กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

พนมมือบริเวนหน้าอก
อย่าสนใจวรรคตอน
คือไม่ต้องสนใจว่าประโยคจะจบ
ตรงไหน ไม่ต้องอิงกับลมหายใจ
สวดมนต์ที่แนะนำเน้นไปที่
การสวดมนต์ในท่านอน

ถ้าเราสวดท่านั่งแล้วนอน
ก็ไม่เป็นไร แต่หลักการเรื่อง
อย่าระลึกบทสวดและห้ามลืมตา
ใช้ได้เหมือนกัน

แต่ถ้ากลับง่ายก็แล้วไป

ปล เรื่องความแค้นให้อภัยอย่างเดียวไม่พอ
เพราะอนาคตมันจะขึ้นมาได้อีก
ต้องหนุนเมตตาเข้าไปเสริม
ถึงจะแก้ได้ขาด

 

เมื่อวานไปทัวร์วัดท่าซุงมา นอนคร่อกฟรี้ๆ บนรถตู้ ได้ยินเสียงคนคุยกันแบบ ดีใจ เฮฮา ปาร์ตี้ เลย คิดในใจ ดังขนาดนี้คนขับมันไม่ด่ากระจุยรึ ค่อยๆ ลืมตา เกือบทุกคนอยู่ในสภาพ คร่อกฟรี้ๆ กันเกือบหมด คิดในใจ อ้าวอีกแล้วเหรอ

 

วันนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับฝันปนๆกับสงสัยมาโม้ค่ะ

เปียฝันแปลกอีกแล้วค่ะ ฝันพิลึกปนๆขนลุก ฝันว่าเรานอนอยู่ปกติ แต่เห็นตัวเองนอนขดเป็นงูยุ่บนที่นอน >∆< !!
งือ ใช่ งงเหมือนกันว่าทำไมถึงฝันพิลึกแบบนี้ เป็นสีเขียวด้วยแหละ อาการฝันคือเป็นภาพตัดไปตัดมา คือภาพนึงเห็นตัวเองเป็นงูสีเขียวแล้วก็ตัดมาเป็นตัวเองนอนตะแคงแล้วก็แฟนปกติด คือ ตอนที่นอนนั้นเปียนอนในท่าตะแคง แฟนก็หันมากอดค่ะ และในฝันคือเปียดันเห็นแบบเดียวกันเป๊ะเหมือนมันคือเหตุการณจิงๆ ภาพนึงคือเห็นงูนอนขดแฟนเราเอาแขนพาดกอด และอีกภาพคือเป็นเราปกติแฟนเอามือพาดกอด เป็นภาพสั้นๆไม่ถึงนาที แต่เราจำได้ติดตา เพราะด้วยความกล้วปนตกใจ สะดุ้งสุดตัว แฟนตื่นถามว่าเป็นอะไร เปียเลยบอกว่าป่าวแล้วก็นอนต่อค่ะ
ที่ตกใจเพราะเห้ยยยย นั้นตูหรอว่ะ!!! ม่ายเชื่ออออ!!!>0<``

 

..
..
เฮียนภบอกแร้ววว
ตรงตามนั้นนน เป๊ะ!! 555

 

ขอโม้ปนสงสัยเกี่ยวกับฝันอีกสักเรื่อง

ฝันแบบไม่ใช่เรื่องราว คล้ายๆเป็นภาพตัดไปตัดมาไม่ถึงนาที ระห่าง เศียรปู่ กับ ผช.ที่น่าจะเป็นปู่ฤษีนั่นแหละค่ะ ใส่ชุดขาวยืนหลังค่อม ถือไม้เท้า หัวไม้เท้าเป็นรูปหัวงูด้วย ตัดไปตัดมา แล้วเราก็สะดุ้งตื่นตามเคย
เวลาฝันแปลกๆแบบนี้ เปียอึดอัดคันปากอยากเล่าแต่เล่ากับใครไม่ได้ เล่าให้แฟนฟัง มันก็แค่ อือๆ พยักหน้าแค่เนี๊ยยยย (ตื่นเต้นกับตูหน่อยก็ไม่ได้).
=∆= จากนั้นเปียก็เลยไม่เล่าเลยดีกว่า ครุ้นคิดอยู่ผู้เดียวววว!??

 

เชื่อเรื่องพญานาคน้ะค่ะ เชื่อมากๆด้วย
แต่พอเจอฝันแบบนี้ ก็กลัว. แฮร่ๆ

 

ขอโม้อีกสักเรื่องงงงน้ะค่ะ. เก็บแต้มกับฝันแปลกค่ะ5555

เป็นความฝันสั้นๆว่า ไปในที่ๆที่นึง ที่เห็นแต่ผืนน้ำ และมองไกลออกไปคือถ้ำ ถ้ำหนึ่งค่ะ อาการคือรุ้ตัวน้ะค่ะว่า เอาอีกแร้วเราฝันยุ่สิน้ะ
ความรุ้สึกเหมือนตัวเรากำลังนอนพาดบนผิวน้ำแล้วหันหน้าไปมองถ้ำ ด้วยความเอ๊ะใจ เลยเอี้ยวลงไปมองตัวเอง ช็อคค่ะ ครึ่งล่างเป็นงู สีเขียว อีกแล้ว=∆= แต่มองไม่เห็นหางว่ายุ่ไหน มองเห็นแค่ช่วงท้องลงไป มันคือตัวงู งูนี่หว่า สีเขียวซะด้วย แล้วขาล่ะ ขาไปไหน>×<"!!? ความรุ้สึกกลัวกลับมาอีกครั้ง กลัวทั้งน้ำกลัวทั้งถ้ำ กลัวตัวเอง ก็เลยพยายามตื่นเหมือนเดิม ปรากฎคือ เพลียเจ้าค่ะ เพราะกว่าจะตื่นได้หลายฮึ๊บๆๆๆมาก กะดุดกะดิกไม่ได้ปานพิการไป1-2นาที ฮือๆ. กว่าจะกลับมาขยับแขนขาและพูดได้ มันเหนื๊อยเหนื่อยเหมือนจะขาดใจ...

 

โม้ความฝันต่อน้ะค่ะ...

ฝันนี้เป็นฝันช่วง18.00เกือบ19.00ค่ะ
วันนั้นไม่รุ้เป็นไง รุ้สึกง๊วงง่วง อยากจะหลับมากเลย ก็เลยว่าจะงีบสักตื่น พอหัวถึงหมอนปุ๊ป ไหลไปเลยค่ะ เหมือนปิดสวิทเลย
ฝันเหมือนเปียได้ไปงานไหว้ครู หรือพิธีอะไรสักอย่างค่ะ รุ้ตัวด้วยน้ะค่ะว่าฝัน
เรานั่งใส่ชุดขาวทั้งชุดเลย เห็นผช.แก่บ้าง หนุ่มบ้าง แต่งตัวกันแปลกๆ ออกแนวฤษี แต่เป็นชุดฤษีที่แตกต่างกันค่ะ แต่ล่ะคนใส่ไม่เหมือนกัน บางคนแก่แบบต้องมีคนคอยพยุงแขนเดิน บางคนก็เดินหลังค่อม แต่เค๊าเดินกันไปมาหลายคนเลย เรานั่งเค๊าเดินผ่านเราไปมา และก็ได้เห็นฤษีคนนึงเค๊านั่งเหมือนเป็นที่นังประจำของเค๊า แล้วตัวเปียก็เลยเดินแล้วไปนั่งข้างหน้าเค๊า เค๊าเอาอะไรมาจิ้มๆที่หน้าผากไม่รุ้ค่ะ แต่หูเปียเหมือนมันอื้อไปหมดไม่ได้ยินอะไรเลยว่าใครพูดอะไร แล้วเปียก็สะดุ้งตื่นเองโดยที่ไม่ได้พยายามตื่นเหมือนทุกครั้ง แต่ทำไมถึงเหนื่อยก็ไม่รุ้เหมือนกันค่ะ ในความฝันเปียอยากรุ้เค๊าพูดอะไรกันฤษีคนนั้นพูดอะไรกับเรา อยากรุ้ว่าพิธีงานนี้คืออะไร แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ อื้อไปหมด แล้วก็สะดุ้งตื่น
พอตื่นมาก็ครุ้นคิด อะไรว่ะฝันอะไรอีกแล้ว จะตีหวยก็ตีไม่ถูก55555
ตื่นมาทีไรก็มีคำถามมากมายในใจ แต่พอไม่รุ้คำตอบก็จะลืมไปเอง พอคิดขึ้นได้ ก็จะสงสัยยุ่พักนึงพอทำอะไรโน่นนี่ก็ลืมแล้วก็ปล่อยไป...

 

ความฝันบางทีที่เปียสงสัยคือแต่ละฝันต้องการบอกอะไรเรามากกว่าค่ะ แต่ก็จากสงสัยเป็นจิตตก เพราะพอฝันติดกันบ่อยๆจะเริ่มรุ้สึกเหมือนร่างกายตัวเองอ่อนแอยังไงบอกไม่ถูก ออดแอดๆ ป่วยบ่อยๆ หายๆเป็นๆ ไม่รุ้จะเกี่ยวกันไหม แต่เปียรุ้สึกเหมือนร่างกายมันล้า

 

@nopphakan
แถลงไขหนูทีค่ะอาจารย์นพ โม้ให้ฟังหน่อยจิ
แฮร่ๆ>[]<

 

555555 โชคดีที่ไม่ค่อยฝัน ถ้าฝันแปลกแบบเพื่อนๆในนี้คงแย่ เพราะปกติถ้าฝันจะฝันถึงสถานที่อยู่ไม่กี่แห่ง บางครั้งก็งงๆ มาอีกละ ส่วนมากในฝันที่จำได้ก็จะประมาณเดิมๆ คล้ายๆเดินเที่ยว เจอเหตุการณ์ต่างๆกันไป แต่จะคล้ายๆกัน

@nan_nori เรื่องกรรมฐานหรือสมาธิลองดูครับไม่มีอะไรหรอก เมื่อสักหนึ่งปีก่อน ก่อนที่ผมจะเริ่มนั่งก็กลัวแบบเดียวกันนี่แหละ พอลองๆนั่งไปสักครั้งสองครั้ง ก็เริ่มเฉยๆ แล้ว แต่มันจะมีมาทดสอบกำลังใจกันสักครั้งสอง55555555 ทุกวันนี้สบายใจทุกครั้งที่ได้ปฏิบัติครับ

@ธีรนาฎ ถ้าตื่นมาขยับไม่ได้นะครับอย่าพยายามฝืนครับ หลับต่อเลยไม่เหนื่อยด้วย ถ้าพอมีสติ ก็อุทิศส่วนกุศลไปครับ อันนี้เมื่อก่อนเป็นประจำ

 

เพราะความกลัวปนตกใจ สตงสติกะเจิงเลยค่ะ5555 จะตื่นให้ได้อย่างเดียวเลยทีนี้
แต่จะลองทำตามที่แนะนำดูน้ะค่ะ จะพยายามไม่กลัวค่ะ แฮร่ๆๆ

 

เคยไปนอนวัด เพราะเป็นงานศพของตาเปีย ก็เลยต้องนอน แต่ทำวจหลับยากมากกกก ที่ไม่หลับไม่ใช่กลัวผีน้ะค่ะ วงไฮโลค่ะ เสียงดังทั้งคืน แล้วเปียเป็นคนหลัลยากขี้ลำคาญ ถ้ามีอะไรกวนหรือเสียงดังวุ่นวายจะนอนไม่หลับ บวกกับสถานที่ไม่คุ้นก็เป็นทวีคูณไปอีก แต่เพราะเหนื่อยเลยหลับบ้างตื่นบ้าง แต่พอหลับปุ๊ป หูได่ยินเสียงคยเล่นไฮโลดังปกติ แต่ดันฝันว่าเห็น เปรตค่ะ คือที่เปียนอนเป็นบทที่ที่พระท่านนั่งสวดเวลามีกิจ เปียนอนข้างๆกับหน้าต่างวัด ในฝันเห็นเปรตสูงโคตรๆ นอกหน้าต่าง แต่หูดันได้ยินเสียงภายนอก รุ้ตัวว่าฝัน กลัวน้ะค่ะในฝันแต่ความอยากเห็น เลยพยายามยื่นหน้าไปมองข้างบน เห็นเต็ม2ตา เหมือนในหนังเลย แต่ที่เราเห็นไม่เห็นมีปากเลย ตาโตมากกกกก เท่าไข่ห่านได้ พอเปรตเห็นเราเข้าไปพยายามแอบมอง เค๊าก้มลงมาใกล้บานหน้าต่าง เปียถอยหลังกรูเลย เค๊าเอาหน้าเอาตามาแนบกับหน้าต่าง ภาพติดตาเปียยุ่เลย เปียเลยกลัวสุดๆพยายามตื่น พอตื่นได้ ไม่นอนต่อเลยคราวนี้ ร้องจะกลับแต่บ้าน T^T. กลัวสุดขีดดด หลังจากนั้นไม่ขอนอนวัดอีกเลยขอยายกลับมานอนบ้านอย่างเดียว
ตาเปียก็ตามมาเข้าฝันที่บ้านอีก ในฝันเห็นตานึกขึ้นได้ตาตายแร้วนี่หว่ส ก็วิ่งหนี ตาแกก็เข้ามากอดเปียไว้แน่นเลย เปียก็ร้องไห้ใหญ่เลย บอกตาว่าเปียกลัวอย่ามาแกล้งเปียแบบนี้ แล้วเราก็ตื่น ฝันเห็นแก3วันติดกันเลยค่ะ แกใส่ชุดขาวมาหาเรา วันที่สองฝันเห็นแกมาเล่นด้วยมาชวนเปียทำนั่นทำนี่เหมือนตอนแกมีชีวิตยุ่ ในฝันเปียละรึกรั้ได้ว่าแกตายไปแล้วแต่พอครั้งที่2ก็ไม่กลัวแล้วกลับรุ้สึกมีความสุข แล้วก็จนทุกวันนี้ไม่เคยฝันเห็นแกอีกเลยค่ะ

 

เวลาญาติผู้ใหญ่ในบ้านเสีย เปียจะเป็นคนที่ฝันเห็นตลอด คนในบ้านไม่มีใครฝันเห็นแบบเปียเลย
อย่างตอนชวดเปียเสีย เปียก็ฝันเห็นท่าน3วันติดกัน ก่อนวันเผา ตอนตาก็ก่อนจะเผาเหมือนกันค่ะ ตอนฝันเห็นชวดแกมาแบบเดินทะลุกำแพงบ้านมาหาเรา เปียนอนยุ่บนที่นอน เปียเห็นชวดเดินทะลุกำแพงเดินตรงมาที่เปียนอน แต่คือในฝันเปียขยับตัวไม่ได้แต่ตาเปียมองเห็น เปียพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนนิ่งๆทำตาปะล๊อกปะแล๊กมองแกเดินเข้ามาหาเรา แล้วนั่งลงข้างๆเรา จับมือเราแล้วก็ยิ้มๆ แต่ในฝันตอนนั้น โคตรกลัวววว ถ้าในฝันขยับตัวได้เปียคงวิ่ง5555 แต่ดั๊นพิการชั่วขณะ555 แล้วแกก็เดินทะลุกำแพงหายไป จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ตื่นเช้ามาถึงได้นึกออก

 

ก่อนตาจะสิ้นใจ เปียเป็นคนสุดท้ายที่ยุ่กับท่าน มองดูท่านหมดลมไปต่อหน้าต่อตา... กับชวดก็ด้วย เปียเป็นคนเดียวที่มาเห็นท่านตอนจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนชวดจะเสีย เปียพึ่งกลับจากโรงเรียน แต่คือคนในบ้านทำงานกันในไร่ไม่มีใคร นอกจากชวดที่ท่านนอนป่วยยุ่ในบ้าน พอเปียเดินเข้าบ้านท่านก็กำลังเฮือกๆแล้ว ท่านเรือยกชื่อเรา โน โนเอ่ย พอเราเข้าไปหา ท่านก็กำมือเราแน่นแร้วก็เฮือกสุดท้าย..... ต่อหน้าต่อตา ความรุ้สึกตอนนั้น บอกเลยค่ะ. มันคือความรุ้สึกที่เกิดกว่าคำว่าเศร้าหรือเสียใจ เพราะเปียไม่มีน้ำตาสักหยดไหลเลย แต่ในใจมันบอกไม่ถูก T^T

 

พูดแบบรวมๆ
ทริค ถ้าอยากจะจำความฝันได้
๑.ถ้าเผลอลืมตามาแล้วให้เลิกสนใจไปเลย
๒.เป็นไปได้ยังไม่ควรลืมตา
และให้พยายามระลึกเรื่องที่ฝัน ได้แค่ไหนแค่นั้น
๓.หลังจากเฉยๆไม่สนเลย เด่วจะระลึกย้อนได้เอง
แต่ต้องเลิกสนใจจริงๆตามข้อ ๑.

ทริค ถ้าฝันแล้วตื่นมารู้สึกเหนื่อย
บอกได้ว่า กำลังสมาธิสะสมไม่พอ เรื่องปกติของชาวโลก
ให้แก้ด้วยการเจริญสติให้ต่อเนื่อง หรือ ทำสมาธิ
เอาแค่สงบบ้าง สวดมนต์บ้าง. เดินจงกลมบ้าง .....จบ

ทริค ถ้ายังไม่เข้าใจว่า สถานที่ในฝันคืออะไร
หรือไม่รู้เรื่องอะไรในฝัน ไม่ว่าไม่รู้ว่าใคร ทำอะไร
ให้ลืมเรื่องนั้นไปเลย และให้มาเจริญสติในชีวิต
ประจำวันให้ต่อเนื่อง เด่ว อนาคตเวลานิ่งๆจะได้
คำตอบเองแบบอัตโนมัติ.


ทริค ของ เจน. ในเรื่อง การจะถอดถอนเรื่อง อาฆาตออกได้
นอกจะต้องรู้จักให้อภัยแล้วในเบื้องต้น
(แต่ในอนาคตก็ยังระลึกนึกแค้นขึ้นมาได้อีกเป็นเรื่องธรรมดา)
ยังจะต้องเพิ่มเมตตาเข้าไปอีก เพิ่มซ้ำลงไป
เรื่อยๆ ด้วยอุบายอะไรก็ได้ เช่น ถ้าเราเป็นเค้า
เราก็อาจจะทำแบบเค้าก็ได้ หรือ มันเป็นเรื่อง
วิบากระหว่างบุคคลนั้นๆ ไม่เกี่ยวกับเรา
หรือถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเค้า
ให้มาคิดว่าเราจะทำหรือเปล่า ประมาณนี้ยกตัวอย่าง.....
และในฝัน ถ้ามีใครมาเชิญให้ทำอะไรแปลกๆ
แล้วไม่แน่ใจ ให้ลองอ้างชื่อ คนที่เขียนดูนะ
และให้ดูกิริยาของทางนั้นว่าเป็นไง จะทราบได้เอง


ของเปียนั้น. การแตะที่หน้าฝากเค้าเรียกว่า การเจิม
คนที่จะเจิมได้ ก็มีคนที่เป็นผู้ใหญ่
แต่ทั่วไป บุคคลนั้นจะเคยเป็นอาจารย์ในอดีตชาติมาก่อน
ซึ่งถือว่า สามารถพบเจอได้ปกติ และมีมากมาย
ดังนั้นเรื่องแบบนี้ ควรเฉยๆเอาไว้ก่อน
แต่การที่ยังไม่รู้ว่าใครเจิม
แสดงว่า กำลังสติทางธรรมเรายังไม่พอ
ก็ให้มาเจริญสติในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมนั่นหละ.......


สติทางธรรม ก็คือ ตัวที่ทำให้เรารู้เรื่องราวในฝันนั่นหละ
เช่น ไปสถานที่แห่งหนึ่ง รู้ว่าเรียกว่าอะไร เจอใครบ้าง
เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร พวกนี้มาจากกำลังสติทางธรรม
ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น

ถ้ากรณีเดียวกัน แต่เป็นการลืมตา
เราเรียกว่า รู้ได้จากสัญญา เช่น สถานที่นี้เรียกว่า นั่น
คนนั้น ชื่อ ว่า นี้ เพราะว่า เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้เห็นมา
ประมาณนี้....


เรื่องความกลัวแก้ได้ไม่ยาก
มีความจำเป็นจะต้องฝืน ในเรื่องนั้นๆ
๓ ถึง ๔ ครั้ง จิตจะมีกำลังเพียงพอที่จะไม่กลัวได้เอง
ย้ำว่า ในเรื่องนั้นๆ.....

การที่ภพภูมิจะปรากฏให้เราเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้
๑.สภาวะจิตของเรา ณ เวลานั้นว่า มีคลื่นตรงกันไหม
๒.การส่งกระแสจากภายนอกเข้ามาเชื่อมกับจิตเรา
ซึ่งต้องใช้กำลังมากกว่าปกติ เทียบได้กับคนนั่ง
สมาธิในระดับกำลังฌาน ๔ ดังนั้น กำลังบุญที่เราส่ง
ให้ไปควรมีมากพอ ปกติต้องขึ้นด้วยพระรัตนตรัยก่อน
แล้วรวมกับเราและอุทิศให้ไป ตรงนี้อย่าลืม...
๓.สัญญาในจิตของเราเองว่ามีไหม........

ทั่วไป เราจะใช้การเห็นแบบตาพิเศษเอา
และหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ
ภพภูมิจะไม่ปรากฏตัวให้เราเห็น.....
แม้ตัวเราจะมีความรู้สึกว่า
เหมือนมีอะไรแอบดูอยู่
หรือมีพลังงานอะไรบางอย่าง
ถ้าเราไม่ปรับให้จิตอยู่ในโหมด
ที่คลื่นตรงกับเค้าแล้ว ปกติเราก็จะไม่เห็น

ยกเว้นกรณีที่เราเข้าไปในเขตที่มีภพภูมิ
กลุ่มนั้นมากๆ แล้วเค้ารวมกันมาเยอะๆ
เราก็อาจจะเห็นได้ โดยไม่ต้องปรับตัวจิตเราได้
เพราะกำลังของกลุ่มเค้าที่รวมกันมากพอ
ที่จะครอบคลุมบริเวณนั้นรวมทั้งจิตเรา......


การเห็นภพภูมิได้ด้วยตาเปล่าๆ
แบบฟูลออฟชั่นจะเป็นอันตราย
ยิ่งถ้า จิตเรายังมีกำลังไม่พอ
หรือไม่เคยฝึกกรรมฐานที่สร้างกำลังจิตมาก่อน
บุคคลที่เห็นภพภูมิแบบภูมิออฟชั่น
ในขณะที่จิตไม่พร้อม มีโอกาสวิปลาสสูง.....

แม้แต่จะมีกำลังจิตบ้าง หรือมีสมาธิมาบ้าง
การเห็นฝ่ายภพภูมิที่มีฤิทธิ์แม้ไม่มาแบบ
ฟูลออฟชั่น ก็ทำให้เกิดความเกรง(เกรงนะไม่ใช่กลัว)
เพราะกำลังจากฤิทธิ์ที่แผ่ขยายออกมา
แม้ว่าท่านนั้น จะมีเมตตามากก็ตาม
แต่เรื่องฤิทธิ์มันเป็นบารมีเฉพาะดวงจิต
จิตเราจะรับรู้ได้ ซึ่งไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย......



ปล. ฝันเห็นญาติๆที่จะเสียหรือพึ่งเสียนะดีแล้ว
แสดงว่า เราสามารถปรับคลื่นตรงกับท่านๆได้
หรือ การที่เห็นญาติที่เสียไปแล้วมาหาได้
ในสภาพที่ดีแสดงว่า ดวงจิตเค้ามีกำลัง
ถือว่าดี..........

ยังไม่มันเท่ากับว่า ท่านที่พึ่งเสีย หรือตายไปแล้ว
มาหาทำให้เราเห็นแบบตัวเป็นๆหรอก ๕๕๕๕
เด่วถ้าได้เจอบ้าง จะเข้าใจ...มาแบบฝัน ณ ปลอดภัย
ต่อสุขภาพกายและใจ ถือว่าดีต่อชาวโลกแล้ว ๕๕๕๕


ท้ายนี้ การที่นอน แล้วรับรู้อะไรได้ดีกว่าปกตินั้น
บอกว่า ปราณเรารั่ว ในความหมายคือ
ตัวจิต ส่งการรับรู้ออกไปข้างนอก โดยไม่มีการควบคุม
พวกนี้ ต้องแก้ด้วยการอฐิษฐานพระครอบกายก่อนนอน
ส่วนท้ายนี้ บอก higtmax ไว้ เด่วจะเข้าใจ การที่หลับ
แล้วไปรับรู้ โน้นนั้นนี่ได้ จะเผลอไปมอง
ว่ามันเป็นเรื่องที่ดี.......
ปราณรั่วเปรียบได้กับ เครื่องยนต์ที่
มีน้ำมันเครื่องค่อยๆซึมออกมานั้นหละ
จะส่งผลในระยาวต่อเครื่องยนต์ได้
เพราะนำมันเครื่องมันจะไม่พอ...
ดังนั้น...แก้ซะ เด่วจะส่งผล
ต่อสุขภาพกายได้ อย่างไม่รู้ตัว....


จบ นิทาน ก่อนนอน
ยกตัวอย่างความฝัน

เมื่อช่วงสายๆฝัน ว่าขี่จักรยานยกล้อ
ด้วยความชำนาญ มีความสุขมาก
แถมยังไปยกล้อแถวร้านกาแฟ
ที่เป็นแบบธรรมชาติอีก


สาเหตุเพราะก่อนหน้านั้นวันหนึ่ง
ปั่นจักรยานเล่นหน้าบ้าน
และช่วงเย็น คิดว่าจะไปทานกาแฟ
ร้านที่ออกแนวธรรมชาติ แต่แว๊นเตลิด
แล้วมานึกได้ภายหลังว่าลืม..มีแอบเสียดาย
เลยเผลอเก็บมาคิด และวันต่อมาตื่นนอน
ตั้งแต่เช้าหิว เลยซัดอาหารคนรวยไป ๒ ซอง(มาม่า)
และก่อนนอนดูคลิป มอเตอร์ไซด์วิบาก เค้ายกล้อ
ที่ถ่ายจากมุมสูง แล้วก็เผลอหลับไปเลย.....

ก็เลยเป็นที่มาของการฝัน
กรณีแบบนี้ เค้าเรียกว่า. ฝันเพราะ ธาตุพร่อง
เพราะกินแล้วนอนเลย. จึง หาสาระไม่ได้
เอาแค่ฮาพอได้อยู่........ประมานนี้

 

"....ท่านก็กำมือเราแน่นแร้วก็เฮือกสุดท้าย..... ต่อหน้าต่อตา ความรุ้สึกตอนนั้น บอกเลยค่ะ. มันคือความรุ้สึกที่เกิดกว่าคำว่าเศร้าหรือเสียใจ เพราะเปียไม่มีน้ำตาสักหยดไหลเลย แต่ในใจมันบอกไม่ถูก...."

อ่านแล้วหวนคิดถึงแม่ก่อนสิ้นใจเฮือกสุดท้าย
มันคือความรุู้สึกที่เกินกว่าคำว่าเศร้าหรือเสียใจ
ช่วงวินาทีสุดท้ายที่แม่ต้องจากไป
ถึงวันนี้ ตัวเองก็งงอยู่ว่า...ทำไมแค่น้ำตาซึม "


ตอนใกล้ค่ำวันนั่น
หลานโทรมาบอกว่า
...คุณแม่อาการไม่ดีอยู่รพ.
ทั้งที่ก่อนเที่ยงแม่ยังดีๆอยู่เลย

ผมจึงรีบเรียกรถกึ่งเหมารถ(รถวิ่งระหว่างจว.)กลับบ้านทันที
ระยะทางเกือบ 300 กม.
ระหว่างทางผ่านชุมชนทุ่งนาแห่งหนึ่ง
...ได้ยินเสียงดังสนั่นกลางทุ่ง ก้องเข้าหู
คล้ายกับเสียงพระจีนตีฉิ่งฉาบกลางงานศพ คือดังมาก
ดังกังวาลรอบทิศ ทั้งๆที่ไม่ได้นอนหลับเลย
มองไปที่คนขับ...แกก็ขับไปเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไร
...แต่ก็ยอมรับว่าช่วงนั่นนั่งคิดถึงแม่ตลอดทาง

ไปถึง รพ. 3ทุ่มกว่าๆ
ได้พบหน้าแม่ครั้งสุดท้ายก่อนท่านจะสิ้นใจ

แต่ที่สงสัยมากจนถึงวันนี้คือ....
นาทีสุดท้าย...ทำไมน้ำตาท่านยังซึมเบ้าตานิดๆ
ทั้งที่ช่วงที่ผมเดินมาที่เตียง
...ดูเหมือนท่านไม่รู้สึกตัวแล้ว
เพียงแต่พี่สาวที่ยืนอยู่ข้างๆบอก "ลูกชายกลับมาแล้ว"

แล้ววินาทีสุดท้าย...
ทำไมแม่ยังยกมือขึ้นนิดๆโบกมือลา 1 ครั้ง
...แล้วจากไปอย่างสงบในวินาทีนั่น

 

การที่มาให้เห็น มีน้ะค่ะ
ตาหนูเอง คือว่าเหตุการณ์นี้จำได้ว่ายังยุ่ในช่วงจัดงานยุ่เลยค่ะ แต่หนูกลับมานอนบ้านกับน้า
สักช่วงใกล้เช้าเวลากำลังเหมาะT^T. เหมาะที่แกจะมาเยี่ยมเยือนทักทาย ด้วยการแอบมองแบบห่างๆด้วยสายตา ฮืออออ เล่าแล้วภาพลอยมาตามอารมณ์เลย ช่วงตี3กว่าๆ ตอนนั้นยังเด็กน้ะค่ะน่าจะม.1มั้ง ด้วยความที่ปวดฉี่มากกก แต่กลัวน้ะแทบจะไม่อยากเข้าห้องน้ำคนเดียว แต่ก็ต้องฉี่เพราะมันจะลาดแล้ว ก็เลยต้องแบกร่างมาทำกิจ แต่ด้วยความกลัวก็ไม่ยอมปิดประตูห้อฃน้ำหรอก ใช้ไม้ค้ำยันประตูห้องน้ำให้เปิดเอาไว้ กำลังจะทำกิจนั่งบนโถแล้วด้วย อาการกำลังเมาขี้ตายุ่พอดีเลย อั้นไว้นานก็จะทำกิจนานหน่อย แต่ไอ้ความรุ้สึกลมเย็นๆพัดลอดมาจากช่องของหลังคา ซึ่งห้องน้ำตามภาษาบ้านๆหรือเรียกว่สบ้านนอก มันก็จะเป็นปูนก่ิขึ้นมีสังกะสีเป็นหลังคา และจะมีช่องว่างระหว่างหลังคากับกำแพง ซึ่งมันก็กว้างพอที่จะเห็นหัวคนหัวนึงได้ค่ะ ความรุ้สึกว่ามีอะไรมองแน่ๆ แต่ไม่กล้าหันซ้ายไปมอง แต่สุดท้ายหางตาก็จ๊ะเอ๋พอดี กลายเป็นต้องหันไปมองแบบเต็มตา คือเห็นตาของเปียเนี่ยแหละ กำลังมองเปียยุ่ตรงกำแพฃห้องน้ำ เห็นแต่ช่วงหน้า เป็นเหมือนคล้ายๆกลุ่มควัญอากาศแต่ไม่ใช่มีเนื้อหนังเหมือนโปร่งแสง แต่ใช่ ยังไง๊ยังไงก็ใช่ ตาเปียแน่ๆ หัวล้านๆ หน้าตอบๆหน่อย มองมาที่เรา เท่านั่นแหละยอมรับแบบไม่อาย วิ่งกรี๊ดไปดึงกางเกงไปออกจากห้องน้ำเข้าห้องนอนน้าตัวเองแบบทั้งตกใจทั้งกลัวเหมือนจะช็อคสั่นไปหมดทั้งตัว สติสตางเหมือนหลุดไปพักนึง วิ่งออกมาแบบไม้ที่ค้ำประตูมันหลุดประปิดตามหลังดัง ปัง!!! แต่ตอนนั้นไม่สนใจแล้ว วิ่งอย่างเดียว5555 นึกถึงตัวเองตอนนั้นแล้ว ฮามาก พอเข้าห้องน่าได้มุดเข้ามุ้งอย่างไว น้าตกใจเสียงกรี๊ดแล้วก็เสียงดังจากประตูห้องน้ำ ลุกมานั่งแบบ งงๆ ปนตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปีย ตอนนั้นน้าทั้งกอดทั้งปลอบใหญ่เลยถามเราซ้ำๆว่าเราเป็นอะไร แต่คือตอนนั้นเปียตอบอะไรไม่ออก ได้แต่น้ำตาไหลแหมะๆแล้วก็ตัวสั่นหงันงก สักพักก็เลยเปิดปากตอบน้าไปว่า"เจองูเหลือมตัวใหญ่ในห้องน้ำ"?? 55555. คือไม่กล้าพูดว่าตัวเองเห็นอะไร แต่น้าดันรุ้ทันไม่เชื่อเปีย แกบอกว่ามึงหรอจะกลัวงู กูว่ามึงเจออย่างอื่นมากกว่า มึงเห็นอะไรมา??
เปียเลยยอมเล่าให้ฟัง น้าเลยโทรไปหาแฟนแกที่ยุ่ที่งานแล้วเล่าให้แฟนของแกฟัง ว่าหลานมันบอกว่าเห็นพ่อมาแอบมองมันในห้องน้ำ มันสั่นไปหมดเลยเนี๊ย ตอนแรกถามอะไรก็ไม่ตอบ" .แล้วน้าแกก็เลยบอกกับแฟนของแกว่าให้ยายจุดธูปบอกตาว่าอย่ามาแกล้งหลานหลานมันกลัวมันจะช็อคเอา...

5555ขำอ่ะ ขำตัวเองมากพอนึกถึงตอนนั้น สภาพแบบคือทำไมต้องมาเจอตอนนั้นด้วย มาให้เห็นตอนทำอย่างอื่นไม่ได้หรอ?? นั่นคือครั้งแรกที่เคยเห็นที่เรียกว่า ผี และหลังจากเหตุการวันนั้น ก็ทำให้เปียกลัวผีมากๆจนมาถึงวันนี้5555

 

การเห็นอะไรที่เปียไม่อยากจะเห็นหรือเจอเลยนั้น
ไอ้ความไม่อยากเห็นของเรา มันเหมือนไม่มีความหมายสักนิด เหมือนเป็นอะไรที่เชื้อเชิญให้ต้องเห็นซะมากกว่า ทั้งๆที่ในใจกลัวมากและภาวนาตลอดเวลาจะไปไหนรึรุ่สึกว่าใช่แน่ๆมันมีแน่ๆว่า ไม่น้ะไม่เอาไม่อยากเจอไม่อยากเห็นไม่อยากรุ้สึก กลัว อย่าให้เห็นน้ะไม่ต้องการ55555
แต่สุดท้ายก็เห็นตลอดยุ่ดี คำว่าเห็นนั้นเรียกว่าเห็นโดยบังเอิญมั้งค่ะ ไม่ตั้งใจจะเห็นจิงๆน้ะ55
คือเวลานั่งรถตอนกลางคืนกลับจากทำงานรถรับส่ง เวลาที่กว่าจะถึงบ้านก็จะมืดค่ำหน่อยประมาณ 3-4ทุ่ม คนนั่งกันก็เยอะแยะ รถก็วิ่งไปเรื่อยๆมาเรียงๆไม่ช้าไม่เร็ว แต่เอ๊ะ หางตาเห็นอันรัยแว๊บอีกแร้วว่ะ อีกแล้วหรอT0T. ก็เลยหันไปถามแฟนว่าเห็นอะไรมั่ย ที่ผ่านข้างๆทางมาเมื้อกี้อ่ะ มันตอบไม่เห็นถามทั้งคีนรถก็คือ ไม่เห็น แต่ตูเห็น 555. เบิ๊ดคำสิเว่า
เวลาจะเห็นอะไรพวกนี้จะชอบเป็นประจำเวลาเดินทางนั่งรถกลางคืนเห็นแบบผ่านๆบ้าง นั่งยุ่ศาลาบ้าง ยืนข้างต้นไม้บ้าง นั่งยองๆข้างๆก่อหญ้าข้างทางบ้าง อะไรเทือกนั้น แต่จะไม่ใช่เห็นแบบชัดๆ เต็มๆ น้ะค่ะ แต่สิ่งที่เราเห็นด้วยสติเรารุ้ว่าที่เห็นคืออะไร เวลาเห็นจะเห็นเป็นเหมือนเงาสีดำรูปร่างคนประมาณนั้นค่ะ แต่จะไม่เห็นว่าใส่เสื้อสีอะไร หรือผิวสีอะไร แบบนี้ไม่เคยเห็นน้ะค่ะ หรือเวลาเห็นนั่งยุ่ศาลาตอนดึกๆ แล้วเราเห็นแต่ไอ้ที่เห็นอาการคือขนลุกมันร่วมด้วยเพราะรุ้สึกกลัวอัตโนมัติ แร้วถามคนอื่นๆทีไรก็ไม่มีไม่เห็นกันตลอด แต่เราดันเห็นคนเดียว พักหลังๆเวลาเดินทางไปไหนมืดๆค่ำๆเห็นอะไรก็เลยไม่พูดไม่ถามใครว่าเห็นแบบเราไหมแล้ว เลือหลับตานึกถึงพระเอา5555 เพื่อความสบายใจของกะทิ และลดความกลัวของตัวเองอุ่นใจขึ้นมาบ้างไรงี้ 55. ถามว่าชินไหม ไม่ค่ะไม่ชินเลย=0= ก็กลัวแบบเดิม มันฝังใจง่ะ

 

ขอบคุณมากครับท่านอจ.นพ

ที่ตอบรวมมิตรให้ทีเดียวหลายคน

มีประโยชน์มากๆเลยครับ

เดี๋ยวจะเข้ามาอ่านอีกครั้ง