ติดตามสถานะการณ์

Thairath


หนุ่ม กะลา เคลื่อนไหวแล้วพร้อมโพสต์ข้อความตัดพ้อหลังถูกบุกจับกลางงานคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่

 

Thanong Fanclub


วัดใจทรูโดและศาลยุติธรรมแคนาดา


เมิ่ง หว่านโจว เจ้าหญิงหัวเหว่ยที่ถูกจับที่แคนาดาเปรียบเหมือนกับที่ทศกรรฐ์ลักพาตัวนางสีดาทำให้เกิดสงครามในรามเกียรติ์ หรือเฮเลนถูกลักพาตัวทำให้เกิดสงครามเมืองทรอยเลยทีเดียว


งานนี้ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาสมรู้ร่วมคิดกระทำการลักพาตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ยกับเฒ่าหนวดเฟิ้มอย่างแน่นอน โดยที่เฒ่าหนวดเฟิ้มคุยโวว่าทรัมป์ไม่รู้เรื่อง


ในเมื่อทรัมป์ไม่รู้เรื่องนี้ เท่ากับว่าเขาเป็นเป็ดง่อยในทำเนียบขาว ก๊าบๆๆ


ทรูโดออกมาแก้เกี้ยวว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ และมันไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นขบวนการทางกฎหมายตามปกติ


จะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร เพราะว่าตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างสหรัฐและแคนาดา ถ้าหากสหรัฐต้องการได้ตัวคนร้ายจากแคนาดาเพื่อเนรเทศข้ามแดนมายังสหรัฐ ทางสหรัฐต้องส่งเอกสารคำขอพร้อมเหตุผลของความผิดไปยังกระทรวงการต่างประเทศแคนาดาก่อน


ในเมื่อกระทรวงการต่างประเทศแคนาดาได้รับเรื่องแล้ว จะไม่แจ้งให้นายทรูโดทราบก่อนได้อย่างไร กับเรื่องที่อ่อนไหวอย่างนี้


กระทรวงต่างประเทศจีนได้เรียกทูตแคนาดา และทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่งให้มารับทราบการประท้วงของจีนว่า สิ่งที่แคนาดาและสหรัฐกระทำลงไปเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าหญิงหัวเหว่ย ไม่มีหลักฐานว่าเธอได้ทำความผิดอะไร


สหรัฐอ้างว่า เจ้าหญิงหัวเหว่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์เทเลคอมยี่ห้อHewlett Packardให้อิหร่านในปี2013 ผ่านบริษัทSkycom Tech ที่ฮ่องกง โดยที่ธนาคารHSBCเป็นหนึ่งในธนาคารที่รับทำธุรกรรมทางการเงิน การกระทำของเธอเป็นการหลอกลวงแบงก์หลายแห่งให้ทำธุรกรรมการเงินกับอิหร่านถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายแซงชั่นอิหร่านของสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ เป็นการสมควรที่แคนาดา ซึ่งจับกุมเจ้าหญิงหัวเหว่ยในวันที่ 1 ธันวาคม ในระหว่างที่เธอกำลังรอเปลี่ยนสายการบินที่เมืองแวนคูเวอร์จะส่งตัวเธอข้ามแดนมาขึ้นศาลที่นิวยอร์คเพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยแต่ละกระทงของความผิดมีโทษหนักจำคุกถึง30ปี


ถ้าจะว่าไปแล้ว เจ้าหญิงหัวเหว่ยถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจริงตามที่รัฐบาลจีนประท้วง เพราะว่ากฎหมายแซงชั่นอิหร่านของสหรัฐเป็นการกระทำของสหรัฐต่ออิหร่านแต่ฝ่ายเดียว


โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ต้องถือว่าสหรัฐละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่ามีเพียงสภาความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติ (UN Security Council)เท่านั้นที่สามารถแซงชั่นประเทศสมาชิกได้ ปรากฎว่ายูเอ็นไม่รับรองการแซงชั่นอิหร่านของสหรัฐ ในเมื่อยูเอ็นไม่รับรองกฎหมายแซงชั่นอิหร่านที่สหรัฐกระทำแต่ฝ่ายเดียว แล้วจะให้ประเทศอื่นๆ หรือประชาชนในประเทศอื่นๆปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐได้อย่างไร


สหรัฐมีเรื่องกับอิหร่าน แล้วจะให้ทุกประเทศมีเรื่องกับอิหร่านเหมือนสหรัฐได้อย่างไร?


ในกรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างแคนาดากับสหรัฐ ต้องมีเหตุผลเพียงพอว่า ผู้ต้องหามีการกระทำที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงของทั้งแคนาดา และสหรัฐพอๆกัน


แต่ข้อกล่าวหาของเจ้าหญิงหัวเหว่ยคือ ขายอุปกรณ์เทเลคอมของHewlett Packardให้อิหร่านเมื่อ5-6ปีที่แล้ว มันทำให้แคนาดาเสียหายอะไรตรงไหน ไม่ได้ขายอุปกรณ์นิวเคลียร์ หรืออาวุธร้ายให้อิหร่านสักหน่อย


ทนายฝ่ายเจ้าหญิงหัวเหว่ยโต้ในศาลแวนคูเวอร์ว่าในเมื่อข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นเมื่อ5-6ปีที่แล้ว ทำไมไม่มีการดำเนินการอะไร แต่เพิ่งจะมาดำเนินการกับลูกความของเขาในเวลานี้


ปรากฎว่า ศาลนิวยอร์คออกหมายศาลให้จับตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ยในเดือนสิงหาคม ปี2018 แสดงว่ามีการเพิ่งจะมีความพยายามที่จะจับเจ้าหญิงหัวเหว่ยเป็นตัวประกันเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อที่จะสร้างเหตุทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน หรือไม่ก็ต้องพยายามสกัดหัวเหว่ยไม่ให้ผงาดกลายเป็นเจ้าทางด้านเทคโนโลยี่5G และด้านอื่นๆของธุรกิจเทเลคอม เพราะว่าบริษัทอเมริกันเริ่มตามไม่ทันแล้ว


เจ้าหญิงหัวเหว่ยถูกจับตัวแบบนี้ ทำให้ผู้ที่คิดจะซื้ออุปกรณ์เทเลคอม หรือทำธุรกิจกับหัวเหว่ยต้องคิดหนัก เพราะว่ากลัวจะถูกลูกหลงจากทางสหรัฐ เท่ากับเป็นความพยายามของสหรัฐที่จะทำลายธุรกิจของหัวเหว่ยที่บังเอิญยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น มิเช่นนั้น ป่านนี้หุ้นคงร่วงเละ


ความจริงศาลแคนาดาน่าจะพิจารณาปล่อยตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ยที่วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน$1ล้านในวันศุกร์ที่เป็นวันแรกของการพิจารณาคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ศาลเล่นโอ้ๆเอ้ๆ ขอแตะถ่วงมาพิจารณาคดีต่อในวันนี้ หรือ10ธันวาคม เพื่อให้มีการเจรจาต่อรองอะไรกันในระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ ทำให้เจ้าหญิงหัวเหว่ยหมื่นล้านต้องนอนคุกมา9วันเต็มๆแล้ว


ถ้าศาลตัดสินว่าให้ส่งเจ้าหญิงหัวเหว่ยมาสู้คดีที่นิวยอร์คก็จบกันสำหรับขบวนการยุติธรรมของแคนาดา เพราะว่าแคนาดาต้องตอบคำถามง่ายๆว่า ข้อกล่าวหาว่าเจ้าหญิงหัวเหว่ยขายอุปกรณ์Hewlett Packardให้อิหร่านทำให้แคนาดาเสียหายอย่างไร และกฎหมายแซงชั่นอิหร่านแต่ฝ่ายเดียวของสหรัฐเป็นไปตามกฎบัตรของยูเอ็นหรือไม่


ดูแล้ว ชัดเจนว่าทรูโดสมรู้ร่วมคิดกับเฒ่าหนวดเฟิ้มในการลักพาตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ยเพื่อโดยภาพรวมแล้วสกัดไม่ให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจโลกทางเศรษฐกิจ การเงินและเทคโนโลยี่


thanong

10/12/2018

 

Thanong Fanclub


จีนเรียกทูตสหรัฐเพื่อประท้วงการจับเจ้าหญิงหัวเหว่ยที่แคนาดา และเรียกร้องให้สหรัฐถอนหมายจับเจ้าหญิงหัวเหว่ย ก่อนหน้านี้ ทางจีนได้เรียกทูตแคนาดาเพื่อประท้วงเรื่องนี้แล้ว โดยเรียกร้องให้แคนาดาปล่อยตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ยทันที

 

ความจริงประเทศไทย


"แม่ค้าออนไลน์"ต้องจ่ายภาษีล้านละ 5 พัน

ฝาก-รับโอน เกินปีละ 3,000 ครั้ง หรือ ฝาก-รับโอนทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้งที่มียอด 2 ล้านบาทขึ้นไปต้องนำมาแจ้งเสียภาษี!!!

สรุปคือ ถ้าคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์เข้าบัญชี 2 ล้านบาท ก็ต้องเสียภาษี 1 หมื่นบาท หรือล้านละ 5 พันบาท

 

จะว่าไปยอดขายของร้านค้าขายตามปรกติที่มีหน้าร้านหายไป ก็เพราะมีร้านออนไลน์ มาขายแทน และรายรับส่วนที่หานไปของสรรพากรก็เลยหายไป ถ้าร้านค้าออนไลน์ไม่มาแจ้งเสียภาษี



https://www.dailynews.co.th/article/681605

 

China Xinhua News


ชาวเยเมนหวนสำรวจสภาพ “บ้าน” ที่เสียหายยับเยินมา 3 ปี แต่ยังไม่มีโอกาสได้สร้างใหม่

.

8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ชายชาวเยเมนจำนวนหนึ่งเข้ามาสำรวจสภาพบ้านของพวกเขาที่เสียหายยับเยินจากการโจมตีทางอากาศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 และยังไม่มีโอกาสได้หวนคืนมาซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ เนื่องจากสงครามยังคงดำเนินต่อไป

.

ขณะนี้แต่ละฝ่ายของชาวเยเมนที่สู้รบกันกำลังเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพที่สนับสนุนโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ประเทศสวีเดน เพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับสงครามที่ยังคงปะทุอยู่เรื่อยมา

 

China Xinhua News


หล่นยกขบวน! รถไฟเร็วสูงเกาหลีใต้พุ่งตกราง ผู้โดยสารบาดเจ็บ 14 ราย

.

วันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ธ.ค.) สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า รถไฟความเร็วสูงเคทีเอ็กซ์ (KTX) ซึ่งมีผู้โดยสาร 198 รายเกิดอุบัติเหตุตกรางขณะวิ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียเหนือของประเทศเกาหลีใต้

.

เบื้องต้นมีผู้โดยสาร 14 รายบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัส

.

เจ้าหน้าที่จากบริษัทการรถไฟเกาหลี หรือ โคเรล (KORAIL) บอกกับสื่อท้องถิ่นว่า รถไฟเคทีเอ็กซ์เกิดอุบัติเหตุตกรางราว 5 นาทีหลังออกจากเมืองคังนึง จังหวัดคังวอน ในช่วงเช้า ขบวนรถทั้ง 10 ตู้โดยสารหลุดออกจากรางทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอากาศหนาวเย็นส่งผลกระทบต่อรางอย่างมาก

.

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่จากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง ระบุว่ายังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงสาเหตุของอุบัติเหตุรถไฟตกรางครั้งนี้ และการสืบสวนยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ

 

China Xinhua News


ไหลเชี่ยวท้าลมหนาว! ‘น้ำตกหูโข่ว’ ในวันที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

.

7 ธ.ค. ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังคงเดินทางไปเที่ยวชมทัศนียภาพของแม่น้ำเหลือง ณ จุดชมวิวน้ำตกหูโข่ว มหาน้ำตกอันทรงพลังที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณระหว่างมณฑลซานซีและมณฑลส่านซีของประเทศจีน

.

ราวกั้นจุดชมวิวและบริเวณโดยรอบล้วนมีน้ำแข็งเกาะหนา แต่ตัวน้ำตกยังคงไหลเชี่ยวและรุนแรง นับว่าการไปเที่ยวในฤดูนี้ก็ทำให้ได้เห็นมหาน้ำตกหูโข่วในอีกอารมณ์หนึ่ง ซึ่งหาไม่ได้ในฤดูอื่นนั่นเอง

 

China Xinhua News


ณ เหนือสุดแดนมังกร! กิจกรรมยอดฮิตเมื่ออากาศ -43.5 องศาเซลเซียส

.

เร็วๆ นี้อากาศที่อำเภอโม่เหอ มณฑลเฮยหลงเจียง ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่เหนือสุดของประเทศจีน หนาวจัดจนอุณหภูมิกลางแจ้งอยู่ที่ติดลบ 43.5 องศาเซลเซียส

.

หนึ่งในกิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้เลยสำหรับฤดูหนาวเช่นนี้ก็คือการถ่ายภาพ “ดอกไม้ไฟน้ำแข็ง” โดยสาดน้ำร้อนขึ้นฟ้าให้กลายเป็นน้ำแข็งกลางอากาศ โดยเฉพาะเมื่อภาพพื้นหลังเป็นแสงอาทิตย์ ณ ริมของฟ้า ภาพที่ได้ก็จะงดงามเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้ไฟที่กลายเป็นน้ำแข็งนั่นเอง

 

Thanong Fanclub


เชือดไก่ให้ลิงดูหรือเปล่า


เศรษฐีจีนเป็นเจ้าของอสังหาฯในเมืองแวนคูเวอร์ถึง1ใน3 รายงานของNational Bank of Canadaเปิดเผยว่า นักลงทุนจีนซื้อเกือบ1ใน3ในตลาดอสังหาฯใจเมืองแวนคูเวอร์ในปี2015 โดยนักลงทุนจีนใช้เงินลงทุน$9,600ล้าน จากเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด$29,000ล้าน


การจับเจ้าหญิงหัวเหว่ยของรัฐบาลแคนาดาน่าจะมีวาระแอบแฝงอีกเรื่องคือ สร้างความกลัวไม่ให้คนจีนยึดตลาดอสังหาฯของแคนาดา คนจีนคงต้องทะยอยขายทิ้งหนีตาย


ตลาดเสรีนิยมในโลกไม่มีหรอก ฝรั่งมีแต่หลอกให้เราเปิดบ้านเราให้เขาเข้ามาซื้อบ้านที่ดินและลงทุน ในทางกลับกันพอเราซื้อของเขามากๆ เขาก็หาทางแกล้งไล่

https://www.fortunebuilders.com/one...eal-estate-market-is-owned-by-chinese-buyers/

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์


รัฐบาลฝรั่งเศสจะสอบสวนว่ารัสเซียเกี่ยวข้องกับการประท้วงกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลืองหรือไม่?:


เล่ห์เหลี่ยมชาวยิวไซออนิสต์ก็คือกล่าวหารัสเซียเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นได้กันอย่างต่อเนื่อง จนคนทั้งโลกเข้าใจว่ารัสเซียชอบจุ้นการเมืองในต่างประเทศเหมือนๆ กับที่รัฐบาลอเมริกาชอบทำ ที่จริงแล้ว อเมริกาชอบด่าชาวบ้านในประเด็นที่ตนเองทำนั่นแหละครับ


การเลือกตั้งในอเมริกาก็เหมือนกัน ไม่มีใครมีหลักฐานใดๆ ว่ารัสเซียก้าวก่าย ตรงข้าม กลุ่มคนที่ก้าวก่ายก็คือพวกยิวไซออนิสต์ในอเมริกาซึ่งพยายามให้คนอเมริกันเชื้อสายยิวเข้าไปเป็นนักการเมืองเพื่อกำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์ต่ออิสราเอลตลอดเวลา การเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งในอเมริกาของชาวยิวมีมากจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สื่อกากๆ ของอเมริกาที่กลุ่มทุนยิวเป็นเจ้าของกลับด่าให้ชาวโลกอ่านประจำว่ารัสเซียก้าวก่ายการเลือกตั้งในอเมริกาจนได้


ฝรั่งเศสนี่ก็เช่นกันครับ ชาวบ้านไม่พอใจนโยบายรัฐบาลมาครงที่เป็นไซออนิสต์โดยตรงหลายเรื่อง แต่ไม่ระเบิด แต่พอมาครงขึ้นราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบ ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นประท้วง หลังจากประท้วงให้งดขึ้นราคาน้ำมันจนประสบความสำเร็จ ชาวบ้านก็เปิดเผยนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลที่ชาวบ้านไม่ชอบตามมา นี่คือเสียงประชาชนจริงๆ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนบ้าง ไม่ใช่แต่ร่างนโยบายสนองประโยชน์นายทุนอยู่กลุ่มเดียว


ในเมื่อเป็นเรื่องปากท้องของชาวบ้านโดยตรง รัสเซียจะเข้าไปก้าวก่ายล้างสมองให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปออกมาประท้วงรัฐบาลได้อย่างไร การกล่าวหารัสเซียจึงเป็นเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวที่ไซออนิสต์เท่านั้นที่ถนัดทำ


๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๑

หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ ๓.โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ถ้าสะกดผิดจะลบออกทันที ๔.ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น ๕.ผู้ที่สะกดผิดบ่อยครั้งหรือใช้คำหยาบบ่อยครั้ง จะบล็อคอย่างถาวร ๖.คนที่ใหม่ต่อการเมืองระหว่างประเทศ ควรจะอ่านข่าวจากเพจนี้ย้อนหลังไป ๓ เดือนเป็นอย่างน้อยก่อนจะวิจารณ์ใดๆ

https://www.bloomberg.com/news/arti...39ZU4TB4F2FCmQs-U5ixPA0MWd8_W7seTKKG3JoxxUQRs

 

ราชสีห์ จิตอาสา


ขาดแล้ว ถนนหลัง อบต ช้างแรก

อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ

 

เหตุใด ค.ศ. 536 เป็นปีเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตของมนุษย์?

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพภาพจากจินตนาการแสดงให้เห็นหมอกควันที่บดบังแสงอาทิตย์ในซีกโลกเหนือนานถึง 18 เดือน เมื่อปี ค.ศ. 536

ยุคสมัยที่คนเราต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเอาชีวิตรอดมากที่สุด อาจไม่ใช่ช่วงเวลาวิกฤตในประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันดีอย่างเช่นปี ค.ศ. 1349 ที่ประชากรครึ่งหนึ่งของยุโรปต้องตายลงด้วยเหตุกาฬโรคระบาด หรือปี ค.ศ. 1918 ซึ่งไข้หวัดใหญ่คร่าชีวิตผู้คนไป 50-100 ล้านคนทั่วโลก

แต่ช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดดังกล่าว อาจเป็นปี ค.ศ. 536 ที่นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเสนอว่า เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดภัยพิบัติที่กระหน่ำซ้ำเติมมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ตลอดช่วงหนึ่งศตวรรษต่อจากนั้น

ศาสตราจารย์ไมเคิล แม็กคอร์มิก ประธานโครงการความริเริ่มทางวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้นำทีมนักวิจัยนานาชาติ ได้ตีพิมพ์ข้อเสนอข้างต้นในวารสาร Antiquity ฉบับเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าเหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งรุนแรงในซีกโลกเหนือเมื่อปี ค.ศ. 536 ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสภาพภูมิอากาศในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งทำให้เกิดภัยแล้ง ความหนาวเย็น ภาวะขาดแคลนอาหาร โรคระบาด และการล่มสลายของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ติดตามมา

ปี ค.ศ. 536 (พ.ศ. 1079) ตรงกับยุคของจักรวรรดิไบแซนไทน์ซึ่งสืบทอดอำนาจจากจักรวรรดิโรมันตะวันตกที่ล่มสลายไปก่อนหน้านั้น บันทึกโบราณหลายฉบับระบุว่า ปี 536 เริ่มต้นขึ้นด้วยปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนท้องฟ้า โดยมีกลุ่มหมอกควันปกคลุมไปทั่วยุโรป ตะวันออกกลาง และบางส่วนของเอเชีย เป็นเวลานานติดต่อกัน 18 เดือน จนทำให้ท้องฟ้าดำมืดทั้งกลางวันและกลางคืน

อุณหภูมิในฤดูร้อนของปีนั้นลดลงจากปีก่อนหน้า 1.5-2.5 องศาเซลเซียส แต่ขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของทศวรรษที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 2,300 ปีที่ผ่านมา บันทึกโบราณของจีนระบุว่าเกิดหิมะตกกลางฤดูร้อน พืชผลทางการเกษตรเสียหาย และเกิดทุพภิกขภัยที่ทำให้ผู้คนต้องอดอยากล้มตายไปจำนวนมาก

พงศาวดารไอริชได้บันทึกไว้ว่า เกิดภาวะ "ขาดแคลนขนมปัง" ในระหว่างปี 536-539 และไม่กี่ปีต่อมาที่เมืองเพลูเซียม (Pelusiam) ซึ่งเป็นเมืองท่าของชาวโรมันในอียิปต์ ได้เกิดกาฬโรคระบาดหนักในปี 541 และต่อมาลุกลามไปเป็นเหตุโรคระบาดครั้งใหญ่ในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน ทำให้ประชากรของจักรวรรดิไบแซนไทน์ต้องล้มตายลงราว 1 ใน 3 หรืออาจจะถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด อันเป็นสาเหตุที่เร่งให้จักรวรรดิโรมันตะวันออกล่มสลายเร็วขึ้น

อะไรคือต้นเหตุของหายนะที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลากว่าร้อยปี และกลุ่มหมอกควันหนาทึบที่บดบังแสงอาทิตย์นานถึงปีครึ่งนั้นมาจากไหนกันแน่?

ชั่วโมงแห่งความมืดมิด
Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพเหตุภูเขาไฟ Eyjafjallajökull ในไอซ์แลนด์ปะทุเมื่อปี 2010 ทำให้ต้องปิดน่านฟ้าและงดการเดินอากาศทั่วยุโรป
กล่าวกันว่าสมัยกลางศตวรรษที่ 6 นั้น ถือได้ว่าเป็น "ชั่วโมงมืด" (a dark hour) ท่ามกลางช่วงเวลาที่เคยเรียกขานกันว่า "ยุคมืด" (dark ages) ซึ่งก็สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่ท้องฟ้าอันมืดมิด นำมาซึ่งหายนะอันดำมืดสำหรับมวลมนุษยชาติโดยไม่ทราบสาเหตุ

แต่ปัจจุบันปริศนาที่ดูเหมือนจะมืดมนไร้คำตอบนี้ ได้รับการไขให้กระจ่างจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้ว โดยการวิเคราะห์หลักฐานในแกนน้ำแข็งซึ่งขุดเจาะจากธารน้ำแข็งที่มีอายุเก่าแก่ในสวิสเซอร์แลนด์ ได้เผยถึงองค์ประกอบของบรรยากาศโลกในยุคนั้น

ในส่วนหนึ่งของแกนน้ำแข็งซึ่งเก็บรักษาร่องรอยทางเคมีและอนุภาคฝุ่นละอองต่าง ๆ ในอากาศจากช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 536 นักวิทยาศาสตร์พบเศษหินแก้วภูเขาไฟขนาดจิ๋ว 2 ชิ้น ซึ่งชี้ว่าเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งรุนแรงในแถบไอซ์แลนด์หรือภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ปะทุออกมาปริมาณมหาศาลได้กระจายตัวปกคลุมท้องฟ้าของซีกโลกเหนือเอาไว้ทั้งหมด

หมอกควันจากเถ้าถ่านภูเขาไฟนี้ยังถูกกระแสลมพัดพาให้ปกคลุมไปทั่วยุโรป และขยายตัวบดบังแสงอาทิตย์ในบางส่วนของทวีปเอเชียในเวลาต่อมา เหตุร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะในปี 540 และปี 547 ยังเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดรุนแรงตามมาอีก 2 ครั้งในพื้นที่ซึ่งคาดว่าเป็นเขตร้อนของโลก ซ้ำเติมให้สภาพท้องฟ้ามืดมิดและอากาศหนาวเย็นแผ่ขยายไปทั่ว จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็น "ยุคน้ำแข็งช่วงสั้น" (mini ice age) ที่กินเวลานานราว 125 ปี

เวลาของการฟื้นคืนชีพ
หลังประสบหายนะและโรคระบาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาวะเศรษฐกิจของยุโรปตกต่ำสู่ความฝืดเคืองและภาวะชะงักงันที่กินเวลานานกว่าหนึ่งศตวรรษ ก่อนที่จะพบกับสัญญาณของการเริ่มฟื้นตัวในปี 640 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทราบได้จากปริมาณของอนุภาคตะกั่วในอากาศที่พุ่งสูงขึ้น แสดงถึงการทำเหมืองแร่เงินที่กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในช่วงกลางศตวรรษที่ 7 หลังจากที่ซบเซาไปในช่วงกว่าร้อยปีก่อนหน้านั้น

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพแกนน้ำแข็งที่ขุดเจาะได้จากธารน้ำแข็งอายุเก่าแก่ สามารถบ่งบอกถึงชีวิตของผู้คนในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้
นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าปริมาณของอนุภาคตะกั่วในแกนน้ำแข็งอายุเก่าแก่ พุ่งสู่ระดับสูงสุดอีกครั้งในตำแหน่งที่ตรงกับช่วงปี 660 ซึ่งขณะนั้นแร่เงินได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจยุคกลางแทนทองคำที่กำลังขาดแคลน เนื่องจากการค้าขายโดยใช้เงินตราได้เฟื่องฟูขึ้นจนทองคำไม่พอใช้ เหตุการณ์นี้ยังชี้ถึงการเกิดขึ้นของชนชั้นพ่อค้าวาณิช ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วย

ศ. ไคล์ ฮาร์เปอร์ นักประวัติศาสตร์ยุคโรมันและยุคกลางจากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมาของสหรัฐฯ บอกว่าข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับภัยธรรมชาติและมลพิษในอากาศจากฝีมือมนุษย์เมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อน ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นน้ำแข็งนี้ "ได้มอบบันทึกทางประวัติศาสตร์แบบใหม่ให้กับเรา สร้างความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายอย่างสิ้นเชิงของจักรวรรดิโรมัน และการเริ่มเกิดขึ้นของระบบเศรษฐกิจใหม่ในยุคกลาง"

ศ. คริสโตเฟอร์ เลิฟลัค นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมของสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่า "เราได้เข้าสู่ยุคของวิทยาการใหม่ล่าสุด ที่สามารถผสมผสานข้อมูลจากบันทึกธรรมชาติที่มีความแม่นยำและความละเอียดสูงในสิ่งแวดล้อม เข้ากับข้อมูลจากบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีรายละเอียดสอดคล้องตรงกันได้แล้ว นับเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทีเดียว"

https://www.bbc.com/thai/features-46505470?ocid=socialflow_facebook

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 10) Updated: รัฐบาลจีนเรียกทูตสหรัฐและแคนาดาเข้าพบ หลัง CFO ของ Huawei ขึ้นให้การในศาลแคนาดา - Le Yucheng หรือ เล่อ ยูเฉิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลจีน ได้เรียกทูตของสหรัฐและแคนาดาเข้าพบ กรณีของ CFO ของยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน หัวเว่ย โดนจับที่ประเทศแคนาดาตามคำร้องขอของสหรัฐฯ เนื่องจากหัวเว่ย ทำผิดกฏกรณีละเมิดกฏหมายของสหรัฐ กรณีการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน


รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลจีนระบุว่าจีนอาจใช้มาตรการเพิ่มเติม ถ้าหากสหรัฐไม่ยอมปล่อยตัวผู้บริหารของหัวเว่ย ซึ่งในกรณีของผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยโดนจับครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลจีนหัวเสียในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก


ขณะที่ Meng Wanzhou หรือ เหมิง หวันโจว เธอได้ขอยื่นประกันตัวกับศาลแคนาดาโดยใช้อสังหาริมทรัพย์ในประเทศแคนาดารวมไปถึงปัญหาสุขภาพของเธอ ทางการแคนาดาจะเปิดไต่สวนกรณีนี้อีกครั้งในคืนนี้ (วันที่ 10 ธันวาคม)


นอกจากนี้ South China Morning Post ยังรายงานว่า เหมิง มีพาสปอร์ตถึง 7 เล่มด้วยกัน โดยมี 4 เล่มของประเทศจีน และ 3 เล่มจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (โดย 1 เล่ม SCMP กล่าวว่าหมดอายุไปแล้ว) ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับคดีนี้มากยิ่งขึ้น


สาเหตุที่โดนจับ


หลังจากที่สื่อทั่วโลกคาดเดาว่าการที่ผู้บริหารของหัวเว่ยโดนจับ ว่าอาจเกี่ยวกับกรณีสหรัฐคว่ำบาตรประเทศต่างๆ อย่างไรก็ดีล่าสุด ประเด็นสำคัญที่ เหมิง หวันโจว โดนจับคือการที่หัวเว่ยนำบริษัทลูกชื่อว่า Skycom ทำธุรกรรมอำพราง เพื่อที่จะขายสินค้าโทรคมนาคมกับประเทศอิหร่านในปี 2013


แม้ว่า HSBC สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่จะสอบถามว่าธุรกรรมดังกล่าวกับ เหมิง ว่าธุรกรรมดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหัวเว่ยหรือไม่ แต่เธอได้ยืนยันว่า Skycom เป็นบริษัทคู่ค้าตามปกติ ซึ่งในการสอบสวนในชั้นศาล Skycom ถือว่าเป็นบริษัทลูกทางอ้อมของหัวเว่ย เพราะว่าพนักงานของ Skycom เองเป็นพนักงานของหัวเว่ย และมีอีเมล์ของหัวเว่ยใช้ด้วย


สำหรับข่าวการจับกุมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถึงออกมาเป็นข่าวเป็นเพราะว่า เหมิง ได้ขอให้ไม่มีการเปิดเผยการจับกุมกับศาลประเทศแคนาดา แต่ศาลได้ถอนคำร้องเรื่องนี้ และโทษความผิดของเหมิง ถ้าหากส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ อาจมีโทษสูงสุดคือจำคุก 30 ปี


ญี่ปุ่นและยุโรปเตรียมแบนด้วย


ล่าสุดประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่เตรียมจะแบนไม่ให้บริษัทผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากจีนเข้าร่วมในการจัดซื้อของรัฐบาล เนื่องจากญี่ปุ่นกังวลในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอย่างมากในช่วงหลัง ซึ่งทำให้บริษัทจากจีนไม่สามารถเข้าร่วมการประมูลในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของรัฐได้


ไม่เพียงแค่นั้น ทวีปยุโรปก็เริ่มที่จะระแวงกับสัดส่วนทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นของหัวเว่ยเช่นกัน โดยข้อมูลล่าสุดจาก IHS Markit ทางหัวเว่ยครองส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์โทรคมนาคมในปัจจุบันมากถึง 40% และถ้าหากรวมของ ZTE หรือ ซีทีอี เข้าไปด้วย จะกลายเป็นว่าสัดส่วนทางการตลาดตกเป็นของบริษัทจีนมากกว่าครึ่งหนึ่งไปแล้ว ทิ้งห่างบริษัทในยุโรปอย่างโนเกียรวมไปถึงอีริคสันด้วย


โดย Wattanapong Jaiwat

Source: Brandinside.asia

https://brandinside.asia/update-hua...countries-may-be-ban-china-telecom-equipment/


**********************


จีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่งมาตำหนิกรณีอเมริกาสั่งจับซีเอฟโอหัวเหว่ย : จีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่งมาตำหนิกรณีอเมริกาสั่งจับซีเอฟโอหัวเหว่ย


กระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งเข้าพบในวันอาทิตย์ เพื่อแสดง “การประท้วงอย่างรุนแรง” ต่อการจับกุมตัว เมิ่ง ว่านจู ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีจีน Huawei Technologies และกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรยกเลิกหมายจับสตรีคนดังกล่าว


เมิ่ง ว่านจู (Meng Wanzhou) ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงินหรือซีเอฟโอของ Huawei ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม โดยเจ้าหน้าที่แคนาดาตามคำขอของรัฐบาลอเมริกัน


เธออาจถูกส่งตัวมาดำเนินคดีในสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลอเมริกันกล่าวหา เมิ่ง ว่านจู ว่าได้ปกปิดความเชื่อมโยงของหัวเหว่ยกับบริษัทหนึ่ง ที่ขายอุปกรณ์เทคโนโลยีให้กับอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดเพราะสหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษอิหร่านอยู่ในขณะนี้


นอกจากจะเป็นซีเอฟโอของ Huawei แล้ว เมิ่ง ว่านจูยังเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้ง Huawei อีกด้วย


รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประทศจีน หลี่ ยู่เชง บอกกับทูตเทอร์รี แบรนด์สตาด ว่าสหรัฐฯได้เเสดงการเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล ต่อแคนาดาให้จับกุมตัวผู้บริหาร Huawei รายนี้ ขณะที่เธอเดินทางถึงเมืองเเวนคูเวอร์


รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประทศจีน หลี่ ยู่เชง บอกกับทูตแบรนด์สตาด ว่า”การกระทำของสหรัฐฯ ฝ่าฝืนอย่างร้ายแรงต่อสิทธิ์ที่พึงมีของประชาชนชาวจีน”


ฝ่ายจีนกล่าวด้วยว่า จะมีการดำเนินการตอบโต้ ตามปฏิกิริยาที่สหรัฐฯมีต่อจากนี้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัวเมิ่ง ว่านจู


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าในช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมาสหรัฐฯพยายามสืบว่า Huawei ส่งสินค้าที่มีจุดตั้งต้นอยู่ในสหรัฐฯไปยังอิหร่านและประเทศต้องห้ามอื่นๆหรือไม่


Source: VOA Thai

https://www.voathai.com/a/business-news-9dec2018/4693773.html


https://www.cnbc.com/2018/12/09/china-summons-us-ambassador-to-logde-protest-over-huawei-arrest.html

 

บูรพาไม่แพ้


บริษัทเทคโนโลยีของ #จีน หลายแห่งประกาศให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ #หัวเว่ย เท่านั้น พร้อมสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้พนักงานซื้อสินค้าของหัวเว่ย แต่ถ้าหากซื้อ #ไอโฟน จะถูกตัดโบนัส เพื่อแสดงพลังต่อการจับกุมนางเมิ่งหวั่นโจว ผู้บริหารของหัวเว่ย ตามหมายจับของทางการสหรัฐ


การจับกุมนางเมิ่งหวั่นโจว CFO ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ของทางการ #แคนาดา ตามคำขอของ #สหรัฐ ให้ส่งตัวเธอในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีใน #อเมริกา โดยกล่าวหาว่า บริษัทหัวเว่ยขายอุปกรณ์ให้แก่อิหร่าน ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ได้เปิดฉากสงครามการทูตและการค้า โดยบริษัทจีนหลายแห่งได้ร่วมแสดงพลังสนับสนุนหัวเว่ย


กลุ่มบริษัทส่านซีลี่อัน ออกประกาศระบุว่า ศูนย์ข้อมูลของทางบริษัทจะใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยเท่านั้น และให้ผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปใช้โทรศัพท์มือถือของหัวเว่ย ส่วนพนักงานหากซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย ทางบริษัทจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือ 20% ของราคาตามใบเสร็จ นอกจากนี้ บริษัทท่องเที่ยวในเครือของทางบริษัทจะจัดการประกวดภาพถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือของหัวเว่ยในต้นปีหน้าอีกด้วย


บริษัทเฉิงตูหร่วนอี้ต๋า ออกประกาศแจ้งให้ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยเท่านั้น ส่วนระบบสำรองข้อมูลของทางบริษัทให้ใช้ระบบ Huawei Cloud แทนระบบของต่างชาติ และ บริษัทจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือ 15% สำหรับพนักงานหากซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย แต่จำกัดไม่เกินคนละ 2 เครื่อง


เว็บไซต์ข้อมูลการค้าของจีนยังรายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีของจีนหลายแห่งก็มีมาตรการในลักษณะเดียวกัน โดยถึงแม้ประกาศทางการที่ออกมาจากทางบริษัทจะไม่ได้อ้างถึงการสนับสนุนหัวเว่ยหลังจากผู้บริหารถูกจับกุม แต่ให้เหตุผลว่า “เพื่อความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสารของบริษัท” แต่ก็ชัดเจนว่านโยบายที่ออกมาในช่วงนี้เกี่ยวข้องกับการจับกุมนางเมิ่งหวั่นโจว


มาตรการที่บรรดาบริษัทจีนนำมาใช้มีทั้งจำกัดให้ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของหัวเว่ย ยกเว้นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถทดแทนได้, การจัดซื้อของบริษัทให้พิจารณาผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยเป็นอันดับแรก รวมทั้งสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้พนักงานซื้อสินค้าของหัวเว่ย


บางบริษัทยังมีมาตรการที่แรงกว่า เช่น บริษัทเมิ่งไพ่เทคโนโลยี ซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญของหัวเว่ย ถึงขนาดระบุว่าหากพนักงานซื้อโทรศัพท์ไอโฟนหรือสินค้าของ #แอปเปิล จะถูกตัดเงินโบนัสตามราคาสินค้าที่ซื้อ ! บริษัทแห่งนี้ยังระบุว่า หากพนักงานหรือผู้แทนการค้าคนใดสามารถได้คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ จะได้รับโบนัส 2 เท่า


พนักงานของบริษัทจีนเหล่านี้ระบุว่า การจับกุมนางเมิ่งหวั่นโจวเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมเรียกร้องให้มวลมหาประชาชนชาวจีนร่วมกันต่อต้านการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของสหรัฐ


ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวจีนก็บอกว่า สาเหตุอีกอย่างที่พวกเขาเลิกใช้โทรศัพท์ไอโฟนและผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล คือราคาแพงขึ้นทุกวัน ทั้งๆที่การใช้งานไม่ได้แตกต่างจากยี่ห้ออื่น หลายคนบอกว่า เทคโนโลยีของสหรัฐ เช่น แอปเปิล กูเกิล วินโดว์ ต่างก็ผูกขาดและมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้เช่นเดียวกัน และในเมื่อทางการสหรัฐอ้างว่าบริษัทของจีนขโมยเทคโนโลยีของสหรัฐ ก็ถึงเวลาที่ชาวจีนควรหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีของตนเอง.

 

MySci


ดวงจันทร์ไดโอนีอาจเอื้อต่อสิ่งมีชีวิต


ก่อนหน้านี้มีการเผยว่า เอนเซลาดัส ไททัน ดวงจันทร์ของดาวเสาร์นั้น เป็นพื้นที่เอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ โดยล่าสุดนักวิทยาศาสตร์เผยว่าดวงจันทร์ไดโอนี ซึ่งเป็นหนึ่งในดวงจันทร์ของดาวเสาร์อาจเป็นพื้นที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตเช่นกัน โดยเชื่อว่ามีมหาสมุทรซ่อนอยู่ภายใต้พื้นผิวซึ่งลึกลงไปกว่า 60 ไมล์ หรือราว100 กิโลเมตร


Good TV ช่วยพัฒนาสมองลูกน้อยอย่างไร

ปรึกษาเราได้ที่ Line @goodtv

คลิก https://line.me/R/ti/p/@goodtv

โทร 020263399 หรือ www.tv.co.th


#รีวิวgoodtv #reviewgoodtv #goodtv #fox #foxthai #foxไทย #ดูหนัง #ทีวี #foxmovies #หนังชนโรง

 

Thanong Fanclub


เล่นแรงจริงๆ เมิ่นโดนใส่กุญแจมือ ล่ามโซ่ที่ข้อเท้า


China Dailyอัดแคนาดาเละ ว่าทำตัวเป็นลูกไล่ของการเมืองที่สกปรกของสหรัฐที่หาเรื่องจับเมิ่น หว่านโจว เพราะกลัวว่าหัวเหว่ยจะเป็นผู้นำโลกด้าน5Gเทคโนโลยี่ นอกจากนี้ การจับเมิ่นเหมือนกับเป็นการไต่สวนโชว์ เพราะว่ามีการจับเมิ่นใส่กุญแจมือที่สนามบินแวนคูเวอร์ และล่ามโซ่ที่ข้อเท้าในระหว่างที่เธอถูกนำตัวมาขึ้นศาลในวันศุกร์ เหมือนกับว่าเธอเป็นนักโทษที่มีข้อหาอาชญากรรมที่รุนแรง


แคนาดาเล่นแรงอย่างนี้ แล้วจะให้พญามังกรนิ่งดูดายอย่างไร

http://usa.chinadaily.com.cn/a/201812/09/WS5c0c9021a310eff30328fed0.html

 

ความสำคัญในฐานะบ้านของแคนาดาคงจบสิ้น

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 10) ซีเอฟโอ Huawei เคยอพยพมาแคนาดาจนได้วีซ่าถาวร แต่สละสิทธิกลับไปอยู่จีน: การจับกุม Meng Wanzhou ซีเอฟโอ Huawei ในแคนาดายังมีรายละเอียดตามมาอีกเรื่อยๆ โดยประเด็นล่าสุดที่เปิดเผยโดย David J. Martin ทนายความของ Meng คือเธอคุ้นเคยกับแคนาดาเป็นอย่างดี เพราะเคยอยู่อาศัยที่นี้จนได้วีซ่าถาวร (permanent resident เปรียบเสมือนประชากรแต่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง)


ข้อมูลจากทนายความระบุว่า Meng และสามี Liu Xiaozong เคยอพยพมายังแคนาดาและอาศัยอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ โดยซื้อบ้านที่แวนคูเวอร์ 2 หลัง ลูกชายและลูกสาวของเธอเคยเรียนในแวนคูเวอร์ แต่ภายหลังในปี 2009 เธอทิ้งสถานะวีซ่าถาวรแคนาดา กลับไปอยู่ในจีนอีกครั้ง ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ที่เสิ่นเจิ้นและฮ่องกง


ทนายความยังให้ข้อมูลต่อศาลว่า Meng เพิ่งมายังแคนาดาในช่วงเดือนสิงหาคม 2018 โดยมีภาพถ่ายของครอบครัวและญาติฝ่ายสามีด้วย


Source: Blognone.com

https://www.blognone.com/node/106917


- Surprise, surprise, Vancouver: Huawei CFO Sabrina Meng Wanzhou is a mansion-owning, satellite-parenting reverse immigrant: https://www.scmp.com/news/world/uni...se-surprise-vancouver-huawei-cfo-sabrina-meng

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Dec 10) บทความวิจัยเรื่อง Value Investing with Quality in the US Public Insurance Companies: การลงทุนตามมูลค่า (Value investing) เป็นแนวทางการลงทุนที่ริเริ่มและพัฒนาขึ้นโดย เบนจามิน เกรแฮม เป็นแนวทางการลงทุนที่เน้นลงทุนในกิจการที่ผู้ลงทุนเชื่อว่ามีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จากหลายงานศึกษาพบว่า การลงทุนตามมูลค่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในระยะยาว ในขณะเดียวกัน งานวิจัยหลายชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า การใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพ (Quality metrics) จะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้เหมือนกัน

บทความนี้ต้องการศึกษาว่า การลงทุนตามมูลค่าประกอบกับการใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ โดยงานวิจัยนี้ใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพ 4 ตัว วิเคราะห์ผลตอบแทนของการลงทุนในบริษัทประกันภัย ซึ่งได้แก่
1. สัดส่วนของค่าสินไหมทดแทนต่อค่าเบี้ยประกันภัย (Loss ratio)
2. อัตราส่วนค่าใช้จ่าย (Expense ratio)
3. สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยต่อเบี้ยประกัน (Combined ratio) และ
4. ผลตอบแทนของการลงทุน (Investment yield)

ผลการศึกษาพบว่า การใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพไม่ได้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน นอกจากนี้ ผลของงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยได้ถูกอธิบายด้วยแบบจำลอง Fama French Five Factor Model ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเมื่อลองเปลี่ยน Factor ในแบบจำลองเป็นตัวชี้วัดทางคุณภาพ แบบจำลองดังกล่าวไม่ได้มีความสามารถในการอธิบายผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ท่านสามารถอ่านบทความวิจัยฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/2T3mq46

โดย ดร.พีรพงศ์ ทั่งวัฒโนทัย และ ดร.สัมพันธ์ เนตยานันท์

Source: PIER FB

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Dec 10) สงครามการค้าไม่สะเทือน: พาณิชย์ ชี้สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯคลี่คลายลง มั่นใจส่งออกอีก 2 เดือน หากทำได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8% ได้ตามเป้า หลังตลาดส่งออกหลักเริ่มกลับมาฟื้นตัว ชูอาเซียนยังเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกไทย พร้อมรุกตลาดรองมากขึ้น

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์การค้าทั่วโลกคลี่คลาย แม้ว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นก็ตาม แต่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ (พฤศจิกายน-ธันวาคม) น่าจะมีมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขการขยายตัวทั้งปีอยู่ที่ 8% ส่วนการส่งออกปีหน้าคาดว่าน่าจะขยายตัวที่ 8% ตามที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุไว้

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป้าส่งออกเป็นไปตามแผนในปีหน้า และลดความเสี่ยงในตลาดหลัก กรมจะผลักดันการส่งออกไปยังตลาดศักยภาพใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นโดยเน้นไปที่ตลาดรองที่ยังเข้าไปทำการตลาดน้อยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตลาดแอฟริกา ตลาดตะวัน ออกกลาง เนื่องจากมีโอกาสในการขยายสินค้าอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องจักรกลการเกษตร สินค้าก่อสร้าง อัญมณี สินค้าฮาลาล รวมไปถึงเจาะตลาดใหม่ เช่น เยเมน กาตาร์ ขยายโอกาสทางการค้าสู่เมืองใหม่ในแอฟริกา เนื่องจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับตลาดนี้ โดยได้สั่งการให้เร่งขยายตลาด โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจอาหาร คาดว่าจะสร้างมูลค่าจากการส่งออกทั้งหมดได้ 2.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดยในปีหน้ากรมมีกิจกรรมที่สำคัญๆ เช่น งาน Gulf Food 2019 (อาหารฮาลาล) ระหว่างวันที่ 17-21 กุมภาพันธ์ 2562 ณ นครดูไบ รวมถึงตลาดอินเดีย ซึ่งกรมจะเข้าไปทำตลาดนี้มากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลอินเดียให้ความสนใจกับสินค้าไทยซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเมืองคุชราชซึ่งเป็นเมืองรองและอีกหลายเมืองที่น่าสนใจเข้าไปขยายฐานการลงทุน เป็นต้น

ส่วนตลาดหลักๆ เช่น อาเซียน จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ยังคงเน้นผลักดันการส่งออกและลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ ในสินค้าและธุรกิจบริการที่มีศักยภาพในคลัสเตอร์ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น เกษตรและอาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ และ 4 กลุ่มธุรกิจบริการเป้าหมาย เช่น การแพทย์ และสุขภาพ บริการ อุตสาห กรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กลุ่มสถาบัน และบริการสนับสนุนทางการค้า

"ปีหน้ากรมเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกว่า 500 กิจกรรมเพื่อรักษาตัวเลขการค้าและการส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละตลาด ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ/ทวีปอเมริกา ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสจากสงครามการค้าในการเชื่อมโยงนวัตกรรมท้องถิ่นสู่สากลเจาะตลาดใหม่และตลาดรองที่มีศักยภาพ ซึ่งแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งและอยู่ระหว่างเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล แต่มั่นใจว่ากิจกรรมต่างๆ ที่กรมดำเนินการจะไม่ส่งผลกระทบเพราะเป็นแผนงานที่ต้องดำเนินการอยู่ปกติ แต่หากเป็นแผนงานใหม่ที่ต้องรองบประมาณอาจจะมีชะลอไปบ้างเพื่อรอรัฐบาลใหม่อนุมัติ"

ทั้งนี้ กรมมองว่า อาเซียนยังคงเป็นตลาดหลัก ถือว่าเป็นตลาด 1 ใน 4 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และเศรษฐกิจของกลุ่มอาเซียนยังขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ ใช้ประโยชน์จากการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งงานแสดงสินค้าที่จะช่วยสร้างโอกาสในการขายให้กับสินค้าไทย อาเซียนนิยม Brand ของไทย ทำให้โอกาสของไทยมีสูงมากโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภค/บริโภค จักรกลการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจบริการด้านก่อสร้าง/ตกแต่ง ด้านสุขภาพและความงาม ด้านท่องเที่ยว และโรงแรม

Source: ฐานเศรษฐกิจ