สติปัฏฐานเป็นชัยภูมิฝึกฝน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 18 พฤษภาคม 2019.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,137
    ค่าพลัง:
    +70,534
    b42.gif มีเกิดย่อมมีดับ ไม่มีสังขารย่อมมีธรรมที่มั่นคง b42.gif

    ถามว่ามีไม่มี ไม่มีมีนี้คืออะไร

    ทีนี้ติดหมดคิดแก้ไม่ไหว

    เชิญชี้ให้ชัดทั้งอรรถแปล โปรดแก้เถิด ที่ว่า

    เกิดมีต่าง ๆ ทั้งเหตุผล

    แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน

    นี้ข้อต้นมีไม่มีอย่างนี้ตรงข้อปลายไม่มี

    มีนี้เป็นธรรม

    ที่ลึกล้ำใครพบจบประสงค์

    ไม่มีสังขารมีธรรมที่มั่นคง

    นั้นแลองค์ธรรมเอกวิเวกจริง

    ธรรมเป็นหนึ่งไม่แปรผัน

    เลิศภพสงบยิ่ง

    เป็นอารมณ์ของใจไม่ไหวติง

    ระงับนิ่งเงียบสงัดชัดกับใจ

    ใจก็สร่างจากเมาหายเร่าร้อน

    ความอยากถอนได้หมดปลดสงสัย

    เรื่องพัวพันธ์ขันธ์ ๕ ซาสิ้นไป

    เครื่องหมุนในไตรจักรก็หักลง

    ความอยากใหญ่ยิ่งก็ทิ้งหลุด

    ความรักหยุดหายสนิทสิ้นพิษหวง

    ร้อนทั้งปวงก็หายหมดดังใจจงฯ
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,137
    ค่าพลัง:
    +70,534
    duXlw4iNII9G9e2MOIbmcz8AVZNIoaToUz289Ze4AdEF&_nc_ohc=lfbLffErhd4AX8mcYH5&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,137
    ค่าพลัง:
    +70,534
    yCwNNYSqzbHUib-GnV8nxzxufZ-uKlXut97pYrGWuI3j9qAus4cNFwsYuoqFTbAuvmscd8Z6&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    "..อัฐิกัง กระดูก 300 ท่อนของตัวไม่ดู มัวเมาหลับมัวเมาหลงไหล นั่งภาวนาก็หลงไหลไป เพราะไม่ดูกระดูก 300 ท่อน ดูกระดูกทุกท่อนที่มันต่อกัน กระดูกนี้เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน เขาเป็นอย่างไรอยู่เขาก็เป็นอย่างนั้น เขาไม่ฟุ้งซ่านรำคาญเหมือนใจมนุษย์ ไม่ดีใจไม่เสียใจไปต่อสิ่งใด ๆ อัฐิกัง กระดูก 300 ท่อนเขามีอยู่ที่ไหน เขาตั้งอยู่ที่ไหน สถานะของเขาอยู่ในที่ไหน เขาก็อยู่อย่างนั้น

    ถ้าหากว่ากำหนดกระดูก 300 ท่อนตัวเองไม่ได้ อย่าไปกินข้าว กินแล้วปัญญาไม่เกิด กระดูกของตัวเองมีอยู่ก็ไม่ดู ไปดูกระดูกคนอื่น ไปหลงรักหลงชังกระดูกคนอื่น เพราะไม่ดูกรรมฐานอัฐิกัง กระดูก 300 ท่อน ให้พากันดูตัวเอง อย่าไปดูคนอื่น

    ให้โกรธให้ตัวเองว่าจิตมาอยู่อาศัยเป็นสิบ ๆ ปี กระดูก 300 ท่อนของตัวเองก็ไม่ดู ไปหลงรักหลงชัง เราเกลียดชังคนโน้นคนนี้ ก็คือว่าจิตหลงไปเกลียดชังกระดูก 300 ท่อน

    ตัวเราก็มี ตัวคนอื่นก็เหมือนกัน เราไปเกลียดไปชังกระดูก 300 ท่อน ฆ่าฟันรันแทงกันกระดูกมันไม่ว่า แต่ว่าบาปมันเป็นผู้ว่า ใครทำให้กระดูก 300 ท่อนของผู้อื่นแตกดับตายไป บาปอันนั้นก็จะมาถึงตัว เมื่อบาปมาถึงตัวก็บ่นเพ้อร่ำไรว่า ข้าพเจ้าทำไมจึงได้รับแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน ก็เพราะว่าไม่กำหนดอัฐิกัง กระดูก 300 ท่อนของตัวเอง จึงได้ทำบาปทางกาย พูดบาปทางวาจาไม่รู้สึกตัว คิดบาปทางใจไม่รู้สึกตัว.."

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,137
    ค่าพลัง:
    +70,534
    "กสิณของฤาษี กับกสิณของพระพุทธเจ้า"
    จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    @ในตอน.. พาพระมหาเปรียญมาจับผิดหลวงปู่มั่น

    พ่อแม่ครูบาอาจารย์เล่าว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังไม่เลิกทิฎฐิที่จะเอาชนะพระกัมมัฎฐานให้ได้...
    ในคราวงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านไปเป็นประธานในงานนี้ หลวงปู่มั่น ก็ได้รับนิมนต์ไปในงานนี้ด้วย.
    พอตกเย็น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ก็พาพระมหาเปรียญจากกรุงเทพฯ ๒-๓ รูป ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น ทราบกันดีว่าในครั้งนั้น. ต้องการจะให้พระเปรียญที่คงแก่เรียนนั้น ไปไล่ต้อนให้หลวงปู่มั่นจนมุมให้จงได้
    พระมหาเปรียญเหล่านั้นไม่มีใครกราบหลวงปู่มั่นตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกัน คงจะถือว่าพวกท่านเป็นพระของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ. หรือถือตัวว่าเป็นพระมหาเปรียญผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก ส่วนพระป่าที่เอาแต่นั่งหลับตา ไม่น่าจะรู้ธรรมะได้แตกฉานลึกซึ้งเท่า. เบื้องแรกมีการสนทนาไต่ถามทุกข์สุข ทำความคุ้นเคยกันพอสมควรแล้ว พระมหากลุ่มนั้นก็ตั้งปัญหาถามหลวงปู่มั่นว่า...

    “ในฐานะที่ท่านมีความชำนาญในสมาธิภาวนา จึงอยากจะถามท่านเกี่ยวกับเรื่อง กสิณ ว่าท่านใช้วิธีเพ่งกสิณอย่างไร เช่น การเพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ หรือสีเหลือง แดง ขาว พวกนั้นมันเป็นอย่างไร ? ท่านใช้เพ่งอย่างไร ? ขอให้อธิบายด้วย?”
    ตั้งคำถามเหมือนกับข้อสอบ พระมหากลุ่มนั้นหวังจะให้หลวงปู่มั่น ท่านตกหลุมพราง จะได้เป็นหลักฐานกล่าวได้ว่า หลวงปู่มั่นและศิษย์
    ประพฤติปฏิบัติตนออกนอกรีตนอกรอย ของพระพุทธศาสนา
    ฝ่ายหลวงปู่มั่น ท่านไม่ต้องรอคิดหาคำตอบ ท่านตอบทันทีว่า :-

    “อ๋อ ! นั่นก็กสิณเหมือนกัน ที่เพ่งภายนอกนั้น แต่มันเป็นกสิณของพวกฤๅษีชีไพร
    ส่วนกสิณของพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งน้อมเข้ามาในกายตน เช่นเพ่งไฟ ก็ไฟธาตุในตน เพ่งน้ำ ก็น้ำเลือด น้ำดี น้ำหนอง น้ำเสลด เพ่งดิน ก็ดูผม ขน เล็บ ฟัน หนังเพ่งลม ก็ลมหายใจเข้าออก ลมระบายออกทางทวาร ลมวิ่งไปในกระเพาะ ลมตีขึ้นเบื้องสูง ลมตีลงเบื้องต่ำ. ส่วนการเพ่งสีนั้น ก็เพ่งในร่างกายของเรานี้เอง สีแดงก็เลือด สีเหลืองก็หนอง สีขาวก็กระดูก สีเขียวก็น้ำดี
    เพ่งให้เป็นธาตุปฏิกูล ความเปื่อยเน่า ความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนเราเขา... นี่คือ กสิณของพระพุทธเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส สำหรับผู้ไปเพ่งอย่างอื่นที่อยู่นอกตัว ยังเพ่งไม่ถูกแน่...”

    เมื่อได้ฟังคำตอบขอหลวงปู่มั่น เช่นนั้นพระมหาเปรียญผู้ถามถึงกับตลึงงัน เพราะไม่คิดว่าจะพลิกผันไปเช่นนี้ แถมยังเป็นสุดยอดของคำถาม
    คำตอบ ซึ่งอ่านในตำราจนจบก็ไม่สามารถหาได้ ทุกองค์ยอมจำนน ไม่มีใครกล้าถามต่อไปอีก....

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ขอน้อมกราบพระธรรมคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

    K1ihkqmRxjv9qA1ImEfVtXMkHojB8WZif8KJLEb0jE7_&_nc_ohc=c2Az_69xy1gAX-Lr7Vr&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,137
    ค่าพลัง:
    +70,534
    Wa8CvtjN4vzdvlQwpZ97JRTVJSWDkCV6h6ypgGgMyp4M&_nc_ohc=ZTTf-JLpG_0AX9eNmlT&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...