ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้ายอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุชุบสิริ(ทรงเมือง,ครุฑเหิน)
    วิชาพระเจ้าทรงเมือง,นั่งเมือง,ครองเมืองนั้น เป็นวิชาแต่โบราณพ่ออาจารย์ท่านว่ามีมาตั้งแต่สมัยศรีสัชนาลัยย้อนกลับไปก็เริ่มทำพระร่วงทรงเมืองเหล่านี้แล้ว ท่านว่าวิชานี้จะเด่นทางด้านครอบงำ ทำให้เราครอบครองได้ทุกสิ่ง ครองเอาไว้ได้ทั้งหมดจะครองบ้านครองเมืองครองได้ทุกสรรพสิ่ง อะไรที่เอายาก(เอาไม่ได้)ก็ได้มาอยู่ในครอบครองเราทั้งสิ้น เช่นนั้นเสด็จพระใหญ่และครูบรมพรหมท่านจึงมีคำสั่งให้พ่ออาจารย์ท่านทำพระพิมพ์สำคัญนี้ไว้ในลักษณะท่านั่งคล้ายพระเจ้านั่งบัลลังค์อันเป็นที่มาของคำว่า"นั่งครองเมือง" ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของวิชามหาอำนาจที่จะใช้ครอบครอง,ยึด,ถือ เอาได้ทุกสรรพสิ่ง

    วิชาพระเจ้าทรงเมืองนั้น นับเป็นวิชาที่มีคุณฉกาจฉกรรจ์มากมายหากได้ทำแล้วท่านว่าจะเป็นยอดของประสบการณ์ทีเดียว ด้วยเป็นหนึ่งในวิชาที่ท่านทำสำเร็จในอดีตแม้ลงหรือครอบวิชาทำเครื่องมงคลด้วยวิชานี้ให้กับใครก็ล้วนแต่พลิกหน้าพลิกตัวเจริญรุ่งเรืองจนแทบจะจำตัวเองไม่ได้ ทั้งใช้ได้ทั้งในการปกครองหรือทำให้ครอบครัวเราและเพื่อนฝูง,สมาคมหรือลูกน้อง,เพื่อนร่วมงานของเราอยู่กับเราทำงานกับเราได้อย่างสงบร่มเย็น ทำกิจใดไม่ว่าจะหนทางไหนก็มีแต่ทางเจริญก้าวหน้า #ต้องเป็นใหญ่เหนือคน จะมีเหตุให้มีคนมาสนับสนุนถ้ามีเจ้านายก็จะได้รับความเมตตาเอ็นดูเป็นพิเศษ เรื่องเลื่อนยศ,เลื่อนตำแหน่ง,เจริญก้าวหน้านี่พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าใช้วิชาพระเจ้าทรงเมืองแล้วถึงไม่อยากได้แต่ก็ขัดไม่ได้เพราะมีแต่ต้องเจริญขึ้นจนไปถึงจุดสูงสุดอย่างเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะทำกิจใดมีอาชีพด้านไหนก็ตามที เพราะพระเจ้าทรงเมืองก็คือนั่งเมืองและครองเมืองนั่นหมายถึงจุดสูงสุดของอำนาจได้ครองทุกอย่างแล้ว,ได้หมดแล้ว จะทำอะไรก็ต้องได้ ต้องเป็นใหญ่เป็นโต เห็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยเกียรติยศ ถ้ารับราชการแล้วถือวิชานี้สมัยโบราณท่านว่าต้องเจริญขึ้นถึงชั้นเจ้าพระยามหาเสนานั่นทีเดียว ไม่ว่าจะทำกิจใดหรือประกอบอาชีพใดก็ล้วนแต่ต้องใหญ่โตโอฬารดีเกิน,ดีเลิศ,ดีล้ำกว่าใครเขาทั้งหมด จะเจริญก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง ทั้งสริมสง่าราศีให้เหมาะแก่การเป็นเจ้าคนนายคน ด้วยคุณวิชาพระเจ้าทรงเมืองนี้จะเสริมดวงชะตาวาสนาให้ยกขึ้นถึงขั้นเป็นใหญ่กว่าผู้คนทั้งปวง เปลี่ยนชีวิตให้เรื่องทุกข์ไม่มีเรื่องดีไม่ดับสูญ มีตบะเดชะเป็นที่เกรงกลัวแก่ชนทั้งหลายใครเห็นก็มอบใจมอบความศรัทธาให้แก่ตัวเราดุจเป็นศูนย์รวมจิตใจและความเชื่อมั่นของเขา นอกจากนี้ยังมีคุณมีค่าควรเมืองท่านว่าพวกที่เล่นของมีวิชาทั้งหลายนี่แพ้ทางเราทั้งสิ้น ไปเจอใครกระทำอะไรใส่นี่หลุดหมดเลยแม้คู่แข่งเราทำอาถรรพ์กลวิชาใดๆเจอพระเจ้าทรงเมืองเข้าไปก็เสื่อมอาถรรพ์ทั้งสิ้น เช่นนั้นท่านจึงถือว่าเป็นยอดวิชาที่ไม่ทำให้กับใครได้ง่ายๆ ด้วยเป็นเครื่องมงคลที่จะสร้างไว้เพื่อเฉลิมยศ เป็นเกียรติเป็นศรีให้กับเจ้านายและบรรดาเจ้าพระยามหาเสนาทั้งหลายนับแต่โบราณกาล พระเจ้าทรงเมืองนี้หากได้พกอาราธนาก็จะเสริมเรื่องมหาอำนาจ เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนเหนือคน,เป็นยอดของคน อยู่เหนืออุปสรรค อยู่ในหนทางแห่งความเจริญรุ่งเรืองเพราะเป็นพระเจ้าทรงเมือง,ทรงอำนาจที่จะเพิ่มยศต่อวาสนาให้เราก้าวหน้าไม่สิ้นสุดนั่นเอง

    ปฐมกำเนิดของการจัดสร้างพระเจ้าทรงเมืองนั้น แต่เดิมพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจจะทำเป็นพระยอดขุนพล ต่อเมื่อได้ขออนุญาติทั้งเสด็จพระใหญ่และครูบรมพรหมแล้วท่านว่าให้ทำเป็นพระยอดขุนคลังแทน ให้ทำเป็นวิชาทางเจริญร่ำรวยเร็วเสริมกันจะดีกว่า พร้อมทั้งดำริว่าครูทั้งสองจะมาช่วยกันทำให้เต็มกำลัง ท่านมีโองการให้พ่ออาจารย์สร้างพระยอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุที่จะเชิญบารมีของยอดขุนคลังทั้งหมื่นโลกธาตุในแสนโกฏิจักรวาลมาประจุไว้ เพื่อให้เหมาะแก่ยุคสมัยนี้ซึ่งหมดเวลาแล้วที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครด้วยความรุนแรงหรือสงครามการทำลายมันก็ไม่ใช่ ท่านว่าเราต้องสู้เค้าด้วยเศรษฐกิจ ความมั่งคั่ง มั่นคงท่านจึงมีดำริว่าดีแล้ว ทำยอดขุนคลังหนนี้จะได้เชิญยอดบรมครูมาลงวิชายอดขุนคลังที่เป็นยอดของวิชายอดขุนคลังจริงๆทั้งหลายนับไม่ถ้วนตั้งแต่กำเนิดมหาจักรวาลทุกยุคทุกสมัยนั่นทีเดียว ด้วยเหตุนี้วิชาพระเจ้าทรงเมืองในรูปขององค์พระยอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุจึงอุบัติขึ้น

    ท่านว่าหากกล่าวถึงยอดขุนคลังแล้วก็ต้องพูดถึงพระธนบดีด้วย ซึ่งพระธนบดีนั้นจะมีตำแหน่งพิเศษเป็นขุนคลังแก้วแห่งสวรรค์ไม่ว่าจะเทพยดาองค์ใดอุบัติขึ้นก็ตาม จะมีทรัพย์มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่ที่พระธนบดีนี้จะประทานให้เรียกว่ามีขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหาจักรวาลอยู่ในการดูแล คอยประทานโชคประทานทรัพย์ให้กับทุกผู้ทุกนาม พ่ออาจารย์ท่านว่าพระธนบดีนั้นนอกจากเป็นยอดขุนคลังแล้วยังเป็นธรรมราชาเป็นมหาโพธิสัตว์ตามความเชื่อที่สืบมาแต่โบราณซึ่งเป็นคนละคติกับท้าวเวสสุวรรณ โดยคตินี้มีความเชื่อว่าพระธนบดีนั้นเป็นมหาโพธิสัตว์ซึ่งนิรมาณกายมาจากพระอวโลกิเตศวร เนื่องจากจะปฏิบัติหน้าที่โปรดสัตว์สงเคราะห์โลกช่วยเหลือด้านโชคลาภทรัพย์สินเงินทองโดยเฉพาะ นี่คือท่านลงมาทำหน้าที่เจาะจงเฉพาะกาลของท่านโดยเฉพาะ ที่สำคัญคือเป็นหน้าที่ต่อสัตว์โลกที่อยากพึ่งพาท่าน เพราะการสงเคราะห์ผู้ถวิลหาทรัพย์สมบัตินั้นอยู่ในงานอยู่ในภาระของท่านนั่นคือเหตุผลว่าแม้สัตว์ใดมีทุกข์เกี่ยวกับปากท้อง โชคลาภทรัพย์สินความมั่นคงต่างๆบรรดามี เมื่อขอท่านต้องได้รับการช่วยเหลือ ต้องสำเร็จทุกสิ่งด้วยมหากรุณา พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระธนบดีนี่สำคัญนัก เพราะแม้แต่การกำเนิดของสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิทุกยุคทุกสมัย อันจะเกิดสิ่งของคู่บุญติดตัวมาด้วยคือรัตนะเจ็ดประการ ทั้งช้างแก้ว,ม้าแก้ว,ขุนพลแก้ว,ขุนคลังแก้ว,มณีแก้ว,นางแก้ว,จักรแก้ว เหล่านี้ ทุกสิ่งล้วนมาแต่การบันดาลของพระธนบดีทั้งสิ้น ท่านว่าเพราะพระธนบดีพระองค์นี่แหละที่อยู่เบื้องหลังของกำลังพระจักรพรรดิ์ทั้งหมด อยากรวยไว อยากสำเร็จไว อยากหนุนเนื่องเสริมส่งตัวเองด้วยกำลังของมหาจักรพรรดิ์ จึงต้องขอบารมีพระธนบดีพระองค์นี้ เมื่อจะทำพระยอดขุนคลังแล้วท่านจึงต้องใช้กำลังของพระธนบดีและเชิญพระธนบดีมาเป็นพยานร่วมทำร่วมสร้างกันอีกหนหนึ่ง ซึ่งองค์พระธนบดีศรีธรรมราชนั้นท่านก็โปรดให้พ่ออาจารย์ลงวิชาของท่านฝากไว้ในพระยอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุนี้ด้วย นั่นก็คือวิชาทำตะกรุดชุบสิริ ชุบชีวิต ชุบให้ตั้งตัวได้ พลิกฟื้นพลิกกลับจากโชคร้ายกลายเป็นโชคดีดั่งมีมหาสิริสถิตย์และตั้งอยู่ในตัวเราเช่นนั้น ซึ่งจะทำให้เราได้โชคได้ชัยในทุกกาลทุกเมื่อตลอดชีวิตไม่หน่ายไม่หนี มีสิริมีมงคลชัยมีลาภผลแสะสวัสดิมงคลทุกประการประทับอยู่กับตัวเราไม่เคลื่อนคลายหายจาก ด้วยสิริเป็นทรัพย์ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า"สิริ โภคาน มาสโย" แปลว่า "สิริเป็นที่มานอนแห่งโภคะทั้งหลาย" หมายความว่า ใครมีสิริอยู่ในตัวโภคสมบัติทั้งหลายจะไหลมาหาผู้นั้น เพราะสมบัติทั้งหลายนี้เป็นของแปลกอยู่คือชอบแต่คนมีสิริหรือมีมิ่งขวัญเท่านั้น ใครไม่มีสิริหรือหมดสิริก็ไม่อยากจะอยู่ด้วย เช่นนั้นตะกรุดชุบสิริจึงเป็นของสำคัญยิ่งนัก

    นอกจากนั้นครูบรมพรหมท่านยังโองการให้พ่ออาจารย์นำครุฑเหินที่ท่านทำไว้เมื่อนานมาแล้วและองค์ครูทั้งหลายได้เมตตามาเสกให้เต็มกำลังแล้วลงบรรจุในพระยอดขุนคลังนี้เป็นการเฉพาะด้วย ซึ่งในอดีตสมัยพ่ออาจารย์ท่านทำครุฑในตำนานของท่าน คือครุฑไม้ใบระกาโบราณแกะสลักนั้น ท่านทำเป็นองค์ขนาดบูชาค่อนข้างใหญ่ และในขณะเดียวกันท่านก็ใช้ไม้ใบระกาแกะองค์จิ๋วขึ้นไว้พร้อมกันและเสกขึ้นพร้อมกันด้วย ซึ่งครุฑจิ๋วนี้เรียกว่าครุฑเหินที่พญาสุเรนทรชิต(ครุฑองค์ต้น)ได้กำชับพ่ออาจารย์เอาไว้ให้ทำครุฑเหินให้ท่านด้วย เพราะเป็นครุฑที่อยู่ในจุดสูงสุดกว่าครุฑทั้งมวล เป็นครุฑที่กำลังบินเหินลมให้สูงขึ้นหันหน้ามุ่งฟ้าไม่มีตกลง เหินฟ้าร่อนไปในจุดสูงสุดเช่นนั้น ซึ่งวิชาทำครุฑเหินนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าพอเสกรวมแล้วองค์ครุฑต้นท่านยังให้แยกเสกและทำวิชาให้อีกหลายวาระเพราะถือว่าเป็นครุฑอาถรรพ์ที่มีกำลังแรง ทำไว้เพื่อให้คนใช้ได้พุ่งเข้าสู่ช่วงสูงสุดในชีวิตตามความฝัน ความปรารถนา อาถรรพ์ครุฑเหินนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพญานกทดลองปีกจะเกิดพายุกวาดม้วนมหาปฐพีพุ่งไปด้วยกำลังอันไร้ผู้ฉุดต้านทัดทาน พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพระยอดขุนคลังทรงเมืองฝังครุฑเหินแล้ว ก็จะยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า เพราะท่านช่วยท่านเร่งให้ได้ทุกอย่าง ท่านประทานให้ได้ทุกอย่าง ขาดทรัพย์ได้ทรัพย์ ขาดบุตรได้บุตร ขาดบริวารได้บริวาร ขาดคู่ครองได้คู่ครอง ขาดกิจการเคหะสถานบ้านเรือนท่านบันดาลให้ได้ทั้งสิ้นและเหนือสิ่งอื่นใดคือสำเร็จดั่งใจปานประหนึ่งลมพัดเพราะนี่คืออาถรรพ์ครุฑเหินเป็นที่มาของกำลัง,ของความสำเร็จอันไร้ผู้ต่อต้านทัดทานทั้งสิ้น นอกจากนั้นพญาครุฑยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้เป็นใหญ่ผู้มีอํานาจราชศักดิ์ เป็นของสูงอยู่กับผู้ใดจะเจริญทั้งหน้าที่การงาน,ชีวิตครอบครัว อยู่กับใครแล้วย่อมเป็นผู้ที่ตกต่ำไม่ได้ เป็นมหาอํานาจปกครองคนมีบารมีสูงกว่าเขาทั้งหลายปราศจากโทษภัยอันตรายทั้งปวง การจะสร้างองค์ครุฑนั้นให้มีบารมี,มีพลังเหนือพลังทั้งปวงจึงจะได้ชื่อว่าขลังอย่างที่สุด นอกจากเป็นครุฑองค์ต้นชุดพิเศษ(ครุฑเหิน)แล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังลงอาถรรพ์องค์ครุฑเฉกเช่นต้นสายวิชาด้วยทั้งเป็นมหาอํานาจเหนือกว่าใคร,เจริญก้าวหน้าในแผ่นดิน(รับราชการ),เป็นตราแห่งโชคลาภ-เงินทอง-ลาภผล,กันเขี้ยวงาอสรพิษ(พญาครุฑยึดนาคจับนาคผู้เป็นใหญ่ในอสรพิษได้พญาครุฑจึงเหนือเขี้ยวงาและพิษร้ายทั้งปวง),แก้คุณผีคุณคนคุณไสย์ได้ดีนักเดรัจฉานวิชาไม่กล้าเข้าใกล้,ตกตําไม่ได้พญาครุฑบินอยู่สูง สูงกว่าพญานกทั้งหลายตราพญาครุฑจึงช่วยหนุนดวงไม่ให้ตกต่ำ,พระเคราะห์ไหนๆพระราหูแรงอย่างไรก็ชนะพญาครุฑไม่ได้,บารมีมากปกป้องคุ้มครองดี ให้ปลอดภัย ทั้งนี้ครุฑองค์ต้นของพ่ออาจารย์ท่านยังมากบารมีช่วยให้ชีวิตที่ซบเซาการงานและกิจการที่ซบเซาพลิกฟื้นคืนมาได้ เพราะเป็นครุฑเหินองค์ครุฑท่านจึงลงไว้ให้เป็นกรณีพิเศษเมื่อครุฑบินขึ้นฟ้า ย่อมเกิดมหาพายุพัดเอาแก้วแหวนเงินทองและลาภสักการะมากมายมาตกลงที่ตัวเรา ด้วยองค์ครุฑนั้นเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับการยอมรับว่าศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดชนิดหนึ่ง ที่มีข้าราชการ เจ้าใหญ่นายโตติดต่อขอให้พ่ออาจารย์ท่านเมตตาทำให้มากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ก็มักจะได้รับการปฏิเสธทุกครั้งไป ว่าท่านไม่ทำแล้วบ้าง ยังไม่ถึงเวลาบ้าง เมื่อจะสร้างจอมครุฑที่ได้ชื่อว่าเป็นองค์กำเนิด เป็นมหาครุฑองค์ปฐมในวัฏจักรเผ่าพันธุ์เทพวิหคที่ครุฑทั้งหลายต่างเกรงกลัวนอบน้อมดุจจอมราชันย์แห่งเผ่าพันธุ์ พญาครุฑที่มีวิมานอาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นไวกูณฐ์ร่วมกับพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า เป็นวิมานเอกเทศดุจอาณาเขตต้องห้ามที่ไม่มีใครหาญกล้าไปรบกวน นั่นคือ"พญาสุเรนทรชิต" ครุฑผู้อาจหาญสามารถชนะได้แม้กระทั่งพระอินทราธิราชองค์นั้น ครุฑท่านมีอำนาจช่วยให้ทุกสิ่งที่เลวร้ายผันแปรได้ในทุกสรรพสิ่งในทุกสถานการณ์ซึ่งเป็นสภาวะธรรมชาติอันไม่คงที่ คนเราต้องเจอโชคร้ายมากมายเหมือนฟ้าเล่นตลก เมื่อมีเหตุร้ายมาถึงตัวจะได้กลับร้ายกลายเป็นดี ท่านว่าเราไม่ได้เปลี่ยนวัฏจักรแต่ทำให้ด้วยเคล็ดและคุณวิชาพลิกกลับทุกสรรพสิ่งจากร้ายให้เป็นดี จากอวมงคลกลายเป็นศุภมงคล ท่านว่าชีวิตคนนั้นไม่ว่าจะผ่านอะไรมามากก็ตามความสำเร็จสุดท้ายให้ดูที่ปลายมือคือที่สุดของชีวิต มงคลเรื่องนี้ถือว่าสำคัญนัก คนรวยจนลงก็มีถมไปได้ดีเป็นพักๆโชคร้ายกระหน่ำเข้ามาก็มีอยู่มาก พ่ออาจารย์ท่านจึงลงวิชาพลิกฟ้าพสุธาหงายเสริมเข้าไว้ที่จอมครุฑให้สอดคล้องกัน ท่านว่าเสริมส่งอานุภาพให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อที่จะแปรผันสถานการณ์เลวร้ายต่างๆให้ลูกๆที่ศรัทธา ท้ายที่สุดของชีวิตปลายมือต้องได้ดีคงที่ทุกคน ด้วยเมตตาครุฑองค์ต้นประดุจองค์ครุฑนั้นกางกรออกมาพร้อมที่จะโอบอุ้มสรรพสิ่งอันเป็นที่รักไว้กับอกของพระองค์ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าท่านจะทนุถนอมเราไว้ดุจดวงแก้ว โอบอุ้มเราใส่ไว้กับอกของท่านให้ฝากชีวิตของลูกๆไว้กับพ่อพญาสุเรนทร์ท่านเสีย อธิษฐานบอกท่าน จะได้ชื่อว่าเราฝากชีวิตไว้กับเทพที่ทรงอานุภาพเกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์เทวโลก ท่านจะโอบอุ้มเราด้วยความรัก คอยค้ำชูเรา จะมีสิ่งดีๆตามเข้ามาในชีวิตเจ้าอย่างรวดเร็วปานมหาวายุพัด เพราะท่านบินสูงเหนือลม เล่นลม เฉกเช่นนั้น ผู้ที่มีดวงครุฑ มีบารมีครุฑหนุนอยู่ ล้วนแต่ได้ดีเป็นยอดคนแห่งยุคทั้งสิ้น เช่นนั้นท่านจึงนำจอมครุฑพญาสุเรนทร์ต้นตำรับที่ใชไม้ใบระกายุคขรัวโตแกะสลักมาบรรจุไว้ในพระสำคัญนี้

    ด้านหลังท่านอุดด้วยผงสุริยกาล,ผงจันทรกาล ซึ่งผงวิเศษนี้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ย่อมได้ชื่อว่ามีคุณมากมาย ยิ่งนำทั้งสองชนิดนั้นมาใช้พร้อมกันจะยิ่งทวีอานุภาพมากขึ้นไปอีก ท่านว่าผงนี้เป็นของเทพยดา หาได้ยากในโลก เมื่อนำมารวมกันจะมีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตา โชคลาภ ความสะดวกสบาย ความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูง โดยพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าทั้งสองสิ่งนี้ถ้าเอาเฉพาะด้านเสน่ห์ก็แรงกว่าพวกคุณไสยยาแฝด ต่างกันตรงเกิดขึ้นด้วยเทวานุภาพเป็นของสูง
    - ผงสุริยกาล ผงนี้เกิดจากสุริยะเทวราชเมื่อครั้งที่ได้เข้ากรรมบำเพ็ญตบะเพื่อจะดับรัศมีความร้อนในร่างกายพระองค์ให้บรรเทาลงเสีย ด้วยตบะกรรมแห่งพระอาทิตย์เทพ จึงได้เกิดไคลตกลงมาเป็นตะกอนก้อนผง ท่านว่าผงนี้มีคุณอย่างวิเศษ แม้ใครเดือดร้อนทุก์ใจ เจอเรื่องร้ายอย่างใดก็ตามที ทุกสิ่งที่ว่าร้ายจะต้องกลายเป็นดี ทุกสิ่งที่เป็นกาลร้อนจะต้องสงบระงับไป เหลือแต่เพียงความสุขสมหวัง ความเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น
    - ผงจันทรกาล เมื่อครั้งจันทรเทพได้ก่อเทวาสุรสงครามขึ้น พระองค์ได้เสด็จยังโลกมนุษย์เพื่อจะรวมกองทัพฝ่ายมนุษย์และเหล่าเทพอสูรต่อกรกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งกาลนั้นเองที่เป็นปฐมเหตุของตระกูลกษัตริย์จันทรวงศ์ที่จะสืบเชื้อสายต่อไปในชมพูทวีปได้อุบัติขึ้น ผงจันทรกาลจึงเกิดขึ้นเมื่อครานั้น เมื่อจันทรเทพได้บำเพ็ญตบะกรรมจนสำเร็จพิธีราชสูรยะ รัศมีของจันทรเทพก็สาดส่องไปกระทบกับมวลอากาศเกิดเป็นละอองขึ้นมา ซึ่งผงนี้เรียกว่าผงจันทรกาล เหล่านางฟ้า เทพธิดา อัปสรสวรรค์หรือแม้แต่นางพรายก็จะคอยเฝ้าไว้ด้วยความหวงแหน ซ้ำตนเองยังหลงใหลในผงนี้เสมอด้วยได้เห็นหน้าจันทรเทพอีกด้วย ท่านว่าเป็นที่สุดของผงทางเมตตามหานิยมเอาว่าขนาดนางฟ้ายังหลงเช่นนั้น
    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านขอท่านพลีมาได้ ท่านจึงนำมาเก็บไว้จนได้นำมาร่วมสร้างพระยอดขุนคลังชุดพิเศษหนนี้ ด้วยว่าผงทั้งสองชนิดนี้ต้องอยู่คู่กันจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ท่านว่าเพราะธาตุพลังงานนั้นเกื้อหนุนกัน แม้จะใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ด้วยว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากเทพยดา มีการพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เป็นของที่มีต้นกำเนิดมาจากองค์กำลังแห่งธาตุแสง ใช้เบิกชีวิตคนได้ ใช้เปิดโลกเปิดภพภูมิได้ เป็นแสงสว่างที่จะทำลายความมืด ขจัดกลียุค ทำลายเสียซึ่งอุปาทวจัญไรทั้งปวง ท่านจึงนำผงทั้งสองนี้ผสมด้วยกันและเพิ่มมวลสารมงคลอื่นๆได้แก่
    - ผงคตไข่แก้วงูจงอาง พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่สุดของอำนาจ ตบะบารมี บริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติที่จะประทานให้กับผู้ถือครอง สำหรับผงนี้ท่านว่าสำคัญนักเมื่อจะทำแล้วจะขาดไปไม่ได้ เพาะพระยอดขุนคลังนี้มีกำลังแห่งพระธนบดีอันเป็นนายของบรรดาปู่โสมทั้งหลาย เหล่าพญางูหรือผู้พิทักษ์ทรัพย์แผ่นดินทั้งหลายล้วนอยู่ในการควบคุมของท่าน ดังนั้นจะให้ใครรวย จะเกื้อหนุนใคร จะเปิดดวงใคร จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของพระยอดขุนคลัง
    - ผงสำเร็จหลวงพ่อปาน เป็นผงเก่าตกทอดมาแต่สมัยหลวงพ่อปานท่านสร้างพระพิมพ์ทรงสัตว์ โดยผงนี้ท่านจะบรรจุอยู่ภายในพระพิมพ์แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเหมือนหัวใจ เหมือนพลังงานขององค์พระเลยก็ว่าได้ ถ้าหาพระพิมพ์ทรงสัตว์ของเก่าไม่ได้ท่านว่าให้เอาใช้แทนกัน
    - ผงลบวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ วิชาเอกที่อำนวยลาภผล โชคลาภให้สำเร็จมาแล้วมากมาย หากใช้โดยจิตเมตตา และผู้ถือครองให้ท่านเป็นนิจ จะยิ่งมีแต่ทรัพย์สินงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยอำนาจแรงครูบันดาลให้เป็นไป
    - ผงลบคาถารัตนมาลา ที่สุดแห่งคุณแก้วสามประการ พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอานุภาพเป็นเอนกอนันต์ด้วยอำนาจพระรัตนตรัยไม่สามารถบรรยายได้หมด ท่านว่าปรารถนาสิ่งใดก็มีครบ แม้ไม่ต้องปรารถนาก็ยังมี สุดแท้แต่จะขอจะอธิษฐานเอาตามเหมาะตามควร
    - สีผึ้งและนำมันครูเก่า เป็นของบูรพาจารย์ที่สืบทอดมามากมายหลายสิบชนิด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้เคยไปขอเมตตาและท่านประสิทธิ์ประสาทให้มา ที่สำคัญมีสีผึ้งที่หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล และหลวงปู่ฝั้นท่านเคยใช้สีปากด้วย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าลมหายใจ น้ำลาย ไอปากของพระอริยเจ้า นี่แหละของวิเศษที่สุด
    - ว่านยาทางโชคลาภ หนุนดวง เมตตา มหานิยม ซึ่งเป็นว่านยาพิเศษที่มีฤทธิ์ในตัว มีอำนาจ มีตัวตนต้องปลูกต้องพลีด้วยวิธีเฉพาะทั้งสิ้น ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมมาผสมไว้
    ทั้งยังเข้าด้วยมวลสารวิเศษที่ครูพรหมท่านให้หาไว้ได้แก่ ดินกากยายักษ์,ผงเขี้ยวหนุมาน,ผงถ้ำเทวาพิทักษ์,ผงพระธาตุสีวลี,ผงเพชรหน้าทั่ง,นิลตัดเหล็ก,ผงบัวผุด,ขี้เหล็กเปียกภูสิงห์,เหล็กไหลพญานาคภูเขาควาย,แร่ทรหดประเทศลาว,ทรายดำหลวงปู่ทวด,ด้วงหิน,ข้าวสารหิน,ข้าวสารดำ,เหล็กไหลย้อย,เพชรประสาน,เหล็กน้ำพี้,ทรายคำ,ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่,แร่บางไผ่,แป้งเสกหลวงปู่บุดดา,น้ำมันชาตรีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


    พ่ออาจารย์ท่านว่าพระยอดขุนคลังทรงเมืองนี้คือพระที่คนซึ่งปรารถนาความสุขความสบายควรมีไว้อย่างถึงที่สุด ด้วยเมื่อครูพรหมและสมเด็จองค์ปฐมท่านเมตตาทำให้ นิมิตแรกท่านเห็นเป็นวิสุทธิเทพซึ่งมีความสวยงามเกินกว่าเทพพรหมสามัญทั้งหลาย ในมือนั้นท่านถือแก้วดวงหนึ่งซึ่งมีรัศมีสว่างไสวมากยื่นลงมาพร้อมจะมอบให้แก่ผู้ถือครอง ครูบรมพรหมท่านจึงกำชับไว้เลยว่า"องค์ยอดขุนคลังทรงเมืองนี้อาตมันท่านกำหนดเอาไว้แล้วจะเปรียบเสมือนเป็นของคู่บารมีค่าควรเมืองเมื่อผู้ใดรับไปอาราธนาซ้ำจะดีกว่า,ล้ำกว่า,เลิศกว่าที่ได้บอกไว้เทั้งหมด(ท่านว่าพูดไม่ได้)"

    คาถาบูชา
    มะอะอุมะณีจินตาปิยังมะมะ อุอากะสะวิระทะโยวิระโคนายัง ปฏิรูปะการีธระวาอุฏฐาตาวินทะเต ธนัง เมกะมุอุสิริโภคานะมาสะโย อุอะมะนัตถีติวะจะนังนามะมาโหสิภะวาภะเว นะชาลีตีฉะวิจิมัง สัพพะลาภาสัพพะโภคาภะวันตุเม วิริเยนะทุกขะมัจเจติ นะมะพะทะสัพเพเทวารักขันตุสุรักขันตุ

    *** พระเจ้ายอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุชุบสิริ(ทรงเมือง,ครุฑเหิน) ท่านว่าเป็นยอดของเครื่องมงคลเฉพาะใช้กับยอดคนเท่านั้น ใครไม่มีวาสนาพานพบจะไม่ได้ถือครองเลย เป็นของเฉพาะกาลเฉพาะตนอย่างแท้จริง ท่านทำไว้หกองค์ซึ่งได้อาราธนาเองด้วยองค์หนึ่ง จึงมีให้บูชาเพียงห้าองค์เท่านั้น รับจองเฉพาะทาง PM ผู้สั่งจองให้แจ้งชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดตลอดจนสิ่งที่ติดขัดในชีวิตเอาไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำการประสิทธิให้อีกวาระหนึ่ง รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้ายอดขุนคลังมหาสหัสสโลกธาตุชุบสิริ(ทรงเมือง,ครุฑเหิน) บูชา 4,000 บาท

    68954640-1272581306257347-484550071371694080-n.jpg 69554044-561537744655784-7670359313419862016-n.jpg
    68961230-691468491280876-1817445351519420416-n.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ยอดขุนคลังทรงเมืองพิมพ์นี้คลาสสิคมากที่สุดจริงๆอันนี้มองกันทั่วๆไป แต่ถ้าใครมีตาในดีๆก็ลองมองเอานะครับ ดีทางบารมีสุดๆ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่จารุวรรณ ED 8364 4246 6 TH

    พี่แมน ED 8364 4247 0 TH

    พี่อรวรรณ ED 8364 4248 3 TH

    * รายการที่ฝากเลี่ยมไว้ยังไม่ได้ของนะครับ เดี๋ยวได้รับแล้วจะจัดส่งให้อีกที
     
  4. Rattanasanarak2

    Rattanasanarak2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ยอดขุนคลังทรงเมืองมาแรงมากโดยเฉพาะคนที่อาชีพมีปัญหาทำมาหากินฝืดเคือง กล้าพูดว่าเดี๋ยวคงได้นั่งฟังประสบการณ์กันจริงๆในเวลาไม่นานนัก วันนี้ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM ไว้นะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ช่วงนี้มีแต่คนถามหาของหลักร้อย เดี๋ยวจะเอาตะกรุดปลดหนี้มาลงให้นะครับ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    รายการนี้จะเรียกว่าตะกรุดก็ไม่ถนัดปาก จะเรียกว่าก้อนผงคุณวิชาก็ยังเรียกได้ แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือเขาแรงเกินตะกรุดทั่วไปแน่ๆ อย่าคิดว่าของถูกจะไม่ดี ต้องบอกเลยว่าท่านตั้งใจทำมากเฉพาะแค่ลบผงก็แรงสุดๆแล้ว
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะครับกับตะกรุดชุดพิเศษ มียอดเล็กน้อยสำหรับคนมีหนี้หรืออยากปลดหนี้ตัวนี้น่าใช้มากๆ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ฝากคำถาม pm ไว้นะครับ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันพรุ่งนี้ติดตมกันดีๆนะครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ร่วมทำบุญบูชา ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้(มีตังค์)

    ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่าคนทำมาหากินทุกๆอาชีพช่วงนี้บ่นกันอุบว่าหาตังค์ยากลำบากนักหนา ลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นหายใจไม่ออกเลย ไม่ว่าจะคิดจะลองหรือกระดิกตัวไปทำมาหากินอะไร ก็ติดขัดกันหมด ขัดสนเงินทองจะอยู่จะกินก็ฝืดหาก็ไม่คล่องแล้ว เนื่องด้วยสภาวะพิษเศรษฐกิจที่ตกต่ำรุนแรงขึ้น หลายคนที่ทำธุรกิจไม่ค่อยเฟื่องฟู การงานไม่ก้าวหน้า,ไม่กระเตื้อง ยิ่งการเงินนี่ยิ่งไม่กระดิกเลย บางคนก็หาทางออกด้วยการกู้หนี้ยืมสินเขามาเลยกลายเป็นวัฏจักรของคนเป็นหนี้เพราะไม่สามารถชำระหรือปลดหนี้ได้ถาวร ปัญหานี้จึงเหมือนเรื่องซ้ำเติมให้คนไร้ทางออกยิ่งขึ้นไปอีก พ่ออาจารย์ท่านว่าในห้วงวัฏจักรนี้ไม่มีสิ่งใดหรืออะไรก็ดี จะยากเกินไปกว่าที่อำนาจพระพุทธานุภาจะบันดาลให้เป็นไปซ้ำเมื่อกุศลกรรมก่อเกิด กรรมให้คุณตอบสนอง ผลดีก็ย่อมประคับประคองชีวิตคนที่ล้มไปแล้วให้ลุกขึ้นมาโดยง่าย เมื่อเราใช้ทั้งพระพุทธานุภาพและกุศลกรรมเข้ามาเสริมส่งชีวิต ทั้งสองสิ่งนี้ย่อมอุดรอยรั่วและนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านว่านี่ถึงจะไปห้ามก็ห้ามไม่อยู่แล้วนะคนมันจะได้ดีจะเจริญใครก็ห้ามไม่อยู่ มันแตกต่างกับชีวิตผีซ้ำด้ามพลอยในตอนแรกขนาดนั้น ท่านว่าในส่วนของการอาราธนาให้พระพุทธานุภาพสงเคราะห์ท่านจะขอครูพระพุทธทุกพระองค์อาราธนาให้ท่านช่วยกันทำให้เอง ส่วนในเรื่องกุศลกรรมอันนี้ก็เร่งประกอบกันให้ดีเถิดผลบุญนั้นเมื่อเจอกับพระพุทธานุภาพย่อมให้ผลแรงทันตาสำเร็จทันใจเช่นนี้

    ครูบรมพรหมท่านจึงแนะนำให้พ่ออาจารย์ทำวิชาของท่านและเมื่อสร้างสำเร็จแล้วค่อยให้เสด็จพระใหญ่ช่วยสงเคราะห์อีกทีเช่นนี้ท่านจึงได้สร้างผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดปลดหนี้(มีตังค์)ขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้เรียกเงินทองให้เหล่าคนที่ชีวิตมีปัญหา,ติดขัด,ฝืดเคือง จะได้มีของดีไว้บูชาให้พระพุทธานุภาพ,คุณเทพ,คุณพรหมได้สงเคราะห์ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาดูดทรัพย์ทั้งยังเปลี่ยนโชคของคนได้ ช่วยให้รับวาสนาเงินทองเปลี่ยนชีวิตให้รับแต่เงินแต่ทองต้องไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆหากแต่ไม่ไหลออกมีแต่ไหลเข้ามา นี่คือเกี่ยวโชค,ดูดลาภบันดาลให้ผลสำเร็จในชีวิตเกิดขึ้นโดยพลัน ท่านว่าพูดกันเข้าใจง่ายๆเลยก็คือรวยเร็วกว่าคนอื่นๆในแวดวงที่ทำมาหากินเหมือนกัน ครูบรมพรหมท่านให้วิชาลงตะกรุดซึ่งเป็นวิชาสายพรหมขององค์ท่านให้พ่ออาจารย์ลงจารทำวิชาและท่านมาประสิทธิให้วาระหนึ่งก่อน

    จากนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงลบผงดูดทรัพย์,ผงหัวใจพระสิวลี,ผงทศชาติเงินไม่ขาด,ผงมหาเศรษฐี,ผงปลดหนี้,ผงวิชาเจ้าสัวใหญ่,ผงมหาลาภ,ผงมหาทรัพย์,ผงจับลาภจับเงินจับทอง,ผงดวงเศรษฐีใหญ่ ผงเหล่านี้พ่ออาจารย์ลบถมยันต์เองตามฤกษ์ยามมงคลปลุกเสกผงนี้อยู่นานถึงสองปีก่อนที่จะนำมาสร้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้แต่เดิมก็สำเร็จด้วยพระพุทธานุภาพอยู่แล้ว เราตั้งใจให้ผลที่เกิดจากพระพุทธานุภาพมาเสริมกำลังกับตะกรุดที่เกิดจากคุณพรหมบันดาลหรือพรหมลิขิตนี้เช่นนี้จึงจะลงตัวมีคุณค่ามากพอที่จะอุดรอยรั่วปิดช่องโหว่ชีวิตคนได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาทำผงเหล่านี้เสด็จพระใหญ่ท่านมาเสกให้หลายรอบผงนี้จึงมีพุทธคุณมาก แม้เพียงเศษผงก็เปลี่ยนชีวิตคนได้ ฉันเคยเอามาใส่ซองพลาสติกให้คนลองพกดู ช่วงนั้นใครได้ผงไปก็ได้ดิบได้ดีมีอันจะกินกันถ้วนหน้าท่านจึงมั่นใจในอิทธิคุณผงวิเศษชุดนี้ ท่านว่าใครใช้ก็ไม่เห็นจะลำบากเลยสักคนมีแต่บอกว่าสบายขึ้น บางคนบอกว่างานเยอะจนทำไม่ทัน ทำไม่ไหว ที่ท้อถึงขนาดบอกว่าไม่ไหวแล้วเบื่อแล้วงานขนาดนี้ไม่มีเวลาให้พักเลยไม่เคยเจอะเคยเจอมาก่อนก็ยังเกิดขึ้นได้ คนที่ได้เลื่อนขั้น ได้ก้าวหน้าก็มีอยู่มาก ท่านว่าหนนี้ท่านจึงใช้ผงชุดนี้เพื่อให้โอกาสคนที่ท้อถอยได้มีโอกาสเปิดดวงเข้าถึงโชคลาภแลสมบัติทั้งหลายจะได้จับได้ใช้โชคและลาภเหล่านั้น ใครเป็นหนี้จะได้หมดหนี้อยากได้ดิบได้ดีมีความเจริญ อยากให้งานที่ทำก้าวหน้าลงทุนอะไรได้กำไรไม่ขาดทุนชีวิตมั่งคั่งอยู่เป็นสุขจะนั่งจะนอนล้วนเป็นสุขไม่ทุกข์สาหัส พ่ออาจารย์ท่านว่าอยากเปิดดวงอยากปลดหนี้ก็ให้เอาผงชุดนี้ไปใช้ แต่เมื่อใช้เมื่อถืออาราธนาแล้วต้องตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจทำมาหากินด้วยนะ อย่าคร้านอย่าขี้เกียจเทวดาครูบาอาจารย์ท่านไม่ชอบ ถ้าคิดว่าใช้แล้วจะนั่งๆนอนๆไม่ทำอะไรเช่นนี้อย่าเอาไปเลย แต่ถ้าใครอยากงานเข้า มีงานมาก มีความก้าวหน้าในอาชีพนั่นแหละจึงจะควรอาราธนาให้สิ่งดีๆเข้ามาไม่ขาดไม่ช้าเลย

    ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วและตะกรุดปลดหนี้นี้ ท่านเจตนาทำเพื่อสร้างสุดยอดของผงและยอดตะกรุดให้เอาไปใช้ในทางมหาลาภ,โภคสมบัติ,ปลดหนี้ปลดสินอย่างแท้จริง ท่านจึงเอาผงเหล่านี้มาโขลกรวมกับผงที่เกิดจากพระธาตุของพระสีวลีพระอรหันต์ที่มีลาภหนักมากเป็นมวลสารหลัก จากนั้นจึงใช้ผงที่ให้คุณทางโภคทรัพย์ของครูบอาจารย์ที่เคยมอบให้ท่านไว้และผงที่พระอรหันต์หรือเทวดาได้ทำไว้เพื่อรอโอกาสสงเคราะห์คนซึ่งท่านเจอตามถ้ำตามป่าเขาเอามาโขลกผสมรวมกัน ท่านทำผงอิทธิคุณนี้ตามสูตรการส้างพระแต่ท่านว่าถ้าทำเป็นพระข้อห้ามมันจะเยอะพกไปไหนในที่อโคจรมันก็ไม่สะดวกเวลาคนใช้ก็ต้องถอดจะใส่ติดตัวนานๆไม่ค่อยได้ซ้ำพระก็ยังติดข้อจำกัดของพระ,เทพพรหมก็ยังติดข้อจำกัดของเทพ,พรหม เช่นนี้ท่านจึงทำโดดๆมาเป้นก้อนผงอิทธิคุณเลยเพื่อเอาอำนาจวิเศษเข้ามาช่วยไม่ต้องติดรูปลักษณ์หรือเรื่องควรไม่ควรแต่อย่างใด ท่านว่าสูตรทำผงนี้ให้ลาภหนักมาก เรื่องเอาไปแล้วจะใช้ปลดหนี้นั้นย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะผงนี้อยู่ที่ไหนที่นั่นจะอุดมสมบูรณ์ บริบูรณ์ถึงพร้อมด้วยปัจจัยสี่ได้โชค,ได้ลาภ,ได้ลาภลอย คนที่เคยใช้ที่เป็นหนี้สองเดือนปลดหนี้ได้แล้วก็มีชีวิตหมดหนี้หมดสินกันเลย พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจว่าอยากจะให้คนที่บูชาเป็นคนที่อุดมสมบูรณ์ ทำอะไรไปทางไหนก็มีหนทาง มีคนหยิบยื่นน้ำใจและความช่วยเหลือ มีเงินทองติดตัว สะสมทรัพย์ได้ มีฐานะมีอันจะกินเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับขั้น ให้หนี้สินบางเบามีทางทางออก ให้หนทางแห่งเหตุและที่มาของทรัพย์นั้นงอกเงยเก็บเงินอยู่ ตลอดเวลาที่ยังเป็นสัมมาทิฏฐิยังไหว้พระยังนึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ก้อนผงอิทธิคุณเล็กๆนี้ย่อมช่วยได้ไม่มีประมาณ

    ในส่วนตะกรุดปลดหนี้วิชาครูพรหมนั้น พ่ออาจารย์ท่านถือว่าเป็นวิชาเรียกลาภอันประเสริฐและใหญ่ที่สุด ช่วยให้วิถีชีวิตคนที่ตกอับตกทุกข์เปลี่ยนเป็นเลิศเลอทางลาภสักการะได้ ท่านว่าวิชานี้อยู่ไหนที่ไหนเทวดาเจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนก้ช่วยเปิดทางทรัพย์ให้ทั้งหมด ไม่กดเรา มีแต่มาช่วยส่งเสริมเรา ถ้าจะเอาตามที่ครูพรหมท่านบอกไว้ก็คือเรียกเงินมาเป็นห่าฝนให้มั่งมีมากมายในทรัพย์สมบัติดั่งใจคิดจนไม่เป็น เช่นนี้ตะกรุดปลดหนี้จึงใช้แล้วดี ใช้แล้วรวย ยิ่งหากเราประกอบกุศลกรรมเพื่อกดทับวิบากกรรมด้วยแล้วอันนี้จะยิ่งเห็นผลไวมาก พ่ออาจารย์ว่าวิชาที่ครูพรหมท่านอนุญาติท่านเปิดทางให้สร้างเช่นนี้ ***บอกไว้ตรงนี้เลยว่าหมดแล้วก็หมดเลย เพราะจะให้ทำใหม่ถึงทำได้แต่มันก็ไม่ง่ายแล้ว และที่ครูท่านจะอนุญาติจะให้วิชามาทำเพื่อสงเคราะห์ในด้านการทำมาหากินการใช้หนี้สินหนี้กรรมหนี้ชีวิตแบบนี้ย่อมไม่อาจจะเห็นได้ง่ายๆ

    ตะกรุดปลดหนี้นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าครูบรมพรหมท่านตั้งใจให้ทำไว้ใช้กัน ท่านว่าก่อนจะปลดหนี้ได้ก็ต้องเรียกเงินได้ก่อน ต้องเรียกเงินมาได้มากๆนั่นแหละจึงจะพ้นหนี้ และหากพ้นหนี้แล้วก็ได้โปรดอย่าก่อหนี้ใหม่ให้ตั้งใจทำมาหากินเช่นนี้จึงจะเหมาะจะควร ท่านว่าตะกรุดปลดหนี้นี้ใช้เรียกลาภเรียกทรัพย์ใหญ่น้อยได้เท่ากับแม่น้ำพระคงคาอันจะเอ่อท่วมไหลหลั่งมาชะล้างปัญหาการเงินและหนี้สินของเรา ด้วยเป็นของสำคัญมีมงคลเป็นเลิศทางลาภสักการะและหนุดวงเราให้พ้นหนี้สิน ใช้หนุนดวงการเงินอย่างแท้จริง เมื่อปลดหนี้แล้วจะได้เป็นเศรษฐีเป็นเจ้าสัว ท่านว่าหนุนให้ทรัพย์เข้ามา คนที่การเงินขัดสนชีวิตติดขัดหน้าที่การงานมีปัญหา เอาว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องการเงินฝืดเคืองการเงินในชีวิตตนเองมีปัญหา ท่านว่าให้ใช้ตะกรุดชุดนี้เลย เอาไว้ฝ่าวิกฤติเรื่องเงินๆทองๆโดยเฉพาะ นอกจากจะเรียกลาภมาหาเราแล้ว ไม่ว่าเราจะหยิบจับทำอะไรมันก็จะกลายเป็นเรื่องเงินๆทองๆไปเสียหมดเช่นนี้

    ตะกรุดชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีเคล็ดลับในการใช้อยู่บ้าง ***นั่นคือให้เอาไว้ติดตัวจะใส่ตรงไหนพกอย่างไรก็ได้ กับให้เอาไว้ในที่ซึ่งเราเก็บสิ่งของมีค่าจะเป็นที่เก็บเงินหรือทรัพย์สมบัติเราก็ได้เขาจะสื่อกันให้เราหาทรัพย์รับทรัพย์เข้ามาใส่ให้คลังของเราเต็มมีแต่เข้าไม่มีออก ท่านว่าทรัพย์เราอยู่ไหนก็วางไว้ได้ทั้งสิ้นจะวางทับทองคำ วางทับสมุดเงินฝาก วางทับโฉนดที่ดิน วางทับทรัพย์สินต่างๆขึ้นอยู่กับเราทำอาชีพอะไรและเก็บสะสมทรัพย์แบบไหนขอให้เป็นทรัพย์สินนั้นวางทับได้ทั้งสิ้น เขาจะเติมเต็มสิ่งนั้นและในเวลาไม่ช้าไม่นานให้เราสังเกตุดีๆว่าที่เก็บทรัพย์จะเปลี่ยนแปลงไปมันจะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ งอกเงยขึ้นมาเป็นเท่าตัวตราบใดที่เราขยันนั้นย่อมจักไม่รู้ยากรู้จนเลย ก่อนจะวางทับไว้ก็ให้อธิษฐานในสิ่งที่พอดีว่าอยากให้มีเพิ่มขึ้นมากี่เท่า เอาให้เหมาะให้ควรแก่กำลังของเราที่จะหาเพิ่มมาได้ เช่นขอให้เพิ่มเป็นเท่าตัว,สิบเท่า,ร้อยเท่าเช่นนี้ คือถ้าขอไปต้องมั่นใจว่าเรามีความสามารถพอที่จะทำด้วย อย่าไปพูดว่าขอแสนขอล้านเท่าท่านว่าจะขออะไรก็ละอายแก่ใจตนเองบ้างเรื่องบางเรื่องมันเป็นไปไม่ได้เลย แค่ช่วยแค่เปลี่ยนแค่เพิ่มพูนเท่านี้ก็ดีมากแล้ว เพราะบางคนส่วนใหญ่นั้นจะติดพูดไปเรื่อยไม่รู้ที่เหมาะที่ควรว่าจะขอพ่อพระพุทธขอครูพรหมเช่นนี้ มันโลภมากจนเกินงามไป เอาให้พอดีๆให้ชีวิตเราค่อยๆก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆเพิ่มทีละเท่าๆถ้าเราขยันไม่นานมันก็เป็นร้อยเป็นพันเท่าเพิ่มขึ้นไปของมันเอง ด้วยตะกรุดชุดนี้เป็นวิชาที่ช่วยให้ทรัพย์เพิ่มพูนขึ้น ท่านว่ามันจะเพิ่มจนเจ้าตัวก็ยังประหลาดใจเพราะไม่รู้ที่มาและจำไม่ได้ว่ามีเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน เหมือนเราทำงานเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็ตั้งตัวได้แล้ว เช่นนี้จึงถือว่ามีเงินมากกว่าเดิม มีทัพย์มาเติมเต็มคลัง มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ถ้าคนเป็นหนี้ก็จะปลดหนี้ได้ เพราะชีวิตเราอยู่ในจุดที่เรามีเงินมากกว่าที่เราเคยมี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ใช้เปิดทางรวย ขอให้แรงครูชี้ช่องทางทำเงินเหล่านี้ล้วนได้ทั้งสิ้น ให้การเสี่ยงโชคได้ผล ให้การงานงอกเงยการเงินงอกงามมีทุกสิ่งเพิ่มขึ้น ดีกว่าเดิม..และมากกว่าเดิม พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพรหมกับพ่อพระพุทธท่านสงเคราะห์เรื่องโชคลาภให้การเงินคล่องตัวคล่องมือ ทั้งยังหนุนดวงเป็นมหานิยมให้คนนิยมชมชอบ ให้ดวงดีดวงขึ้นเป็นเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติหมดหนี้หมดสิน ท่านว่าเฉพาะแค่ผงชุดที่ทำไว้นี้ก็มีประสบการณ์เล่ากันมาเยอะแล้ว ตอนทำท่านจึงเทผงชุดนี้ลงไปหมดเลยใครจะมาขอเพิ่มท่านว่าไม่ใช่เราไม่ให้แต่มันไม่มีแล้วเพราะเทมาทำจนหมด ด้วยตั้งใจจะให้คนใช้ได้ปลดหนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น

    คาถาบูชา
    มานิมามานิมา พรหมมานิมา จิตตังพรหมมานิมา

    *** รายการนี้พ่ออาจารย์ท่านเน้นใช้ผงมวลสารล้วนๆค่อยๆปั้นค่อยๆทำจึงมีให้บูชาจำนวนจำกัด ## ท่านแนะนำให้พกติดตัวชิ้นหนึ่งและใส่ที่เก็บทรัพย์ชิ้นหนึ่ง รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนสร้างห้องน้ำในวัดที่ขาดแคลนสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้(มีตังค์) บูชา 900 บาท

    69101291-2378218392393515-3970537505253490688-n.jpg
    68867683-2247273012253647-5582101683883737088-n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    รายการล่าสุดนี้ใช้แบบเครื่องรางได้นะครับทำพวงกุญแจรึคาดเอวก็ได้
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สรวุฒิ ED 8364 2789 7 TH

    พี่ศิระ ED 8364 2790 6 TH

    พี่วิศณุกร ED 8364 2791 0 TH
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ใครมีคำถามแจ้ง PM ไว้นะครับ เดี๋ยวถ้าอันไหนน่าสนใจจะยกมาตอบให้ ส่วนรายการตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้หลังจากตอนนี้ไปขอจำกัดจองไว้ท่านละไม่เกินสองดอกนะครับ พราะยอดใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว แบ่งๆกันไป
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    การคุมจิตให้สงบ

    อรุณสวัสดิ์ครับ มีคนถามว่าเวลานั่งสมาธิแล้วจิตไม่สงบให้ทำอย่างไร บางครั้งเราก็ตอบไปว่าทำให้มันสงบ..เอีะทำไง ก็อย่าไปคิด นี่พูดกันง่ายๆเลยแต่สำหรับบางคนนั้นทำยากไอ้คำว่าอย่าไปคิดสั้นๆแค่นี้แต่เหมือนยิ่งกดไว้ก็ยิ่งกำเริบ ก็เลยจะขอยกบทความของหลวงปู่ชามาให้อ่านกันเพราะคิดว่าท่านอธิบายไว้ดีแล้วลองทำตามกันดูนะครับ

    การทำจิตให้สงบ
    การทำจิตให้สงบ คือการวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมากมันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมันก็ไม่ถึง เพราะขาดความพอดี ธรรมดาจิตเป็นของไม่อยู่นิ่ง เป็นของมีกิริยาไหวตัวอยู่เรื่อย ฉะนั้นจิตใจของเราจึงไม่มีกำลัง

    การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังก็คือ การออกกำลัง ทำกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่ง นี่คือการทำกายให้มีกำลัง การทำจิตใจให้มีกำลังก็คือทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้นไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังทางด้านสมาธิภายใน

    การทำสมาธิ
    บัดนี้เราจะทำสมาธิ ก็ตั้งใจ ให้เอาความรู้สึกกำหนดอยู่กับลมหายใจ ถ้าหากว่าเราหายใจสั้นเกินไปหรือยาวเกินไป ก็ไม่พอดี ไม่ได้สัดได้ส่วนกัน ไม่เกิดความสงบ เหมือนกันกับเราเย็บจักร ผู้เย็บจักรมีมือมีเท้าเราต้องถีบจักรเปล่าดูก่อน ให้รู้จักให้คล่องกับเท้าของเราเสียก่อนจึงเอาผ้ามาเย็บ

    การกำหนดลมหายใจก็เหมือนกัน หายใจเฉยๆกำหนดรู้ไว้ จะพอดีขนาดไหน ยาวขนาดไหน สั้นขนาดไหน จะให้ค่อยขนาดไหน แรงขนาดไหน จะยาวก็ไม่เอากับมัน จะสั้นก็ไม่เอากับมัน จะค่อยก็ไม่เอากับมัน เอาตามความพอดี เอายาวพอดี เอาสั้นพอดี เอาค่อยพอดีเอาแรงพอดี นั่นชื่อว่าความพอดี เราไม่ได้ขัดไม่ได้ข้องแล้วก็ปล่อย หายใจดูก่อนไม่ต้องทำอะไร

    ถ้าหากว่าจิตสบายแล้ว จิตพอดีแล้ว ก็ยกลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์ หายใจเข้าต้นลมอยู่ปลายจมูก กลางลมอยู่หทัยคือหัวใจ ปลายลมอยู่สะดือ อันนี้เป็นแหล่งการเดินลม เมื่อหายใจออก ต้นลมจะอยู่สะดือ กลางลมจะอยู่หทัย ปลายลมจะอยู่จมูก นี่มันสลับกันอย่างนี้ กำหนดรู้เมื่อลมผ่านจมูก ผ่านหทัย ผ่านสะดือ พอสุดแล้วก็จะเวียนกลับมาอีกเป็นสามจุดนี้ ให้ความรู้ของเราอยู่ในความเวียนเข้าออกทั้งสามจุดนี้ พยายามติดตามลมหายใจเช่นนี้เรื่อยไป เพื่อรักษาความรู้นั้นและทำสติสัมปชัญญะของเราให้กล้าขึ้น

    เมื่อหากว่าเรากำหนดจิตของเรา ให้รู้จักต้นลม กลางลม ปลายลมดีแล้วพอสมควร เราก็วาง เราจะหายใจเข้าออกเฉยๆ เอาความรู้สึกของเราไว้ปลายจมูก หรือริมฝีปากบนที่ลมผ่านออกผ่านเข้า เอาแต่ความรู้สึกเท่านั้นไว้ที่นั่น ไม่ต้องตามลมออกไป ไม่ต้องตามลมเข้ามา เอาความรู้สึกหรือผู้รู้นั่นแหละไว้เฉพาะหน้าเราที่ปลายจมูก ให้รู้จักลมผ่านออกผ่านเข้า ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแต่ให้มีความรู้สึกเท่านั้นแหละ ให้มีความรู้สึกติดต่อกัน ลมออกก็ให้รู้ ลมเข้าก็ให้รู้ ให้รู้อยู่แต่ที่นั่นแหละ รู้แล้วมันจะเป็นอะไรก็ไม่ต้องคิด เอาเพียงเท่านั้นเสียก่อนในเวลานี้ หน้าที่การงานของเรามีแค่นั้น ไม่ได้มีมาก กำหนดลมเข้าออกอยู่อย่างนั้นแหละ ต่อไปจิตก็สงบ ลมก็จะละเอียดเข้าไป น้อยเข้าไป กายก็จะเบาเข้าไป จิตก็จะสงบไป ความเบากายเบาใจนั้นก็จะเกิดขึ้นมา จะเป็นกายควรแก่การงาน และจะเป็นจิตควรแก่การงานต่อไป นี่คือการทำสมาธิ ไม่ต้องทำอะไรมาก ให้กำหนดเท่านั้น ต่อไปนี้ให้ตั้งใจทำกำหนดไป…

    จิตเราละเอียดเข้าไป การทำสมาธินั้นจะไปไหนก็ช่างมัน ให้เรารู้ทันเอาไว้ ให้เรารู้จักมัน มันก็มีทั้งอารมณ์ มีทั้งความสงบ คลุกคลีกันไป มันมีวิตก วิตกคือการจะยกจิตของตนนึกถึงอันใดอันหนึ่งขึ้นมา ถ้าสติของเราน้อยก็จะวิตกน้อย แล้วก็มีวิจารคือ การตรวจดูตามเรื่องที่เราวิตกนั้น แต่ข้อสำคัญนั้นต้องพยายามรู้ให้ทันอยู่เสมอ แล้วก็พิจารณาให้ลึกลงไปอีก ให้เห็นว่า มีทั้งสมาธิและมีทั้งความรู้รวมอยู่ในนั้น

    องค์ประกอบของความสงบ
    คำว่า “จิตสงบ” นั้นไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรมันต้องมี มีความสงบครอบอยู่ ท่านกล่าวถึงองค์ของความสงบขั้นแรกว่า หนึ่งมีวิตก ยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วก็มีวิจาร คือพิจารณาตามอารมณที่เกิดขึ้นมา ต่อไปก็จะมีปีติคือ ความยินดีในสิ่งที่เราวิตกไปนั้น ในสิ่งที่เราวิจารไปนั้น จะเกิดปีติ คือความยินดีซาบซึ้งอยู่โดยเฉพาะของมัน แล้วก็มีสุข สุขอยู่ไหน สุขอยู่ในการวิตก สุขอยู่ในการวิจาร สุขอยู่กับความอิ่มใจ สุขอยู่กับอารมณ์เหล่านั้นแหละ แต่ว่ามันสุขอยู่ในความสงบ วิตกก็วิตกอยู่ในความสงบ วิจารก็วิจารอยู่ในความสงบ ความอิ่มใจก็อยู่ในความสงบ สุขก็อยู่ในความสงบ ทั้งสี่อย่างนี้เป็นอารมณ์อันเดียว อย่างที่ห้า คือ เอกัคคตา ห้าอย่างแต่เป็นอันเดียวกัน คือทั้งห้าอย่างนี้เป็นอารมณ์ แต่มีลักษณะอยู่ในขอบเขตอันเดียวกัน คือเมื่อจิตสงบ วิตกก็มี วิจารก็มี ปิติก็มี สุขก็มี เอกัคคตาก็มี ทั้งหมดนี้เป็นอารมณ์เดียวกัน

    คำที่ว่าอารมณ์เดียวกันนั้น ทำไมจึงมีหลายอย่างหมายความว่า มันจะมีหลายอาการก็ช่างมัน เพราะอาการทั้งหลายเหล่านั้น จะมารวมอยู่ในความสงบอันเดียวกันไม่ฟุ้งซ่าน ไม่รำคาญ เหมือนกับว่ามีคน ๕ คน แต่ลักษณะของคนทั้ง ๕ คนนั้นมีอาการเดียวกัน คือจะมีอารมณ์ทั้ง ๕ อารมณ์ เมื่ออารมณ์อันนั้นอยู่ในลักษณะ นี้ ท่านเรียกว่า “องค์” องค์ของความสงบ ท่านไม่ได้เรียกว่าอารมณ์ ท่านเรียกว่า วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตารมณ์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่เป็นอารมณ์ตามธรรมดา ท่านจึงจัดว่าเป็นองค์ของความสงบมีอาการอยู่ ๕ อย่าง คือวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่มีความรำคาญ วิตกอยู่ก็ไม่รำคาญ วิจารอยู่ก็ไม่รำคาญ มีปีติก็ไม่รำคาญ มีความสุขก็ไม่รำคาญ จิตจึงเป็นอารมณ์เดียวอยู่ในสิ่งทั้ง ๕ นี้จับรวมกันอยู่ เรื่องจิตสงบขั้นแรกจึงเป็นอย่างนั้น

    ปัญหาของการทำสมาธิ
    ทีนี้บางอย่างอาจถอยออกมา ถ้ากำลังใจไม่กล้า สติหย่อนไปแล้ว มันจะมีอารมณ์มาแทรกเข้าไปเป็นบางครั้ง คล้ายๆกับว่าเคลิ้มไป แล้วมีอาการอะไรบางอย่างเข้ามาแทรกตอนที่มันเคลิ้มไป แต่ไม่ใช่ความง่วงตามธรรมดา ท่านว่ามีความเคลิ้มในความสงบ บางทีก็มีอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา เช่นว่า บางทีมีเสียงปรากฏบ้าง บางทีเหมือนเห็นสุนัขวิ่งผ่านไปข้างหน้าบ้าง แต่ว่าไม่ชัดเจนและก็ไม่ใช่ฝัน อันนี้จัดเป็นฝันไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะกำลังทั้ง ๕ ดังกล่าวแล้วไม่สม่ำเสมอกัน มันอ่อนลง อ่อนเคลิ้มลง จึงเกิดอารมณ์เข้าแทรก อันนี้เป็นอาการของจิต

    ถ้าหากว่าเรามีความสงบมันก็มีสิ่ง ๕ สิ่งนี้เป็นบริวารอยู่ แต่เป็นบริวารในความสงบ อันนี้เป็นเบื้องแรกของมัน ขณะที่จิตเราสงบอยู่ในขั้นนี้ ชอบมโนนิมิตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางจิต มันชอบเป็นแต่ผู้ทำสมาธิจับไม่ค่อยถูกว่า “มันหลับไหม? ก็ไม่ใช่” “มันฝันไปหรือ? ก็ไม่ใช่” ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น มันเป็นอาการเกิดมาจากความสงบครึ่งๆกลางก็ได้ บางทีก็แจ่มใสเป็นธรรมดา บางทีก็คลุกคลีไปกับความสงบบ้าง กับอารมณ์ทั้งหลายบ้าง แต่อยู่ในขอบเขตของมัน

    อย่างไรก็ตาม บางคนทำสมาธิยาก เพราะอะไร เพราะจริตแปลกเขา แต่ก็เป็นสมาธิ แต่ก็ไม่หนักแน่น ไม่ได้รับความสบายเพราะสมาธิ แต่จะได้รับความสบายเพราะปัญญา เพราะปัญญาความคิด เห็นความจริงของมันแล้วก็แก้ปัญหาถูกต้อง เป็นประเภทปัญญาวิมุตติ ไม่ใช่เจโตวิมุตติ มันจะมีความสบายทุกอย่างที่จะได้เกิดขึ้นเป็นหนทางของเรา เพราะปัญญา สมาธิมันน้อย คล้ายๆกับว่าไม่ต้องนั่งสมาธิ พิจารณา “อันนั้นเป็นอะไรหนอ” แล้วแก้ปัญหาอันนั้นได้ทันที เลยสบายไป เลยสงบ ลักษณะผู้มีปัญญาต้องเป็นอย่างนั้น

    ทำสมาธินี้ไม่ค่อยได้ง่ายและไม่ค่อยดีด้วย มีสมาธิแต่เพียงเฉพาะเลี้ยงปัญญาให้เกิดขึ้นมาได้ โดยมากอาศัยปัญญา เช่น สมมติว่า ทำนากับทำสวน เราอาศัยนามากกว่าสวน หรือทำนากับทำไร่ เราจะได้อาศัยนามากกว่าไร่ ในเรื่องของเรา อาชีพของเรา และการภาวนาของเราก็เหมือนกัน มันจะได้อาศัยปัญญาแก้ปัญหา แล้วจะเห็นความจริง ความสงบจึงเกิดขึ้นมา มันเป็นไปอย่างนั้น ธรรมดาก็เป็นไปอย่างนั้น มันต่างกัน

    หลุดพ้นด้วยปัญญาสมาธิ
    บางคน แรงในทางปัญญา สมาธิพอเป็นฐานไม่มาก คล้ายๆกับว่านั่งสมาธิ ไม่ค่อยสงบ ชอบมีความปรุงแต่ง มีความคิดและมีปัญญาชักเรื่องนั้นมาพิจารณาชักเรื่องนี้มาพิจารณา แล้วพิจารณาลงสู่ความสงบก็เห็นความถูกต้อง อันนั้นจะได้มีกำลังกว่าสมาธิ อันนี้จริงของบางคนเป็นอย่างนั้น แม้จะยืนเดินนั่งนอนก็ตาม ความตรัสรู้ธรรมะนั้นไม่แน่นอน จะเป็นอิริยาบถใดก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ อันนี้แหละผู้แรงด้วยปัญญา เป็นผู้มีปัญญา สามารถที่จะไม่เกี่ยวข้องกับสมาธิมากก็ได้

    ถ้าพูดกันง่ายๆ ปัญญาเห็นเลย เห็นไปเลยก็ละไปเลย สงบไปเลย ได้ความสบายเพราะอันนั้นมันเห็นชัดมันเห็นจริง เชื่อมั่นยืนยันเป็นพยานตนเองได้ นี่จริตของบางคนเป็นไปอย่างนี้ แต่จะอย่างไรก็ช่างมัน ก็ต้องทำลายความเห็นผิดออก เหลือแต่ความเห็นถูก ทำลายความฟุ้งซ่านออก เหลือแต่ความสงบ มันก็จะลงไปสู่จุดอันเดียวกัน

    บางคนปัญญาน้อย นั่งสมาธิได้ง่าย สงบ สงบเร็วที่สุด ไวแต่ไม่ค่อยมีปัญญา ไม่ทันกิเลสทั้งหลาย ไม่รู้เรื่องกิเลสทั้งหลาย แก้ปัญหาไม่ค่อยได้ พระโยคาวจรเจ้าผู้ปฏิบัติมีสองหน้าอย่างนี้ ก็คู่กันเรื่อยไป แต่ปัญญาหรือวิปัสสนากับสมถะมันก็ทิ้งกันไม่ได้ คาบเกี่ยวกันไปเรื่อยๆอย่างนี้

    ทีนี้ ถ้ามันชัดแจ้งในความสงบ เมื่อมีอารมณ์มาผ่าน มีนิมิตขึ้นมาผ่าน ก็ไม่ได้สงสัยว่า “เคลิ้มไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “หลงไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “ลืมไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “หลับไปหรือเปล่าเมื่อกี้นี้?” จิตขณะนี้สงสัย “หลับก็ไม่ใช่ ตื่นก็ไม่ใช่” นี่มันคลุมเครือเรียกว่า มันมั่วสุมอยู่กับอารมณ์ ไม่แจ่มใสเหมือนกันกับพระจันทร์เข้าก้อนเมฆ มองเห็นอยู่แล้ว แต่ไม่แจ่มแจ้งมัวๆ ไม่เหมือนกับพระจันทร์ออกจากก้อนเมฆนั้นแจ่มใสสะอาด จิตเราสงบมีสติสัมปชัญญะรอบคอบสมบูรณ์แล้ว จึงไม่สงสัยในอาการทั้งหลายที่เกิดขึ้น จะหมดจากนิวรณ์จริงๆ รู้ว่าอันใดเกิดขึ้นมาเป็นอันใดหมดทุกอย่าง รู้แจ้งรู้เรื่องตามเป็นจริงไม่ได้สงสัย อันนั้นเป็นดวงจิตที่ใสสะอาด สมาธิถึงขีดแล้วเป็นเช่นนั้น

    ระยะหลังๆมาก็เป็นไปในรูปอย่างนี้ทำนองนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของมัน ถ้าจิตแจ่มแจ้งผ่องใสแล้ว ไม่ต้องไปถามว่าง่วงหรือไม่ง่วง ใช่หรือไม่ใช่ ทั้งหลายเหล่านี้มันก็ไมมีอะไรถ้ามันชัดเจน ก็เหมือนเรานั่งธรรมดาอย่างนี้เอง นั่งเห็นธรรมดา หลับตาก็เหมือนลืมตา เห็นในขณะหลับตาก็เหมือนลืมตามาเห็นทุกอย่างสารพัด ไม่มีความสงสัย เพียงแต่เกิดอัศจรรย์ขึ้นในดวงจิตของเราว่า “เอ๊ะ! สิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นของมันไปได้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ มันก็เป็นของมันได้” อันนี้จะวิพากษ์วิจารมันเองไปเรื่อยๆ ทั้งมีปีติ ทั้งมีความสุขใจ มีความอิ่มใจ มีความสงบเป็นเช่นนั้น ต่อนั้นไปจิตมันจะละเอียดไปยิ่งกว่านั้น มันก็จะทิ้งอารมณ์ของมันไปด้วย วิตกยกเรื่องขึ้นมาก็จะไม่มี และเรื่องวิจารมันก็จะหมด จะเหลือแต่ความอิ่มใจ อิ่มไม่รู้ว่าอิ่มอะไร แต่มันอิ่ม เกิดความสุขกับอารมณ์เดียว นี่มันทิ้งไป วิตกวิจารมันทิ้งไป ทิ้งไปไหน? ไม่ใช่เรื่องทิ้ง จิตเราหดตัวเข้ามาคือมันสงบ เรื่องวิตกวิจารมันเป็นของหยาบไปแล้ว มันเข้ามาอยู่ในที่นี้ไม่ได้ก็เรียกว่า ทิ้งวิตก ทิ้งวิจาร ทีนี้จะไม่มีความวิตก ความยกขึ้นวิจาร ความพิจารณาไมมี มีแต่ความอิ่ม มีความสุขและมีอารมณ์เดียวเสวยอยู่อย่างนั้น

    ที่เขาเรียกว่า ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เราไม่ได้ว่าอย่างนั้น เราพูดถึงแต่ความสงบ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ต่อไปนี้ก็ทิ้งวิตกวิจาร เกิดขึ้นมาแล้วก็ทิ้งไป เหลือแต่ ปีติ กับสุข เอกัคคตา ต่อไปก็ทิ้งปีติ เหลือแต่ สุขกับเอกัคคตา ต่อไปก็มีเอกัคคตากับอุเบกขา มันไม่มีอะไรแล้วมันทิ้งไป เรียกว่าจิตมันสงบๆๆๆ จนไปถึงอารมณ์มันน้อยที่สุดยังเหลืออยู่แต่โน้น… ถึงปลายมัน เหลือแต่เอกัคคตากับอุเบกขา เฉยอย่างนี้ อันนี้มันสงบแล้วมันจึงเป็น นี่ เรียกว่ากำลังของจิต อาการของจิตที่ได้รับความสงบแล้วถ้าเป็นอย่างนี้มันไม่ง่วง ความง่วงเหงาหาวนอนมันเข้าไม่ได้นิวรณ์ทั้งห้า มันหนีหมด วิจิกิจฉา ความสงสัยลังเล อิจฉาพยาบาท ฟุ้งซ่าน รำคาญหนี เหล่านี้ไม่มีแล้ว นี่มันค่อยเลื่อนไปเป็นระยะอย่างนั้น นี่อาศัยการกระทำให้มากเจริญให้มาก

    สติ สิ่งที่ช่วยรักษาสมาธิ
    สิ่งที่รักษาสมาธินี้ไว้ได้ คือสติ สตินี้เป็นธรรมเป็นสภาวธรรมอันหนึ่ง ซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆทั้งหลายเกิดขึ้นโดยพร้อมเพรียง สตินี้ก็คือชีวิต ถ้าขาดสติเมื่อใดก็เหมือนตาย ถ้าขาดสติเมื่อใดก็เป็นคนประมาท ในระหว่างขาดสตินั้น พูดไม่มีความหมาย การกระทำไม่มีความหมาย ธรรมคือสตินี้ คือความระลึกได้ในลักษณะใดก็ตาม สติเป็นเหตุให้สัมปชัญญะเกิดขึ้นมาได้ เป็นเหตุให้ปัญญาเกิดขึ้นมาได้ ทุกสิ่งสารพัด

    ธรรมทั้งหลายถ้าหากว่าขาดสติ ธรรมทั้งหลายนั้นไม่สมบูรณ์ อันนี้คือการควบคุม การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ไมใช่แต่เพียงขณะนั่งสมาธิเท่านั้น แม้เมื่อเราออกจากสมาธิไปแล้ว สติก็ยังเป็นสิ่งประจำใจอยู่เสมอมีความรู้อยู่เสมอ เป็นของที่มีอยู่เสมอ ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง เมื่อระมัดระวังทางจิตใจ ความอายมันก็เกิดขึ้นมา การพูด การกระทำอันใดที่ไม่ถูกต้อง เราก็อายขึ้น อายขึ้น เมื่อความอายกำลังกล้าขึ้นมา ความสังวรก็มากขึ้นด้วย เมื่อความสังวรมากขึ้น ความประมาทก็ไม่มี นี่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้นั่งสมาธิอยู่ตรงนี้ เราจะไปไหนก็ตาม อันนี้มันอยู่ในจิตของตัวเอง มันไม่ได้หนีไปไหน นี่ท่านว่าเจริญสติ ทำให้มาก เจริญให้มาก อันนี้เป็นธรรมะคุ้มครองรักษากิจการที่เราทำอยู่ หรือทำมาแล้ว หรือกำลังจะกระทำอยู่ ในปัจจุบันนี้เป็นธรรมะที่มีคุณประโยชน์มาก ให้เรารู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ ความเห็นผิดชอบมันก็มีทุกเมื่อ เมื่อความเห็นผิดชอบมีอยู่ เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อ ความละอายก็เกิดขึ้น จะไม่ทำสิ่งที่ผิดหรือสิ่งที่ไม่ดี เรียกว่าปัญญาเกิดขึ้นแล้ว

    เมื่อรวบยอดเข้ามา มันจะมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา คือ การสังวรสำรวมที่มีอยู่ในกิจการของตนนั้น ก็เรียกว่าศีล ศีลสสังวร ความตั้งใจมั่น อยู่ในความสังวรสำรวมในข้อวัตรของเรานั้น ก็เรียกว่ามันเป็นสมาธิ ความรอบรู้ทั้งหลายในกิจการที่เรามีอยู่นั้น ก็เรียกว่าปัญญา พูดง่ายๆก็คือ จะมีศีล จะมีสมาธิ จะมีปัญญา ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี เมื่อมันกล้าขึ้นมามันก็คือมรรค นี่แหละหนทาง ทางอื่นไม่มี

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่เมธาพันธ์ ED 8364 5294 5 TH

    พี่สุทธิธรรม ED 8364 5295 9 TH
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอนนี้เห็นข่าววัตถุมงคลหลวงปู่เค็มแล้ว ในความรู้สึกเห็นแล้วเสื่อมจริงๆ เริ่มตั้งแต่ล๊อคเก็ตโดเรม่อนแล้วก็พัฒนากันมาเป็นของเล่น แรกๆมีคนมาเล่าก็ยังงงๆ พอเห็นแล้วมันเป็นความเสื่อมจริงๆครับเกี่ยวกับวัตถุมงคล เพราะพระเครื่องสามารถทำเป็นเรื่องล้อเล่นได้แล้วอนาคตน่าจะเห็นอะไรที่มากกว่านี้กัน วันนี้ตอบ pm ครบนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ช่วงนี้ถามหาตะกรุดมหาสะท้อนกันมาเยอะมากๆเลย ยังไม่มีให้บูชานะครับถ้ามีจะเอามาลงให้หน้าเพจ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ช่วงนี้มีหลายๆคนถามหาเครื่องมงคลชุดรับกรรมแทนตัวหรือตัวตายตัวแทนแบบเเพะที่เคยออกไปรุ่นเก่าๆเข้ามาเยอะมากๆกว่าถามหามหาสะท้อนเสียอีก แจ้งไว้ก่อนนะครับว่ารายการเก่าๆไม่มีแล้วแต่มีของที่ท่านทำไว้ใช้แทนหุ่นสะเดาะเคราะห์เราแบบใส่รูปใส่นามเข้าไปตรงๆตัวเลย อันนี้ทั้งสะเดาะเคราห์รับกรรมเป็นตัวตายตัวแทน...ใช้ได้ต่างๆสารพัดเรื่อง ไม่ใช่พยนต์นะครับแต่เป็นรายการพิเศษจะพิเศษแบบไหนเอาไว้ติดตามกันอีกที
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ ED 8364 6275 2 TH

    พี่ชัยวัฒน์ ED 8364 6276 6 TH

    พี่วุฒิชัย ED 8364 6277 0 TH

    พี่นฐมน ED 8364 6278 3 TH

    พี่ณธพรหม ED 8364 6279 7 TH

    พี่กฤตยชญ์ ED 8364 6280 6 TH
     

แชร์หน้านี้

Loading...