วัตถุมงคล หลวงพ่อตัด วัดชายนา จ.เพชรบุรี

รายการที่ 163 พระปิดตาเยี่ยวชะนี หลวงพ่อตัด วัดชายนา เนื้อก้นครก ปี 2550 ฝังตะกรุด 1 ดอก

ปลุกเสกพิธีวันเพ็ญ ปี 2550 และยังได้ทั้งพลังจากศาสตร์ลึกลับจากผงเยี่ยวชะนี(ยาเสน่ห์ลาวโซ่ง) ที่เป็นมวลสารสำคัญ พุทธคุณเมตตาเย็นๆมาเต็ม เชื่อขนมกินได้ครับ
ชุดนี้สร้างไว้ไม่เกิน 500 องค์
เลี่ยมกันน้ำพร้อมขึ้นคอครับผม

มีผู้บูชาแล้วครับผม

 

"ขุนแผนนายร้อย" หรือ ศิษย์วัดชายนามักจะคุ้นหูกันกับชื่อเล่นว่า "ขุนแผนหัวแตก" ของพระอาจารย์ทิน วัดชายนา
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลของพระอาจารย์ทินที่ประสบการณ์หนาหู เป็นวัตถุมงคลขึ้นชื่ออีกของพระอาจารย์ท่าน และดังไปไกลถึงต่างประเทศครับ เฉพาะส่วนตัวที่ผมส่งออกไปก็จำนวนพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง มาเลย์ จีน ต่างประเทศเขาชอบกันมากๆครับ ด้วยขนาดที่เล็ก น่าบูชา และพุทธคุณด้านเมตตา มหาเสน่ห์นั้นเด่นชัดมากๆ

ขอเล่าให้ฟังอย่างย่อๆเกี่ยวกับที่มาของชื่อเล่นนี้
ลื่อเล่นนี้ได้มาจากว่าศิษย์ท่านหนึ่งได้รับพระขุนแผนนี้ไปก็นำไปเลี่ยมและห้อยไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ร้านเหล้า มีเหตุคือมีผู้หญิงในร้านเหล้ามาติด และขอกลับบ้านด้วย ทั้งๆที่ศิษย์ท่านนี้ หุ่นก็ไม่ดี หน้าตาก็ไม่ดี แถมเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่มแล้วนี่เรียกว่าแกะดำของกลุ่มเลย ผู้หญิงที่มาติดคนนี้ก็รั้น ยืนยันจะขอกลับด้วยให้ได้ ปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ยอม

ซึ่งวันนั้นเหมาะเจาะพอดีว่าแฟนของศิษย์ที่ห้อยพระขุนแผนรุ่นนี้บอกว่าจะไปค้างบ้านพ่อเค้า ศิษย์ก็เลยโอเค พากลับด้วยก็ได้ พอถึงบ้านแล้วก็พาเข้าห้อง ยังไม่ทันอะไร เจ้ากรรมเอ๋ย แฟนของศิษย์คนนี้ขับรถกลับเข้าบ้านมา พอจะเข้าบ้านก็ไปเจอรองเท้าผู้หญิงที่วางอยู่ตรงหน้าบ้าน ตอนนั้นก็คงอารมณ์เดือดจัด คว้าไม้บุกเข้าไปในบ้านและเจอเข้า ไม่ทันได้พูดจาก็หวดไม้เข้าไปที่หัวของศิษย์ท่านนี้ทันทีจนหัวแตก นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ "ขุนแผนหัวแตก" ที่กลุ่มศิษย์จะรู้จักกันดี

ทุก 1 การจัดส่ง ผมจะแถมพระขุนแผนหัวแตกไปให้ 1 องค์
เพื่อร่วมเผยแผ่บารมีครูบาอาจารย์ อยากให้พี่ๆน้องๆลองนำไปแขวนบูชากันดู

และขุนแผนที่ผมจะแถมไปให้นี้มีจำนวนจำกัดนะครับ

 

รายการที่ 164 ลูกสะกดหล่อยันต์ยุ่งรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2551 เนื้อสัมฤทธิ์

ต้องบอกว่าประสบการณ์ดีมากๆครับทั้งสั่นเตือนภัย มหาอุดแตล้วคลาด อีกหนึ่งวัตถุมงคลที่มีคนมาเหมาจากที่วัดไปทีเดียวเป็นร้อยๆลูก วัตถุมงคลชนิดนี้มีเรื่องราวเล่าต่อกันมาคือมีศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อท่านหนึ่ง ท่านเป็นทหาร ได้ไปนอนหน้าห้องหลวงพ่อช่วงหลังจากลูกสะกดหล่อเสร็จและได้นำเข้าไปในห้องหลวงพ่อตัดเพื่อให้ท่านปลุกเสก ในคืนนั้นเองระหว่างที่แกกำลังนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียง โป๊งเป๊งๆ เหมือนเสียงเคาะกระป๋องดังออกมาจากห้องหลวงพ่อ เลยไปแอบดู ภาพที่เห็นคือหลวงพ่อตัดนั่งปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ และที่มาของเสียงนั้นคือกล่องและกระป๋องที่บรรจุลูกสะกดหล่อ เหมือนว่าลูกสะกดนั้นเด้งอยู่ในกระป๋อง
เช้ามาศิษย์ท่านนี้ก็ได้ทำบุญลูกสะกดชุดนี้ไปเป็นจำนวนมากครับ

ลูกสะกดลูกนี้สภาพสวย ไม่ผ่านการใช้งาน

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

จอง 164

 

รับทราบการจองครับ ขอบพระคุณครับ

 

รายการที่ 165 ปลัดขิกไม้มะม่วงผูกคอตาย(แป๊ะ) หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี พ.ศ. 2536

ปลัดขิก เป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านชำนาญที่สุดแล้วล่ะครับ จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าหลวงพ่อตัดท่านดังปลัดขิกมาก่อนตะกรุดเสียอีก จากการสืบค้นข้อมูล ท่านเสกได้ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มที่วัดเขากระจิวแล้ว เมื่อก่อนพระที่บวชอยู่ในสมัยที่หลวงพ่อตัดท่านมาสร้างวัดชายนาใหม่ๆก็จะแอบดูหลวงพ่อท่านปลุกปลัดขิกจะได้ยินเรื่องบอกต่อกันมาว่าเวลาหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกนั้น ปลัดขิกจะวิ่งไปทั่วห้องเลยทีเดียว...

โดยผู้ที่พกพาปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้นก็พบเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เมตตามหานิยม คงกระพันหมากัดไม่เข้า การค้าขาย(สมัยก่อนแม่ค้าแถบท่ายางจะนิยมเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดตัวเล็กๆเลี่ยมทองห้อยกัน และจะไม่นิยมนำมาโชว์ใคร เวลาจะค้าขายอะไรก็ว่าคาถา บอกกล่าว แล้วเอาปลัดขิกไปจิ้มๆที่ของที่ข้าวของที่จะขาย ทำให้ขายดี) หรือแม้กระทั่งเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดไปใช้ไล่ฝนก็มี
ในปัจจุบัน เซียนใหญ่ที่เป็นสายปลัดขิกก็ยกให้ปลัดขิกของหลวงพ่อติด 1 ใน 5 ของปลัดขิกที่ดีที่สุดในประเทศครับผม

ปลัดขิกตัวนี้เป็นไม้มะม่วงผูกคอตาย ชื่อผู้ผูกชื่อแป๊ะ จัดสร้างและปลุกเสกในฤกษ์ เสาร์ 5 ปีพ.ศ. 2536 ซึ่งถือว่าเป็นยุคต้นๆของปลัดขิกไม้ผูกคอตายของหลวงพ่อครับ
ตัวนี้ความยาว 3.4 นิ้ว แขวนเอวกำลังสวยเลยครับ
ศิลป์ มาตรฐานนิยม
รอยจารยุคต้นของพระอาจารย์ทิน มาตรฐานนิยม
สภาพสวยสมบูรณ์ หาพบตัวจริงยากครับ

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบพระคุณครับ

 

รายการที่ 166 เพชรพญาธรหล่อรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2551 เนื้อทองแดง

เพชรพญาธรของหลวงพ่อตัด วัดชายนา ขึ้นชื่อมานานแล้วครับ ทั้งเมตตามหานิยม โภคทรัพย์ และมหาเสน่ห์ เรื่องเล่าที่หลายๆคนทราบดีว่ามีลูกศิษย์หลวงพ่อตัดเอาแผ่นเพชรพญาธรไปยื่นให้หลวงปู่กาหลง หมายใจว่าจะให้ท่านเสกเพิ่ม แต่หลวงปู่กาหลงท่านได้พูดขึ้นว่า

“ในสมัยนี้ยังมีคนเสกเพชรพญาธรได้แรงขนาดนี้อีกหรือ”

ในส่วนของเพชรพญาธรหล่อรุ่นแรกนี้ หลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกไตรมาสปี 2551 ของออกมาหมุนเวียนน้อยมากๆ นอกจากนี้ยังโดนส่งออกไปต่างประเทศเยอะแล้วครับ เพราะคนต่างชาติเค้ารู้กันดีว่าเพชรพญาธรหลวงพ่อตัดท่านใช้บูชาดีจริงๆ
เพชรพญาธรตัวนี้เป็นเนื้อทองแดงจัดสร้างทั้งหมดเพียง 499 ตัวเท่านั้น หายากมากครับ มาพร้อมกล่องเดิม สภาพสวยสมบูรณ์มากๆ ตอกโค๊ดเพชรพญาธรเล็กที่คอ เลเซอร์หมายเลขรันนัมเบอร์ครบสูตร มีมาแบ่งเพียงตัวเดียวครับ

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

รายการที่ 167 ขุนแผนรุ่นสอง เนื้อผง หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2548

เนื้อผงผสมว่านเมตตา เป็นเนื้อโซนมาตรฐานนิยม หน้าตาติดชัด องค์นี้พิเศษฝังตะกรุด 1 ดอก หายากครับผม

ขุนแผนรุ่นสอง ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลของหลวงพ่อตัดที่ติดอันดับความนิยมของผู้ชื่นชอบในพระขุนแผนครับผม ส่วนตัวเคยแนะนำให้ศิษย์ใหม่ๆไปลองแขวนลองห้อย ติดใจจนเลี่ยมทองแขวนกันไปหลายคนแล้วครับผม

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

รายการที่ 168 ผ้ายันต์วัวหางยาว ยุคต้น หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2518 สภาพสวยสมบูรณ์

ผ้ายันต์นี้มีส่วนหนึ่งลงด้วยคาถาที่ใช้ลงในตะกรุดมนต์จินดามณีอันลือชื่อของหลวงพ่อตัด วัดชายนา
ซึ่งผ้ายันต์ดีทางเมตตา โชคลาภ ค้าขายมากๆครับ
ร้านแถวท่ายางมักจะมีติดร้านค้ากัน จำนวนการสร้างน้อยมาก และด้วยสภาพสมบูรณ์แบบนี้ทำให้หายากมากครับผม

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบพระคุณครับผม

 

เคยมีคนนำบทความเกี่ยวกับพระขุนแผนของหลวงพ่อตัดท่านไปลงหนังสือพระในสมัยที่หลวงพ่อท่านยังดำรงสังขารอยู่ ในยุคนั้นต้องถือว่าคนที่นำไปลงกล้ามากจริงๆ เพราะถ้าหากเรื่องได้เข้าหูหลวงพ่อแล้วนั้น มิวายจะโดนเอ็ดตะโรเอาแน่นอน

เพราะสมัยที่หลวงพ่อตัดท่านดำรงสังขารอยู่ และมีชื่อเสียงโด่งดังจากประสบการณ์ที่ผู้คนได้รับและบอกกันปากต่อปากไปทั่วประเทศแล้ว ตัวหลวงพ่อท่านเองไม่ชอบให้คนนำวัตถุมงคล หรือประวัติของท่านไปลงในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หนังสือพระ หรือแม้จะรายการมาขอสัมภาษณ์ไปออกโทรทัศน์หลายๆช่อง ท่านก็ไม่เคยยินยอม...พระแท้ผู้พรางตัวเป็นหลวงตาแก่ๆที่ท่านมักจะพูดกับคนที่ไปกราบท่านเสมอๆว่า

"มึงมากันทำไม ที่นี่มีดีอะไร"

"วัด,พระแถวบ้านมึงไม่มีหรือไง"

"กูไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร"

 

ครั้งหนึ่งกรมศาสนาเคยสั่งห้ามพระและเณรของวัดชายนาทำปลัดขิก ซึ่งในยุคนั้นวัดที่ทำปลัดขิกก็มีมากมาย รวมไปถึงวัดหนองจอก คือหลวงพ่อยิด ก็ยังดำรงสังขารอยู่ซึ่งเป็นยุคปลายๆชีวิตของท่าน แต่ก็ไม่ได้ถูกห้ามแต่อย่างใด
หลังจากที่มีป้ายมาติดประกาศภายในวัดชายนา พระและเณรก็ไม่ได้ทำปลัดขิกขึ้น แต่มีชาวบ้านแกะมาถวายให้หลวงพ่อตัดท่านปลุกเสก(ห้ามทำแต่ไม่ได้ห้ามเสก)

เหตุผลจริงๆของการสั่งห้ามการทำปลัดขิกของวัดชายนาที่กรมศาสนาสั่งมาก็ได้ยินมาหลายแบบ บ้างก็ว่าตำรวจร้องเรียนไป เนื่องจากมือปืนหลายๆคนพกปลัดขิกของหลวงพ่อตัดแล้วโดนยิงไม่เข้าบ้าง
บ้างก็ว่าไม่เหมาะสมบ้าง
ต่างฝ่ายก็ต่างคิดกันไป

และไม่ว่าใครจะคิดยังไงก็ตาม กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าปลัดขิกที่หลวงพ่อตัด วัดชายนาปลุกเสกนั้น อาจจะไม่ใช่ที่ 1 ของเกจิยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้เป็นรองสำนักใดๆในประเทศอยากให้ลองหามาติดตัวบูชาดูครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตาค้าขาย คงกระพัน ป้องกันเขี้ยวงา ปลัดขิกของหลวงพ่อตัดเอาอยู่หมด แม้กระทั่งส่วนตัวผมเองก็ยังเจอกับตัวมาหลายครั้งหลายเรื่องราว แต่หลายๆเรื่องราวนี้ให้ออกมาเล่า หากคนไม่เข้าใจก็จะปรามาสหลวงพ่อท่านไปกันใหญ่ เลยขอเอาเรื่องไว้เล่าให้ฟังกับคนใกล้ตัว คนสนิทจะดีกว่า และถ้าปลัดขิกของหลวงพ่อตัดไม่ดีจริงพ่อค้าแม่ขายเก่าแก่ย่านท่ายางไม่เลี่ยมทองแขวนกันแน่ๆครับ

 

รายการเดียว ที่หลวงพ่อตัดอนุญาตให้ถ่ายทำอย่างเป็นทางการ ก่อนหลวงพ่อตัดท่านจะมรณะภาพ ช่วงนั้นหลวงพ่อต้องการทำโบสถ์ที่วัดหนองหงษ์ซึ่งเป็นวัดที่ท่านให้การอุปการะดูแลให้เสร็จ ซึ่งช่วงนั้นท่านก็มักจะพูดเกี่ยวกับการตายให้ศิษย์ที่ไปกราบท่านได้ยินอยู่เสมอๆ

หากสังเกตุดูจากวีดีโอนี้ดีๆ หลวงพ่อตัดท่านจะพยายามดึงผ้ามาปิดแขนซ้ายของท่านไว้ตลอดเวลา เพราะช่วงนั้นท่านอาพาธด้วยโรคอัมพฤกษ์ด้านซ้าย ซึ่งหลวงพ่อท่านจะไม่ยอมให้ใครมาเห็นใจหรือสงสารท่านเรื่องกายสังขารเลย
หลวงพ่อตัดท่านยังเคยบอกกับหมอที่รักษาท่านว่า

"ถ้าแขนมันใช้การไม่ได้ก็ตัดมันทิ้งไป"

หลวงพ่อตัดท่านเป็นพระที่ "ละ" ได้แล้วจริงๆ

ถือว่าเป็นวีดีโอที่ทรงคุณค่ามากสำหรับคณะศิษย์รุ่นหลังๆที่ยังไม่เคยเจอหลวงพ่อตัดขณะที่ท่านยังดำรงสังขารอยู่

และหากท่านได้รับรู้เรื่องราวในกระทู้นี้แล้วนี้แล้ว และได้เกิดความศรัทธา ได้กราบไหว้แล้วนั้น ผมคิดว่าท่านได้ไหว้ "พระ" ที่เป็น "พระแท้" เสมือนเดินออกมาจากพระไตรปิฎกแล้วครับ

ข้อมูล ประวัติต่างๆของหลวงพ่อตัดจะอยู่ในหน้าแรกๆเป็นหลัก และยังมีกระจายอยู่ในหน้าอื่นๆ สำหรับผู้ที่สนใจ ศรัทธาสามารถลองเปิดอ่านดูได้ครับผม

 

รายการที่ 169 สีผึ้ง หลวงพ่อตัด วัดชายนา

"พกเป็นเมตตา ทาเป็นมหาเสน่ห์"

สีผึ้งของหลวงพ่อตัด จะมีหลักๆอยู่ 2 รูปแบบคือ
1. สีผึ้งตลาด คือไปซื้อสีผึ้งตามตลาดมา แล้วหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกด้วยวิชาเมตตาที่ใช้เสกสีผึ้ง อันนี้ขอไม่เน้นมาก หลักๆจะมีแค่ชุดปี 2525 ปีเดียว

2. สีผึ้งที่หลวงพ่อตัดท่านหุงเอง
อันนี้อยากเน้นให้เห็นถึงกรรมวิธีทำ หลวงพ่อตัดท่านจะนำขี้ผึ้งแท้ มาผสมกับน้ำมันมะพร้าว โดยไม่ใช้ความร้อน คือไม่ผ่านไฟ นำมาคนให้เข้ากันแล้วนำไปใส่โถ ปิดด้วยกระจกใสเพื่อกันน้ำค้าง แล้วไปตากในที่โล่งให้โดนแสงอาทิตย์ และแสงจันทร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า หุงด้วยแสงเดือน-แสงตะวัน ได้ทั้งความร้อนแรงจากแสงตะวัน และความเย็นจากแสงเดือน
สีผึ้งด้านในโถที่หุงไว้นั้น กลางวันก็จะเหลว กลางคืนก็จะแข็ง ระยะเวลาที่ใช้หุงก็เรียกได้ว่าเป็นเดือนถึงหลายเดือนขึ้นไป
การเวลาผ่านไปสีผึ้งในโถนั้นจะเปลี่ยนจากสีของขี้ผึ้งแท้ เป็นสีออกขาว หรือขาวอมเหลืองอ่อนๆ พอหลวงพ่อตัดท่านเห็นว่าสีผึ้งนั้น "ใช้ได้" ก็จะนำมาปลุกเสกด้วยวิชามหาเมตตาตามตำรับตาราที่ได้เรียนมา โดยวิธีการทำนี้ ผู้รู้ท่านบอกว่าคล้ายกับการทำสีผึ้งของหลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดงเลย

"สีผึ้ง" เป็นสิ่งที่หลวงพ่อตัดท่านหวงมากๆอย่างหนึ่ง ใครจะไปขอปลัดขิก ตะกรุด ท่านไม่มีหวง ยกเว้นแต่สีผึ้งนี่แหละที่หลวงพ่อท่านหวงพอสมควร ยุคแรกๆท่านจะไม่ใส่ส่วนผสมอื่นลงไปในสีผึ้งเลย จะมีแค่ขี้ผึ้งแท้ กับน้ำมันมะพร้าวเท่านั้น ส่วนในยุคหลังๆมาก็จะเห็นมีลูกศิษย์นำจำพวกว่านต่างๆไม่ว่าจะเป็น ว่านสาวหลง และว่านอื่นๆที่ดีทางเมตตามหานิยมมาเติมและผสมเข้าไป เพื่อเพิ่มผลทางเมตตามหาเสน่ห์เข้าไป ในยุคหลวงพ่อตัดเองก็ทำสีผึ้งไว้ไม่มาก และหลวงพ่อตัดท่านก็หวงมาก สิ่งนี้จึงไม่ค่อยแพร่หลาย จนน้อยคนที่จะรู้ว่าท่านเสกได้ และเสกได้ "ดีจริง" อีกด้วย

หนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่หรือพ่อค้า-แม่ขายที่เคยได้รับสีผึ้งจากหลวงพ่อท่านไปก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสีผึ้งของหลวงพ่อตัดนั้น "ดีจริง" เวลาทาก่อนไปค้าขาย ไปติดต่อธุรกิจ หรือแม้กระทั่งใช้ไปทางเข้าหาผู้หญิง ผู้ชาย เจ้านาย ก็เรียกว่าเชื่อขนมกินได้ โดยมีวลีติดปากสืบต่อกันมาว่า "พกก็เป็นเมตตา ถ้าหากนำมาทาก็จะเป็นมหาเสน่ห์"
ส่วนตัวผมเองก็เชื่อโดยสนิทใจว่าสีผึ้งของหลวงพ่อตัดนั้นดีจริง เพราะมีประสบการณ์ส่วนตัว แต่ในปัจจุบันไม่ได้เอามาใช้ทาแล้ว(เพราะเสียดาย มีน้อย 555)

สำหรับผู้พกพา หรือใช้สีผึ้งของหลวงพ่อเองก็ต้องทำตัวให้มีเสน่ห์เองด้วย ไม่ใช่ว่าทาสีผึ้งแล้วไปพูดจาไม่เสนาะหู พูดจาไม่ดีไม่เข้าหู แล้วใครเล่าจะมารักมาเมตตา ให้ทาสีผึ้งทั้งกระปุกก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

สีผึ้งที่นำมาแบ่งปันนี้เป็นสีผึ้งที่หลวงพ่อตัดท่านหุงเอง บรรจุในกระปุกใหญ่ที่หลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกและเก็บไว้ในกุฏิของท่าน โดยภายหลังจากที่หลวงพ่อตัดท่านมรณะภาพลง พระอาจารย์ทินท่านจึงนำออกมาจากกุฏิเก่าของหลวงพ่อตัด(ซึ่งปัจจุบันเป็นกุฏิของพระอาจารย์ท่าน) และดำริให้ผมและพี่ๆตักลงตลับเล็กๆและพระอาจารย์ท่านจารหมึกด้านนอกด้วยยันต์นะเมตตา นำมาให้ผู้ศรัทธาได้ทำบุญ ซึ่งชุดนี้ทำไว้เพียง 100 ตลับและได้หมดลงอย่างรวดเร็ว
ตลับนี้สีผึ้งเต็มตลับ สมบูรณ์ไม่เคยใช้ พิเศษมีตะกรุดบรรจุครับผม หายากมากๆครับ


มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

รายการที่ 170 ปลัดขิกไม้ข่อยผูกคอตาย(ลุงไสว) หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2551

ปลัดขิก เป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านชำนาญที่สุดแล้วล่ะครับ จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าหลวงพ่อตัดท่านดังปลัดขิกมาก่อนตะกรุดเสียอีก จากการสืบค้นข้อมูล ท่านเสกได้ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มที่วัดเขากระจิวแล้ว เมื่อก่อนพระที่บวชอยู่ในสมัยที่หลวงพ่อตัดท่านมาสร้างวัดชายนาใหม่ๆก็จะแอบดูหลวงพ่อท่านปลุกปลัดขิกจะได้ยินเรื่องบอกต่อกันมาว่าเวลาหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกนั้น ปลัดขิกจะวิ่งไปทั่วห้องเลยทีเดียว...

โดยผู้ที่พกพาปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้นก็พบเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เมตตามหานิยม คงกระพันหมากัดไม่เข้า การค้าขาย(สมัยก่อนแม่ค้าแถบท่ายางจะนิยมเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดตัวเล็กๆเลี่ยมทองห้อยกัน และจะไม่นิยมนำมาโชว์ใคร เวลาจะค้าขายอะไรก็ว่าคาถา บอกกล่าว แล้วเอาปลัดขิกไปจิ้มๆที่ของที่ข้าวของที่จะขาย ทำให้ขายดี) หรือแม้กระทั่งเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดไปใช้ไล่ฝนก็มี
ในปัจจุบัน เซียนใหญ่ที่เป็นสายปลัดขิกก็ยกให้ปลัดขิกของหลวงพ่อติด 1 ใน 5 ของปลัดขิกที่ดีที่สุดในประเทศครับผม
และต้องพูดกันตรงๆว่าปัจจุบันนี้ ปลัดขิดประเภทไม้ผูกคอตายนี้ได้ถูกส่งออกนอกประเทศไปจำนวนเยอะมากๆ และแทบไม่มีออกมาหมุนเวียนทั่วไปแล้วครับ

ปลัดขิกที่นำมาแบ่งปันนี้เป็นอีกหนึ่งไม้ที่ทำไว้ไม่มาก มีรูปทรง เนื้อไม้เป็นเอกลักษณ์ คือไม้ข่อยผูกคอตาย จัดสร้างในปี 2551 มีจำนวนน้อย และออกมาหมุนเวียนน้อยกว่าไม้ประดู่ผูกคอตาย(เจ๊แมว)มากๆ โดยไม่ข่อยนี้ผู้ผูกคอตายชื่อ ไสว จัดว่าเป็นอีกหนึ่งไม้ผูกคอที่เป็นมาตรฐานของวัดชายนายุคหลัง แต่หายากครับ ดอกนี้ยาว 2.75 นิ้ว พระอาจารย์ทินจารเหล็ก และท่านเขียนกำกับไว้ที่ก้นปลัดขิกว่า "ไสว" คือชื่อผูกคอตายนั่นเอง

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ขอจองครับ

 

ขอจองครับ