ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    นายพลผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ถูกพบเสียชีวิตในบาห์เรน

    https://www.publicpostonline.net/20017


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Matichon Weekly - มติชนสุดสัปดาห์


    เอาที่สบายใจ! “สุดารัตน์” ย้อนถาม ยื่นบัญชีทรัพย์สินยังไม่กล้า จะมาแก้ทุจริตได้ยังไง?


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา


    สาส์นแสดงความเสียใจ :

    จากอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยกย่องในความเสียสละกว่า70ปีเพื่อประเทศชาติของอดีตประธานาธิบดีจอร์ช เอช ดับเบิลยู บุช นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงบทบาททางการเมืองในหลายตำแหน่ง


    America has lost a patriot and humble servant in George Herbert Walker Bush. While our hearts are heavy today, they are also filled with gratitude. Our thoughts are with the entire Bush family tonight – and all who were inspired by George and Barbara’s example.


    BarackObama


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อิหร่าน



    ภาพที่ถ่ายจากช่วงเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ M 6.3 สั่นสะเทือนที่ Kermanshah ประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

    บาดเจ็บกว่า 700 รายในแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ในรัฐทางตะวันตกของประเทศอิหร่านไม่มีรายงานการเสียชีวิต
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


    ที่ประชุมสมัชชาใหญ่UNมีมติเรียกร้องให้อิสราเอล"ถอนตัว"ออกจากการยึดครองที่ราบสูงโกลันของซีเรีย/มติที่ประชุมได้รับอนุมัติจาก99ประเทศ..มีแค่10ประเทศที่เห็นด้วยกับการยึดครองของอิสราเอล..และอีก66ประเทศงดออกเสียง/..

    ---------------------------

    เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าตอนนี้ถือว่าอิสราเอลเข้าไปยึดครองที่ราบสูงโกลันของซีเรียแบบผิดกฏหมาย..และจะต้องถอนตัวออกจากที่ราบสูงโดยเร็ว..นับเป็นอีกครั้งที่มติUNไม่ให้การรับรองการบุกรุกยึดครองของอิสราเอลต่อที่ราบสูงโกลันของซีเรีย/..รอดูสนามรบอีกสนามที่สหรัฐ+ลูกหาบรอนับถอยหลังเข้าสู่คำว่า"แพ้ราบคาบ"อีกครั้ง/หลังจากพยายามก่อสงครามกลางเมืองในซีเรียเพื่อโค่น"บาร์ซา อัลอัดซาด"ผู้นำซีเรีย..แต่วันนี้ยังอยู่ดีไม่เป็นไรแถมแข็งแกร่งขึ้นอีกตะหาก..


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_5602.JPG

    เหตุการณ์ 8 ของ 10 รวมการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นของ nibiru ซึ่งกำลังวาดใกล้ขึ้นและโลกที่แข็งแกร่งขึ้น


    Zetatalk แชท q & a สำหรับวันที่ 31 สิงหาคม 2018


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พร้อมยื่นยันว่าในอนาคต ป.ป.ช. จะทยอยกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน ทุกระดับต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ขณะนี้เริ่มต้นที่ขยายจากตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงไปก่อนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สวยดีน่ะครับ
    IMG_5603.JPG
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) จีนรับปากเปิดทาง ควอลคอมม์ เข้าซื้อกิจการ เอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ หลังยื้อดีลปีกว่า: ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ระหว่างเจรจานอกรอบการประชุม G20 ว่า เขาจะเปิดทางให้แผนการเข้าซื้อกิจการบริษัทเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ เอ็น.วี. (NXP Semiconductors N.V.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากเนเธอแลนด์ ของบริษัทควอลคอมม์ (Qualcomm) ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐ ได้รับการรับรองจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของจีน


    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แผนการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวถูกประกาศออกมาตั้งแต่เดือน ต.ค.2560 โดยผ่านการเห็นชอบจากหน่วยงานตรวจสอบต่อต้านการผูกขาดทางการค้าในภูมิภาคอื่นๆ อาทิ สหภาพยุโรป มาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของจีน กระทั่งเลยกำหนดเส้นตายเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จนควอลคอมม์ต้องยุติข้อเสนอดังกล่าว และยอมจ่ายค่าเสียหายให้กับเอ็นเอ็กซ์พีในเวลาต่อมา


    อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่า การปฏิเสธไม่รับรองข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการของบริษัทสหรัฐในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐออกมาสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าต่างๆให้กับบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน โดยให้เหตุผลว่า ZTE ได้ทำการส่งมอบสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐ อีกทั้งยังมีการประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากข้อกล่าวหาที่ว่าจีนได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีจากสหรัฐ


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์


    - China is open to approving renewed Qualcomm-NXP deal, White House says, potentially breathing new life into the scuttled $44B deal: https://www.cnbc.com/2018/12/01/qualcomm-nxp-deal-xi-says-china-open-to-approving.html
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) ฝรั่งเศส : ปธน.มาครง เรียกประชุมความมั่นคงฉุกเฉิน หลัง ม็อบ “เสื้อกั๊กเหลือง” บานปลาย: ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเรียกประชุมด้านความมั่นคงฉุกเฉิน หลังเหตุประท้วงการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทยแนะนำคนไทยหลีกเลี่ยงการเดินไปในย่านใจกลางกรุงปารีส


    โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสเผยกับสถานีวิทยุ Europe 1 ว่าทางการอาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจัดการกับเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้น "เราต้องพิจารณาถึงมาตรการต่าง ๆ ที่จะใช้เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก" โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าว


    กระแสความไม่พอใจต่อนโยบายการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลฝรั่งเศสได้ขยายตัวเป็นวงกว้าง เพราะประชาชนมองว่านโยบายนี้ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น


    แม้ว่าการชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่จะดำเนินไปอย่างสงบ แต่การประท้วงในกรุงปารีสกลับมีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจล โดยเฉพาะบริเวณประตูชัย Arc de Triomphe ย่านใจกลางกรุงปารีส ที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดแสง และปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุม


    โดยให้การประท้วงเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน ในจำนวนนี้ 23 คนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีผู้ถูกจับกุมไปกว่า 400 คน


    กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาเกือบ 190 จุด และมีอาคาร 6 หลังถูกไฟไหม้ เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ห้างสรรพสินค้าและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งต้องปิดทำการ

    ด้านประธานาธิบดีมาครงซึ่งเดินทางกลับจากการประชุมกลุ่ม จี20 ในอาร์เจนตินาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้ตรงดิ่งไปตรวจความเสียหายบริเวณประตูชัยทันที


    ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ออกประกาศเตือนให้คนไทยที่อยู่ในฝรั่งเศส หลีกเลี่ยงการเดินไปบริเวณกลางกรุงปารีส (เขต 1 เขต 2 เขต 8 และเขต 16 ส่วนใกล้ประตูชัย) หากไม่จำเป็น และให้ใช้ความระมัดระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมทั้งแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่ www.ratp.fr ซึ่งมีการแจ้งข้อมูลทั้งในภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ


    ชนวนเหตุประท้วงเกิดจากอะไร


    ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000


    ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ก่อนร่วงลงมา แต่รัฐบาลนายมาครงได้ปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตรสำหรับเบนซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ใช้เชื้อเพลิงสะอาด


    การตัดสินใจขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2019 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วง ทว่าประธานาธิบดีมาครงกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3

    โดยการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 300,000 คน


    ทำไมต้อง "เสื้อกั๊กเหลือง"


    ผู้ขับขี่รถทุกคนในฝรั่งเศสต้องพกเสื้อกั๊กสีเหลืองไว้ในรถของตน เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีกรวยสามเหลี่ยมสีแดงที่ต้องวางไว้ด้านหลังรถที่เกิดเสียขึ้นมากลางทาง และถ้าพลขับจะลงจากตัวรถก็ต้องสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วย

    การไม่สวมใส่เสื้อกั๊กหลังรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (ประมาณ 5,064 บาท) ตามกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ในปี 2008


    Source: BBC Thai

    https://www.bbc.com/thai/international-46418115


    เพิ่มเติม

    - France mulls state of emergency after Paris riots, won't change policy: https://www.cnbc.com/2018/12/02/fra...ncy-after-paris-riots-wont-change-policy.html


    - ผู้นำฝรั่งเศสลงพื้นที่ประท้วงเดือด : https://www.tnamcot.com/view/5c03f7bfe3f8e4e9010dbd2a
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) จีนเร่งคุมหนี้ เล็งกวาดล้าง ปล่อยกู้'P2P' - จีนเตรียมปราบปรามปล่อยกู้ P2P หวังเร่งคุมหนี้ หลังหนี้ค้างชำระพุ่งเกือบ 6 ล้านล้าน



    บลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนเตรียมวางแผนปราบปรามแพลตฟอร์มการปล่อยกู้ออนไลน์แบบ P2P ขนาดกลางและขนาดเล็กความเสี่ยงสูงทั่วประเทศ หลังยอดหนี้ค้างชำระจาก P2P พุ่งแตะ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.78 ล้านล้านบาท) เมื่อเดือน ธ.ค. 2017



    รายงานระบุว่า รัฐบาลยังอาจสั่งให้แพลตฟอร์ม P2P รายใหญ่ควบคุมปริมาณหนี้ค้างชำระให้อยู่ที่ระดับปัจจุบัน และกระตุ้นให้ลดการปล่อยกู้ลงในเวลาต่อไป



    "นี่เป็นการปราบปรามที่ล่วงเลยมานาน เพราะแพลตฟอร์มส่วนใหญ่เป็นบริษัทซอมบี้ ที่ทุ่มเงินขยายธุรกิจ และส่วนมากก็ล้มเหลว" มาร์ติน ชอร์เซมปา นักวิจัยจากสถาบันปีเตอร์สัน กล่าว



    ทั้งนี้ P2P เป็นบริการปล่อยกู้นอกระบบดอกเบี้ยสูงและขายหน่วยลงทุนความเสี่ยงสูง โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบธนาคารเงามูลค่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 295 ล้านล้านบาท) ซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินของจีนมาเป็นเวลานานแล้ว



    บลูมเบิร์กรายงานว่า ปัญหาจาก P2P ปรากฏชัดขึ้นในปี 2016 จากกรณีอีซูเป่า บริษัท P2P ทำการฉ้อโกงครั้งใหญ่ผ่านแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) จากนักลงทุน 9 แสนราย มูลค่า 7,600 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.49 แสนล้านบาท) ส่งผลให้รัฐบาลดำเนินการกวาดล้าง P2P ผิดกฎหมายมากยิ่งขึ้น โดย ซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่าในอนาคต P2P จะลดลงมาอยู่ที่ราว 50 ราย ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาล



    ด้าน หยิงกัน กรุ๊ป บริษัทวิจัยข้อมูลในจีน เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ 80% ของ P2P ในจีนจำนวน 6,200 แห่ง ต้องปิดตัวลงหรือเผชิญความยากลำบากในการทำธุรกิจ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีลูกค้ามากกว่า 1.5 ล้านคน และมีหนี้ค้างชำระ 1.12 แสนล้านหยวน (ราว 5.3 แสนล้านบาท)


    Source: Posttoday


    - China Despairs of Its Dark Financial Underbelly: https://www.bloomberg.com/opinion/a...2p-purge-underscores-shadow-banking-challenge
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) 'อีซีบี'เปิดระบบจ่ายเงินเรียลไทม์ : ธนาคารกลางยุโรปเปิดตัวระบบชำระเงินเรียลไทม์ครั้งแรกทั่วยูโรโซน หวังเป็นผู้เล่นสำคัญแข่งยักษ์เทคโนโลยีสหรัฐ-เอเชีย



    วานนี้ (30 พ.ย.) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดตัวระบบชำระเงินอัตโนมัติ "ทิปส์" ที่เปิดให้ผู้บริโภคและธุรกิจทั่วยูโรโซน 19 ประเทศ โอนเงินได้แค่ชั่ววินาที แบบไม่ต้องรอเหมือนการโอนเงินบนออนไลน์หรือโอนผ่านเคาน์เตอร์



    บริการนี้ขึ้นมาท้าทายโดยตรงกับกระเป๋าเงินดิจิทัลของกูเกิล อะเมซอน และอาลีบาบาจากจีน ที่ให้บริการชำระเงินออนไลน์แบบเร็วสุดๆ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว



    นายมาร์ค เบล เดอ เจสซี หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานตลาดและชำระเงินของอีซีบี กล่าวว่า ธนาคารในยูโรโซนกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากบริษัทเทคโนโลยี แต่ธนาคารยุโรปต่างมีระบบชำระเงินเรียลไทม์ของตนเองบริการข้ามประเทศไม่ได้ ทิปส์จึงเป็นหนทางช่วยให้ธนาคารต่อกรกับบริษัทดิจิทัลได้เนื่องจากเป็นระบบเดียวใช้งานข้ามประเทศผ่านสมาร์ทโฟน พีซี และเคาน์เตอร์



    อีซีบีคาดว่าเบื้องต้นทิปส์จะให้บริการสำหรับบุคคล ธนาคาร หรือภาคธุรกิจในยูโรโซน จากนั้นอาจขยายไปยังประเทศและสกุลเงินอื่นด้วย บริการอันรวดเร็วของทิปส์เชื่อมโยงเข้ากับกองทุนของธนาคารกลางโดยตรง ธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบระหว่างกันเหมือนอย่างที่กระเป๋าเงินดิจิทัลต้องทำ ทิปส์จึงเทียบเท่ากับเงินสด ผู้รับไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิต



    นายเดอ เจสซี กล่าวอีกว่า ทิปส์เหมาะสำหรับชำระเงินในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือปั๊มน้ำมัน และน่าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว



    ธนาคารพาณิชย์ที่สนใจให้บริการกับลูกค้าจะต้องเปิดบัญชีทิปส์กับธนาคารกลางในประเทศตน และต้องตระหนักว่าธนาคารจะสูญเสียค่าธรรมเนียมโอนเงินที่เคยได้ แต่อีซีบีเชื่อว่าความสะดวกของทิปส์และความต้องการมหาศาลจากลูกค้าจะทำให้ธนาคารทั้งหลายเปลี่ยนใจยอมใช้ระบบนี้



    ส่วนธนาคาร 8 แห่งที่ร่วมเปิดตัวบริการทิปส์วานนี้ มีทั้งธนาคารสเปนและกลุ่มธนาคารบีพีซีอีของฝรั่งเศส ซึ่งอีซีบีเล็งเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารในอัตรา 0.0020 ยูโรต่อหนึ่งธุรกรรมในช่วง 2 ปีแรกเป็นอย่างน้อย แต่จะยกเว้นให้สำหรับ 10 ล้านธุรกรรมแรกก่อนสิ้นปี 2562 หลังจากนั้นจะปล่อยให้ธนาคารตัดสินใจเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าได้เอง



    เบื้องต้นทิปส์จะให้บริการสำหรับบุคคล ธนาคาร หรือภาคธุรกิจในยูโรโซน จากนั้นอาจขยาย ไปยังประเทศและสกุลเงินอื่นด้วย


    Source: กรุงเทพธุรกิจ



    - ECB goes live with pan-European instant payments: https://www.ecb.europa.eu/press/pr/date/2018/html/ecb.pr181130.en.html


    - ECB takes on PayPal with instant payment system: https://www.reuters.com/article/us-...pal-with-instant-payment-system-idUSKCN1NZ1SY
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) สหรัฐตั้งข้อหา 2 อดีตนายแบงก์ 'โกลด์แมนแซคส์' พัวพันสินบน-ฟอกเงิน 1MDB : กระทรวงยุติธรรมสหรัฐตั้งข้อหาอดีตนายธนาคารของโกลด์แมนแซคส์ 2 ราย ฐานร่วมรับสินบนและฟอกเงินที่ทุจริตจากกองทุนวันเอ็มดีบีของมาเลเซีย พร้อมกับโลว์ แท็ก โจ นักการเงินชาวมาเลเซียที่อยู่ระหว่างหลบหนี


    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า การตั้งข้อหาอดีตนายธนาคารและนักการเงินครั้งนี้เป็นการตั้งข้อหาดำเนินคดีทางอาญาครั้งแรกของสหรัฐเกี่ยวกับคดีการทุจริตในกองทุนวันมาเลเซียดีเวลอปเมนต์เบอร์ฮัด (วันเอ็มดีบี) ของมาเลเซีย ที่เจ้าหน้าที่ทางการของหลายประเทศกำลังทำการสอบสวน


    คำแถลงของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ระบุว่า สหรัฐจับกุมอึ้ง ชอง หวา อดีตกรรมการผู้จัดการของโกลด์แมนได้ที่มาเลเซียเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนอีกคนคือ ทิม ไลส์เนอร์ อดีตประธานและกรรมการผู้จัดการของโกลด์แมนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้สารภาพผิดและตกลงจะจ่ายคืนเงิน 43.7 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาโดยมิชอบ อดีตนายแบงก์ทั้งสองถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับการฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากวันเอ็มดีบี และสมรู้ร่วมคิดกับการติดสินบนแก่เจ้าหน้าที่หลายคนในมาเลเซียและอาบูดาบี โดยละเมิดต่อกฎหมายว่าด้วยการกระทำอันเป็นการทุจริตในต่างประเทศของสหรัฐ


    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังประกาศด้วยว่า กระทรวงได้ตั้งข้อหาโลว์ แท็ก โจ หรือโจ โลว์ ที่ถูกระบุว่าเป็นตัวการใหญ่และเป็นคนกลางของกองทุนนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่าเขายังหลบหนี ส่วนธนาคารโกลด์แมนแซคส์นั้นไม่ได้ถูกตั้งข้อหา แต่ถูกกล่าวถึงในเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็น "สถาบันการเงินหมายเลข 1"


    วันเอ็มดีบีเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ก่อตั้งโดยนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม เพราะผลพวงของเรื่องอื้อฉาวนี้ นาจิบโดนจับกุมและตั้งข้อหาแล้วหลายสิบกระทง แต่เขาปฏิเสธทุกข้อหา


    ด้านโลว์ออกแถลงการณ์ผ่านโฆษกส่วนตัวของเขา ยืนกรานความบริสุทธิ์เช่นกัน และขอให้ประชาชนเปิดใจกว้างจนกว่าหลักฐานจะปรากฏ


    Source: Thaipost


    เพิ่มเติม

    - Ex-US justice official pleads guilty in 1MDB lobbying scandal: https://www.aljazeera.com/news/2018...ty-1mdb-lobbying-scandal-181201060555943.html


    - Now, US central bank escalates probe into Goldman Sachs over 1MDB: https://www.malaymail.com/s/1698938/now-us-central-bank-escalates-probe-into-goldman-sachs-over-1mdb
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5604.JPG
    (Dec 2) บทความวิจัยเรื่อง Value Investing with Quality in the US Public Insurance Companies : การลงทุนตามมูลค่า (Value investing) เป็นแนวทางการลงทุนที่ริเริ่มและพัฒนาขึ้นโดย เบนจามิน เกรแฮม เป็นแนวทางการลงทุนที่เน้นลงทุนในกิจการที่ผู้ลงทุนเชื่อว่ามีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จากหลายงานศึกษาพบว่า การลงทุนตามมูลค่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในระยะยาว ในขณะเดียวกัน งานวิจัยหลายชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า การใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพ (Quality metrics) จะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้เหมือนกัน

    บทความนี้ต้องการศึกษาว่า การลงทุนตามมูลค่าประกอบกับการใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ โดยงานวิจัยนี้ใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพ 4 ตัว วิเคราะห์ผลตอบแทนของการลงทุนในบริษัทประกันภัย ซึ่งได้แก่ สัดส่วนของค่าสินไหมทดแทนต่อค่าเบี้ยประกันภัย (Loss ratio) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย (Expense ratio) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยต่อเบี้ยประกัน (Combined ratio) และ ผลตอบแทนของการลงทุน (Investment yield)

    ผลการศึกษาพบว่า การใช้ตัวชี้วัดทางคุณภาพไม่ได้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน นอกจากนี้ ผลของงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยได้ถูกอธิบายด้วยแบบจำลอง Fama French Five Factor Model ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเมื่อลองเปลี่ยน Factor ในแบบจำลองเป็นตัวชี้วัดทางคุณภาพ แบบจำลองดังกล่าวไม่ได้มีความสามารถในการอธิบายผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทประกันภัยได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

    อ่านบทความวิจัยฉบับเต็มได้ที่https://www.pier.or.th/wp-content/uploads/2018/08/pier_dp_093.pdf

    โดย ดร.พีรพงศ์ ทั่งวัฒโนทัย และ ดร.สัมพันธ์ เนตยานันท์

    Source: PIER FB
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 2) ร้านอาหารอังกฤษแจกฟรี “เมนูไร้มือถือ” เพิ่มความสัมพันธ์บนโต๊ะอาหาร : ร้านอาหารแฟรนไชส์ในอังกฤษ เสนอไอเดียเสิร์ฟเมนูฟรี สำหรับครอบครัวที่ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนระหว่างมื้ออาหาร หวังเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวในยุคแห่งสมาร์ทโฟนครอง


    Frankie & Benny’s ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในอังกฤษ เสนอโปรโมชั่น “No Phone Zone” หรือเขตปลอดโทรศัพท์ ในร้านอาหาร โดยลูกค้าทุกโต๊ะจะได้รับกล่อง 1 ใบให้ใส่โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนลงไปในกล่องระหว่างมื้ออาหาร เพื่อแลกรับเมนูสำหรับเด็กฟรี ตามรายงานของ BBC


    โปรโมชั่น “No Phone Zone” ของร้าน Frankie & Benny’s ที่มีสาขา 250 แห่งในอังกฤษ หวังว่าจะได้เสียงตอบรับที่ดี แต่ปรากฏว่า ลูกค้าบางส่วนแสดงความไม่พอใจโปรโมชั่นดังกล่าว และว่าเป็นการปิดโอกาสการแสดงความเห็นต่อการให้บริการในร้านอาหารแบบเรียลไทม์เสียมากกว่า


    นอกจากนี้ ทางร้านยังได้สำรวจความเห็นผู้ปกครองและเด็กที่เป็นลูกค้าในร้าน 1,500 คน พบว่า มีพ่อแม่ผู้ปกครองเพียงร้อยละ 10 ที่ยินดีเก็บสมาร์ทโฟนระหว่างมื้ออาหาร และเพิ่มบทสนทนาสานสัมพันธ์ในครอบครัว และอีกร้อยละ 20 บอกว่าพวกเขาเลือกจะดูสมาร์ทโฟนมากกว่าการสนทนากับลูกๆ


    กว่าร้อยละ 25 ของผู้ปกครองในการสำรวจ ยอมรับว่าใช้โทรศัพท์บนโต๊ะอาหารตลอดเวลา และอีกร้อยละ 23 ใช้โทรศัพท์ระหว่างที่ลูกๆกำลังพูดคุยกับพวกเขาอยู่ด้วย


    ทั้งนี้ โปรโมชั่น “No Phone Zone” หรือเขตปลอดโทรศัพท์ ในร้านอาหาร เริ่มต้นเมื่อ 29 พฤศจิกายน ถึง 7 ธันวาคมนี้


    Source: VOA Thai


    - A British restaurant chain is asking diners to hand over their phones to 'celebrate family time,' and Twitter isn't having it

    https://www.thisisinsider.com/resta...and-over-phones-celebrate-family-time-2018-11
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Dec 2) Updated: ทรัมป์-สี "สงบศึกการค้า" อย่างน้อย 90 วัน: ประธานาธิบดีสหรัฐและประธานาธิบดีจีนตกลงระงับการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กัน "เป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน"


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบหารือและรับประทานอาหารร่วมกัน นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ "จี20" ที่กรุงบัวโนสไอเรส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้ไม่มีการแถลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวจากททั้งสองฝ่ายระบุว่า ผู้นำสหรัฐและผู้นำจีน "เห็นชอบร่วมกันเชิงหลักการ" ในการระงับการตั้งกำแพงภาษีต่อกันเป็นเวลา "90 วัน" แล้วใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเจรจากัน "อย่างมีประสิทธิภาพ" เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย "แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง" หากการหารือในระหว่างนั้น "ไม่ประสบผลสำเร็จ"


    แม้การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวแม้เพียงเบื้องต้นแต่หมายความว่า รัฐบาลวอชิงตันจะยังไม่ปรับเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 6.6 ล้านล้านบาท ) จากอัตราปัจจุบันที่ 10% ให้เพิ่มเป็น 25% นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 ส่วนแหล่งข่าวในรัฐบาลปักกิ่งให้ข้อมูลว่า จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าด้านพลังงาน ผลิตภัณฑ์เกษตรและสินค้าอื่นจากอเมริกา แต่ไม่มีการระบุปริมาณและมูลค่าอย่างชัดเจน โดยรัฐบาลปักกิ่งจะระงับการใช้มาตรการกำแพงภาษีต่อสหรัฐเช่นกัน ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงรักษาคำมั่นสัญญา


    ทั้งนี้ ทรัมป์ขึ้นภาษีหลายอัตราต่อมูลค่าการนำเข้าสินค้าของจีนไปแล้ว 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 8.25 ล้านล้านบาท ) ตั้งแต่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าของสหรัฐที่มีมูล่าการนำเข้าอย่างน้อย 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.63 ล้านล้านบาท )


    ขณะที่กลุ่มสมาชิกจี20 ร่วมด้วยสหภาพยุโรป ( อียู ) ออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยยอมรับว่าบรรดาสมาชิกยังมี "จุดยืนที่แตกต่างกันในหลายประเด็น" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า สภาพอากาศ และการปฏิรูปองค์การการค้าโลก ( ดับเบิลยูทีโอ ) โดยในการประชุมวันแรก จีนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่มเศรษฐกิจ "บริคส์" ที่มีสมาชิกร่วมนอกจากรัฐบาลปักกิ่ง ได้แก่ บราซิล รัสเซีย แอฟริกาใต้และอินเดีย วิจารณ์มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐอย่างหนัก พร้อมทั้งแสดงความสนับสนุนการดำเนินงานของดับเบิลยูทีโอ.


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/680327

    *******************************

    สี จิ้นผิง ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่บัวโนสไอเรส ขณะทั่วโลกจับตาผลเจรจาปลดล็อกการค้า: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตาว่าผู้นำทั้งสองจะแก้ปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกันได้หรือไม่


    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ดูเหมือนจะต้องการให้จีนมีการปฏิรูปอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงเรื่องของการขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐ ขณะที่ปธน.สี คาดว่าอาจยอมรับข้อเรียกร้องจากทางการสหรัฐบางส่วนเพื่อยุติสงครามการค้าที่กำลังทวีความรุนแรงอยู่ตอนนี้


    ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองเคยพบกันมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยในขณะนั้น ปธน.สี ได้ให้คำมั่นกับปธน.ทรัมป์ว่า จีนจะนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐ เพื่อแก้ปัญหาที่สหรัฐต้องขาดดุลการค้าเป็นจำนวนเงินมหาศาลให้กับจีน


    อย่างไรก็ดี จีนและสหรัฐได้เริ่มเปิดฉากตอบโต้กับด้วยสงครามภาษีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเสื่อมถอยลงเป็นอย่างมาก จนทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลกันว่าอาจเป็นชนวนไปสู่การเกิดสงครามเย็นครั้งใหม่


    จนถึงตอนนี้ สหรัฐมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแล้ว 2.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราวๆครึ่งหนึ่งของสินค้าทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้าจากจีนในแต่ละปี เพื่อตอบโต้ที่จีนได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีจากสหรัฐไปเป็นจำนวนมาก ทำให้จีนต้องออกมาตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐกว่า 80% ด้วยเช่นกัน


    นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่ว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทั้งหมด หากไม่สามารถเจรจาข้อตกลงการค้ากับปธน.สี ได้

    นักเศรษศาสตร์หลายรายได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลกันว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปทุกทีนั้น จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวอยู่ในตอนนี้


    ขณะที่นังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนกำลังมองหาช่องทางทำข้อตกลงการค้าที่จะทำให้สหรัฐไม่เรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อจีนเพื่อแลกกับการเจรจาครั้งใหม่กับจีนเพื่อให้จีนมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจครั้งใหญ่


    ด้านปธน.ทรัมป์ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณดีต่อการเจรจาการค้ากับจีนครั้งนี้ ด้วยการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า "เราทำงานกันหนักมาก"

    ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "มันจะดีมากถ้าเราตกลงกันได้ ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาก็หวังจะให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน และผมว่าเราจะต้องทำมันได้" พร้อมเสริมว่า "มีสัญญาณที่ดีบางอย่างออกมา และเราก็จะได้เห็นกัน"


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์


    ความคืบหน้าล่าสุด

    สหรัฐและจีนตกลงเลื่อนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าไปอีก 90 วันเพื่อมีเวลาเจรจาต่อรอง

    - G20: US and China agree to suspend new trade tariffs : https://www.bbc.com/news/world-latin-america-46413196
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เห็นบอกว่าจะทำมาหลายปีแล้ว เจ้าหน้าที่ที่มีความผิดก็ยังสุขสบายอยู่


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5605.JPG
    (Dec 2) ห่วงขึ้นดอกเบี้ยกระทบกำลังซื้อ - ค่ายรถฟันธงขายรถปีหน้ายังโต ต่อเนื่อง อย่างน้อย 5% ขายทะลุ 1.1 ล้านคัน แต่ต้องจับตาปัจจัยลบทั้งอัตราดอกเบี้ย-ราคาสินค้าเกษตร-การเลือกตั้ง จะเป็นแรงส่งให้ตลาดโตต่อเนื่อง ด้านมิตซูบิชิมั่นใจ ลั่นขอขายทะลุแสนคัน ในรอบ 6 ปี ด้านฮอนด้าชี้การเติบโตตามธรรมชาติในรอบ 6 ปี

    เป็นที่แน่นอนแล้วว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้ ผู้บริหารหลายค่ายจะออกมายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่า ช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ 1 เดือนนั้น เพียงพอที่จะส่งให้ตัวเลขของยอดขายรถยนต์ปีนี้ทะยานขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 1 ล้านคันได้อย่างแน่นอน

    หลังจากการรายงานตัวเลขยอดขายล่าสุด 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) พบว่า มียอดขายสะสม 833,515 คัน เพิ่มขึ้น 20.9% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 323,896 คัน เพิ่มขึ้น 18.5% รถเพื่อการพาณิชย์ จำนวน 509,619 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จากแรงขับเคลื่อนทั้งจากการบริโภคและการลงทุนของเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ จากค่ายรถยนต์

    โดยช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะแรงผลักดันจากการจัดอีเวนต์ใหญ่อย่างงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เปิดตัวรุ่นใหม่ และมอบข้อเสนอพิเศษออกสู่ตลาด น่าจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ทำให้ยอดขายรถยนต์ปีนี้กระโดดขึ้นไปมากกว่า 1-1.05 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี ที่มองว่าจะมียอดขายอยู่ 9.5-9.8 แสนคันเท่านั้น

    ซึ่งนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของยอดขายรถยนต์โดยรวมปีนี้ ฮอนด้าเชื่อว่าจะมียอดขายขึ้นไปถึงระดับ 1 ล้านคัน และถือเป็นการเติบโตตามธรรมชาติครั้งแรกในรอบ 5-6 ปี หลังจากสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ส่วนปีหน้าเชื่อว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมจะโตจากปีนี้อย่างน้อย 5% และมียอดขายใกล้เคียงปีนี้ที่ 128,000 คัน

    และฮอนด้าจะโตไปในทิศทางเดียวกับตลาด แต่ทั้งนี้ ยังต้องจับตาปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจภายนอกทั้งอัตราค่าเงิน

    โดยเฉพาะมาตรการการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะมีผลทำให้เกิดการแข่งขันของบริษัทไฟแนนซ์ค่อนข้างสูง และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคในการมองหาแพ็กเกจทางการเงินที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

    เช่นเดียวกับ นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชื่อว่ายอดขายรถยนต์ในปีหน้าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 3-4% อยู่ที่ 1,050,000-1,070,000 คัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดขายที่ 1,030,000 คัน ซึ่งเป็นผลมา มาจากแรงสนับสนุนของปัจจัยบวก จากการจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า น่าจะ ส่งผลให้ยอดขายรถปิกอัพมีความคึกคัก และส่งผลต่อเศรษฐกิจพื้นฐานโดยรวมให้มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรน่าจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดี

    บวกกับจีดีพีที่ระดับ 4% จะเป็นตัวกระตุ้นให้ยอดขายรถยนต์ปีหน้าเติบโตอย่างแน่นอน และมิตซูบิชิจะเติบโต ไปในทิศทางเดียวกับตลาด พร้อมตั้ง เป้ายอดขายท้าทายไว้ที่ 100,000 คัน ในปี 2562 จากปีนี้คาดว่าจะจบที่ 85,000 คัน

    ยอดขายรถยนต์ในประเทศเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ในส่วนของ มิตซูบิชิ 10 เดือนขายได้ 68,000 คัน และทั้งปีจะอยู่ที่ 85,000 คัน ปีหน้าจะเป็น 100,000 คัน ส่วนที่เปิดตัวรถปิกอัพ ไทรทันเมื่อเร็ว ๆ นี้ มียอดจองเข้ามา 4,000 คันแล้ว

    ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้น เชื่อว่าจะมีผลในเชิงจิตวิทยาสั้น ๆ เท่านั้น

    นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธาน บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า ยอดขายรถยนต์ปีหน้า คาดว่าจะทรงตัวเท่าปีนี้ที่เฉลี่ย 1 ล้านคัน เนื่องจากยังมีปัจจัยที่กังวล คือ ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับขึ้น ไม่ว่าจะขึ้นใน อัตราเท่าใดก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างแน่นอน รวมถึงปัจจัยนอกประเทศสงครามการค้าที่จะมีผลกระทบ ในช่วงปีหน้า

    นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการ ผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ฟอร์ดมั่นใจว่า ปีนี้ยอดขายรถยนต์จะ เกินกว่า 1.05 ล้านคัน และฟอร์ดจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 13% เอาไว้ได้ ส่วนปีหน้าผลจากสภาพเศรษฐกิจ โดยรวมที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมทั้งจีดีพีของประเทศที่โตเช่นเดียวกัน การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัย หลักที่ขับเคลื่อนให้ยอดขายรถยนต์ไปสู่ 1.1 ล้านคัน หรือโต 5% ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับ นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ปีหน้า จะขึ้นไปอยู่ระดับ 1.1 ล้านคัน อย่างแน่นอน

    Source: ประชาชาติธุรกิจ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5606.JPG
    (Dec 1) ค่าจ้าง'แรงงานเอเชีย โตเร็วกว่าชาติมั่งคั่ง : องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) เผยแพร่รายงานล่าสุด บ่งชี้ว่า ค่าจ้างแรงงานในภูมิภาคเอเชียเติบโตเร็วกว่าอัตราค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาติมั่งคั่งเกือบ 10 เท่า โดยปีที่แล้ว อัตราค่าจ้างในเอเชียขยายตัว ที่ 3.5% เทียบกับอัตราค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ย ของชาติสมาชิกมั่งคั่งที่สุดในกลุ่มจี20 ที่ 0.4% ส่วนใหญ่เป็นผลพวงจากการที่เศรษฐกิจเอเชีย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ขยายตัวต่อเนื่อง และเศรษฐกิจของประเทศ กำลังพัฒนาในกลุ่มจี20 ซึ่งรวมถึง อินโดนีเซียและอินเดีย ที่อัตราค่าแรงเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ เกิดวิกฤติการเงินเอเชีย

    สวนทางกับชาติพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น ที่ปีที่แล้ว อัตราค่าแรงลดลงประมาณ 0.4% และชาติเศรษฐกิจพัฒนาต่ำที่สุดในเอเชีย ที่อัตราค่าแรงไม่ขยับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก การเติบโตของชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียที่เติบโตมากกว่าและมีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนาในแอฟริกา ละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก หรือ ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง

    รายงานของไอแอลโอ ยกตัวอย่างว่า ประเทศเกาหลีใต้ เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มี อัตราค่าจ้างแรงงานเติบโตเร็วสุดในเอเชีย โดยเติบโตประมาณ 15% นับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งอัตราการเติบโตนี้แซงหน้าเยอรมนี ซึ่งเป็นชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรปด้วยซ้ำ

    "สิ่งนี้สะท้อนว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียเติบโตเร็วมากและเร็วกว่าภูมิภาคอื่น แรงงานในเอเชียและแปซิฟิกพอใจกับค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อ เทียบกับค่าจ้างแรงงานของภูมิภาคอื่นๆ ตลอดช่วงปี 2549-2560 โดยมีประเทศเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องอย่าง จีน อินเดีย ไทย และเวียดนามเป็นแกนนำ"รายงานของไอแอลโอ ระบุ

    ด้านเครดิต สวิส ประเมินว่า ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียจะสร้างผลิตภาพด้านเศรษฐกิจแก่ระบบเศรษฐกิจโลก ในสัดส่วน 55% ภายในระยะเวลา 50 ปีข้างหน้า แต่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะขยายตัว และค่าจ้างแรงงานในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียจะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีความแตกต่างด้านอื่นๆ ในตลาดแรงงานของประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา เพราะอัตราค่าจ้างแรงงานในสหรัฐที่ขยายตัว แค่ 1% เมื่อปีที่แล้ว กลับมีแนวโน้มการจ้างงาน ที่ดี โดยมีอัตราว่างงานอยู่ที่ 3.8%

    อย่างไรก็ตาม แม้เอเชียจะมีอัตรา ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นแซงหน้าภูมิภาคอื่น แต่การที่ภาคการผลิตของภูมิภาคเอเชีย เริ่มหันมาพึ่งพาหุ่นยนต์ หรือ ระบบการผลิต ที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้นก็มีผลกระทบ ต่อตลาดแรงงานของภูมิภาคเช่นกัน

    "การหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ และใช้ระบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม การผลิต บวกกับมีความต้องการด้าน การศึกษาและการเพิ่มทักษะแก่แรงงาน มากขึ้น ทำให้แรงงานได้รับค่าจ้างแรงงาน เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็เพิ่มช่องว่าง รายได้ระหว่างแรงงานมีทักษะกับแรงงานไม่มีทักษะให้ถ่างกว้างขึ้น" ซาเมียร์ คาติวาดะ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเพื่อการพัฒนา แห่งเอเชีย(เอดีบี) ให้ความเห็น

    ขณะที่ผลวิจัยล่าสุดชื่อ ลิงค์อิน ออพพอร์ทูนิตี อินเด็กซ์ จัดทำโดยลิงค์อิน ระบุว่า แรงงานในอินเดียและอินโดนีเซีย รู้สึกมั่นใจ ในอาชีพของตนเองมากกว่าแรงงาน ในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และจากการจัดอันดับ 2 ประเทศนี้มีคะแนนในด้านความเชื่อมั่นมากที่สุด แซงหน้าออสเตรเลีย จีน และสิงคโปร์

    ผลวิจัยที่เกิดจากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแรงงาน 9 ประเทศชั้นนำทั่วทั้งภูมิภาคจำนวน 11,000 คน บ่งชี้ว่า มนุษย์เงินเดือนในอินโดนีเซียมองแง่ดีที่สุดเกี่ยวกับขอบข่ายหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ รวมถึง การพัฒนา ทักษะงานใหม่ๆ และการสร้างฐานะทางการเงิน ของตัวเอง

    ตามมาด้วยจีน ที่ได้คะแนน 106 เท่ากับ ฟิลิปปินส์ ส่วนมาเลเซีย ได้คะแนน 101 สิงคโปร์ 91 ออสเตรเลีย 90 ฮ่องกง 85 และญี่ปุ่น 79

    รายงานชิ้นนี้ บ่งชี้ด้วยว่า บรรดา ผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกงและญี่ปุ่น มีความหวังเกี่ยวกับอนาคตการทำงานน้อยกว่า และหลายคนอ้างว่ารู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งข้อมูลที่ได้สะท้อนอย่าง กว้างๆ ถึงการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ของแต่ละประเทศ เช่น กรณีของอินเดีย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)จะขยายตัวที่อัตรา 7.3% ในปีนี้ ส่วนสิงคโปร์ ขยายตัวที่อัตรา 2.9% และคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะมีอัตราการขยายตัว ของจีดีพีที่ 1.1%

    ส่วนอินโดนีเซีย ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้จะขยายตัว 5.1% โดยมีอัตราการขยายตัวต่ำกว่าทั้งจีน และฟิลิปปินส์

    นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 9 ใน 10 คน ระบุว่า การทำงานหนักคือกุญแจสำคัญช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อีกทั้ง ผู้ตอบแบบสอบถาม 30% ยังระบุว่า ปัญหาทางการเงินคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้มนุษย์ เงินเดือนอย่างพวกเขารู้สึกวิตกกังวล ส่วนอุปสรรคอื่นๆ คือการเข้าไม่ถึงเครือข่ายงานระดับมืออาชีพ มีสัดส่วน 22% ตลาดงาน ที่ยาก 19% มีทักษะการทำงานที่แย่ 18% และมีข้อจำกัดเกี่ยวกับทิศทางการทำงานตลอดจนการแนะแนวทาง 18%

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...