เรื่องเด่น ศรัทธาเป็น “เครื่องนำ” ของการทำความดีทั้งหมด

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 มกราคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,583
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,544
    ค่าพลัง:
    +26,383
    D0A932C0-E67D-4595-9CA0-CA4993060705.jpeg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของศรัทธาเป็น “เครื่องนำ” ของการทำความดีทั้งหมด ถ้าหากว่ามีศรัทธา กำลังใจจะปักแน่วแน่มั่นคง พระพุทธเจ้าถึงได้เตือนว่า ศรัทธาต้องมีปัญญาประกอบด้วย ก็คือในอินทรีย์ ๕ และพละ ๕ ซึ่งประกอบไปด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา

    ศรัทธาคือความเชื่อ วิริยะคือความเพียร สติคือความระลึกได้ สมาธิคือกำลังใจที่ตั้งมั่น และปัญญาคือความรู้รอบรู้แจ้ง ทั้ง ๕ อย่างนี้ถ้าเป็นอินทรีย์ คือการสั่งสมกำลังทั้ง ๕ เอาไว้ ถ้าเป็นพละเมื่อไรคือเอากำลัง ๕ อย่างนี้ไปใช้งานจริง ท่านบอกว่าศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา ไม่อย่างนั้นแล้วจะเป็นอธิโมกขศรัทธา น้อมใจเชื่อโดยขาดปัญญา แล้ววิริยะคือความเพียร ก็จะต้องคู่กับสมาธิ ถ้าหากว่าพากเพียรไปสมาธิก็จะทรงตัว สติท่านบอกว่ายิ่งมากยิ่งดี แต่ตัวอื่น ๆ ต้องปรับให้เสมอกัน

    ถ้าหากว่ามีความเพียรต้องมีสมาธิประกอบ ถ้าหากว่ามีสมาธิประกอบ ความเพียรก็จะเป็นไปด้วยความถูกต้อง แต่สติท่านบอกยิ่งมากยิ่งดี แต่อาตมาว่าสติมากเกินก็ไม่ค่อยดี เพราะว่าคนที่สติมากเกินไป จะทำอะไรก็จด ๆ จ้อง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ทำอะไรก็กลัวผิดกลัวพลาด พระพุทธเจ้าท่านถึงให้ใช้ปัญญาอยู่ในข้อธรรมเกือบทุกหมวด ก็คือมีสติแล้วต้องมีปัญญาด้วย ถ้ามีสติขาดปัญญาก็ไม่กล้าทำอะไร ถ้ามีปัญญาขาดสติก็บุ่มบ่ามโฉ่งฉ่าง อาจจะพลาดได้ ทั้ง ๒ อย่างจึงต้องไปด้วยกัน

    ในเรื่องของวิริยะก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าเพียรมากเกินเหตุก็ทำให้ใจฟุ้งซ่าน โอกาสเข้าถึงธรรมมีน้อย เพราะว่าอยากได้ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกินกำลังตัวเอง ในข้อธรรมทุกหมวดจึงต้องมีปัญญาประกอบ พอเหมาะ พอดี พอควร ไม่อย่างนั้นแล้วถึงเวลาแล้ว จะทำเกินหรือทำขาด ก็ไม่ได้เรื่องทั้งคู่ ทำเกินก็เลยเป้า ทำขาดก็ไปไม่ถึง ต้องทำพอดี ๆ เป็นมัชฌิมาปฏิปทา แล้วมัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกำลังบารมีที่เราสั่งสมมา

    ร่างกายดี สมาธิเข้มแข็ง ก็ทำได้มาก ร่างกายไม่ดี สมาธิไม่เข้มแข็ง ก็ทำได้น้อย แต่ว่าต้องเพียรพยายามให้เต็มที่ของเรา ไม่ใช่ประเภทถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง กี่ปีก็อยู่แค่นั้น ไม่มีความก้าวหน้าสักที ตั้งหน้าตั้งตาว่าเราจะทำเอาอภิญญา แล้วก็ยังไปทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อยเปื่อย ถ้าประเภทนี้ไปไม่รอดหรอก ถ้าทุ่มเทต้องทุ่มเทไปในทางเดียว อย่าให้กำลังใจหันเหไปในทางอื่น"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...