เรื่องเด่น สิ่งทั้งหลายล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 มีนาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    34618F25-AFB7-4FB2-AA8D-80142A33670E.jpeg

    ช่วงนี้เมื่อจะลงฟังพระปาฏิโมกข์ หรือสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ทางวัดท่าขนุนต้องจัดสถานที่ใหม่ การลงฟังพระปาฏิโมกข์ ต้องนั่งห่างกัน ๑ ช่วงแขน เพื่อให้เป็นไปตามพระวินัย ที่การลงสังฆกรรมต้องนั่งให้ได้หัตถบาส คืออยู่ในระยะที่มือเอื้อมถึง

    ส่วนการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น วันละ ๓ ครั้ง ทางวัดท่าขนุนปรับลดเหลือแค่ทำวัตรเช้าเย็นวันละ ๒ ครั้ง แต่ละรูปต้องนั่งห่างกัน ๑.๕ เมตร และใส่หน้ากากอนามัยทุกรูป

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คือความร่วมมือของคณะสงฆ์ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นี่ไม่ใช่คำพูดใหญ่โตเกินเหตุ เพราะว่าถ้าเกิดมีผู้ติดเชื้อขึ้นมาสักคนหนึ่ง ก็จะเดือดร้อนต่อส่วนรวมทั้งหมด..!

    เราจะเห็นว่าบรรดา "ผีน้อย" ที่กลับจากประเทศเกาหลีใต้ก็ดี บรรดาลูกท่านหลานเธอที่กลับจากการเที่ยวต่างประเทศก็ดี เมื่อมาแล้วก็ไม่ยอมกักตัว หากแต่ไปกินหมูกระทะบ้าง ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์บ้าง

    คนทั้งหลายเหล่านี้กลายเป็นต้นเหตุให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ อย่างรุนแรง ก็เพราะการขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อตนเอง ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อครอบครัว จนกลายเป็นการขาดจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อสังคม..!

    ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นผู้ขาดจิตสำนึกในการรับผิดชอบ แต่พอเดือดร้อนขึ้นมาก็ไปเรียกร้องเอาจากรัฐบาล เรียกร้องเอาจากหมอ และท้ายที่สุดก็มาเรียกร้องเอาจากสังคม โดยไม่ได้ดูว่าผู้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนนั้นก็คือตนเอง

    ดังนั้น..ในช่วงระยะเวลานี้ ที่การแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ เป็นไปอย่างรุนแรง ญาติโยมทั้งหลายอย่าเสียเวลาไปด่ารัฐบาล อย่าเสียเวลาไปด่าผู้ที่ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ เพราะว่าด่าไปแล้วก็ไม่อาจทำให้อะไรให้ดีขึ้นมาได้

    เก็บพลังงานเอาไว้แก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้นจะดีกว่า การตำหนิติเตียนผู้อื่นนั้น เป็นการแสดงออกซึ่งกำลังใจของเราว่ายังใช้ไม่ได้ ยังไปโทษฟ้าโทษดิน โดยไม่ได้กล่าวโทษโจทย์ตนเอง ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้

    สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ในที่สุดก็ดับไป แต่เรื่องของโรคระบาดครั้งนี้ เราต้องช่วยกันดับให้เร็วที่สุด โดยให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาล อย่าให้ความเห็นแก่ตัวของตน สร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั้งสังคม

    ภาวะวิกฤตเช่นนี้ การมีภาวะผู้นำเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทางวัดท่าขนุนจึงต้องทำให้ญาติโยมและวัดอื่น ๆ ได้เห็น เพื่อที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะได้ทำตาม

    อย่าได้ประมาทคำว่า "ไอดอล" ของฝรั่ง คำนี้มีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคนอื่นศรัทธาเชื่อมั่นในตัวของเรา แล้วเราลงมือกระทำสิ่งใด ก็จะมีคนทำตามเป็นจำนวนมาก

    "ไอดอล" นี่แหละคือผู้ที่จะแสดงออกถึงภาวะผู้นำ หรือว่าใช้ภาวะผู้นำได้ถูกต้องตามสถานการณ์หรือไม่ ? ถ้าใช้ได้ถูกต้อง ผู้คนจำนวนมากเต็มใจทำตาม ก็จะบรรเทาสถานการณ์วิกฤตให้เบาบางลงได้มาก

    อย่ารอให้คนอื่นนำแล้วเราค่อยตาม เราต้องเป็นผู้นำเพื่อให้คนอื่นทำตาม ไม่ว่าท่านจะเป็น "ไอดอล" หรือไม่ ถ้าทำแล้วมีผู้ทำตามเป็นจำนวนมาก ท้ายสุดท่านก็จะเป็นไปเองโดยไม่ต้องมีใครตั้งให้เป็น

    ขอให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ยอมยากลำบากกับสถานการณ์ในช่วงสั้น ๆ นี้ เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม แล้วโรคนี้ก็จะดับไปตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่สามารถตั้งอยู่ได้นาน เพราะความร่วมมือของเราทั้งหลายเอง

    สิ่งที่สำคัญก็คือ อย่าตื่นตระหนกกับไวรัส covid-๑๙ จนลืมไปว่าเรายังมีโรคเอดส์ที่ระบาดรุนแรงไม่แพ้กัน ยังมีภัยแล้งที่พี่น้องชาวไทยต้องเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก

    ต้องช่วยกันระมัดระวัง ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท พยายามช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าช่วยเป็นทรัพย์สินเงินทองไม่ได้ ก็ช่วยโดยกำลังกาย ช่วยด้วยการให้ปัญญาคือคำแนะนำ ท้ายสุดถ้าช่วยใครไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี

    ประหยัดน้ำกันคนละลิตร ปิดไฟกันคนละดวง
    ก็จะช่วยประเทศชาติ ช่วยส่วนรวมได้อย่างมหาศาล ทั้งยังเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้เกิดขึ้นกับตัวเอง วิกฤตแต่ละครั้งเกิดขึ้นก็ตั้งอยู่ได้ไม่นาน แต่วินัยนั้นจะติดตัวเราข้ามชาติข้ามภพไป จนกว่าจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...