นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

การทำน้ำมนต์สายปราบ ขับไล่ ต้องใช้วัตถุมงคลที่ลงด้านนี้เฉพาะมาทำครับ ที่แน่ ๆ ลูกอมกายสิทธิ์มหาเดช หรือล็อคเก็ตหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งเราควรจัดพานดอกไม้ ธูปเทียน นำพระวัตถุมงคลเหล่านี้บอกกล่าวท่านก่อนครับ หากจวนตัวจริง ๆ ก็ ไม่ต้อง สวดคาถาบอกกล่าว แช่น้ำ ดื่ม อาบได้เลย แม้เลี่ยมพลาสติกไว้ก็ได้ผลครับ นี่คืออย่างแรก แช่พระหรือลูกอมในน้ำ พร้อมสวดมนต์ ทั่วไปก็ได้ครับบอกกล่าว ...บทไหนก็ได้ เพราะเป็นอำนาจพระ...

ทีนี้ ต่อมา หากจะให้ชัวร์ยิ่งขึ้นหยิบพระ ลูกอม ออกให้หมด ก็จัดพระขรรค์สรี๋กัญไชย ต่อยก 2 แต่ต้องหยิบพระออกไปจากขันน้ำมนต์แล้วนะครับ เดี๋ยวเป็นว่าเอาอาวุธไปแทงพระอีก 55

นำพระขรรค์สรี๋กัญไชย แทงลงน้ำ จากซ้ายมือ แล้ว ว่าคาถาตามพร้อมวนพระขรรค์จากซ้ายไปขวา (เคล็ดเข้า) พร้อมว่าคาถา ไปครับ หากเต็มสูตรก็อิติปิโสฯ หากสั้น ๆ ก็ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ จากนั้น ก็หยุด พร้อมภาวนาคาถาถอยหลัง โดยนำพระขรรค์วนจากขวาไปซ้าย พร้อมว่าคาถาถอยหลัง ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ (เคล็ดขวาไปซ้ายคือ ออก) พร้อมหยุดภาวนาว่า "มาจากทางไหนกลับไปทางนั้น"

อ้อ...คุณมีกริชแล้ว ใช้กริช เป็น ยก 3 ก็ได้ ใช้สูตรเดียวกับพระขรรค์ ...

ไม่หายขาดก็ บรรเทาไปมากละครับ ทำเรื่อย ๆ ได้ครับ... ไม่ต้องลงทุนอะไร ...

 

มีดหมอหลวงพ่อเดิมถอนคุณไสยหมอผีต่างชาติ
Posted on สิงหาคม 14, 2017 by นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว


แผ่นดินไทยที่กว้างใหญ่ไพศาลกลับไม่มีที่ให้ไพฑูรย์ได้ซุกหัวหลบหนีเพราะคุณพระกล้ากลางสมรขึ้นค่าหัวไพฑูรย์จาก 10,000 เป็น 20,000 บาท ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย



แม่ดอกเหมยจึงส่งไพฑูรย์ออกนอกประเทศ ด้วยเกรงว่าหากถูกจับอาจถูกทำร้ายถึงตายวิธีการเดินทางออกนอกประเทศก็ไม่ยากให้ไพฑูรย์โกนหัวจนโล้นเลี่ยน แต่งกายใส่เสื้อผ้าแบบกุลีคนจีน ส่งไปกับเรือโดยสารขนาดเล็กที่รับส่งคนจีนที่อยากกลับบ้านไปขึ้นเรือสำเภาที่ทอดสมออยู่ที่เกาะสีชัง


ก่อนออกเดินทาง แม่ดอกเหมยที่รักกอดไพฑูรย์แน่น น้ำตาไหลพราก บอกว่าเป็นห่วงมาก เพราะเกาะฟอร์โมซา(ปัจจุบันสถาปนาเป็นประเทศไต้หวันหลังขุนเจียงถูกประธานเหมาตีตกทะเลมายึดเกาะฟอร์โมซาเป็นฐานที่มั่น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ) เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนมีชาวบ้านพื้นเมืองเป็นใหญ่ ชาวจีนมีอยู่บ้างแต่น้อยมาก


โดยเฉพาะเกาะมีคอยและเกาะมัตสุนั้น ชาวพื้นเมืองเป็นชาวเขาที่มีไสยเวทแก่กล้าและมนต์ดำสูง เธอขอให้ไพฑูรย์อยู่แต่ในตัวเกาะฟอร์โมซา อยู่บ้านสกุลเกาที่เป็นญาติข้างมารดาเธอ

แม่ดอกเหมยยื่นซองน้ำตาลด้านหน้าเขียนด้วยหมึกจีนสีดำ ด้านในมีกระดาษสีขาวเขียนด้วยหมึกจีนสีดำ มีตราประทับสีแดงด้านท้ายให้ไพฑูรย์บอกว่า

“นี่เขาเรียกว่าโพยก๊วนคนไทยเรียกตั๋วแลกเงิน เมื่อไปถึงฟอร์โมซาแล้วมอบซองนี้ให้กับเกาสงเหยิน ผู้เป็นเจ้าบ้านสกุลเกา นำไปแลกเป็นเงินไว้ใช้จ่าย ขาดเหลืออย่างไรก็เอาที่สกุลเกาก่อน ทางนั้นจะแจ้งมาที่อั๊ว แล้วอั๊วจะจัดการส่งไปให้เอง”

“อั๊วคงไม่ได้ใช้อะไรหรอกไม่อยากรบกวนลื้อ ที่ลื้อให้อั๊วไปพ้นจากแผ่นดินไทยก็นับว่าเป็นพระคุณแล้ว ชาตินี้คงทดแทนไม่หมด ชาติหน้าหวังว่าอั๊วกับลื้อคงได้เกิดมาเป็นจีนก็จีนด้วยกัน เป็นไทยก็ไทยด้วยกัน ไม่ต้องพบกันสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้อีก”

เรือสำเภาออกจากที่จอดนอกเกาะสีชังมุ่งหน้าสู่ประเทศจีน ก่อนแวะไปยังฟอร์โมซาเพื่อส่งไพฑูรย์ที่หนีภัยจากการตามล่าของมือกฏหมาย เมื่อถึงท่าเรือ ไพฑูรย์งงไม่รู้จะถามใครได้ เพราะพูดและฟังภาษาจีนไม่ได้

ขณะกำลังเคว้งคว้างก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงภาษาไทยแปร่งหูดังขึ้นที่ด้านหลัง

“อาเปียวช่ายหมาย”

“เปีย…ใช่เปียไม่ใช่เปียว”

ชายคนนั้นเข้ามาจับมือไพฑูรย์เขย่า บอกว่าชื่ออากวานได้รับมอบหมายให้มารับเขาไปบ้านตระกูลเกา จากนั้นก็พาไพฑูรย์นั่งรถลากออกจากท่าเรือไปยังหมู่บ้านชาวประมงอันเงียบสงบไปหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง ประตูทาด้วยสีแดง มีห่วงทองแดงใหญ่ร้อยอยู่ในปากสิงโต สำหรับเคาะเรียกคนด้านใน

อากวานเคาะห่วงกับประตู ไม่นานนัก บานประตูใหญ่ก็เปิดออก ร่างของชายชาวจีนโกนหัวครึ่งหัว ไว้หางเปียยาว ที่เอวมีดาบโค้งห้อยอยู่ก็โผล่ออกมา เมื่อเห็นอากวานก็แสดงความคารวะอากวานพูดกับคนเฝ้าประตูแล้วหันมาทางไพฑูรย์ คนเฝ้าประตูจึงแสดงความคารวะเขาอีกครั้งทั้งคู่เดินเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขก

“อาเปียว นั่งก่อนนะ ท่านเกาติดภารกิจนอกบ้าน อีก 2 ชั่วยามจึงจะมาถึง นั่งรออยู่ที่นี่ก่อ อั๊วจะไปดูแลคนงานด้านใน”
สาวใช้ยกถาดน้ำชามาวางไว้ที่โต๊ะ มีกาน้ำชาพร้อมถ้วยชาสองใบ กับเม็ดกวยจี๊อีกหนึ่งจานเล็กก่อนเดินกลับออกไป ไพฑูรย์นั่งจีบน้ำชาและขบเม็ดกวยจี๊รอไปพลางๆ

สองชั่วยามกว่าๆ อากวานก็กลับเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับชายจีนคนหนึ่ง แนะนำว่าชายผู้นั้นคือเกา สงเหยิน ประมุขแห่งบ้านตระกูลเกา

ไพฑูรย์ลุกขึ้นยกมือไหว้แบบไทย เกา สงเหยิน บอกว่า “ยินดีต้อนรับอาคันตุกะจากสยามสหายแห่งหลานหญิงสี่”
“ผมมาขออาศัยใบบุญท่านสักระยะหนึ่งก่อนที่จะกลับเมืองไทย”

“ไม่เป็นไร ลื้อคืออาเปียที่หลานสี่บอกว่าต่อสู่เยี่ยงเดียวกับนักบู๊ชาวจีนยินดีที่ได้เห็นตัวจริงของลื้อในวันนี้”

“อาหมวยกล่าวเกินจริงแล้ว อั๊วทำไปเพราะป้องกันตัวเท่านั้น หาได้ทำเพื่อชื่อเสียงหรือเพื่อท้าประลองไม่”

ทั้งสามคุยกันอยู่นานโดยมีอากวานทำหน้าที่เป็นล่ามให้เพราะเกา สงเหยิน พูดและฟังภาษาไทยได้นิดหน่อยเท่านั้น

ที่ฟอร์โมซาไพฑูรย์นั่งๆนอนๆไปวันๆ ออกไปนั่งริมทะเลมองไปทางทิศที่ตั้งของประเทศไทย หวนระลึกถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แม้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆมือกฎหมาย แต่ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร แม้จะมีเงินจากโพยก๊วนก็ใช่ว่าจะใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายต้องประหยัด เพราสงสารแม่ดอกเหมยที่ต้องส่งเงินมาให้

วันหนึ่ง เกา สงเหยิน กลับจากไปเก็บค่าเช่าที่จากชาวเขาที่อพยพลงมาทำมาหากินบนพื้นราบก็เกิดป่วยกะทันหัน พาหมอฝีมือดีมารักษาก็ส่ายหน้าเพราะอาการป่วยของ เกา สงเหยิน คือหน้าท้องบวมป่องเหมือนมีอะไรอยู่ข้างในเจ็บปวดทรมานมาก รักษาอย่างไรก็ไม่หายที่สุดหมอก็ลากลับเพราะจนปัญญาบอกให้ลองรักษาทางอื่นดู

ฮูหยินตระกูลเกาจึงไปหาคนทรงเจ้าเพื่อหาสาเหตุ ไพฑูรย์ซึ่งติดตามไปด้วยเล่าว่า คนทรงเจ้าเดินไปที่กระบะทราย ด้านบนมีกรอบไม้สี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีเดือยทำด้วยไม้กลึงปลายแหลมเหมือนปลายดินสอเมื่อฮูหยินตระกูลเกาถามปัญหาจบร่างทรงก็จะจับกรอบสามเหลี่ยมแล้วแกว่งปลายไม้ให้ปลายแหลมขีดเขียนเป็นตัวอักษรจีนลูกศิษย์จะอ่านแล้วอธิบายของคำนั้นๆ

อากวานแปลให้ฟังว่า “คุณไสยของพวกชาวเขา หมอผีของมันทำคุณใส่ท่านเกา ทำให้ท้องบวมหากรักษาไม่ทันจะต้องตาย”


ฮูหยินตระกูลเกาจึงถามวิธีการแก้ไข ลูกศิษย์ร่างทรงใช้ไม้แบนหนากวาดทรายแล้วร่างทรงก็เขียนตอบคำถามว่า

“ไม่ทันการ ในบ้านเจ้ามีคนไทยอยู่ด้วยคนหนึ่ง ให้เขาช่วยจะพ้นภัย”

กลับถึงบ้านตระกูลเกา ฮูหยินจึงขอให้ไพฑูรย์ช่วยตามที่ร่างทรงบอก ไพฑูรย์บอกว่าตนไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้ไขได้อย่างไร เมื่อถูกขอร้องหนักเข้าจึงนึกได้ว่ามีมีดหมอหลวงพ่อเดิมติดมาด้วย จึงตกลงจะลองดู จากนั้นขอธูปมาจุดนำไปปักไว้กลางแจ้งหันหน้ามาทางที่ตั้งของแผ่นดินไทยถือมีดหมอหลวงพ่อเดิมไว้ในมือยกขึ้นพนม อธิษฐานว่า

“ขอบารมีหลวงพ่อเดิมที่สถิตในมีดหมอ ได้โปรดช่วยเหลือนายเกา สงเหยิน ให้ปลอดภัยจากคุณไสยของชาวเขาด้วยเถิด”

กลับเข้าไปในบ้าน เอาน้ำสะอาดใส่ในถ้วย เอามีดหมอยกขึ้นจบที่หน้าผากระลึกถึงหลวงพ่อเดิม อาราธนาบารมีเอาปลายมีดจิ้มลงไปในน้ำ วนปลยมีดไปทางขวา 3 รอบ แต่ละรอบภาวนาว่า

“อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ”

จากนั้นวนไปทางซ้าย 3 รอบแต่ละรอบภาวนาว่า

“พะ ภุ สะ ปุ โล สุ วิ สัง อะ”

นำน้ำในถ้วยไปในห้องที่ เกา สงเหยิน นอนอยู่ ประคองร่างของเขาขึ้นมากรอกน้ำมนต์ในถ้วยให้ดื่ม พอน้ำมนต์ตกถึงท้องก็ได้ยินเสียงท้องลั่นดังโกรก สักครู่ เกา สงเหยิน บอกว่า ปวดท้องถ่ายหนักจึงให้คนรับใช้ประคองไปยังห้องส้วม ปรากฏว่าถ่ายออกมาเป็นตะขาบขนาดเล็ก ขาดเป็นท่อนๆสามตัว ท้องยุบลงทันที และอาการป่วยที่เป็นอยู่ก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์

เกา สงเหยิน และฮูหยิน กล่าวขอบคุณไพฑูรย์ที่ช่วยเหลือและเล่าให้ฟังว่า หลังจากไปเก็บเงินค่าเช่าที่ดินบ้านของนายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมอผี ได้กินน้ำชาที่เจ้าบ้านจัดมาให้ พอกลับถึงบ้านก็เกิดอาการดังกล่าว

อากวานอธิบายให้ไพฑูรย์ฟังว่าเป็นคุณไสยตะขาบที่คล้ายยาสั่งแต่แทนที่จะทำให้ตายด้วยพิษกลับใช้ตะขาบเผาไฟจนเป็นผงเอาไปผสมกับตัวยาใส่ในอาหาร หรือน้ำให้ผู้เคราะห์ร้ายกินหรือดื่ม ผงนั้นจะกลายเป็นตะขาบขนาดเล็กหากแก้ไขไม่ทัน ตะขาบสามตัวไปถึงหัวใจ คนถูกคุณจะตายทันที

เกา สงเหยิน สุดแค้นเคืองเพราะนายหมู่บ้านเป็นผู้มีวิชาและชาวเขาที่อพยพมาอยู่พื้นราบให้ความนับถืออย่างยิ่ง และตนเองก็ไม่เคยคิดร้ายกับหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน งานนี้ต้องเอาคืน

อากวานมาชวนไพฑูรย์ไปดูอาจารย์เหมาซานทำพิธีแก้เผ็ดนายหมู่บ้าน เป็นครั้งแรกที่ไพฑูรย์ได้เห็นพิธีกรรมประหลาด หมอผีแต่งตัวแบบโบราณ สวมหมวก ที่ด้านหลังเสื้อที่ใส่เสื้อมีตราแปดทิศ (โป๊ยข่วย) ที่โต๊ะบูชามีเครื่องเซ่นวางไว้หลายอย่าง

เสียงหมอผีจากสำนักเหมาซานเหนือ จีนแผ่นดินใหญ่ซึ่ง เกา สงเหยิน จ้างมาด้วยราคาแพง สวดคาถาดังกังวาน

สวดหนึ่งจบ ก็เอาปลายกระบี่ทำด้วยไม้เสียบแผ่นยันต์กระดาษสีเหลือง แหย่ปลายกระบี่ไปที่เปลวเทียน เผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ทำอย่างนี้ 9 ครั้ง จึงเปลี่ยนเป็นเอาปลายกระบี่เสียบแผ่นยันต์ปลายกระดาษสีแดงเอาไปเผาไฟอีก 9 ครั้ง แล้วให้ลูกศิษย์ยกตุ๊กตากงเต๊กขนาดเท่าคนจริง แต่งตัวแบบชาวเขา เขียนชื่อหัวหน้าหมู่บ้านไว้ที่หน้าอกและด้านหลังออกมา

หมอผีร่ายรำกระบี่ไปรอบๆตุ๊กตา ร่ายเวทแล้วเรียกชื่อหัวหน้าหมู่บ้าน ทำอย่างนั้น 9 ครั้ง เอาปลายกระบี่แทงเข้าไปที่หน้าอกซ้ายของหุ่นจนทะลุออกด้านหลังเอากระปุกเหล้ามาถือไว้ในมือซ้ายมือขวาหยิบเทียนยกขึ้นชูไว้ระหว่างตัวเองกับหุ่น เทเหล้าใส่ปาก พ่นผ่านเปลวเทียนออกไป เป็นลูกไฟพุ่งเข้าหาหุ่นเกิดไฟลุกท่วมตัวจนกลายเป็นขี้เถ้า

วันรุ่งขึ้นคนบ้านตระกูลเกาที่ออกไปสืบข่าวก็กลับมารายงานว่า

“นายหมู่บ้านที่ทำคุณไสยใส่นายท่านตายแล้วเมื่อตอนดึกคืนก่อน ชาวบ้านเล่าว่า มีอาการร้อน กินน้ำจนท้องกาง ลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น มีผื่นแดงขึ้นตามตัวแล้วกลายเป็นพองมีน้ำเหมือนถูกไฟไหม้ ขากรรไกรแข็งพูดไม่ได้ ไม่นานก็ขาดใจตาย”

ไพฑูรย์จึงไปดูกับอากวาน ศพมีลักษณะเหมือนถูกไฟลวกน่าสยดสยองมาก อากวานบอกว่าหมอผีเหมาซานเหนือจะมีจิตใจโหดเหี้ยม เมื่อรับงานแล้วจะต้องทำจนฝ่ายตรงข้ามตายจึงจะรับเงิน บ่ายวันนั้น เมื่อหมอผีเหมาซานรับเงินแล้วก็เดินทางกลับจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ท่าทางของเขาผิดกับเมื่อตอนทำพิธีเป็นคนละคน ไพฑูรย์แปลกใจและสงสัยมาก เกา สงเหยิน เหมือนรู้ในสิ่งที่คิดจึงบอกว่า ที่เห็นเมื่อคืนเป็นวิญญาณอาจารย์ผู้ล่วงรับไปแล้วของหมอผีเหมาซาน เป็นปีศาจร้ายกาจ มาสิงร่างศิษย์เพื่อทำพิธีเมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้วหมอผีก็จะกลับเป็นตัวของตัวเอง

ไพฑูรย์ว่าหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด


ที่มา

https://naklangbolan.com/2017/08/14/มีดหมอหลวงพ่อเดิมถอนคุ/

 

ขอบคุณครับ ที่ถามขอความรู้เพราะตอนนี้สงสัยทางญาติแฟนทำใส่พ่อแฟนครับ น่าจะมากับของกิน และมักจะมาในวันโกนโดยฝากแม่แฟนมา ที่สงสัยคือ เค้าเป็นร่างทรงและหวังทรัพย์สินของบ้านแฟนซึ่งมักจะมารบกวนเรื่องเงินและที่ทางเสมอ แต่พ่อแฟนไม่ให้ จุดสงเกตุคือมักจะฝากของมาทุกวันโกน มีครั้งหนึ่งบนดาดฟ้ามีมีดมาตกอยู่และคนนั้นรีบมาขอไป พ่อแฟนก็จะป่วยทุกครั้งที่มีของฝากมารวมทั้งแฟนผมซึ่งอาจเป็นรายต่อไป ผมแนะนำเบื้องต้นว่าอย่าไปกิน ของนั้น ผลคือไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆแต่เหมือนทางนั้นรู้เลยทำมาแรงขึ้นโดยใช้ของเป็นสื่อ คือแค่วางในบ้านก็มีผล ในบ้านเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วยและเกิดอาการเจ็บป่วย ครูบาอาจารย์ของพ่อแฟนให้เพื่อนพ่อโทรมาบอกให้เอาของออกจากบ้านในคืนนั้นแต่พ่อแฟนไม่รับโทรศัพท์ผลคือป่วย ในวันโกนล่าสุดก็ยังฝากมาอีก ผมเลยเอาเคร็ดใช้ไม้กวาดแนะนำแฟนไปโดยบอกให้เอาลูกอมพระสีวลีใส่ก่อนโดยบอกกล่าวครูบาข่ายและทุกท่านที่ร่วมสร้างว่าจะทำการปัดของ ขอให้ช่วยคุ้มครอง แต่แฟนดันเอาไม้กวาดไปปัดเลยโดยข้ามขั้นตอน ผลคือไม่สบาย ถ้าผมนำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไรจะมีรายงานนะครับ

 

แต่งขันธตามฝอยครับ นำ ฟ้าสะท้าน ปราบพิภพแช่น้ำมนตอธิษฐานขับล้าง ปะพรมบ้าน ให้ทั่วครับ อย่างแรก จากนั้นระวังตัวครับ ไถฟ้าสะท้านจาก QC ก็ได้ อธิษฐานปราบเลยครับ รึพระขรรค์เราก็ได้ไว้บ้านสักการะบูชาป้องกันขับไล่

 

ระดับอาจารย์ยังคิดว่าปลอม ตรวจพลังแล้วไม่พบ 555

ในการดูพลังพระมีอะไรมากกว่าที่คิดครับ ดีไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอแบบนี้ พระซ่อนพลัง...

 

เรื่องเล่าจากบูรพาจารย์ เราคงเคยได้ยินตำนานหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ใช้กะลามะพร้าว ครอบช้างให้หายไป







วิชานี้ เรียกว่า "บังแล"

สืบทอดมาถึงครูบาข่าย โดยท่านไม่สอนให้ที่ปรึกษา วิชานี้พวกโจรได้ไปก็สบายเลย

การพลิกแพลงดังเช่นใช้คาถานี้เสกของ ให้คนจับพลังก็จะดูเพี้ยนไปเลย 555 หรือใช้ซ่อนสมบัติอะไรก็ได้

ท่านปรมาจารย์ได้สืบวิชานี้ต่อ และจะลงในชุดพลิกฟ้า

 

มีดหมอกรีซคู่กายครับ ของดีในดงครับ

 

การสะสมประสบการณ์การช่วยเหลือผู้คน มามากมาย เวลามีเคสสำคัญ ๆ ก็ถือว่าได้ความรู้แลกเปลี่ยนในสิ่งที่พบมา

ท่านปรมาจารย์ไปมาแทบจะทั่วประเทศและไปเรียนที่พม่ามาด้วย ที่ปรึกษากล่าวว่า ครูบาอาจารย์ของท่านปรมาจารย์เรียกว่า ไปอยู่ข้างบนกันหมดแล้ว

ในสมัยครูบาข่ายก็ได้ พบเคสสำคัญ ๆ มากมายดังที่ผู้ไปขอท่านช่วยมามาก

10 กว่าปีที่ปรึกษาได้สะสมประสบการณ์แต่ก็มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ศึกษา ดังครูบาข่ายกล่าวว่า "อายุ .....เท่านี้มึงจะได้วิชานี้ สมัยกูได้ก็ได้ตอนช่วงนี้"

พูดง่ายๆ ครูบาข่ายซ่อนไม้ตายไว้ 2-3 กระบวนท่า หากเป็นหนังจีนบอก

 

บางท่านสงสัย ทำไมเสกนานจังชุดนี้ ผมไม่อยากโฆษณามาก เพราะหวังกับชุดนี้ไว้มากเช่นกัน แม้ที่ปรึกษา ก็จอง รอคอยหวังพึ่งเช่นกันให้โยมในครอบครัวท่าน

ชุดนี้ เสกนาน และผมยังไม่เก็บค่าบูชาก่อน แต่มีบางท่านใจดีโอนมาให้ก็ขอบคุณมาก ๆ

การเสกที่ยาวนาน เพราะตำราบอกว่าให้เริ่มเสกวันเพ็ญพุธ ขอบารมีพระอุปคุตมาช่วย ในทางเหนือก่อนจัดพิธีกรรมใด ๆ สำคัญ ๆ ทางศาสนาจะตั้งหอพระอุปคุตเพื่อขอบารมีท่านให้ราบรื่นไร้อุปสรรคซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ

หลังเริ่มเสก จะจบวันใด ขอไม่บอกก่อนป้องกันมารผจญ แต่จะทราบในภายหลังหลังจบสิ้นแล้วครับ

 

ความแตกต่างกระแสพลังความขลังในแต่ละรุ่น เอาเฉพาะรุ่น Hot นะครับ

1. ลูกอมกายสิทธิ์มหาลาภ เมื่อคืนนี้เพื่อนผมโทรมาคุย ได้มอบลูกอมให้แฟนไป แฟนทำงานประจำ ล่าสุดเขาโม้ ได้โบนัสที 1.5 ล้าน ไม่ผิดครับ 1.5 ล้าน เฉพาะเงินเดือนแฟนเขาก็ 2.5 แสนแล้ว บางคนอาจว่าโม้ป่าว 555 ถ้าพบว่าสายงานของเขาทำงานอะไร ไม่สงสัยว่าโม้แน่




สมัยก่อนเขาไปหาหลวงปู่เหิรบ่อยครับ ทั้งคู่เลย จึงไม่ต้องสงสัยในการใช้ของขึ้น แน่นอนทุกรุ่นที่ผมสร้างแนะนำ เขามีหมดครับผมส่งให้ถึงบ้าน ล็อคไว้ให้เลย 55

2. ชุดเสน่ห์หน้านาง ขุนแผน ลูกอมพระสีวลี





ชุดนี้เป็นรุ่นเดียวที่เด่นด้านเสน่ห์แบบสุด ๆ เพราะได้มวลสารเก่าแก่ดังเช่นชิ้นส่วนพระสิขี พระบาง และมวลสารน้ำมันช้างโขลง และเสกโดยฆราวาสล้วน ๆ ลงด้านเสน่ห์เพียว ๆ แบบไม่เอาด้านอื่นเลย (ด้านอื่นมีในมวลสารแล้ว)

จึงเหมาะกับการติดต่อเพศตรงข้ามที่สุดครับ ถามว่าแล้วจะให้ดีครบทุกด้านไม่ได้เหรอ ในคาถาอาคม ไม่มีหรอกครับว่า บทเดียวใช้ได้ทุกด้าน 555 มีแต่ตำราคาถาเป็นพันๆ เล่ม แยกแต่ละวิชา ส่วนผลจะดีทางไหน ผู้ชำนาญบอกต้องดู remark เอาว่าบทนี้ใช้ได้ผลมาแล้ว จะเชื่อตำรามากก็ไม่ได้ครับ บางอย่างก็เขียนฝอยเกินจริง แบบสวดแล้วขึ้นสวรรค์ไปนิพพานได้อะไรประมาณนี้ 555 พระพุทธเจ้าเองสะสมบารมีมามากยังกว่าจะตรัสรู้ได้ ท่านไม่เคยสอนให้มานั่งแต่สวดมนต์ครับ เราต้องมองความจริง กาลามสูตรใช้ได้ผลทุกยุคทุกสมัย

3.ชุดหลวงปู่เทพโลกอุดร


ชุดนี้เหนือเมฆโดยเฉพาะลูกอม แม้ผมเองยังเหลือติดคอลูกเดียวครับ 55 ลูกสำรองยกให้เพื่อนไปก็ได้ผลเรื่องทำน้ำมนต์เอง บรรเทาคุณไสยสิ่งไม่ดีแบบสุด ๆ ชนิดที่เป็นตำนานได้เลย

ล่าสุดเพื่อนผมได้ลูกอมเสน่ห์หน้านางไปจีบคนดังสำเร็จ บังเอิญกรรมของสาวงามมักอาภัพก็โดนสิ่งไม่ดีเล่นงานก็ยกลูกอมให้ไป และรอน้ำมนต์ที่ผมส่งไปให้วันนี้ถึง รอฟังผล แต่ที่แน่ ๆ ลูกอมไปทำน้ำมนต์(เลี่ยมพลาสติกแล้ว) ก็บรรเทาแบบคืนเดียวเห็นผลทันตา

สรุป ลูกอมผมเหลือลูกเดียวติดคออยู่ครับ ขนาดเป็นคนสร้างปั้นเองนะครับ
.
ชุดนี้เน้นหนักทางบารมี ความสำเร็จเหมาะแก่การทำงานสำคัญ ๆ เพราะชื่อก็บอกอยู่ว่า หลวงปู่ใหญ่

ปัจจุบันกระแสหลวงปู่มีมาก เรียกว่าเข้าเฟสเสริชชื่อมาเพียบแต่ละเพจ อภินิหารกระจายผมไม่ขอออกความเห็นครับ เพราะผมเจอของจริงที่จริงก็พอ คือไม่เสียเงินเช่า ไม่เสียสตางค์55 ผลิตเองชัวรสุดครับ คำสอนสำคัญคือ ดูตัวเองฝึกตัวเองพอครับ คือหาพระในใจตัวเองพอ

หลักสำคัญ ที่อาจารย์ใหญ่ผมศิษย์หลวงปู่ใหญ่แบบแท้จริง ท่านบอก หลวงปู่จะมาหาเอง เป็นพลังงานมา และได้ยินเสียง เกิดภาพเอง ไม่ต้องเข้าป่าไปหาหลวงปู่หรอกครับ เราจึงหยุดการเดินทางทุกชนิด


4. มหาลาภทิ้งทวน ชุดนี้เสกพร้อมพญาหมู


และได้กระแสพระอภิญญาลงเสกมามากตั้งแต่มวลสาร ปิดท้ายอีกด้วยฆราวาส จึงมีอำนาจในแนวทางพุทธคุณมากกว่าทุกรุ่นครับและมีมหาปราบมหาอำนาจด้วย

ประสบการณ์ที่พบคือความราบรื่น ลาภแบบไม่ขาดสาย และมีมหาปราบแฝงในพระมาก จึงเหมาะเป็นชุดหลักติดตัวเลยครับ หากจะเอาเสน่ห์เสริมก็ต้องเสน่ห์หน้านาง

 

เมื่อคืนนี้ได้คุยกับพรรคพวกและที่ปรึกษาจนดึกดื่น โม้กันเป็น ชม.

ในชีวิตจริงบางอย่างต้องลองผลครับ ดังเช่นพระดังทั้งหลาย มีบอก ประสบการณ์เยอะ ๆ ๆ ๆ ก็เยอะที่โพสต่าง ๆ ถามว่า คนที่ห้อยเงียบจะมาโพส บอกเหรอครับ ปัญหาคนเรามักหลอกตัวเอง กลัวเสียหน้า หรือเสียเงินไปแล้วจะบอกเงียบให้เสียหน้าเหรอ 55

ด้านโชคลาภที่พบแน่ ๆ คนขายรวยแน่นอน อย่างแรกเลย 555 จนเป็นลิขสิทธิ์ ว่าสายนี้ต้องคนขายคนนี้ หนักสุดคนขายเป็นเจ้าพิธีไปซะเลย ได้งานเพิ่ม เออดีแฮะ

บางเกจิ มรณภาพมาหลายสิบปี 40 ปีได้ เกศายังมีจำหน่ายอยู่เลยทุกวันนี้ แจ่มจังแฮะ อย่าถามเรื่องตรวจพลังนะครับ ผมพบมามาก ถ้าระดับทั่วไป เอาเกศาพระขลังๆ มามั่วยัด ก็บอกแรง ๆ ดูไม่ออกหรอกครับเกศาของหลวงพ่อนั้นจริงไหม ใส่พลังลวงกันก็ได้ แบบคาถาบังแล ซึ่งพวกเราทำกันมาแล้ว 555 ลงอาคมบังตา สุดท้ายตรวจพลังมั่วกันเลย 55

ทีนี้นำไปให้พระระดับหลวงปู่เหิร ซึ่งเก่งกว่าหัวหน้าเซลแมนแน่ ตรวจ ดังผมถามย้ำ หลายรอบ แหวกอุปสรรคจริงไหม ปราบศัตรูจริงไหม ท่านเงียบไม่ตอบ พอมาห้อยเองหลายเดือนนั่นละครับคำตอบออก พอไปบ่นกับหลวงปู่เหิร ท่านยิ้ม "ปัจจัตตัง รู้ด้วยตัวเองรู้แล้วใช่ไหม" (มิน่าเสี่ย ว. เสี่ย ป. มีเพียบยังบ้ากันอยู่เลย)

คำตอบพวกนี้คนขายไม่บอกหรอกครับ เพราะจะเอาเงินเราไง คนเรามักชอบถือโชคลาง สะกดจิตหมู่กัน ดังเช่น เช้า ๆ มาคนมาเก็บเงินไม่ให้ ถือเคล็ดเสียเงินตอนเช้า ไม่ดีไม่งาม 55 พอเราไปซื้อของ ให้ใบพัน เขารีบเอาตบสินค้าเลย ถือเคล็ดกันจัง 55

ตัดผมไม่ตัดวันพุธ ตัดเล็บตามวันอะไรงี้ ทีนี้ พอเสียเงินเช่าพระมาแพง ๆ เพื่อนถามดีไหม มีประสบการณ์ไหมรีบตอบ กลัวเสียหน้า ดีสิ ๆ ดีขึ้น ๆ (จะบอกไม่ดีทำไมแช่งตัวเอง)

ไม่นับจีวรพระดังมรณภาพมา หลายสิบปี เอาง่าย ๆ ไปขอจีวรตรงรูปเหมือนคนไหว้มาก ๆ ตรวจพลังก็ขลังแล้วครับ จะบอกไม่ใช่จีวรท่านก็ไม่ได้ 555

สังเกตุคนขายหลักจนเป็นลิขสิทธิ์ มักได้งานเสริมเป็นเจ้าพิธี สอนคาถาอาคมกันอีก ขายอาจารย์ตัวเองจนรวย..หัวหน้าเซลแมนก็ไปเกาะกระแสอีก..

 

การเปรียบเทียบกระแสพลังกับพระดัง ที่มีตำนานไปแล้ว ซึ่งก็บอกไม่ได้นะครับเพราะไม่เคยมีพระดัง แต่ที่พบมาถอดใจแล้วครับ เสียเงินให้คนขายไปป่าว ๆ ผลิตเองดีกว่า

ถ้าได้ใกล้ชิดปรมาจารย์จริง ๆ ได้เห็นสิ่งที่ปรมาจารย์พกพาจะหายสงสัยเลยครับ เขาพกอะไรกันชีวิตสงบสุข ไม่ได้ใครมาสอยร่วงได้

หากใกล้ชิดหัวหน้าเซลแมนหรือพวกชอบเกาะกระแส จนเขามาปรับทุกข์โดนล่อ โดนเล่นงานนอนสะดุ้งผวาอยู่ จะหายสงสัยเลยครับ ว่าของดีจริงไหม

การทำคุณไสยระดับปรมาจารย์จริงทำจนลอยในอากาศไปตกในอาหารได้ครับ เรื่องนี้หลวงปู่ประหยัดสอนมาเอง และผมเห็นมากับตา หามกันมารักษา มากันดึก ๆ ดื่น ๆ มารักษา พระเต็มคอทั้งนั้น เช่น ตาเปียก นายทุนขายพระ สักยันต์ฝังของใสตัวเพียบ มารักษากัน วิธีแก้ ไม่บอกครับ และไม่ต้องถามทุกวันนี้มันยังโดนกันอยู่ไหม ....

 

การดูพลังระดับสูงนับว่า คล้ายกับสัมผัสพระอริยเจ้าครับ อาจารย์ใหญ่ผมเตือนมาเอง การไปบอกว่า พระองค์นี้อรหันต์ ระวังนะท่านบอก

"มีแต่พระอรหันต์ด้วยกันจะรู้ว่า ท่านไหนสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วแล้ว"

เราดูคิดตรงมีแต่เสมอตัว ดูพลาดเจอกรรมปรามาสพระยุ่งเลย มีแต่ขาดทุน การปรามาสพระอริยบุคคล จะทำมาหากินทางโลกและทางธรรมไม่ขึ้นครับ แบบดีขึ้นเหมือนจะดีขึ้นแล้วก็ร่วง ในทางธรรมก็เพี้ยนกันไปเลย

ปัจจุบันพวกอาศัยบารมีพระดัง พระพุทธเจ้าหากินอย่างหัวหน้าเซลแมน รับผลกรรมเช่นไรก็ ตามท่านปรมาจารย์บอก "เขาจะแพ้ภัยตัวเอง แพ้ภัยเครื่องแบบที่เขาหุ้มกาย"

ความเป็นพุทธบุตรต้องปฏิบัติตนเช่นไร ศีล 227 ข้อไม่ต้องพูดถึง ห้ามคุยโม้โอ้อวด มีไหมต้องถามเจ้าตัว ทีนี้พระจะทำร้ายใครก็ผิดกฎของพระทันทีครับ ถ้าลงอาคมแบบเร่งกรรมนะไม่ผิดแบบ สะท้อนกลับในสิ่งที่ทำมา ที่ผมพบกับตัวอย่างมากเจ็บนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่มันส์แฮะ เราต้องเอาให้หนักแบบมนต์ดำไปเลย ถึงจะเด็ด

โดยสรุป ต้องพิสูจน์ครับ ระวังเสียเงินเปล่านะครับเห่อตามกระแส เพราะที่แน่ๆ คนขายรวยครับ ปล่อยทีองค์เป็นพันเป็นหมื่น อย่าหวังมาตรวจพลังนะครับ QC ผมโดนหัวหน้าเซลก่อกวนจนมึนเลย

 

โดยปกติในฐานะผู้จำหน่ายผมจะไม่เล่าประสบการณ์เองครับทีนี้การคุยกับพรรคพวกเมื่อคืน เนื่องจากนาน ๆ ได้คุยกันที

โทรหาทีต้องรอ 3 วันมันจะโทรกลับมา 55 จะมีบุคคลประเภทหนึ่งภารกิจมาก ๆ และอย่าถามนะครับพระเครื่องเขาเต็มบ้านไหม น้องชายเขาเป็นเซียนพระสายดังสายหนึ่งเลยทีเดียว ขับเบนซ์กันทุกคน ใส่นาฬิกาเรือนหลายแสน



ล่าสุดของสะสมใหม่เขา รูปเหมือนตามภาพ 130,000 บาท

ทีนี้ นิสัยแบบเขาไม่สนเรื่องของขลังหรอกครับ แต่ถามว่าปฏิบัติธรรมไหม ก็ไปปฏิบัติธรรมเป็นระยะ ๆ ทุกปีต้องหยุดงาน 10 วันไปภาวนา

ทีนี้ ล่าสุดเขาเล่าเจอปัญหาการทำงานมีคดีความ มารผจญ เขาก็ห้อยล็อคเก็ตหลวงปู่ใหญ่ละครับ แล้วอธิษฐานขอบารมีตะกรุด ทุกรุ่นที่บูชาไป สุดท้ายปัญหาต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้

ทีนี้ในส่วนตัวเขามีดีอะไร ก็จากจิตสัมผัสบารมีเก่าของเขาครับ

ในงานสร้างพระธาตุเขาก็ทำบุญให้ผมมา 50,000 บาทครับ ตอนผมไปดูบ้านให้ 2 หลัง 55 เงินทำบุญไม่ได้ลอยมาง่ายๆ นะครับ

โดยสรุปที่ผมเล่าจะหมายถึงว่า ตะกรุดของทุกรุ่นที่ให้ร่วมบุญกันมา หมดก็หมดจริง ๆ ครับ ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง ๆ ดังจะเห็นไม่มีประเภทบอกหมด แล้วผมมาขายต่อหลังไมด์หรอกครับ ถ้าเอาจากคนอื่นนี่ก็ถือว่าเรื่องส่วนตัวกันไป

 

การเปรียบเทียบวิชาฟื้นฟ้าหน้าแผ่นดิน (พลิกฟ้าพลิกดิน) กับวิชาอื่น ๆ


ดังผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล ล้วนทราบดีว่า มีหลายอย่างที่จะมาแนว ๆ นี้ แหวกอุปสรรค กลับร้ายเป็นดี หรืออะไรแล้วแต่

มีผู้ถามว่า แล้วเทียบกับชุดนี้เหมือนกันไหมแตกต่างกันไหม ผมก็สอบถามเช่นนี้กับท่านปรมาจารย์มาแล้ว ท่านตอบว่า "สายอื่นไม่ทราบได้ไม่เคยลองใช้"

จึงสรุปว่า ตอบไม่ได้ครับไม่เคยลอง แม้ถามที่ปรึกษาที่เคยติดตามครูบาข่าย และตัวท่านเองก็เรียนมามาก ไปเรียนในป่ามาก็มี

ป่าของที่ปรึกษาไม่ใช่ป่าแบบหัวหน้าเซลแมนนะครับ ท่านเข้าป่าไปแถบเชียงราย ไปเรียนกับพวกนั่งห้างครับ คือคนอื่นเข้าไปมองไม่เห็น ท่านใช้อาคมเปิดทางไป เลยมองเห็นนั่งห้าง นั่งบนต้นไม้ คือทำที่อยู่บนต้นไม้แล้วขอเรียนวิชากันครับ 555 หัวหน้าเซลแมนอ่านมาคงสะอึก เขาเรียนกันแบบนี้

ทีนี้ ต้นกำเนิดวิชานี้เป็นตำราตามภาพที่ครูบาข่ายได้จากฤาษีสมัยเป็นสามเณร ก็ 80 กว่าปีก่อน ช่วงเวลาที่ผ่านมา ท่านก็ไม่พบว่าวิชาใดจะเหมือนวิชานี้ครับ โดยท่านก็ศึกษามามาก บวกกับพรรคพวกท่านก็ศึกษาตำรับตำรามามาก

จึงสรุปได้ว่าไม่เหมือนใครครับ สายท่านปกติไม่เอาจากที่อื่น มีแต่ที่อื่นมาขอจากที่นี้....

 

ชุดหลวงปู่ใหญ่นับว่าสารพัดประโยชน์จริงครับ โดยเฉพาะลูกอม ใช้ทำน้ำมนต์ได้คุ้มค่าเลย เรียกว่าเกิดปฏิกิริยากับผู้ถูกสิ่งไม่ดีรังควานได้ชัดถ้าทำสมาทิแล้วจะเห็น เช่นร้อน วูบวาบ ต่าง ๆ

ของทุกอย่างสร้างมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย และช่วยตัวเองกันได้ครับ จะได้ไม่ต้องถูกหลอกเสียค่ารักษาแพง ๆ กัน ใช้กันให้คุ้มครับ

 

ความเป็นมา
พระสูตรนี้มีความเป็นมาโดยย่อว่า ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังเกสปุตตนิคม อันเป็นที่ อยู่ของพวกชาวกาลามโคตรหรือกาลามชน ชาวกาลามชนในเกสปุตตนิคมทราบข่าวมาก่อนแล้วว่า พระพุทธเจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างไรก่อนที่พระองค์จะได้เสด็จมายังหมู่บ้านของพวกเขา จึงต่างก็พากันไปเฝ้าเป็น จำนวนมาก เพราะชื่อเสียงของพระพุทธเจ้าดังก้องไปว่า

“อิติปิ โส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทธโธ” เป็นต้น ดังที่เราสวดสรรเสริญกันในบทสวดมนต์ ซึ่งปรากฏมากในพระสูตรต่าง ๆว่า”แม้เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์, เป็นผู้ตรัสรู้ เองโดยชอบ, เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ, เสด็จไปดีแ ล้ว,เป็นผู้รู้แจ้งโลก,เป็นผู้ฝึกคนที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า, เป็นผู้รู้ เป็นผู้เบิกบานเป็นผู้จำแนกธรรม เป็นต้น”

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่เกสปุตตนิคมนั้น มีประชาชนมาเฝ้ากันมากคนอินเดียมีเรื่อง แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นนักบวชนับถือลัทธินิกายใด หรือว่าพวกเขาจะไม่นับถือศาสนาใดเลยก็ตามแต่พวกเขา ก็อยากจะฟังความรู้ความเข้าใจ และต้องการปัญญา

ดังนั้น พวกที่ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในครั้งนี้ เป็นพวกที่ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาปก็มี พวกที่ไม่นับถือ พุทธศาสนาก็มีพวกที่สงสัยอยู่ก็มี พวกที่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งอยู่แล้วก็มี เพราะฉะนั้น ประชาชนที่ไปเฝ้า พระพุทธเจ้าในสมัยนั้นจึงมีลักษณะอาการที่ไปเฝ้าแตกต่างกัน ซึ่งอาการที่ไปเฝ้าของประชาชนเหล่านั้น มีลักษณะ ดังนี้

• บางพวกเมื่อได้ทราบเสร็จแล้วก็นั่งนิ่ง ไม่พูดจาอะไร
• บางพวกเป็นเพียงแต่แสดงความยินดีแล้วก็นั่งนิ่งอยู่
• บางพวกกล่าวชมเชยพระพุทธเจ้าแล้วก็นั่งนิ่งอยู่
• บางพวกประกาศชื่อและโคตรของตนว่า ตนเองชื่ออะไร โคตรอะไรแล้วก็นั่งนิ่งอยู่
• บางพวกก็ไม่กล่าวอะไร ไม่แสดงอาการอะไร ได้แต่นั่งเฉย ๆ
• บางพวกเป็นเพียงแต่ประนมมือไหว้ แล้วก็นั่งเฉยอยู่

เพราะฉะนั้น ประชาชนที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้านั้น ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะมีวรรณะใด ก็สามารถเข้าเฝ้าได้อย่างใกล้ชิด เพราะพระพุทธเจ้ามิได้ทรงถือชั้นวรรณะ ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงเป็นโอรสกษัตริย์ประสูติอยู่ใน วรรณะกษัตริย์ แต่พระองค์ถือว่าคนไม่ได้ประเสริฐเพราะสกุลกำเนิดแต่จะประเสริฐได้ก็เพราะการกระทำของตนเองดังนั้นจึงมีประชาชนไปเฝ้าพระองค์เป็นจำนวนมากและเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด ประชาชนที่ไปเฝ้าพระพุทธเจ้านั้น ได้กราบทูลขึ้นว่า

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ในเกสปุตตนิคมนี้ มีสมณพราหมณ์คือนักบวชในศาสนาต่าง ๆ เดินทางเข้ามาเผยแพร่คำสอนศาสนาของตนอยู่เสมอๆและสมณพราหมณ์ นักสอนศาสนาเหล่านั้นได้กล่าวยกย่อง คำสอนแห่งศาสนาของตน แต่ได้ติเตียนดูหมิ่น เหยียดหยาม คัดค้านศาสนาของคนอื่นแล้วสมณพราหมณ์นักสอน ศาสนาเหล่านี้ก็จากเกสปุตตนิคมไป

ต่อมาไม่นาน ก็มีสมณพราหมณ์ นักสอนศาสนาพวกอื่นได้เข้ามายังนิคมนี้ แล้วก็กล่าวยกย่อง เชิดชูศาสนาของตนแต่ดูหมิ่น เหยียดหยาม ติเตียน คัดค้านศาสนาของคนอื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกข้าพระองค์ก็มีความสงสัยเกิดขึ้นว่าบรรดาศาสดาหรือนักสอนศาสนาเหล่านั้น ใครเป็นคนพูดจริงใครเป็นคนพูดเท็จ ใครถูกใครผิดกันแน่”

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความเห็นใจต่อประชาชนเหล่านั้นว่า”ชาวกาลามะทั้งหลาย น่าเห็นใจที่ ท่านทั้งหลายตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกท่านทั้งหลายควรสงสัยในเรื่องที่ควรสงสัยเพราะท่านทั้งหลายตกอยู่ใน ฐานะที่ต้องสงสัย ตัดสินใจไม่ได้ แต่เราเองจะบอกให้ ชาวกาลามะทั้งหลาย”

สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ
พระพุทธเจ้าแทนที่จะตรัสเหมือนกับสมณพราหมณ์เหล่าอื่นที่เคยพูดมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงสรรเสริญคำสอนของพระองค์ และก็ไม่ทรงติเตียนคำสอนศาสนาของผู้อื่นแต่พระองค์กลับตรัสอีกแบบหนึ่ง การพูดแบบนี้เป็นลักษณะของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คือพระองค์ได้กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการโดยตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงฟัง

1. มา อนุสฺสวเนน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
2. มา ปรมฺปราย : อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
3. มา อิติกิราย : อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
4. มา ปิฏกสมฺปทาเนน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
5. มา ตกฺกเหตุ : อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
6. มา นยเหตุ : อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
7. มา อาการปริวิตกฺเกน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
8. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา : อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
9. มา ภพฺพรูปตา : อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
10. มา สมโณ โน ครูติ : อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้

ที่มา

http://plodlock.com/2017/07/27/หลักกาลามสูตร-10-ประการ/

 

สาระจากกาลามสูตร เพื่อป้องกันพวกอาศัยพระพุทธเจ้าหากิน ตามหลวงปู่เหิรเตือนผมไว้ ให้... "ระวังพวกเหลือง ๆ สงสารชาวบ้าน พวกนี้เก่งกว่าพระพุทธเจ้ากันแล้ว "

ถ้าผู้ศึกษาพุทธศาสนามาคงทราบ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จับสึกพวกมารศาสนาไปมาก ยุคปัจจุบันคงสึกพวกนี้ยาก

สาระสำคัญ ดังตำราบันทึกไว้ว่า "ผู้มีปัญญาพึงนำไปใช้"

ยุคปัจจุบันเงินทองหายาก แม้ผู้รวยแล้วนักธุรกิจแบบเพื่อนผมก็ใช้ว่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้เงินมา ลงทุน ๆ ๆ ทำบุญก็พิจารณาตามความเหมาะสม เรียกว่า ได้ซัก 500 ก็แจ๋วแล้วสำหรับคนรวย 55

จึงหวังว่าทุกท่านจะพิจารณาอย่าให้โชคลาภแก่คนขายให้รวยนะครับ ด้วยการอ้างพระดัง ปั่นตำนาน เสกมั่ว ผลที่ตามมาคาดไม่ถึงแน่ครับ พวกนี้ถือว่ากรรมสนองช้า เงินสนองเร็ว อ้างชื่อขายไว้ก่อน ว่าท่านมาบอก กระแสท่านมา เป็นศิษย์สืบวิชาท่านเอากันเข้าไป .....

 

สาระสำคัญในหลักพุทธศาสนาเน้นบุญกรรมร่วมกันมา

บางครั้งเราห้อยพระดีท่านไม่ช่วย เพราะเราไม่เคยทำบุญร่วมกับท่านนะครับ อย่าเผลอปรามาสผู้เสกนะครับ หรือพระไม่ขลังนั่นก็อีกประเด็น ผมกลัวจะไม่ได้เข้าเสกมากกว่า เสกแต่กล่อง หรือโรงงานปั๊มไม่ทันจะรีบขาย รีบยกกล่องหรือพระบางส่วนเสก (ของดี ๆ กรรมการบอกหมด เก็บกันเองไว้ขาย อัพราคาทีหลัง)

ดังนั้นสมัยโบราณกว่าจะได้วัตถุมงคลมาแต่ละองค์ครูบาอาจารย์จึงพิจารณาแล้วกว่าจะให้ครับ และส่วนใหญ่คนโบราณก็ใช้จนคุ้มแบบ สึกไม่เปลี่ยนเลย ดังเรียกว่า พระสภาพใช้ ....

แต่ทีนี้ หากเรามีวาสนาเก่าก่อนจริงเพราะพุทธศาสนาสอนเรื่องภพชาติ หากแต่อดีตเราเคยทำบุญกับรุ่นใด ๆ ก็จะได้พระเก่า กรุ มาแน่นอนแบบชนิดได้ฟรีกันก็มา และก็ห้อยเกิดอิทธิปาฏิหารย์มากมาย จึงเป็นคำว่า "ถ้าเป็นของเราก็จะเป็นของเรา"

จึงเป็นคำกล่าวในทางพุทธว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นั่นละครับ...

 

เรื่องราวของ อ.ไพฑรูย์ ผมติดตามมาจากนิตยสารแปลกครับ ผมนับถือในความเป็นลูกผู้ชายนักเลงตัวจริงของท่านมากครับ แม้จะเป็นฆราวาสแต่ก้อมีวิชาอาคมที่แก่กล้ามากครับ บางครั้งในการต่อสู้หากไม่มีมีดหมอหลวงพ่อเดิม ท่านก้อใช้คาถาคัดของคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้หมดความคงกระพันไปชั่วขณะ ชีวประวัติของท่านน่าศึกษามากเลยครับ