เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๙ : ขุมทองวัดท่าซุง

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 กันยายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    49.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๙ : ขุมทองวัดท่าซุง

    “หลวงพ่อ”
    เล่าให้ฟังหลายวาระว่า อาคารแทบทุกหลังในวัดท่าซุงปลูกคร่อมขุมสมบัติเอาไว้ สมบัติเหล่านี้เป็นทองคำธรรมชาติบ้าง ทองคำแท่งบ้าง ทองรูปพรรณและบรรดาแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ บ้าง...

    ขุมทรัพย์เหล่านี้มีเทวดาคอยรักษา โดยทั่วไปมักมีกำหนดว่าจะอยู่ตรงจุดนั้น ๆ เป็นเวลากี่ปี พอครบตามเวลา เทวดาก็จะพาย้ายหนีไปที่อื่น เรียกว่าทรัพย์เคลื่อนที่ เรื่องนี้ต้องถามนายดาบตำรวจตระกูล เปาริก แกเห็นทรัพย์เคลื่อนไปอยู่ใต้อาคาร จุดเดิมเป็นช่องขนาดโอ่งมังกร ลึกลงไปถึงไหนก็ประมาณไม่ได้...

    บรรดาแก้วแหวนเงินทองตามจุดต่าง ๆ ของประเทศ ถูกเทวดานำเคลื่อนเข้ามาภายในวัดท่าซุงเป็นจำนวนมาก ถ้าจะให้ประเมินคงเป็นพัน ๆ ตัน ที่อาตมาทราบแน่ ๆ คือ ขุมทรัพย์ที่เขาพลอง จังหวัดชัยนาท และสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิที่ทะเลซับ (มักเขียนเป็นทะเลทรัพย์) จังหวัดชุมพร ถูกเคลื่อนมาอยู่ในวัดอย่างแน่นอน...

    แก้วแหวนเงินทองที่เขาพลองจำนวนก็เป็นตัน ๆ อยู่แล้ว ส่วนสมบัติจักรพรรดินั้นเป็นทองคำแท่งขนาดโตกว่าเสาซีแพ็กซะอีก แต่ละแท่งยาวเป็นเมตร นับไม่ถูกว่ากี่หมื่นกี่แสนแท่ง แค่สองแห่งก็เหลือคณาแล้ว แต่บรรดาเทวดาเขายังไม่พอ เฝ้าทรัพย์อยู่จะไปไหนก็ไม่ได้ เลยขนมาฝากวัดกันยกใหญ่ จนกระทั่ง “หลวงพ่อ” ต้องรีบสร้างกำแพงรอบที่ธุดงค์ร้อยกว่าไร่ เพื่อป้องกันคนขโมยขุดสมบัติ...

    ความจริงใครขุดเทวดาก็เอาตายอยู่แล้ว แต่ด้วยความเมตตาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือป้องกันคนโลภจะเอาชีวิตมาทิ้งซะเปล่า ๆ “หลวงพ่อ” จึงต้องเสียเงินเป็นล้าน สร้างกำแพงล้อมไว้ซะเลย...

    อาตมาเป็นคนเชื่อยาก ดังนั้นเวลาสอนมโนมยิทธิให้เด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง มี อ๊อด กุ๊ก เก๋ เพ็ญ เป็นต้น จึงพาเขาไปดูสมบัติเป็นพยานไว้ว่ามีจริงแน่ ๆ เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ที่เห็นสมบัติจำนวนมหาศาลเหลือคณานับ...

    ยัง...เท่านั้นยังไม่สะใจ อยู่มาวันหนึ่ง “หลวงพ่อ” มีบัญชาให้สร้างเพิงให้เป็นที่หลบร้อนของสุนัขหกสิบกว่าตัวของท่าน บรรดาช่างจำเป็นมี พระสวัสดิ์ พระสุธน พระสัมฤทธิ์ (สามรูปนี้ลาสิกขาหมดแล้ว) พระชลอ และอาตมา ช่วยกันกะแปลน ขุดหลุมเป็นการใหญ่...

    เสาคอนกรีตที่มีอยู่ยาว ๔ เมตร กะจะให้เพิงสูงสองเมตรครึ่ง ต้องฝังเสาลงดินเมตรครึ่ง จึงช่วยกันขุดหลุมก่อนอื่น พอจวนได้ระดับเมตรครึ่งก็มีน้ำเจิ่งขึ้นมา ดินเริ่มเป็นทราย พอตักทรายจอบแรก ขึ้นมานั่นเอง...

    ประกายเหลืองอร่ามสะท้อนแสงอาทิตย์พราวระยับจับตา โอ้โฮ...ทองทั้งนั้นเลย...! ตักใหม่ก็ทองอีกนั่นแหละ เป็นทองธรรมชาติเม็ดละเอียดยิบ อาตมาและเพื่อน ๆ มองตากันอยู่ไปมา “นี่ถ้าเป็นฆราวาสละก็...เสร็จผมแน่...” อาตมาบอก...

    ตกลงขุดหลุมเดียว เอาเสาลงแล้วกลบ เสาที่เหลือใช้วิธีตัดให้สั้นแทน ขืนขุดต่ออาจมีเรื่องยุ่ง ขนาดนั้นก็ตาม อาตมาและพระทุกรูป ถูกเท้าลึกลับถีบร่วงลงจากเสาลงมาออกหัวออกก้อยกันครบครัน คนปากเสียคืออาตมา ได้แผลใต้ฝ่าเท้าเพิ่มมากกว่าคนอื่น แผลเบ้อเร่อ ต้องเดินตะแคงเท้าบิณฑบาตเป็นอาทิตย์ ๆ ปวดจะตายชัก สมน้ำหน้าตัวเอง..อยากปากหมาดีนัก...!

    ๘ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    บันทึกเพิ่มเติม : หลวงน้าสัมฤทธิ์กลับมาบวชใหม่ ส่วนพระชลอคือ หลวงตาชลอ (พระครูปลัดชลอ วิมโล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์

    ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...