ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24


อะซอเรส



พายุ Etienne ชนชายฝั่ง Azorean ในวันที่ 3 ธันวาคมใน Ilha do Pico

 

Clima Extremo 24


อะซอเรส



คลื่นของทะเลรุนแรงตีชายฝั่ง Azores ในเวลาของวันนี้เข้าสู่พายุ Etienne

 

Clima Extremo 24


อะซอเรส



ทะเลที่แปรปรวนทำให้การล่องเรือ ประสบปัญหาที่ช่อง Faial Channel - Pico, Azores ในวันที่ 3 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24


ฝรั่งเศส



มีลมพัดแรงในYèvres, Eure-et-Loire, France ในวันที่ 3 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24


บราซิล



รูปแบบทอร์นาโดและพื้นที่ในCuruçambáบราซิลก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงในวันนี้ในวันที่ 3 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24


เยอรมนี



น้ำท่วมในSalmünster, Main-Kinzig-Kreis, Hessen, Germany วันนี้ 3 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24


อินโดนีเซีย



พายุรุนแรงกระทบอินโดนีเซียในวันที่ 3 ธันวาคม

 

เจนจิรา จันทรเสนา


"วันนี้ที่ฝรั่งเศส"
การประท้วงในฝรั่งเศสรอบใหม่นี้ จริงๆแล้ว คนที่เสนอให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคือสหภาพตำรวจ เพราะเที่ยวนี้ พี่ๆฮาร์ดคอร์แกเล่นตำรวจหนักมาก เล่นแรงจนเจ็บหนักหลายราย แก็สน้ำตงน้ำตา ที่เคยเอาอยู่ ก็เอาไม่อยู่ ยิงกระสุนยางใส่.. อ๊ะ! ก็มีเกราะกำบัง
แต่สำหรับทางด้าน ปธน.ยังไม่โอเคด้วยนะจ๊ะ

Actu17

 

Clima Extremo 24

ออสเตรเลีย

พายุไฟฟ้าใน kalgoorlie, ออสเตรเลีย

 

Clima Extremo 24

อียิปต์

หลังจากฝนตกทิ้งน้ำท่วมเช้านี้ ใน อเล็กซานเดรีย อียิปต์

 

Clima Extremo 24

อียิปต์

พายุฝนและลมแรงพัดเข้า เช้าวันนี้ ที่กรุงอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์

 

Clima Extremo 24

อินโดนีเซีย

พายุรุนแรงที่กระทบอินโดนีเซีย ในเมืองเซมารัง ในวันนี้ ด้วยเหตุอุทกภัยรุนแรง

 

Clima Extremo 24

United States

ความเสียหายร้ายแรงทำให้เกิดพายุทอร์นาโดที่พัดผ่านเมืองอิลลินอยส์สหรัฐอเมริกาในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ประชาชน 30 คน ได้รับบาดเจ็บจากพายุทอร์นาโดที่ทำลายล้าง อิลลินอยส์ในวันเสาร์นี้

พายุทอร์นาโดหลายแห่งถูกรายงานในคืนวันเสาร์ ในตอนกลางของรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งทำร้ายประชาชนอย่างน้อย 30 คนในเมืองเล็ก ๆ แห่งเทย์เลอร์วิลล์ ซึ่งมีประชากรเพียง 11,200 คนเท่านั้น

บริการสภาพอากาศแห่งชาติได้รับรายงานพายุทอร์นาโด จำนวน 22 ฉบับ ในรัฐ และสำนักงานในเมืองลิงคอล์น มลรัฐอิลลินอยส์ และเซนต์หลุยส์ ได้ส่งทีมสำรวจไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อตรวจนับจำนวนพายุทอร์นาโดทั่วทั้งรัฐ

ไม่มีรายงานการเสียชีวิต แม้กระนั้นอย่างน้อยก็หนึ่งได้รับบาดเจ็บเป็นรายงานที่สำคัญ

 

Clima Extremo 24

MAR CORAL

พายุไซโคลนเขตร้อนแห่งใหม่ของ Owen class 2 ได้ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับลมกระโชกแรงที่เพิ่มขึ้นถึง 95 กม. / ชม. กำลังเคลื่อนที่ช้าๆ ยังคงมีความไม่แน่นอนในเส้นทางพายุ แต่มีแนวโน้มที่จะได้ใกล้ชิดกับออสเตรเลีย ในปลายสัปดาห์นี้

 

Clima Extremo 24

กัวเตมาลา

รุ่งอรุณวันนี้การปะทุของภูเขาไฟของ acatenango

 

Clima Extremo 24

มหาสมุทรแอตแลนติก

พายุเอเทียนในมหาสมุทรแอตแลนติกกำลังพุ่งเข้าชน Azores ครั้งนี้ด้วยลม 75 ไมล์ต่อชั่วโมง / 120 กม. ซึ่งจะกระทบไอร์แลนด์ และในอังกฤษแ ละเวลส์ใ นสหราชอาณาจักรในคืนวันอังคาร

 

นักเคลื่อนไหวหนุ่มสาวพม่าส่งเสียงผิดหวัง เริ่มหันหลังให้ “ซูจี”
เผยแพร่: 3 ธ.ค. 2561 15:33 ปรับปรุง: 3 ธ.ค. 2561 17:32 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - ตินซา ชุน เล ยี นักเคลื่อนไหวเยาวชนชาวพม่า ที่เคยเรียกขานตัวเองว่าเป็นหนึ่งในแฟนตัวยงของนางอองซานซูจี เวลานี้เธอได้กลายเป็นหนึ่งในผู้วิจารณ์ผู้นำพม่าที่โดดเด่นที่สุด

ตินซา ชุน เล ยี อายุ 27 ปี เป็นสมาชิกในกลุ่มนักเคลื่อนไหวอิสระ ที่หลายคนในกลุ่มเคยเป็นอดีตแฟนพันธุ์แท้ให้การสนับสนุนนางอองซานซูจี ซึ่งกำลังรู้สึกผิดหวังกับฝ่ายบริหารที่พวกเขาลงคะแนนเสียงให้ก้าวเข้าสู่อำนาจเมื่อ 3 ปีก่อน

“ฉันเสียไอดอลของฉันไป ฉันสับสน ผิดหวัง และสูญเสีย” ตินซา ชุน เล ยี กล่าว

“นักเคลื่อนไหวและคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ตอนนี้กำลังคิดว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? อะไรที่เราสามารถทำได้? ตอนนี้ดอว์อองซานซูจี กำลังเดินไปตามทางของเธอเอง ไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และเธอไม่ได้รับฟังเสียงองค์กรภาคประชาสังคม” ชุน เล ยี กล่าว

แม้ซูจีจะยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ชาวพม่าโดยทั่วไป แต่การเกิดขึ้นของขบวนการเคลื่อนไหวเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เห็นต่างถูกขับเคลื่อนจากความไม่พอใจในการจัดการปัญหาชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงชาวมุสลิมโรฮิงญา และการควบคุมสื่อและภาคประชาสังคม ความเคลื่อนไหวนี้เป็นความท้าทายใหม่ต่อฝ่ายบริหารของซูจี

เมียว ยุ้น โฆษกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) กล่าวว่า พรรคกำลังพยายามที่จะชนะใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ ด้วยการเพิ่มงบประมาณเพื่อการศึกษา และสนับสนุนส่งเสริมโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ

“ประชาชนคนหนุ่มสาวคาดหวังจากรัฐบาลของเรามาก เรายอมรับว่าเรายังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของพวกเขาได้ แต่เรากำลังพยายามอย่างดีที่สุด” เมียว ยุ้น กล่าว

ซูจี ก้าวเข้าสู่อำนาจในปี 2559 หลังชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าปฏิรูปประชาธิปไตยและยุติสงครามกลาางเมืองที่ดำเนินมายาวนานของประเทศ

นับแต่นั้น ฝ่ายบริหารถูกกดดันอย่างหนักจากการตอบสนองของรัฐบาลต่อเหตุการณ์การปราบปรามชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา ที่สหประชาชาติระบุว่า เป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ด้วยเจตนาล้างเผ่าพันธุ์ รวมทั้งการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ไม่ราบรื่น และเศรษฐกิจซบเซา

นักเคลื่อนไหวกล่าวว่า รัฐบาลพลเรือนกลายเป็นเผด็จการมากขึ้น ล้มเหลวที่จะใช้เสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภายกเลิกกฎหมายสมัยอาณานิคมที่ใช้ปราบปรามผู้เห็นต่าง ขณะเดียวกัน ก็ดำเนินมาตรการจำกัดภาคประชาสังคมเข้มงวดขึ้น

ในช่วงหลายเดือนมานี้ พวกเขาได้จัดการชุมนุมประท้วงขึ้นหลายหน รวมทั้งการเดินขบวนต่อต้านสงครามในนครย่างกุ้งเมื่อเดือน พ.ค. ที่สิ้นสุดลงด้วยการสู้กันชุลมุน โดยมีผู้เข้าร่วมการชุมนุม 17 คน ถูกตั้งข้อหาชุมนุมประท้วงอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งรวมทั้ง ตินซา ชุน เล ยี ที่การพิจารณาคดียังคงดำเนินอยู่

“ประเด็นอ่อนไหวเป็นสิ่งต้องห้าม และผู้ชุมนุมประท้วงถูกจับกุมตัวและทำร้ายทุบตี พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย พรรคใช้ชื่อประชาธิปไตย พรรคต้องเคารพประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน” ชุน เล ยี กล่าว

Athan องค์กรด้านเสรีภาพในการพูดการแสดงออกระบุว่า นับตั้งแต่รัฐบาลซูจีบริหารประเทศมีนักข่าว 44 คน และนักเคลื่อนไหว 142 คน เผชิญกับการฟ้องร้องดำเนินคดี รวมทั้งนักข่าวของรอยเตอร์ คือ วา โลน และจ่อ ซอ อู ที่ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี เมื่อเดือน ก.ย. จากความผิดละเมิดกฎหมายความลับราชการ

หม่อง ซอง ข่า นักเคลื่อนไหวและผู้ก่อตั้ง Athan เป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมประท้วงที่ถูกตั้งข้อหาพร้อมกับตินซา ชุน เล ยี เมื่อเดือน พ.ค. และในอีก 4 เดือนต่อมา พวกเขาทั้งคู่ช่วยองค์กรจัดการชุมนุมที่ครั้งนี้เรียกร้องเสรีภาพในการพูดการแสดงความคิดเห็น

“รัฐบาลล้มเหลวที่จะใช้อำนาจของตนปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชน” หม่อง ซอง ข่า กล่าว

เมียว ยุ้น โฆษกพรรค NLD กล่าวว่า รัฐบาลนั้นให้ความร่วมมือกับเอ็นจีโอ แต่กิจกรรมของพวกเขาจำเป็นต้องถูกตรวจสอบเป็นกรณีไป

“หากไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงหรือความแตกแยกในหมู่ชาติพันธุ์ เรายอมรับได้ เรากำลังมุ่งไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เรายอมรับบทบาทของเอ็นจีโอ แต่เรากังวลว่าเอ็นจีโอจะถูกครอบงำจากผู้สนับสนุนแทนที่จะเป็นองค์กรอิสระ” เมียว ยุ้น กล่าว.






https://mgronline.com/indochina/det...2yl5OqQszh-8mPgDYPZTOHXepmY-I-hypu6h22oDO8zcg

 

พม่าจับโรฮิงญาอีก 93 คน หนีค่ายลอบล่องเรือไปมาเลเซีย
เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 14:55 ปรับปรุง: 28 พ.ย. 2561 15:34 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่พม่าได้เข้ายึดเรือที่บรรทุกชาวโรฮิงญา 93 คน กำลังหลบหนีออกจากค่ายผู้พลัดถิ่นในรัฐยะไข่ของประเทศ และวางแผนมุ่งหน้าไปที่มาเลเซีย ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่พม่าวันนี้ (27)

เรือลำนี้เป็นลำที่ 3 ที่มีปลายทางยังมาเลเซีย ถูกสกัดได้ในน่านน้ำพม่านับตั้งแต่เข้าช่วงปลายฤดูฝน และสภาพอากาศในท้องทะเลดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ยิ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายจะเกิดขึ้นระลอกใหม่นับตั้งแต่การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในปี 2558

โม ซอ ลัต ผู้อำนวยการหน่วยงานรัฐในเมืองทวาย ระบุว่า ชาวประมงได้รายงานเกี่ยวกับเรือต้องสงสัยต่อเจ้าหน้าที่ และทหารเรือได้เข้าสกัดเรือในวันอาทิตย์ พร้อมกับควบคุมตัวผู้ที่อยู่บนเรือได้ทั้งหมด 93 คน ที่ระบุว่า พวกเขามาจากค่ายในเมืองสิตตะเว ของรัฐยะไข่

ค่ายผู้พลัดถิ่นที่ชาวโรฮิงญากล่าวถึงตั้งอยู่ห่างจากเมืองทวายทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 900 กิโลเมตร และผู้ที่อาศัยอยู่ในค่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา

“พวกเขาบอกว่าหนีออกจากมาค่าย ตั้งใจที่จะเดินทางไปมาเลเซีย” โม ซอ ลัต กล่าว และเสริมว่า เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมที่จะส่งตัวพวกเขากลับไปที่เมืองสิตตะเว

หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ กล่าวว่า พม่าจำเป็นต้องจัดการกับต้นตอของปัญหาการพลัดถิ่น รวมทั้งสิทธิการเป็นพลเมืองสำหรับชาวโรฮิงญา ที่มองว่าตนเองว่าเป็นชนพื้นเมืองของรัฐยะไข่

แต่พม่าถือว่าโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากอนุทวีปอินเดีย และควบคุมชาวโรฮิงญาหลายหมื่นคนให้อาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นนอกเมืองสิตตะเวตั้งแต่ครั้งที่เกิดความรุนแรงในพื้นที่เมื่อปี 2555

ชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คน อพยพข้ามแดนไปฝั่งบังกลาเทศเมื่อปีก่อน หลบหนีการปราบปรามของทหารในตอนเหนือของรัฐยะไข่ ตามการระบุของหน่วยงานสหประชาชาติ

ผู้สืบสวนสหประชาชาติกล่าวหากองทัพพม่าเจตนาที่จะล้างเผ่าพันธุ์และกวาดล้างชาติพันธุ์ แต่พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหากระทำทารุณต่างๆ โดยกล่าวโทษกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาที่โจมตีด่านตำรวจจนนำมาซึ่งการปราบปรามอย่างรุนแรงและเกิดการอพยพของชาวโรฮิงญาเป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่พม่ากล่าวว่า พวกเขาพร้อมที่จะรับโรฮิงญาที่ต้องการเดินทางกลับจากค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ แต่บรรดาผู้ลี้ภัย และหน่วยงานช่วยเหลือได้คัดค้านแผนการส่งกลับที่มีกำหนดเริ่มต้นในวันที่ 15 พ.ย. โดยกล่าวว่า สถานการณ์ในพม่ายังไม่ปลอดภัย

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่พม่าได้เข้าควบคุมตัวชาวโรฮิงญาทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กจำนวน 106 คน ที่โดยสารอยู่บนเรือนอกชายฝั่งย่างกุ้งเมื่อวันที่ 16 พ.ย. หลังเครื่องยนต์เรือขัดข้องระหว่างทางจากค่ายที่เมืองสิตตะเวไปยังมาเลเซีย และในสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวคนได้อีกกลุ่มหนึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 80 คน หลังเข้ายึดเรือนอกชายฝั่งรัฐยะไข่ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะมุ่งหน้าไปยังมาเลเซียเช่นเดียวกัน ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ในเมืองสิตตะเว ที่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของเรือ.

https://mgronline.com/indochina/detail/9610000118297

 

ภาพอึ้ง! ปรากฏการณ์แปลก พายุหิมะสีส้มปกคลุมเมืองจีน (ชมคลิป)
เผยแพร่: 4 ธ.ค. 2561 04:00 ปรับปรุง: 4 ธ.ค. 2561 09:04 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เดลีสตาร์ - ชาวบ้านในมณฑลซินเจียงของจีน ตื่นขึ้นมาเจอพบสุดช็อกเมื่อวันอาทิตย์ (2 ธ.ค.) เมื่อพบเห็นกองหิมะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นทราย ราวกับเป็นหิมะสีส้ม จากอิทธิพลของพายุลูกหนึ่งที่หอบเอาทั้งฝุ่นทรายและหิมะมาพร้อมกัน

ในวิดีโอของภาพอันแสนประหลาด พบเห็นฝุ่นสีสัมปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นท้องถนน, หลังคารถยนต์และหลังคาอาคารบ้านเรือน และพอเอามือล้วงมันขึ้นมา ก็พบว่าเบื้องล่างนั้นเป็นหิมะ

ชาวบ้านบ้านบอกว่าภูมิทัศน์ดังกล่าวดูแล้วเหมือนกับขนมหวาน “ทีรามิสุ” ขนาดใหญ่ และมันทำให้บรรยากาศโดยรวมนั้นหม่นหมองยิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม เหอ ชิง ผู้อำนวยการสำนักงานพยากรณ์อากาศซินเจียง มีคำอธิบายที่มีเหตุผลต่อสภาพอากาศที่แปลกประหลาดครั้งนี้ โดยเขาพูดถึงพายุว่า “ลมแรงพัดเล่นงานหลายพื้นที่ของมณฑลซินเจียง สืบเนื่องจากแนวปะทะอากาศเย็นหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งทรายก็ถุกพัดพามาจากเมืองคารามัย ทางเหนือของซินเจียง”

ว่ากันว่าหิมะได้ตกลงมาหนาวถึง 4 นิ้วในบางพื้นที่และดูเหมือนสภาพอากาศที่แปลกประหลาดนี้จะไม่ผ่านพ้นไปในเร็ววัน โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ณ หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาคาดว่าปรากฏการณ์ทราย-หิมะ จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

https://mgronline.com/around/detail/9610000120568

 

“ทรัมป์” โวสัมพันธ์จีน “ก้าวกระโดด” อ้างปักกิ่งยอมลดภาษีรถยนต์นำเข้ามะกัน ขณะสื่อมังกรชี้ความขัดแย้งยังคงอยู่ เผยแพร่: 3 ธ.ค. 2561 22:22 ปรับปรุง: 4 ธ.ค. 2561 09:10 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หนังสือพิมพ์ภาษาจีนซึ่งหน้าหนึ่งตีพิมพ์ข่าวการพบหารือกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ วางอยู่ที่แผงแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ (3 ธ.ค.) โดยที่พาดหัวตัวใหญ่บอกว่า ผู้นำทั้งสองตกลงจะไม่ขึ้นภาษีศุลกากร
เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” คุยโว สัญญาสงบศึกสงครามการค้าที่เขาตกลงกับ “สี” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ พร้อมกับอ้างว่าจีนยังยอมลดหรือเลิกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าอเมริกันแล้ว ขณะที่ปักกิ่งยังไม่ได้พูดอะไรมาก โดยสื่อทางการแดนมังกรแสดงความยินดีอย่างระมัดระวัง อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่า การพักรบในศึกการค้าไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ที่จะโบกให้ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีนหายไปในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการเผชิญหน้ากันซึ่งผ่อนคลายลงแล้วเช่นนี้ก็ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกทะยานขึ้นกันอย่างคึกคัก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุในวันจันทร์ (3 ธ.ค.) ว่า ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนมีการก้าวกระโดดไปก้าวใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเขากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ตกลงที่จะระงับการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหม่ๆ จากสินค้านำเข้าของอีกฝ่ายหนึ่ง พร้อมกับรบเร้าปักกิ่งให้ทำข้อตกลงการค้ากับวอชิงตันให้สำเร็จ

“การหารือของผมในอาร์เจนตินากับประธานาธิบดีสีของจีน เป็นการหารือที่พิเศษมาก ความสัมพันธ์กับจีนได้เกิดการก้าวกระโดดไปข้างหน้า ก้-า-ว-ใ-ห-ญ่! สิ่งต่างๆ ที่ดีมากๆ จะเกิดขึ้น เรากำลังเจรจาจากฐานะที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ แต่จีนก็เช่นกันมีอะไรเยอะแยะที่จะได้ ถ้าและเมื่อใดทำข้อตกลงกันได้เสร็จสิ้น ปรับพื้นที่ให้แข่งขันได้อย่างเสมอภาค!” ทรัมป์ทวิตเช่นนี้ในวันจันทร์

ก่อนหน้านั้น ในคืนวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังทวิตอวดอ้างว่า จีนตกลงลดและยกเลิกพิกัดอัตราศุลกากรซึ่งเก็บจากรถยนต์นำเข้าอเมริกัน ที่เวลานี้แดนมังกรเก็บอยู่ที่อัตรา 40% อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้ระบุรายละเอียดใดๆ เช่น เรื่องนี้ตกลงกันได้ตั้งแต่เมื่อใด หรือรายละเอียดในการลด/เลิกภาษีของจีน

นอกจากนั้นทั้งทำเนียบขาวและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ตลอดจนถึงกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังของจีน ต่างเงียบกริบ

อันที่จริงเมื่อเดือนกรกฎาคม จีนลดภาษีศุลกากรของรถยนต์นำเข้าจาก 25% เหลือ 15% แต่เนื่องจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯที่กำลังเข้มข้น รถยนต์ซึ่งมาจากสหรัฐฯจึงถูกเพิ่มภาษีในอัตรา 25% กลายเป็น 40%

อย่างไรก็ดี ทวิตของทรัมป์ยังคงทำให้ราคาหุ้นของพวกบริษัทรถยนต์ในตลาดหลักทรัพย์ทางสหรัฐฯและทางยุโรปพุ่งสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมก็พากันทะยานสูงขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากมองเห็นว่าการหยุดยิงในสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่เป็นข่าวดี ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อเศรษฐกิจโลก

ในแถบเอเชีย ดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ปิดวันจันทร์เพิ่มขึ้น 2.57% ขณะที่ดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซินเจิ้นทะยานขึ้นมา 3.27% สำหรับดัชนีหั่งเส็งของตลาดฮ่องกงบวก 2.55% ส่วนดัชนีหุ้นนิกเกอิของโตเกียวสูงขึ้น 1.00% ด้านตลาดแถบยุโรป ในช่วงเที่ยงวันของวันจันทร์ หุ้นแฟรงเฟิร์ตดีดขึ้น 2.3%, ลอนดอนก็สูงขึ้น 2.0%, และปารีสบวก 1.2%

การสงบศึกครั้งนี้มีขึ้นหลังสถานการณ์ตึงเครียดนานหลายเดือน และเกิดการโต้ตอบขึ้นภาษีศุลกากรแก่สินค้าเข้าของอีกฝ่ายหนึ่งรวมแล้วเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ โดยที่ยิ่งนานวัน สงครามคราวนี้ก็ดูยิ่งสร้างความเสียหายทั้งต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีน ตลอดจนต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง

ในทางกลับกัน ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากการพักรบ โดยทรัมป์สามารถเลี่ยงผลกระทบเพิ่มเติมที่จะเกิดกับการส่งออกสินค้าเกษตรอเมริกัน ส่วนสีได้ผ่อนคลายความกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังบีบคั้นเศรษฐกิจจีน



ผู้คนยืนอยู่ใกล้ๆ แผงอิเล็กทรอนิกส์แสดงดัชนีราคาหุ้นที่กำลังขยับสูงขึ้น ณ บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์ (3 ธ.ค.) โดยในตอนที่ปิดตลาดนั้น ดัชนีหุ้นนิกเกอิเพิ่มสูงขึ้น 1.00% ปัจจัยบวกที่สำคัญคือการสงบศึกสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

ทางด้าน โกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์สไตล์ชาตินิยมซึ่งอยู่ในเครือ เหรินหมินรึเป้า ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวยกย่องว่า ข้อตกลงที่บัวโนสไอเรสคราวนี้เป็นความคืบหน้าสำคัญอันจะนำมาซึ่งศักยภาพมหาศาลสำหรับการค้าที่เป็นธรรม พร้อมคาดหวังว่า ทีมเจรจาของสองประเทศซึ่งจะเริ่มหารือกันนั้นจะสามารถบรรลุข้อตกลงในเชิงปฏิบัติจำนวนมากและโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน

ขณะที่เหรินหมินรึเป้าเอง ขานรับว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นฉันทามติที่สะท้อนว่าผลประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศมีความสำคัญมากกว่าความขัดแย้ง

กระนั้น ผู้สังเกตการณ์เตือนว่า ยังมีปัญหาใหญ่หลายข้อรอให้แก้ไข เป็นต้นว่า การเข้าถึงตลาดจีนของบริษัทอเมริกันและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

เคอร์รี เคร็ก นักกลยุทธ์ตลาดโลกของเจพี มอร์แกน แอสเส็ต แมเนจเมนต์ คาดว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงก่อนที่จะดีขึ้น และความรู้สึกแง่ลบจากการถกเถียงต่อรองทางการค้าซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในเวลาต่อไป จะทำให้ตลาดผันผวนกว่าเดิม

พอล คิตนีย์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์หุ้นของไดวา แคปิตอล มาร์เก็ตส์ในฮ่องกง มองว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่ข้อตกลงหยุดยิง เป็นแค่การป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามขยายตัวไปกว่านี้ โดยที่มาตรการภาษีศุลกากรที่บังคับใช้อยู่ยังคงส่งผลลบต่อเศรษฐกิจจีนเช่นเดิม

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงล่าสุด ทรัมป์จะระงับแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์จาก 10% เป็น 25% นับจากต้นปีหน้าเอาไว้ก่อน แต่หากการเจรจาไม่บรรลุผลภายใน 90 วัน มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ทันที

ขณะที่ข้อตกลงพักรบนี้ไม่ได้ครอบคลุม การที่อเมริกายังคงขึ้นภาษี 25% จากสินค้านำเข้าจีนอีกส่วนหนึ่งมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือการที่จีนตอบโต้ด้วยการรีดภาษีระดับเดียวกันกับสินค้าอเมริกันมูลค่ารวม 110,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนั้นทรัมป์ยังต้องการให้จีนพยายามมากขึ้นเพื่อลดยอดเกินดุลการค้าต่ออเมริกาที่สูงถึง 335,000 ล้านดอลลาร์ เปิดตลาดมากขึ้น และจัดการปัญหาการขโมยสินทรัพย์ทางปัญญา

โกลบัลไทมส์สำทับว่า สองฝ่ายควรหารือเรื่องการขยายช่องทางเข้าตลาด การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการร่วมมือกันควบคุมอาชญากรรมทางไซเบอร์

ทางด้าน ไชน่า เดลี่ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีไม้กายสิทธิ์ที่จะโบกให้ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีนหายไปในชั่วข้ามคืน แต่ข้อตกลงที่เกิดขึ้นคราวนี้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายตระหนักว่า มาตรการภาษีอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก และหากพิจารณาจากความซับซ้อนในการโต้ตอบระหว่างสองประเทศ เห็นทีว่า ทั่วโลกยังต้องรอลุ้นว่า จะมีแผนการที่สร้างสรรค์ที่ทำให้จีนกับอเมริกาหันมาร่วมมือกันแทนที่จะเผชิญหน้าหรือไม่

https://mgronline.com/around/detail/9610000120539