกันตามหลักมาตรฐาน

ยกที่ 2 นี่สิพิสดาร ด้วยวิชาสายมอญ ลงเฉพาะวิชาสิงห์จริง ๆ ร้ายกาจมาก

ยกที่ 3 ไม่ต้องพูดถึงท่านว่าเหมือนปืนไรเฟิลเลย เสริมอิทธิฤทธิ์

ตอนนี้จะว่าไม่ต้องเสกแล้วยังได้เลยครับ ผมยังแซวว่า "เสกต่อจะเข้าเหรอ ??"

"จากนี้ไปไม่ใช่การเสกแล้วล่ะ เป็นการอธิษฐานจิตเสริมอำนาจให้ดียิ่งๆขึ้น"

ก็ตามสูตรแห่งสิงหะเดชะที่วางไว้คือให้ครบ 9 ประการ เสกให้ครบ 9 พิธีครับ

ปิดท้าย เสาร์ 5 มิถุนายน 2564 พิธีใหญ่ให้สมกับเป็นการสร้าง สุดยอดแห่งราชสีห์ทั้งหมด คือ พญาคชสีห์สยบไพรี...

หมายเหตุ : ที่ปรึกษาเอาเชือกร้อยตรงขาพญาคชสีห์ไว้ทุกตัวครับ กันกระโดดหายไปยุ่งเลย555